Shinkenger fanfic : My Lord Part 2
คำเตือน แฟนฟิคต่อไปนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องของ Shinkenger อย่างใด และ Shinkenger ไม่ Y นะคะ
คำเตือน 2 ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิค Y ตามแรงจินตนาการของผู้เขียน และแอบแฝง Spoil เนื้อเรื่องไว้ด้วยค่ะ
Part 2 ทานิ จิอากิ
มันเป็นเวลาเช้าที่ฟ้าใกล้สางและใครคนหนึ่งตื่นขึ้นเร็วกว่าปกติกว่าทุกวัน "ทานิ จิอากิ" กำลังเดินไปอาบน้ำและเตรียมสำหรับฝึกภาคเช้าอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็จำเป็น ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เขาตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเร็วกว่าสมาชิกชินเคนเจอร์คนใดในบ้าน แต่ก็แพ้เหล่าคุโรโกะที่เริ่มลงมือหุงหาอาหารกันแล้ว และ....คงแพ้คนๆนี้ แพ้...ในทุกๆครั้ง
" อรุณสวัสดิ์ ทาเครุ" เอ่ยทักทายยามเช้าให้กับเจ้าบ้านตระกูลชิบะที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดฝึกเรียบร้อยแล้วและกำลังเดินตรวจความเรียบร้อยในบ้าน ทาเครุเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเป็นการตอบรับก่อนจะพูดสั้นๆทักทายอย่างเย็นชาเช่นเคย
" อรุณสวัสดิ์"
" อะไรกัน นี่ไม่ตกใจเลยรึไง!" จิอากิแหวใส่เพราะรู้สึกลึกๆว่าตนเองทำเรื่องเซอร์ไพรสแต่ฝ่ายนั้นกลับเหยียดสายตามองอย่างเมินๆ ซึ่งไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่มันก็ถูกแปลความไปในทางนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
" ตกใจ? เรื่องที่นายหายขี้เซาน่ะรึ" ทาเครุยิ้มเล็กน้อยก่อนจะฉากหลบไปทางสวนอย่างไม่ยี่หระ ทิ้งให้จิอากิต้องเมินหน้าหนีด้วยความอับอายระคนหงุดหงิดแต่เช้า
" เจ้าบ้าทาเครุ!" อารมณ์เสียขึ้นมาในทันที ขุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เคยดีพอ..ในสายตา
อาจเพราะอารมณ์ที่ไม่คงที่ทำให้ผลการฝึกซ้อมของจิอากิวันนี้เลวร้ายหนักกว่าเดิม ไม่ว่าจะจับคู่ฝึกกับใครก็โดนฟาดเอาฝ่ายเดียวในขณะที่คนที่เขาอยากให้มองที่สุดอย่างทาเครุกลับแสดงทีท่าหมางเมินแกมเอือมระอา และอีกเช่นเคยที่คำชมตกเป็นของริวโนสึเกะ ซามูไรมากฝีมือที่ไม่ว่าใครก็ชื่นชมว่ามีทักษะเก่งกาจไม่แพ้ทาเครุ ไม่พอใจที่ดวงตาของทาเครุมองแต่ริวโนสึเกะ ชื่นชมแต่กับริวโนสึเกะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เทียบเท่าริวโนสึเกะไม่ได้สักอย่าง
" ถ้าการตื่นเช้าทำให้ขาดสมาธิ ไม่ต้องรีบตื่นก็ได้ จิอากิ" ทาเครุให้คำแนะนำหลังจากที่ตัวจิอากิเพิ่งจะแพ้ริวโนสึเกะมาหยกๆ คำแนะนำอย่างไร้มารยาและตรงไปตรงมาของผู้นำกลับทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมามากขึ้น
" อะไรกันเล่า! ก็แค่พลาดนิดๆหน่อยๆล่ะน่ะ! แน่จริงมาสู้กันหน่อยมา ทาเครุ!" ก็รู้ตัวอีกนั่นล่ะว่าเสียมารยาท และดูเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแค่ไหน และแม้จะไม่ได้อยากหาเรื่องให้อีกฝ่ายเกลียด แต่ก็ปากพล่อยหลุดพูดออกไปแล้ว แน่นอนว่าริวโนสึเกะรีบตวาดเตือนในทันที
" ห้ามเสียมารยาทกับโทโนะนะ จิอากิ!"
" นี่ไม่เกี่ยวกับนายนะ ริวโนสึเกะ!" เถียงกันไปมาท่ามกลางเสียงถอนหายใจของมาโกะ ท่าทางหวาดๆของโคโตฮะ ใบหน้าสุดระอาของลุงฮิโคมะ และใบหน้าเรียบเฉยไม่สนใจอะไรของทาเครุ ท่าทีที่ทำให้จิอากิยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้นไปอีก แต่คงจะรู้สึกหงุดหงิดมากกว่านี้หากไม่ได้ทำอะไรสักอย่างให้ดวงตาคู่นั้นหันมามองเขาบ้าง
" หลีกไป ริวโนสึเกะ" ทาเครุพูดก่อนจะลุกและหยิบดาบขึ้น " เข้ามา จิอากิ"
" ทาเครุ!" ยิ้มเริงร่าขึ้นทันที เพราะรู้สึกตัวว่าได้รับความสนใจ จิอากิจับดาบของตนเองมั่น และเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่ตนเองมุ่งมาดที่จะก้าวข้าม
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งกระตือรือร้นและมุ่งมั่นเต็มที่ อีกฝ่ายนั้นกลับเงียบสงบ ท่วงที จังหวะก้าวเดิน ทุกท่วงท่าและจังหวะการเคลื่อนไหวของทาเครุเป็นสิ่งที่หยุดความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของเด็กหนุ่มชินเคนกรีน รู้อยู่เสมอว่าชิบะ ทาเครุนั้นยอดเยี่ยม และสง่างามมากเพียงไหน หากแต่วันนี้เขากลับยิ่งรู้สึกว่ามันมากเกินไปกว่านั้น ดวงตาของทาเครุที่จ้องมาที่เขาอย่างมุ่งมั่นมีสมาธิ การวางดาบ และความรู้สึกที่ร้อนรุ่มขึ้นมาในทันทีเมื่อถูกจ้องด้วยดวงตาคู่นั้น นี่คือเปลวไฟ เปลวเพลิงที่ทั้งก้าวร้าวรุนแรง แต่ก็งามสง่าและน่าพรั่นพรึง ไม่สิ...มันอาจ...มากกว่านั้น
" จิอากิ ระวัง!!!" เสียงของโคโตฮะร้องลั่นในตอนที่ทาเครุนั้นต้อนจิอากิจนล้มคะมำกลิ้งกับพื้นและเงื้องดาบพร้อมจะฟาดใส่กลางศีรษะ เคราะห์ดีที่ดาบนั่นหยุดอยู่กลางคัน ห่างจากศีรษะของจิอากิเพียงคืบเดียว
" หยุดทำไมเล่า!" เป็นเด็กหนุ่มที่โวยวายขึ้นอีกเมื่อเห็นผู้เป็นนายนั้นเก็บดาบและหันหลังให้กับเขา ท่าทีเย็นชาและสบประมาทกันอย่าซึ่งหน้านั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ เพราะว่าตัวเขามันอ่อนแอ เพราะว่าตัวเขามันไม่ได้เรื่อง เพราะว่าตัวเขามันใช้ไม่ได้อย่างนั้นหรือไง
" ไปล้างหน้าล้างตาซะ จิอากิ" เอ่ยเช่นนั้นแล้วก็เดินกลับเข้าตัวคฤหาสน์ไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ทิ้งไว้แต่ฝ่ายตรงข้ามที่ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ
บ่ายวันนั้นที่ทุกคนต่างก็ออกไปใช้เวลาส่วนตัวกันนอกบ้าน หากเป็นยามปกติจิอากิจะต้องเป็นคนแรกที่กระโจนออกไปอย่างเริงร่าเบิกบาน แต่ในวันนี้เขากลับนั่งอยู่ในห้องตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ รู้แน่ว่าตัวเองมีบางอย่างที่ผิดปกติ ตั้งแต่เช้าที่ทาเครุหยอกเขาเล่นราวกับเด็กๆ อิจฉาริวโนสึเกะที่ได้รับแต่คำชม และตอนนี้ก็กำลังพาลไม่พอใจเกนตะที่แวะเอาซูชิมาให้ทาเครุ ไม่พอใจใครเลยสักคนที่เข้าใกล้ทาเครุ
เมื่อครู่ที่เขาแอบเดินผ่านห้องโถงแล้วก็พบว่าสองคนนั่นกำลังพูดคุยกัน เกนตะเอาแต่แซวทาเครุถึงเรื่องสมัยเด็กที่เขาไม่รู้ และแทนที่ทาเครุจะตีสีหน้าบึ้ง กลับยิ้มให้และบางครั้งก็หลุดหัวเราะอกมา รอยยิ้มยามที่พูดคุยกับเกนตะของทาเครุนั้นน่ามองมาก แจ่มใสและราวกับเด็กเล็กๆ ทุกท่วงท่าทีของทาเครุ ทุกอารมณ์ของทาเครุ บางทีตัวเขา...อาจจะกำลัง...
" งี่เง่าน่ะ! นี่เราจะโมโหทำไมกันล่ะ!" อารมณ์เสียขึ้นอีก ก่อนจะคว้าดาบออกไปที่สวนหวังจะฝึกซ้อมแก้เบื่อให้เหนื่อยตายกันไปข้างนึงเลย ทว่าตอนนั้นเองที่หูของเขากลับได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินออกมาที่ระเบียง ไม่ผิดแน่นั่นคือเสียงของลุงกับทาเครุ
" ต้องหลบ!" ว่าแล้วก็รีบเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ดีหรือร้ายที่ทาเครุนั้นเลือกที่จะหยุดเดินและนั่งลงแถวนั้นพอดี จิอากิใจเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าของอีกฝ่าย รู้สึกอายกับพฤติกรรมงี่เง่าของตัวเอง แต่ความอยากรู้อยากเห็นนั้นก็มีมากกว่า ทุกเรื่องของทาเครุ...อยากรู้
" พักสักหน่อยมั้ย โทโนะ" ลุงฮิโคมะเอ่ยถามหัวหน้าตระกูลชิบะคนปัจจุบันด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เกินไปกว่านายบ่าวพึงมีต่อกัน
" ฉันไม่ได้เหนื่อยอะไรนี่" ทาเครุตอบและมองออกไปในสวน มันเหมือนกับภาพหลอนที่เขาแลเห็นเครื่องบินกระดาษสีขาวบินตัดผ่านท้องฟ้าสีคราม แลเห็นใบหน้าของคนตายที่คอยปลอบประโลมอยู่เสมอไม่เคยเลือนหาย ทั้งน้ำเสียงและคำพูดของคนๆนั้นยังชัดเจนอยู่เสมอมา " บินไป..และอย่าร่วงตกลงมานะ"
" โทโนะ...." ฮิโคมะพึมพำสรรพนามนั้นและล่วงรู้แก่ใจดีว่าความนัยที่อีกฝ่ายเก็บไว้เพียงลำพังคือเรื่องใด แต่สำหรับพวกเขาแล้วทั้งชีวิตและโชคชะตาก็ถูกลิขิตเอาไว้เช่นนี้แล้วตั้งแต่ต้น จะบิดพลิ้วหรือปฏิเสธ...ย่อมเป็นไปไม่ได้
" อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันไม่ได้หนักใจอะไรสักหน่อย" ฝ่ายชายหนุ่มนั้นหันมายิ้มให้เล็กน้อย น้ำเสียงนั้นยังเรียบนิ่งและไม่มีความตระหนกแฝงอยู่ และแม้มันอาจจะฝังลึกอยู่ภายในแต่ก็กลับถูกใบหน้าและน้ำเสียงนั้นกลบเกลื่อนไปเสียสิ้น " ตอนนั้นที่จูโซพูด ฉันก็แค่กลัว กลัวว่าจะทำหน้าที่นี้ไม่ได้ดีอย่างที่พ่อต้องการ" อ่อนแอลง ไร้สามารถ และไม่สามารถปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้ให้ลุล่วงได้ หากว่ามันเป็นแบบนั้นตัวเขาก็คงรังแต่จะทำผิดต่อผู้คนมากมายยิ่งขึ้นไปอีก
" โทโนะ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี และมันจะจบลงด้วยดี " ฝ่ายผู้สูงอายุกว่าย้ำเตือน จากรูปการปัจจุบันโทโนะของเขาได้พยายามมามาก มากกว่าที่ใครจะคิดว่าคนสามัญคนหนึ่งจะทำได้ แต่ต่อให้มากกว่านี้อีกแค่ไหน ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ
ไม่มีใคร
เปลี่ยนมันได้
" ใช่ " ทาเครุตอบรับสั้นๆให้กับคำพูดปลอบโยนของอีกฝ่ายและนั่งนิ่งหลับตาลง สายลมพัดแผ่วเข้ามาต้องใบหน้า ความรู้สึกนึกคิดเลื่อนลอยราวจางหาย
" โทโนะ...." ฮิโคมะที่เห็นทาเครุทำเช่นนั้นก็ไม่อาจพูดอะไรต่อไปได้ ได้แต่ก้มศีรษะคำนับให้และผละเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งไว้ก็แต่ผู้เป็นเจ้าบ้านที่ค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
" มันจะจบลงด้วยดี สำหรับทุกคน" ชายหนุ่มบอกออกมาเช่นนั้นด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ต้องมีใครสูญเสีย ไม่ต้องมีใครเสียสละ หากจะมีใครที่จะต้องสละชีวิตมันก็จะต้องมีเพียงคนเดียว " ให้ชิบะ ทาเครุ เพียงคนเดียว ที่เป็นฝ่ายตาย...เท่านั้นก็พอ"
สิ้นคำพูดนั้นของทาเครุใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ก็พลันรู้สึกอึดอัดขึ้นในทันที จิอากิพลันกระชากประตูออกและถลันออกมายืนจังก้าอยู่เบื้องหลัง ทำให้ทาเครุต้องหันกลับไปดูอย่างอิดหนาระอาใจเช่นเคย
" หมายความว่ายังไงน่ะ ทาเครุ!" มันหมายความว่ายังไงกัน คำพูดของทาเครุมีความหมายว่ายังไงกัน ก็ในเมื่อพวกเขาทุกคนคือซามูไรที่มีหน้าที่ปกป้องทาเครุ ปกป้องผู้นำของระกูลชิบะ ก็ในเมื่อทาเครุมีพวกเขาทุกคนแล้ว ทาเครุจะตายได้ยังไงล่ะ!
".........................." ผู้เป็นนายท่านนั้นเพียงหันมาหา แต่กลับยังคงนั่งขัดสมาธินิ่งเงียบ ดวงตาคมจ้องฝ่ายตรงข้ามอย่างตรงไปตรงมาอย่างไม่มีท่าทีประหลาดใจต่ออะไรเลย
" ทาเครุ....." จิอากิพึมพำชื่อนั้น นิ่วหน้าไม่พอใจ และยิ่งรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
"รู้ใช่ไหมว่ามันเสียมารยาทน่ะ จิอากิ" ชายหนุ่มบอกพลางทำทีว่าจะลุกขึ้นยืน หากแต่อีกฝ่ายกลับเอื้อมมือคว้าหัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้ บังคับให้ผู้เป็นเจ้าบ้านต้องนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้ " ปล่อย"
" ไม่! จนกว่านายจะบอกว่าที่พูดเมื้อกี้หมายความว่ายังไง ! นี่นายคิดว่าพวกเรามันงี่เง่า ห่วยแตกพึ่งพาไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึไง! ทาเครุ!!!!" จับหัวไหล่ของอีกฝ่ายแน่น รู้สึกเจ็บปวดกับทั้งดวงตาและสีหน้าที่ไม่อาจอ่านความหมายได้ ทำไมล่ะ เพราะว่าพวกเขา ไม่สิ..ตัวเขา เพราะว่าอ่อนแอ เพราะว่าอ่อนไหว เพราะว่าต่ำต้อยจนทาเครุไม่อยากชายตาแลเลยรึไง ทำไม....
" จิอากิ..." ตอนนั้นเองที่ทาเครุยกมือขึ้นแตะที่หลังฝ่ามือขวาของเด็กหนุ่มเบาๆ มันไม่ใช่อย่างที่อีกฝ่ายคิด มันไม่ใช่อย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ แต่การที่จะบอกความจริงให้ออกจากปากไปนั้นกลับเป็นไปไม่ได้ ในฐานะของคนที่มีหน้าที่ที่ต้องทำ ในฐานะของคนที่มีคำสัตย์ที่ต้องรักษา เขาไม่อาจที่จะบอกความจริงนี้กับใครได้ " ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะคิด"
" แล้วทำไม!" ก่อนจะตวาดขึ้นอีกครั้ง กลับต้องนิ่งไปเมื่อแลเห็นดวงตาที่มองมาที่เขาอย่างเต็มสายตาอีกครั้ง ดวงตาของทาเครุ ทำไมถึงนิ่งเฉยและเย็นชา ทำไมถึงราวกับแบกรับบาปกรรมอะไรไว้กับตนเองเสมอ ทั้งที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมขนาดนี้ แต่ทำไมทาเครุถึงทำราวกับว่า....
" เพราะฉันไม่ได้สำคัญถึงขนาดนั้น" ผลักฝ่ายตรงข้ามออกไปและค่อยพยุงตนเองลุกขึ้นยืน แสงแดดยามบ่ายแก่ๆที่ทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างในบรรยากาศเคว้งคว้างและเปลี่ยวเหงา แดดที่สาดทอลงมาที่ยิ่งทำให้สายตาที่ทอดมองระหว่างกันมีเพียงความเลื่อนลอย " ไม่ต้องตายเพื่อฉัน แค่นายเอาตัวรอดให้จบสงครามครั้งนี้ก็พอ"
" ไอ้บ้าเอ๊ย!" ความฉุนเฉียวพุ่งขึ้นมาพร้อมกับกำปั้นที่เหวี่ยงออกไปหมายตั๊นหน้าอีกฝ่ายอย่างจัง แต่แน่นอนว่าชิบะ ทาเครุนั้นหลบได้อย่างง่ายดายตามสัญชาตญาณ จนจิอากิกลับถลาล้มลงไปเอง ทาเครุนั้นมองสภาพของเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเช่นเคย
" ฉันไม่ได้ดูถูกนาย จิอากิ"
"!"
" แต่เรากำลังพูดกันคนละเรื่อง" คนละเรื่อง และไม่มีวันที่จะกลายเป็นเรื่องเดียวกันได้เลย ทาเครุคิดเช่นนั้นพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เวลาล่วงเข้าบ่ายสี่โมงแล้ว และตอนนี้เขากำลังรู้สึกอยากอยู่คนเดียวเสียเหลือเกิน การที่ต้องทนมองหน้าคนที่อยู่รายล้อมรอบตัวและต้องทนเอ่ยแต่คำโกหก ทำแต่สิ่งโกหก มันไม่สนุกเลย " ฉันไปล่ะ" ว่าพลางหันหลังให้กับคู่สนทนาและพร้อมจะเดินออกไป ทว่าตอนนั้นเองที่จิอากิพุ่งขึ้นมาและคว้าข้อมือของทาเครุไว้ก่อนจะต้อนอีกฝ่ายชิดกับฝาบ้าน ต่างจ้องหน้ากันและกันด้วยความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยามนี้ที่ตัว ทานิ จิอากิรู้สึกว่าในอกของตนเองนั้นรุ่มร้อน และว้าวุ่นใจแค่ไหนที่จะต้องมองใบหน้าของคนที่ตนเองต้องการก้าวผ่านในยามนี้
" ฉันน่ะ ! จะปกป้องนาย!!" เด็กหนุ่มแผดเสียง
" จิอากิ...." พึมพำชื่อนั้น แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาทีที่กลับฝืนยิ้มขึ้นพร้อมกับส่ายศีรษะ
" อย่าทำท่าทีแบบนั้นนะ! ฉันไม่ได้ทำแบบนี้เพราะนายคือโทโนะหรอกนะ!"
"!"
" แต่เพราะคนที่ฉันคุกเข่าให้คือ ชิบะ ทาเครุ! นายน่ะ ยังเป็นชิบะ ทาเครุคนนั้นอยู่หรือเปล่าล่ะ!!" กรรโชกเสียงถามด้วยความรู้สึกมากมายที่มี ทาเครุคงไม่มีวันรู้ ไม่มีวันรู้หรอกว่ามันได้ก้าวข้ามความรู้สึกที่เรียกว่าอยากเอาชนะไปแล้ว จริงว่าเขายังอยากกระโดดออกไป ยืนขวางอยู่ข้างหน้าทาเครุ ทั้งเก่งกาจและแข็งแกร่งกว่าทาเครุ แต่ว่านั่นน่ะ....ก็เพื่อ " ให้ฉัน ...ปกป้องนายเถอะนะ"
" ......................."
" ให้ฉัน เป็นประโยชน์กับนายบ้างเถอะนะ" มันคือคำขอที่งี่เง่าไม่สมตัว และมันอาจจบลงที่เสียงหัวเราะขำขันหรือปฏิกิริยาปฏิเสธอย่างเย็นชาของอีกฝ่าย แต่จิอากิรู้ดีกับตัวเอง เขาอยากพูด อยากบอกออกไป อยากให้ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่นี้ประสบผล " ทาเครุ....."
ในวินาทีที่จิอากิแทบจะถอดใจยอมแพ้นั่นเอง ที่ฝ่ามือของชายหนุ่มวางลงบนศีรษะของเขา ค่อยๆลูบบนเส้นผม และบนใบหน้านั้นเผยอรอยยิ้มน้อยๆที่มุมริมฝีปาก น้อยนิด แต่มากมายพอเพียงกับความปรารถนาที่จะได้แลเห็น ทานิ จิอากิรู้ดี นี่คือรอยยิ้มที่เขาหวังมาตลอด รอยยิ้มที่เขาหวังว่าในสักวันมันจะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพื่อรอยยิ้มนี้ล่ะก็ ต่อให้ต้องลำบากเจียนตาย แต่ก็จะดีขึ้นอีก เก่งขึ้นอีก จะเป็นผู้ชายที่ดีพอและเก่งกาจจนทาเครุต้องส่งยิ้มให้เขา ให้เขา...เพียงคนเดียว
" ทำอย่างที่นายต้องการเถอะ จิอากิ" ยิ้มให้พร้อมกับคำพูดสั้นๆที่มากมายเหลือคณา จิอากิผละออกไปในขณะที่ทาเครุนั้นหยัดกายขึ้นตรงอีกครั้ง สายลมยามบ่ายพัดมาต้องผิวกาย ในดวงตาของคนสองคนต่างก็มีความลับที่ต่างไม่อาจเผยออก " ถึงแม้นายอาจจะต้องเสียใจก็เถอะนะ"
" ฉันจะไม่เสียใจ"
" มันจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก เชื่อสิ" ชายหนุ่มบอกสำทับอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับยังคงส่งรอยยิ้มละไมแสนงามให้ได้ยลชม ก่อนจะผละลาไปอย่างงามสง่าเช่นเคย ทิ้งให้เด็กหนุ่มต้องเป็นฝ่ายเฝ้ามองและครุ่นคิดอยู่กับตน
" ไม่หรอก ฉันจะไม่เสียใจหรอก" กำหมัดแน่นและพร้อมจะถลาออกไปฝึกซ้อมในยามบ่าย มันจะเป็นไรกันกับความคิดที่แสนสับสนและสลับซับซ้อนของทาเครุ ก็แค่ขอให้เขายังมั่นคงอยู่กับความรู้สึกของตนเองเท่านั้น เพื่อคนๆนั้นแล้ว...
" ฉัน จะแข็งแกร่งขึ้น!"
จบตอน
Free TextEditor
Create Date : 04 มีนาคม 2553 |
Last Update : 4 มีนาคม 2553 20:14:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1421 Pageviews. |
|
|