ภาวะผู้นำในอนิเมดีๆ Toward the Terra
เปิดบล็อคใหม่ กับ bloggang แต่จะขอนำเอาบทความเก่ามาลงสำหรับท่านที่ไม่เคยอ่านนะคะ คอนเซปของบล็อคนี้คือ Welcome to my World ดังนั้นแล้วก็จะรวมเรื่องราวความชอบ งานอดิเรกของเจ้าของบล็อคไว้ค่ะ
เชิญพบกับเอนทรี่แรกเลยค่ะ คำเตือน ( เอนทรี่นี้สปอยเนื้อเรื่องเกือบทั้งเรื่องของอนิเมนะเจ้าคะ หากคิดจะหามาดู อย่าได้อ่านก่อนนะเจ้าคะ จะเสียอรรถรส ) ว่าจะไม่เขียน แต่ถ้าไม่เขียนก็จะลืมความรู้สึกตอนนี้ไป สองวันนี้หนีไปดูอนิเมเรื่องหนึ่งมาค่ะ คิดว่าหลายๆท่านคงได้ดูมาแล้ว แต่ข้าน้อยเพิ่งจะหูตาสว่างได้ดู เรื่องที่ว่าก็คือ " TOWARD THE TERRA" ค่ะ สปอยคงออกมาเยอะแยะแล้ว วันนี้ข้าน้อยไม่ได้มาพูดถึงเนื้อเรื่องค่ะ แต่จะมาพูดถึงเรื่อง
" ภาวะผู้นำ" ( ยังไม่มีโอกาสอ่านฉบับมังก้า ขอยึดตามอนิเมในการเล่าเรื่องนะคะ )
ข้าน้อยเป็นคนชอบคาแรคเตอร์ที่มีพัฒนาการมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอได้ดูเรื่องนี้ก็เลยได้รำลึกความหลัง กับหวนสำนึกขึ้นมาอีกครั้ง อนิเมเรื่องนี้สร้างจากต้นฉบับของอาจารย์ ทาเคมิยะ เคย์โกะ ผู้วาด สุสานฟาโรห์ การ์ตูนเรื่องโปรดขึ้นหิ้งของข้าน้อยอีกเรื่อง เนื้อเรื่องกล่าวถึงสงครามความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ การเสาะแสวงหาบ้าน และหนทางหวนกลับสู่โลกของมนุษย์ เมื่อโลกนั้นล่มสลาย มนุษย์ทิ้งบ้านเกิด ไปตั้งรกรากยังดวงดาวอื่น และพยามยามแก้ไขข้อบกพร่องของบรรพบุรุษ ด้วยวิธีการต่างๆอาทิ การสร้างเด็กหลอกแก้วแทนที่ การใช้ระบบควบคุมชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างเข้มงวด ตัวละครเรื่องนี้แบ่งเป็นสองฝ่ายคือ มนุษย์ที่ใช้ชีวิตภายใต้การควบคุมของคอมพิวเตอร์ กับ มิว มนุษย์ที่มีพลังจิตหรือมนุษย์ที่ผ่าเหล่าจนโดนมองว่าเป็นปีศาจที่ต้องถูก กำจัดทิ้งนั่นเองค่ะ เนื่องจากเป็นอนิเมสงคราม ความขัดแย้ง ดังนั้นเมื่อมีสงครามก็ต้องมีผู้นำ ผู้นำที่จะขอพูดในเรื่องนี้มีสามคนค่ะ มาดูกันดีกว่า คนแรกที่ขอพูดถึงคือ โซลเยอร์ บลู ผู้นำของพวกมิว ที่มีอายุถึงสามร้อยปี สิ่งแรกที่ทำให้ข้าพเจ้าสะดุดตากับพ่อคนนี้คือ หน้าตาและทรงผม ที่เหมือน " ล็อค" ( ล็อค เอสเปอร์ ) การ์ตูนเก่าที่ชอบมากๆอีกเรื่อง แต่พอดูๆไปสิ่งที่ประทับใจคือ ความเพียบร้อมในหลายๆอย่าง บลู เป็นเอสเปอร์ที่แกร่งที่สุดค่ะ ( เรียกว่าพวกมิว ) และเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์มาสามร้อยปี เป็นคนรวบรวมเพื่อนพ้อง เป็นศูนย์รวมของจิตใจและหลายๆอย่างของพวกมิว ตอนที่เปิดเรื่องมา พี่แกใกล้หมดอายุขัยเต็มที แต่ก็ห่วงพวกพ้อง และคาดหวังจะได้ผู้สืบสานเจตนารมณ์ของตนในการพบพวกพ้องเดินทางกลับไปยัง เทียร่า ( โลก ) และผสานความเข้าใจกับมนุษย์ ในที่สุดก็จูงใจ โจมี่ มาคุส ชิน มาเป็นผู้สืบทอดได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกกับการหมดสภาพของตน หลังจากตอนที่สี่ เราจะเห็นบลูหลับไปสิบห้าปีเต็ม ( ปล่อยให้คาแรกเตอร์โจมี่ได้พัฒนา ) หลังจากฟื้นขึ้นมา แม้จะยังไม่สมบูรณ์ ถึงขนาดที่ว่าเดินแทบจะไม่ไหว หอบเป็นระยะๆ ใช้พลังจิตแทบจะไม่ได้ ทว่า บลู ก็เริ่มต้นทำงานหนักอีกครั้ง ด้วยการพยายามช่วยเหลือพวกพ้องที่กำลังจะถูกสังหารหมู่ อย่างไม่คิดถึงชีวิตตนเอง จะว่าไปอาจจะเพราะทราบว่าอายุขัยตนเองใกล้จบสิ้น แต่กับคนที่อยู่มาสามร้อยปี ด้วยหัวใจที่คิดถึงแต่พวกพ้อง โดยไม่เหลือช่องว่างของเวลาให้กับตนเอง จวบจนวาระสุดท้าย คนแบบนี้....... ฉากที่บลูบุกไปทำลายอาวุธของศัตรู แทบจะล้มลุกคลุกคลานเดิน มิหนำซ้ำยังไม่เหลือแรงแม้จะกางบาเรียให้ตนเอง ถึงจะเป็นเอสเปอร์สุดยอดขนาดไหน แต่ก่อนที่จะระเบิดตนเองไปพร้อมกับอาวุธนั่น ก็เรียกว่าทั้งโชกเลือด ตาบอด อดคิดไม่ได้ว่า นี่แม้กระทั่งจะตาย ก็ไม่อาจตายอย่างสงบได้สินะ โซลเยอร์บลู เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง และเสียสละอย่างไม่ต้องสงสัยเลย คนที่สองคือ โซลเยอร์ ชิน หรือโจมี่ พูดตามตรงว่าประทับใจหมอนี่มาก เพราะเปิดเรื่องมา ความรู้สึกแรก " นายมันเกรียน" " นายมันติดแม่"
แม้บลูจะมอบตำแหน่งให้ตั้งแต่ตอนที่สี่ แต่ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับ ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี กว่าพวกพ้องจะยอมเรียกเขาว่า " โซลเยอร์" ( คำเรียกตำแหน่งผู้นำ ) หากบลูปรารถนากลับไปยังเทียร่า แต่โจมี่ วาดหวังแสวงหาถิ่นฐานให้พวกพ้อง เขาคือผู้นำที่ตัดสินใจนำยานลงจอดบนดาวนาสก้า และก่อกำเนิดตำนานบทใหม่ให้กับมนุษย์ โดยการอนุญาตให้มีการคลอดเด็กทารก ( สมัยนั้น ในเรื่องมีแต่เด็กหลอดแก้ว การคลอดลูกผิดกฎหมายค่ะ ) และปรารถนาจากหัวใจที่จะสร้างดาวรกร้างเป็นบ้าน ที่ตอนดูรู้สึกเจ็บแทนคือ ต้องยืนอยู่ตรงกลางความขัดแย้งของคนรุ่นเก่าที่ปรารถนากลับสู่เทียร่า ( รุ่นบลู ) กับคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาบ้านใหม่ ยืนอยู่แบบนั้น ถึงใครจะว่าโจมี่ ดูแย่ๆก็เถอะ แต่ข้าน้อยว่า คนที่ประสานประโยชน์ และยืนอยู่กลางสถานการณ์แบบนั้นได้กว่าห้าปีนี่....เก่งชะมัด ทว่า โจมี่ ก็ต้องพบบททดสอบแสนโหดร้าย เมื่อดาวที่หวังเป็นที่พักพิงถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์ พวกพ้องที่หวังปกป้องล้มตาย คนที่ตนเคารพอย่างบลู ก็ต้องมาพลีชีพ สิ่งที่เหลือน่าจะเป็นความแค้นรึเปล่า...... หลังจากตอนที่สิบเจ็ด เราจะพบว่าโจมี่กลายเป็นผู้นำเต็มตัว ( ดูเหมือนจะอ่อนโยนน้อยลง สุขุมมากขึ้น ) และบางทีดูเลือดเย็น ( มากๆ ) แต่สิ่งที่เขาหวังไว้สูงสุดก็ยังคงเป็นการนำพาพวกพ้องกลับสู่เทียร่า และประนีประนอมกับมนุษย์ให้เลิกคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเขา แม้ว่าจะซ่อนความปรารถนานั้นไว้ใต้หน้ากากเย็นชาก็เถอะ ในตอนท้าย โจมี่เลือกที่จะเดินหน้าเจรจากับมนุษย์ และทำลายระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการดำรงชีวิตของมนุษย์ ฝากความหวังไว้กับตัวตนของมนุษย์เอง เขาสละชีวิตตนเอง เพื่อทำในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น ปกป้องพวกพ้อง และชี้ทางสู่อนาคต จากเด็กคนหนึ่ง ผ่านกาลเวลา เติบโตขึ้น เรียนรู้ที่จะมองทุกอย่างอย่างสงบ และทำในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น เพื่อผู้อื่น.....
คนที่สาม ที่ใครอาจไม่ชอบ แต่ข้าน้อยชอบ เขาคือคีย์แมนของเรื่องนี้ " คีธ" ผู้ชายเย็นชา ที่ถูกคอมพิวเตอร์สร้างขึ้นมาเป็นชนชั้นปกครอง ใช้ชีวิตตามทางที่ถูกลิขิตมาโดยตลอด หากแต่ว่า เพราะเป็นมนุษย์ บนเส้นทางชีวิตของเขา พบพานผู้คนมากมาย ได้รู้จักมิตรภาพของเพื่อน ความรักที่ไม่สมปรารถนา จิตวิญญาณกบฏ การหักหลัง และการไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่น จากเด็กอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ กลับกลายเป็นมนุษย์
แต่มนุษย์ก็กลับเป็นเครื่องจักร เมื่อเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่
แต่ท้ายที่สุดจิตวิญญาณของตนก็ร่ำร้องให้ทำในสิ่งที่เชื่อมั่น....อีกครั้ง
พวกโจมี่ อาจถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สำเร็จ หากคีธไม่เปลี่ยนตนเอง มนุษย์ก็คงถูกเครื่องจักรควบคุมต่อไป หากผู้นำของเหล่ามนุษย์คนนี้ ไม่แฉเรื่องทุกอย่างด้วยตนเอง และในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาก็เลือกที่จะทำสิ่งที่จิตวิญญาณแท้ๆของตนเองเรียกร้องมานานแสนนาน ทำลายคอมพิวเตอร์ที่บงการมนุษย์นั่นซะ....... ยอมรับจุดจบของตนเอง และมอบหนทางให้คนรุ่นหลังมุ่งหน้าต่อไป
....................................
พูดมาถึงตรงนี้ จุดจบชีวิต ของ ผู้นำสามคน บลู โจมี่ คีธ เหมือนกันตรงที่ ต่างก็เปล่งประกายงามสง่าเจิดจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง และดับไฟแห่งชีวิตตนเองด้วยเจตจำนงที่จะส่งผ่านความรู้สึกนั้นไปสู่คนรุ่น ต่อไป เป็นเหมือน ดาวตกที่เปล่งประกายประดับฟ้าชั่วยาม แล้วมอบดับ หากแต่ตรึงใจยิ่งนัก คีธ เคยถาม ฟิซิส ( ตัวละครหญิงฝ่ายมิว ) ว่าเหตุใด ผู้นำของพวกมิว ( หมายถึงบลูและโจมี่ ) จึงออกรบเป็นแนวหน้าเสมอ ( เพราะปกติผู้นำควรต้องสั่งการอยู่แนวหลัง ) ฟิซิสตอบว่า นั่นเพราะผู้นำนั้นต้องปกป้องทุกคน และหากตายก็จะมีผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไป สำหรับข้าน้อย แม้จะฟังดูบ้าอุดมการณ์ และเป็นไปไม่ได้ แต่บางครั้งความหวังที่สวยงามเช่นนี้ก็ช่างจำเป็นกับโลก หลังจากดูอนิเมเรื่องนี้จบ ก็คิดว่าจะกลับไปดูอีกรอบ ช่วงชีวิตที่ยอดเยี่ยม ตัวละครที่ยอดเยี่ยม พล็อตเรื่องที่ยอดเยี่ยม ไม่เสียดายเวลาเลยสักนิดที่ได้มีโอกาสดูอนิเมดีๆเรื่องนี้ นักการเมืองไทยที่รัก คุณน่ะ เคยคิดที่จะเสียสละอะไรบางอย่าง เพื่อเพื่อนร่วมชาติ เพื่อประเทศชาติ และตายอย่างสมศักดิ์ศรีบ้างมั้ยคะ ผู้นำที่แท้จริง คนที่ผู้อื่นจะยอมเดินตามจากหัวใจ ควรเป็นคนแบบไหนกันนะ...... ซึ้งพอแล้ว......มารั่วดีกว่า ไม่อยากเสียความรู้สึก อย่าอ่านต่อนะคะ เพื่อความปลอดภัย ลากคลุมเอานะคะ ขอแอบแซวหน่อย จริงๆปู่บลูแกก็อยู่มาสามร้อยปี แม้จะหลับๆตื่นๆ เบลอๆก้เถอะนะ ถือว่าคุ้มแล้วล่ะ สงสารแต่โจมี่ กับคีธ ยังไม่สี่สิบเลย แถมดูท่าจะยังทำประโยชน์ได้อีกเยอะ แต่นายสองคนคงไม่เหงาหรอกเนอะ เล่นนอนตายคู่ สวีทหวานแหววขนาดนั้น แซวต่อ เรื่องนี้สไตล์อาจารย์ทาคามิยะค่ะ คือ.....มันแอบ Y แน่นอน แต่ข้าน้อยก้ทำเป้นมองข้ามเสีย แม้จะแอบจิ้นปู้หลานสามเจเนอเรชั่นก็เถอะ ( ว่ากันตามตรง จิ้นโซลเยอร์ชินเป็นแม่ม่ายยังสาว ไว้ทุกข์สามีชราตาย ส่วนเจ้าหลานนาม โทนี่ เจเนอเรชั่นต่อไป มันก็หวังงาบปู่ตัวเอง ฮ่าๆ ) ส่วนตาคีธ กิ๊กนายเยอะนะ นับซิ แซม ชิโรเอะ มาสก้า นับเหนาะๆ ได้ตั้งสาม จะตาย จะตาย วิญญาณกิ๊กขยันโผล่มาช่วยซะด้วย ( เนื้อหอมชะมัด ) สงสัยเอนทรี่หน้า มาแฉความวาย เรื่องนี้ดีกว่า ( ฮา ) ปล. เอนทรี่นี้คัดลอกมาจากบล็อคของตัวข้าน้อยเองที่ //ruk21us.exteen.com นะคะ
Free TextEditor
Create Date : 27 มกราคม 2553 | | |
Last Update : 27 มกราคม 2553 16:08:10 น. |
Counter : 1597 Pageviews. |
| |
|
|
|