Welcome to My World

newravana
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บ้างาน ชอบการ์ตูน คลั่งใคล้การเมือง และสนุกกับการแต่งนิยาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newravana's blog to your web]
Links
 

 

Pope Joan ผู้หญิงกับการเคารพตนเอง


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้เจียดเวลาไปชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมาค่ะ ชื่อ Pope Joan
เป็นหนังดีที่ข้าน้อยเพียรจะไปดูตั้งแต่มันยังไม่เข้าฉาย 
ซึ่งไปดูแล้วก็ให้ข้อคิดหลายอย่าง รวมทั้งเรื่องการหางาน
การตั้งเป้าหมายในชีวิต และการต่อสู้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เราปรารถนา






เนื้อเรื่องของ Pope Joan นั้นแปลงมาจากนิยายขายดี  และมีที่มาจากตำนานเรื่องของพระสันตปาปาสตรีผู้ถูกลบชื่อออกจากนครวาติกัน 






เนื้อเรื่องอย่างย่อๆก็คือ "ชีวประวัติ" ของ " โจฮันน่า"
ผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ล้ำเลิศกว่าหญิงหรือชายใดในเรื่องของ
"สติปัญญา" และ "ความอยากรู้อยากเห็น" 




ฉบับนิยายค่ะ




เนื้อเรื่องนั้นถ่ายทอดชีวิตของโจฮันน่าตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งตาย
วิถีชีวิตของเธอ ความเชื่อของเธอ การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่ง "โอกาส"
และนำพาชีวิตตนเองไปให้ถึงจุดที่ตนเองใฝ่ฝัน




โจฮันน่านั้นมีเป้าหมายชีวิตที่นาง "อยากเป็นคนมีประโยชน์" 
"อยากแสดงความสามารถให้ประจักษ์" ดังนั้นในทุกถิ่นที่ที่เธอไป
และทุกหนทางที่เธอก้าวเดินแม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมายปานใดเธอก็
ไม่เคยท้อแท้  ได้แต่กัดฟันก้มหน้าทำต่อไป 
กระทั่งแม้ต้องจากคนที่ตนรัก ครอบครัว ปลอมแปลงตน หลอกลวงผู้อื่น 
แต่นางก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า




"ใต้ฟ้านี้ไม่มีสิ่งใดที่มนุษย์ปรารถนาแล้วไม่ได้มา"  
หากว่าเรา  "ลงมือทำอย่างมุ่งมั่น" แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ
"การเคารพตนเอง"





โจฮันน่าในวัยเด็กที่แม้แต่หนังสือก็ยังต้องแอบเรียนแอบอ่าน




แม้จะพบอาจารย์ดี แต่กลับถูกผู้ชายทั่วหล้าหมิ่นว่าตนเองนั้น "ประหลาด"




คนเราไม่ได้ล้มเหลวเพราะตัวเราเอง 
แต่คนเรามักจะหมิ่นเหยียดหยามตนเอง และทำให้ตนเองจมลงสู่ความพินาศย่อยยับ
เพราะ "คำคนอื่น"   โจฮันน่าเองก็เช่นกัน
ตลอดชีวิตของเธอในฐานะสตรี เธอพบแต่คำว่า "ไม่ได้"
ไม่ได้ไปเสียทุกอย่างสำหรับผู้หญิง  หากเธอเชื่อในสิ่งนั้นแล้ว
แม้ว่าเธอจะเก่งกาจสามารถปานใด ชาญฉลาดปานใด
ก็คงไม่มีวันที่เธอจะองอาจอาจหาญ
และมุ่งมั่นกับความฝันของตนเองจนตลอดรอดฝั่งได้





ปลอมเป็นชายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ




สตรีหนึ่งเดียวในเหล่านักบวชช่วงศตวรรษที่ 9




ในตอนจบของเรื่องนั้นคงมีบ้างที่คนดูอาจจะตำหนิข้อผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิด
ขึ้นในชีวิตของโจฮันน่า
แต่ในสายตาของผู้ดูที่ชีวิตนี้ตัวข้าน้อยเองก็ทำเรื่องผิดพลาดมามากมายเช่น
กัน  กลับเห็นว่านั่นเป็นเรื่องปกติ 
เพราะมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แบบ  เราเกิดมา ดำรงอยู่
และเป็นไปตามที่ใจตนลิขิต




หากชีวิตของโจฮันน่าต้องจบเช่นนั้น นั่นก็เพราะนางลิขิตมันไปตามความผิดพลาดของตนเอง




สิ่งสำคัญในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจมีจุดขายที่ "ตำนานโป๊ปสตรี"  และ "สิทธิสตรี"




หากแต่ในสายตาข้าน้อย "นัยของภาพยนตร์"
น่าจะอยู่ที่การเตือนใจเราให้จงตั้งมั่นใน "ความเป็นตัวของตัวเอง" 
จงเชื่อมั่น  จงก้าวไป  แสดงให้โลกใบนี้ได้ประจักษ์ว่า
"ตัวตนของเรา" คือสิ่งใด และ เรา " ทำอะไรได้บ้าง"




วันนี้  คุณใช้ชีวิตโดยเคารพตนเองหรือเปล่าคะ?







Free TextEditor




 

Create Date : 28 มกราคม 2553    
Last Update : 28 มกราคม 2553 19:55:50 น.
Counter : 2592 Pageviews.  

ภาวะผู้นำในอนิเมดีๆ Toward the Terra






เปิดบล็อคใหม่ กับ bloggang แต่จะขอนำเอาบทความเก่ามาลงสำหรับท่านที่ไม่เคยอ่านนะคะ  คอนเซปของบล็อคนี้คือ Welcome to my World ดังนั้นแล้วก็จะรวมเรื่องราวความชอบ งานอดิเรกของเจ้าของบล็อคไว้ค่ะ


เชิญพบกับเอนทรี่แรกเลยค่ะ



 คำเตือน


( เอนทรี่นี้สปอยเนื้อเรื่องเกือบทั้งเรื่องของอนิเมนะเจ้าคะ  หากคิดจะหามาดู อย่าได้อ่านก่อนนะเจ้าคะ จะเสียอรรถรส )




ว่าจะไม่เขียน  แต่ถ้าไม่เขียนก็จะลืมความรู้สึกตอนนี้ไป  
สองวันนี้หนีไปดูอนิเมเรื่องหนึ่งมาค่ะ คิดว่าหลายๆท่านคงได้ดูมาแล้ว
แต่ข้าน้อยเพิ่งจะหูตาสว่างได้ดู  เรื่องที่ว่าก็คือ " TOWARD THE TERRA" ค่ะ สปอยคงออกมาเยอะแยะแล้ว วันนี้ข้าน้อยไม่ได้มาพูดถึงเนื้อเรื่องค่ะ แต่จะมาพูดถึงเรื่อง



" ภาวะผู้นำ"




( ยังไม่มีโอกาสอ่านฉบับมังก้า ขอยึดตามอนิเมในการเล่าเรื่องนะคะ )





ข้าน้อยเป็นคนชอบคาแรคเตอร์ที่มีพัฒนาการมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  
พอได้ดูเรื่องนี้ก็เลยได้รำลึกความหลัง กับหวนสำนึกขึ้นมาอีกครั้ง 
อนิเมเรื่องนี้สร้างจากต้นฉบับของอาจารย์ ทาเคมิยะ
เคย์โกะ        ผู้วาด
สุสานฟาโรห์ 
การ์ตูนเรื่องโปรดขึ้นหิ้งของข้าน้อยอีกเรื่อง   
เนื้อเรื่องกล่าวถึงสงครามความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ การเสาะแสวงหาบ้าน
และหนทางหวนกลับสู่โลกของมนุษย์  เมื่อโลกนั้นล่มสลาย
มนุษย์ทิ้งบ้านเกิด ไปตั้งรกรากยังดวงดาวอื่น 
และพยามยามแก้ไขข้อบกพร่องของบรรพบุรุษ ด้วยวิธีการต่างๆอาทิ
การสร้างเด็กหลอกแก้วแทนที่
การใช้ระบบควบคุมชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างเข้มงวด





ตัวละครเรื่องนี้แบ่งเป็นสองฝ่ายคือ
มนุษย์ที่ใช้ชีวิตภายใต้การควบคุมของคอมพิวเตอร์  กับ มิว 
มนุษย์ที่มีพลังจิตหรือมนุษย์ที่ผ่าเหล่าจนโดนมองว่าเป็นปีศาจที่ต้องถูก
กำจัดทิ้งนั่นเองค่ะ 




เนื่องจากเป็นอนิเมสงคราม ความขัดแย้ง
ดังนั้นเมื่อมีสงครามก็ต้องมีผู้นำ 
ผู้นำที่จะขอพูดในเรื่องนี้มีสามคนค่ะ  มาดูกันดีกว่า



คนแรกที่ขอพูดถึงคือ โซลเยอร์ บลู




ผู้นำของพวกมิว ที่มีอายุถึงสามร้อยปี 
สิ่งแรกที่ทำให้ข้าพเจ้าสะดุดตากับพ่อคนนี้คือ หน้าตาและทรงผม ที่เหมือน "
ล็อค" ( ล็อค เอสเปอร์ )
การ์ตูนเก่าที่ชอบมากๆอีกเรื่อง   
แต่พอดูๆไปสิ่งที่ประทับใจคือ ความเพียบร้อมในหลายๆอย่าง  บลู
เป็นเอสเปอร์ที่แกร่งที่สุดค่ะ ( เรียกว่าพวกมิว )
และเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์มาสามร้อยปี  เป็นคนรวบรวมเพื่อนพ้อง
เป็นศูนย์รวมของจิตใจและหลายๆอย่างของพวกมิว





ตอนที่เปิดเรื่องมา พี่แกใกล้หมดอายุขัยเต็มที แต่ก็ห่วงพวกพ้อง
และคาดหวังจะได้ผู้สืบสานเจตนารมณ์ของตนในการพบพวกพ้องเดินทางกลับไปยัง
เทียร่า ( โลก ) และผสานความเข้าใจกับมนุษย์
   ในที่สุดก็จูงใจ โจมี่ มาคุส ชิน
มาเป็นผู้สืบทอดได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกกับการหมดสภาพของตน 





หลังจากตอนที่สี่  เราจะเห็นบลูหลับไปสิบห้าปีเต็ม  (
ปล่อยให้คาแรกเตอร์โจมี่ได้พัฒนา ) หลังจากฟื้นขึ้นมา แม้จะยังไม่สมบูรณ์
ถึงขนาดที่ว่าเดินแทบจะไม่ไหว หอบเป็นระยะๆ ใช้พลังจิตแทบจะไม่ได้
 ทว่า บลู ก็เริ่มต้นทำงานหนักอีกครั้ง
ด้วยการพยายามช่วยเหลือพวกพ้องที่กำลังจะถูกสังหารหมู่
อย่างไม่คิดถึงชีวิตตนเอง
จะว่าไปอาจจะเพราะทราบว่าอายุขัยตนเองใกล้จบสิ้น 
แต่กับคนที่อยู่มาสามร้อยปี  ด้วยหัวใจที่คิดถึงแต่พวกพ้อง
โดยไม่เหลือช่องว่างของเวลาให้กับตนเอง จวบจนวาระสุดท้าย คนแบบนี้.......





ฉากที่บลูบุกไปทำลายอาวุธของศัตรู แทบจะล้มลุกคลุกคลานเดิน 
มิหนำซ้ำยังไม่เหลือแรงแม้จะกางบาเรียให้ตนเอง
ถึงจะเป็นเอสเปอร์สุดยอดขนาดไหน
แต่ก่อนที่จะระเบิดตนเองไปพร้อมกับอาวุธนั่น ก็เรียกว่าทั้งโชกเลือด
ตาบอด  อดคิดไม่ได้ว่า นี่แม้กระทั่งจะตาย
ก็ไม่อาจตายอย่างสงบได้สินะ  โซลเยอร์บลู  เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง
และเสียสละอย่างไม่ต้องสงสัยเลย



คนที่สองคือ โซลเยอร์ ชิน  หรือโจมี่ 




พูดตามตรงว่าประทับใจหมอนี่มาก เพราะเปิดเรื่องมา ความรู้สึกแรก " นายมันเกรียน" " นายมันติดแม่"   




แม้บลูจะมอบตำแหน่งให้ตั้งแต่ตอนที่สี่ แต่ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับ 
ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี กว่าพวกพ้องจะยอมเรียกเขาว่า " โซลเยอร์" (
คำเรียกตำแหน่งผู้นำ )





หากบลูปรารถนากลับไปยังเทียร่า  แต่โจมี่
วาดหวังแสวงหาถิ่นฐานให้พวกพ้อง 
เขาคือผู้นำที่ตัดสินใจนำยานลงจอดบนดาวนาสก้า
และก่อกำเนิดตำนานบทใหม่ให้กับมนุษย์ โดยการอนุญาตให้มีการคลอดเด็กทารก (
สมัยนั้น ในเรื่องมีแต่เด็กหลอดแก้ว การคลอดลูกผิดกฎหมายค่ะ ) 
และปรารถนาจากหัวใจที่จะสร้างดาวรกร้างเป็นบ้าน ที่ตอนดูรู้สึกเจ็บแทนคือ
ต้องยืนอยู่ตรงกลางความขัดแย้งของคนรุ่นเก่าที่ปรารถนากลับสู่เทียร่า (
รุ่นบลู ) กับคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาบ้านใหม่  ยืนอยู่แบบนั้น
ถึงใครจะว่าโจมี่ ดูแย่ๆก็เถอะ  แต่ข้าน้อยว่า คนที่ประสานประโยชน์
และยืนอยู่กลางสถานการณ์แบบนั้นได้กว่าห้าปีนี่....เก่งชะมัด





ทว่า โจมี่ ก็ต้องพบบททดสอบแสนโหดร้าย
เมื่อดาวที่หวังเป็นที่พักพิงถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์
พวกพ้องที่หวังปกป้องล้มตาย   คนที่ตนเคารพอย่างบลู
ก็ต้องมาพลีชีพ  สิ่งที่เหลือน่าจะเป็นความแค้นรึเปล่า......




หลังจากตอนที่สิบเจ็ด เราจะพบว่าโจมี่กลายเป็นผู้นำเต็มตัว (
ดูเหมือนจะอ่อนโยนน้อยลง สุขุมมากขึ้น ) และบางทีดูเลือดเย็น ( มากๆ
)  
แต่สิ่งที่เขาหวังไว้สูงสุดก็ยังคงเป็นการนำพาพวกพ้องกลับสู่เทียร่า
และประนีประนอมกับมนุษย์ให้เลิกคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเขา
แม้ว่าจะซ่อนความปรารถนานั้นไว้ใต้หน้ากากเย็นชาก็เถอะ




ในตอนท้าย โจมี่เลือกที่จะเดินหน้าเจรจากับมนุษย์ 
และทำลายระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการดำรงชีวิตของมนุษย์
ฝากความหวังไว้กับตัวตนของมนุษย์เอง    เขาสละชีวิตตนเอง
เพื่อทำในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น  ปกป้องพวกพ้อง และชี้ทางสู่อนาคต




จากเด็กคนหนึ่ง ผ่านกาลเวลา เติบโตขึ้น เรียนรู้ที่จะมองทุกอย่างอย่างสงบ และทำในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น เพื่อผู้อื่น.....



คนที่สาม ที่ใครอาจไม่ชอบ แต่ข้าน้อยชอบ เขาคือคีย์แมนของเรื่องนี้ " คีธ"




ผู้ชายเย็นชา ที่ถูกคอมพิวเตอร์สร้างขึ้นมาเป็นชนชั้นปกครอง 
ใช้ชีวิตตามทางที่ถูกลิขิตมาโดยตลอด หากแต่ว่า เพราะเป็นมนุษย์ 
บนเส้นทางชีวิตของเขา พบพานผู้คนมากมาย  ได้รู้จักมิตรภาพของเพื่อน
ความรักที่ไม่สมปรารถนา  จิตวิญญาณกบฏ  การหักหลัง
และการไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่น  




จากเด็กอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ กลับกลายเป็นมนุษย์




แต่มนุษย์ก็กลับเป็นเครื่องจักร เมื่อเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่




แต่ท้ายที่สุดจิตวิญญาณของตนก็ร่ำร้องให้ทำในสิ่งที่เชื่อมั่น....อีกครั้ง




พวกโจมี่ อาจถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สำเร็จ
หากคีธไม่เปลี่ยนตนเอง   
มนุษย์ก็คงถูกเครื่องจักรควบคุมต่อไป หากผู้นำของเหล่ามนุษย์คนนี้
ไม่แฉเรื่องทุกอย่างด้วยตนเอง และในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
เขาก็เลือกที่จะทำสิ่งที่จิตวิญญาณแท้ๆของตนเองเรียกร้องมานานแสนนาน 
ทำลายคอมพิวเตอร์ที่บงการมนุษย์นั่นซะ.......




ยอมรับจุดจบของตนเอง และมอบหนทางให้คนรุ่นหลังมุ่งหน้าต่อไป



....................................





พูดมาถึงตรงนี้ จุดจบชีวิต ของ ผู้นำสามคน  บลู 
โจมี่   คีธ  เหมือนกันตรงที่
ต่างก็เปล่งประกายงามสง่าเจิดจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง
และดับไฟแห่งชีวิตตนเองด้วยเจตจำนงที่จะส่งผ่านความรู้สึกนั้นไปสู่คนรุ่น
ต่อไป   เป็นเหมือน ดาวตกที่เปล่งประกายประดับฟ้าชั่วยาม
แล้วมอบดับ หากแต่ตรึงใจยิ่งนัก




คีธ เคยถาม ฟิซิส ( ตัวละครหญิงฝ่ายมิว ) ว่าเหตุใด ผู้นำของพวกมิว (
หมายถึงบลูและโจมี่ ) จึงออกรบเป็นแนวหน้าเสมอ  (
เพราะปกติผู้นำควรต้องสั่งการอยู่แนวหลัง ) ฟิซิสตอบว่า
นั่นเพราะผู้นำนั้นต้องปกป้องทุกคน 
และหากตายก็จะมีผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไป  สำหรับข้าน้อย
แม้จะฟังดูบ้าอุดมการณ์ และเป็นไปไม่ได้ 
แต่บางครั้งความหวังที่สวยงามเช่นนี้ก็ช่างจำเป็นกับโลก




หลังจากดูอนิเมเรื่องนี้จบ ก็คิดว่าจะกลับไปดูอีกรอบ 
ช่วงชีวิตที่ยอดเยี่ยม ตัวละครที่ยอดเยี่ยม พล็อตเรื่องที่ยอดเยี่ยม 
ไม่เสียดายเวลาเลยสักนิดที่ได้มีโอกาสดูอนิเมดีๆเรื่องนี้ 




นักการเมืองไทยที่รัก  คุณน่ะ เคยคิดที่จะเสียสละอะไรบางอย่าง
เพื่อเพื่อนร่วมชาติ  เพื่อประเทศชาติ 
และตายอย่างสมศักดิ์ศรีบ้างมั้ยคะ  ผู้นำที่แท้จริง 
คนที่ผู้อื่นจะยอมเดินตามจากหัวใจ  ควรเป็นคนแบบไหนกันนะ......



ซึ้งพอแล้ว......มารั่วดีกว่า ไม่อยากเสียความรู้สึก อย่าอ่านต่อนะคะ


เพื่อความปลอดภัย ลากคลุมเอานะคะ



ขอแอบแซวหน่อย จริงๆปู่บลูแกก็อยู่มาสามร้อยปี
แม้จะหลับๆตื่นๆ เบลอๆก้เถอะนะ ถือว่าคุ้มแล้วล่ะ สงสารแต่โจมี่ กับคีธ
ยังไม่สี่สิบเลย  แถมดูท่าจะยังทำประโยชน์ได้อีกเยอะ 
แต่นายสองคนคงไม่เหงาหรอกเนอะ เล่นนอนตายคู่ สวีทหวานแหววขนาดนั้น


แซวต่อ เรื่องนี้สไตล์อาจารย์ทาคามิยะค่ะ
คือ.....มันแอบ Y แน่นอน แต่ข้าน้อยก้ทำเป้นมองข้ามเสีย
แม้จะแอบจิ้นปู้หลานสามเจเนอเรชั่นก็เถอะ ( ว่ากันตามตรง
จิ้นโซลเยอร์ชินเป็นแม่ม่ายยังสาว ไว้ทุกข์สามีชราตาย 
ส่วนเจ้าหลานนาม โทนี่ เจเนอเรชั่นต่อไป มันก็หวังงาบปู่ตัวเอง ฮ่าๆ
 )


ส่วนตาคีธ กิ๊กนายเยอะนะ นับซิ แซม ชิโรเอะ
มาสก้า  นับเหนาะๆ ได้ตั้งสาม จะตาย จะตาย
วิญญาณกิ๊กขยันโผล่มาช่วยซะด้วย ( เนื้อหอมชะมัด )


สงสัยเอนทรี่หน้า มาแฉความวาย เรื่องนี้ดีกว่า ( ฮา )





ปล. เอนทรี่นี้คัดลอกมาจากบล็อคของตัวข้าน้อยเองที่  //ruk21us.exteen.com   นะคะ






Free TextEditor




 

Create Date : 27 มกราคม 2553    
Last Update : 27 มกราคม 2553 16:08:10 น.
Counter : 1597 Pageviews.  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.