จิบน้ำชา..แล้วพล่ามไปเรื่อย
...กลับมาจาก นั่งจิบน้ำชาข้าวบาร์เล่ย์ โดยนัดกลับเพื่อนๆอีก3-4 คนไปเลี้ยงปลอบใจเนื่อง "วันสุดท้ายที่เค้าจะมีความสุขที่สุดในชีวิต" แต่ด้วยเจ้าสโลว์แกน นี่แหละ ทำให้ทั้งหมดรวมถึงว่าที่เจ้าบ่าวต้องโดน ว่าที่เจ้าสาว สั่งย้ายก้นออกไปหาที่นั่งกันข้างนอก อิอิ จริงๆแล้วจะมีการจัดงานกันอีก2วันข้างหน้าที่ต่างจังหวัด ผมกับเพื่อนอีกคนปลีกตัวไปกันไม่ได้ ก็เลยไปแสดงความยินดีกันก่อน แต่ด้วยแกล้งกวนว่าที่เจ้าสาวตามประสา ใช่ครับผลออกมาเป็นที่พอใจ แต่ผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย จนต้องพาเจ้าบ่าวเคลื่อนขบวนไปนั่งที่ร้าน พวกเราเลือกร้านที่สามารถจิบน้ำชาและเปิดเพลงสไตล์สตริง ซึ่งหาไม่ยากนัก หุหุ การหาร้านนั่งนี่ เป็นเรื่องของสัณชาตญาณขอรับ อิอิ ถ้าถามหาวัดละก็จะนึกไม่ออก แม้ว่าวัดนั้นจะอยู่ห่างจากที่พักไม่ถึง2กิโลก็ตาม ส่วนใหญ่ถ้าไปกันที่แบบนั้นพวกเราจะไม่จิบชากันจน มองตัวหนังสือไม่รู้เรื่อง ก็เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยจะหายตามไปด้วย ความสามารถในการดูแลตัวหายไปไม่เท่าไหร่ แต่ การดูแลเพื่อนที่มาด้วยกันยิ่งหากเค้าเป็นสุภาพสตรีด้วยแล้วถือเป็นสิ่งสำคัญกว่าจริงไหมครับ วันนี้เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องรักๆใคร่ๆให้เข้ากับบรรยากาศนะแระครับ ...........ต้องมองเป็นบุคคลไปครับ ทั้งหญิงและชาย ประกอบรวมเป็นร้อยเท่ากันทุกคนแต่ถ้าแยกออกมาเป็นองค์ประกอบแล้วก็จะแตกต่างกันมีมากน้อย ที่สำคัญในความเห็นของพวกผมคือ การที่คน2คนจะมาเดินคู่กันได้ก็ต่อเมื่อ ทั้งคู่ตกลงเปิดใจยอมรับกันและกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดังนั้นเมื่อ 1คนแยกจากไป ความผิดของผู้ที่จากไปจะเป็นอะไรก็ตาม อีกครึ่งหนึ่ง ก็ควรจะเป็นของผู้ที่อยู่ ก็การตัดสินใจเลือกมานพลาดกันได้นี่ครับและความผิดนี้ก็ปฎิเสธไม่ได้ซะด้วยซิ เหมือนกับที่คุณเดินไปเลือก แอปเปิลจากกองนั่นแหละ ถ้าคุณไม่พอใจคุณก็ไม่จำเป็นต้องเลือกมานี่ครับ(ไม่มีใครบังคับ) แต่เมื่อคุณเลือกมาแล้วพอกลับถึงบ้าน กัดคำที่2ปรากฎว่ามีตัวหนอนอยู่ คุณจะโทษแม่ค้าก็ได้แค่ ครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งต้องโทษตัวเองนะครับเลือกไม่ดี.. ถ้าให้ดีนะครับ(แนะนำ) ...หากต้องเลือกแล้วก็จงเตรียมใจที่จะรับผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยครับ ลองถามใจตัวเองดู ถ้าเค้าเป็นคนที่เรากล้าที่จะเสี่ยง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาในวันข้างหน้าก็จะไม่เสียใจ ก็ค่อยรับมานะครับ-------------หุหุ อันนี้แค่หยิบมาคุยนะขอรับระหว่างจิบน้ำชาข้าวบาร์เลย์( ลืมบอกถ้าคนปรกติเค้าก็เรียก...เบียร์อะครับ อิอิ) ถ้าเพื่อนๆมีคำแนะนำดีๆ ข้อคิดที่น่าสนใจ ก็ตะโกนบอกได้เลยจ๊ะ-----------T T<---อยากเป็นคนที่เธอคนนั้นเลือกจัง
คำถามไร้สาระ..ที่ไม่ต้องการคำตอบ
??? : ในห้องเรียนทำไม..จะต้องหัวเราะในคำถามของ เพื่อนนะในเมื่อเค้าแค่ชิงถามคำถามนั้น ก่อนคุณเท่านั้น.. ??? : จะถกเหตุ-อ้างผล กับผู้ที่เชื่อในสิ่งที่ตนอยากจะเชื่อ เท่านั้น ทำไมให้เสียเวลานะ??? : คิดว่าจะเป็นคนฉลาดไหม ถ้าไม่รู้จักทำตัวให้โง่บ้าง ในบางเวลา??? : ว่ากันว่า..เรื่องราว 108 เรื่องที่ต้องเจอใน 1 วัน หลายครั้งก็ควรที่จะลืมถึง 107 เรื่อง.... แล้วทำไมจะต้องย่องไปแอบฟัง คำทะเลาะ ของ เพื่อนบ้านด้วยนะ??? : ต้องใช้เวลาทั้งหมดในแต่ละวัน ในการท่องตำรา เพื่อให้ได้ 100เต็มในการสอบไปทำไมกัน... ในเมื่อคุณ ยังไม่เคยอ่านวิธีข้ามถนนอย่าง ปลอดภัยเลย??? : จะตำหนิ ผู้ชายที่..สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ไปทำไมกัน ในเมื่อการแต่งตัวให้สวยเริดเยี่ยงโสเภณี ของผู้หญิง มันอันตรายยิ่งกว่านัก( หุหุ มีผู้ฝากถาม มาจ๊ะ...T T <---ความจำสั้นกว่าปลาทอง นึกชื่อไม่ ออก)??? : ทำไมคำสอนจากประสบการณ์ที่แลกมาด้วยชีวิต ของขอทาน ถึงได้ด้อยค่า กว่าคำโอ้อวดของคน ใส่สูท นะ ??? : อีกาจะล่วงรู้ความคิดของพญาอินทรีย์ ได้งั้นหรือ??? : บทเรียนบางบท..ราคาแพงเกินไป คุ้มแล้วเหรอที่ต้องรอให้เกิดกับตัวเองก่อน.... จึงจะฟังกัน??? : จะโอ้อวด ว่า"เป็นมวย" ทำไม ในเมื่อสิ่งนั้น มีไว้ให้..สำหรับผู้อ่อนแอไว้ป้องกันตัว??? : ไม่รู้รึไงว่า.....ไม่มีการกระทำใดโง่ไปกว่า การขโมยสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต ของผู้อื่น??? : ทำไมคุณถึงนั่งอ่าน.... คำถามไร้สาระจนจบได้นะ อิอิ...นั่งว่างๆไม่มีอะไรเขียนจ๊ะ แล้วก็ตอนนี้ก็ขี้เกียจเขียนต่อแระ
แค่อยาก..สะกิดให้มอง
นี่เจ้านู๋! ..จับเบาๆสิเดี๋ยวมันก็เมามือตายหรอก เสียงกล่าวเตือนที่เพิ่งจะนึกได้ เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ได้มีโอกาสได้สัมผัสลูกนก ขนนุ่มปุยสีขาว บนฝ่ามือ ลูกนกตัวน้อยที่วันข้างหน้าจะต้องครองตำแหน่งจ้าวแห่งเวหา โดยไม่มีผู้ใดกล้ากังขา ........... นี่ๆลุงเจ้าลูกนกอินทรีย์ที่เก็บได้จากยอดสน ที่เขาหลังเกาะ(เค้าเรียกว่าเก็บหรือว่าไปขโมย หว่า - -*) ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วครับ ผมโพร่งถามออกไป คืนนี้จะนอนที่นี่หรือที่หมู่บ้านล่ะ? ลุงชาวเลผู้ทำหน้าที่ขับเรือให้บังกะโลถาม ก่อนจะโยนหอยนางรม 7-8 ตัวที่งมมาได้ให้ ลงไปนอนที่แพปลาท้ายหมู่บ้านดีกว่าครับ ที่นี่ไม่มีสาวๆคุยอะ กล่าวเชิงล้อเล่น ทั้งที่จริงๆแล้วไม่อยากจะรบกวนที่หลับนอนเพราะลุงอยู่กับภรรยาที่กระท่อมถัดไปด้านบนบังกะโล ติดกับชายป่า งั้น..ก็ไปดูมันที่ข้างแพปลานั่นแหละ นายหัวเค้าเลี้ยงไว้ที่นั้น ผมรับคำ แล้วรับเดินไปยังหมู่บ้านซึ่งต้องเลาะผ่านป่าไปตามทางที่ชาวบ้านใช้ประมาณ 7 กิโล ผมคุ้นเคยกับชาวบ้านแถวนี้แม้ 2-3 ปีจะมาครั้งก็ตามแต่เนื่องจากไม่ค่อยมีคนไทยมาเที่ยวบ่อยนักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ที่ชอบธรรมชาติมาพักผ่านการติดต่อทางทัวร์ซะส่วนใหญ่ ดังนั้นหมู่บ้านเล็กๆบนเกาะแห่งนี้จึงให้การต้อนรับเหมือนคนกันเอง เรียกว่านอนบ้านไหนเรือนไหนก็ได้ จริงๆแล้วมีทางที่สั้นกว่านี้ แต่ทางสายนี้พอพลบค่ำจะเหมือนกับเดินอยู่ท่ามกลางทะเลหิ่งห้อย กว่าจะถึงหมู่บ้านก็มืด ...รุ่งขึ้นก่อนนั่งเรือไปตกปลา ก็ชวนเพื่อน(ลูกชายเจ้าของแพ เค้าว่างอยุ่เพราะเป็นช่วงปิดเทอม) เดินไปดูเจ้าขนปุย หงะ..โห ใจคอจะเลี้ยงมันไว้ในเล้าไก่เลยเรอะนั้น(เล้าไก่จริงๆครับแถมกำลังกินข้าวเปลือกรวมกับไก่อีกตัวนึงอยู๋ - -*)แถมไม่ปิดประตูเล้าอีก ไม่กลัวมันบินหนีไปเหรอ ผมหันไปถามเพื่อนไม่ต้องบรรยายความรู้สึกนะครับ นึกภาพออกไหมครับอินทรีย์ตัวใหญ่ ที่เราจะเห็นเค้าบินอยู่เหนือยอดไม้ไกลลิบในป่าใหญ่ นักล่าที่มีศักดิ์เป็นถึงจ้าวเวหา ใช้ชีวิตดุจไก่ที่เลี้ยงเอาไว้ มันไม่บินหนีไปหรอกพี่ ผมก็สงสัยเหมือนกัน อย่างมากมันก็กระพือปีกนิดนึงแล้วกระโดดไปโน่นไปนี่ ไม่เคยเห็นมันบินสักที สงสัยมันคงคิดว่าตัวเองเป็นไก่มั้ง ยืนมองสักพักผมก็เดินไปยังเรือ เตรียมที่จะออกไปตกปลาต่อ แต่ในสมองกำลังคิดอยู่ว่า สัญชาตญาณ ความสามารถ ของเค้าไม่น่าจะหายไปพร้อมๆกับอิสรภาพ เมื่อ2ปีก่อน แต่อาจเป็นเพราะ ความคิดที่ถูกปิดกันจากสิ่งแวดล้อมต่างหากล่ะ มันไม่มีโอกาสจะได้เห็นเพื่อนๆเผ่าพันธุ์เดียวกันบินอย่างสง่าเหนือท้องฟ้า เห็นแต่เจ้าไก่แถวนั้นบินได้แค่ไหนก็คิดว่าตัวเองบินได้แค่นั้นต่างหาก มันไม่เคยคิดจะลองบินให้สูง หากมันคิดได้สักวันมันก็คงจะบินสู่ท้องฟ้าได้อีกครั้ง และคงนึกว่าตัวเองนี่โง่เสียจริง ทั้งที่บินได้สูงขนาดนี้ แต่ไม่เคยคิดจะลอง...ใช้ความคิดพันธนาการความสามารถตัวเองเสียเนินนาน .............................ค้นหาตัวเองให้เจอ แล้วก็มุ่งไปอย่างสุดกำลังนะครับ เราไม่จำเป็นต้องเหมือนคนรอบข้างนี่นะ...อิอิ........
เสียงคลื่นกระทบฝั่ง
ปรกติข้าน้อยจะชอบเดินทาง หากจะนับเป็นระยะทางก็.. 20กว่าปีมนุษย์นะแหละครับ แม้จะไม่ไกลมากแต่ก็เจออะไรที่น่าสนใจมาหลายอย่าง พอที่จะคุยให้ฟังได้สัก 1 หน้ากระดาษนี้ - -* เอ่อ... เอาเป็น ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ก็จะเจอคน พบปะ ทักทาย นั่งจิบน้ำชา ลงท้ายด้วยการลาจาก เป็นเช่นนี้เสมอ(เป็นเช่นนี้ทุกคน ใครไม่เห็นด้วย..ก็ยกมือขึ้นแระกัน) และที่สำคัญคือ ยังไม่เจอว่าจะมีใครเหมือนกัน ทั้งที่คนทั่วโลกมีเป็นพันล้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าน้อยสนใจนั่นคือ คนเรา เจริญเติบโตด้วยอะไรนี่สิ (เอาเป็นข้าน้อยใช้ คำนี้ไว้เพื่อจะได้เข้าใจง่ายนะครับ) คนเราจะโตหรือไม่โต ดูได้จากอะไร ? อายุ ขนาดร่างกาย การแต่งกาย ฐานะ การพูดจา อาชีพ ระดับการศึกษา .................อื้ม..หลายท่านจะตอบว่า ดูที่วุฒิภาวะ สิ คำถามที่ถามมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง กลับได้คำตอบที่ข้าน้อยคิดว่าน่าจะหยุดพิจารณา จากปากของชาวประมงที่เขียนหนังสือไม่เป็น คนนึง ระหว่างเดินทางไปเที่ยวแถวเกาะแถวพีพี เมื่อหลายปีก่อน ลองฟังดูไหมครับ ผมว่าน่าสนใจดีนะ ผมสรุปมานะครับ เค้าบอกว่า ก็ดูจากจำนวนครั้งที่ออกทะเลสิ ทะเลที่หลายครั้งมีพายุโหมกระหน่ำต้องฟันฝ่าเอาตัวรอดกลับฝั่งมาให้ได้โดยเดิมพันด้วยชีวิต ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วข้าน้อยก็ถามไปว่า อ้าว..ลุง งั้น ถ้าคนๆนั้นเป็นคนชั่วล่ะ ลุงชราชาวเล ที่อายุเกินครึ่งร้อยผิวตัวที่กร้านจากการตากแดดตากลม แต่ยังแข็งแรงพอที่จะแบกอวนหนักเกือบร้อยกิโล ได้อย่างไม่ลำบากนัก หัวเราะออกมา หลานชายเอ้ย..คนเลวๆนะ พระ..เจ้า เค้าไม่คุ้มครองหรอก อ้ายพวกนั้นออกทะเลได้ไม่นาน ทะเลก็จะกลืนลงท้องไปเอง พอฟังตรงนี้ข้าน้อยก็นึกถึงสุภาษิตจีนได้ประโยคนึงนะครับ หากอยากจะยิ่งใหญ่ ..ก็ต้องผ่านอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ซะก่อน............อยากจะเล่าต่อแต่ต้องออกไปข้างนอกแระ คราวหน้าค่อยต่อนะครับ -----ถ้าไม่ลืม - -*
เสียงกระซิบจากสายลม
สายลมยังคงพัดไหวอยู่...แขกผู้มาเยือนเพียงหนึ่งเดียว แม้จะหนาวเหน็บ และดูเดียวดายไปบ้าง แต่ที่ๆกลางวันมิเคยเห็นตะวัน และกลางคืนจันทราก็มิเคยแย้มยิ้มให้ ทำให้ดูไม่อ้างว้างจนเกินไปนัก หมอกยังคงปกคลุมไปทั่วทุ่งร้าง ทุ่งที่เคยมีหมู่ไม้และเสียงหัวเราะอย่างซุกซนของเด็กๆ จากอดีตที่เหมือนจะผ่านไปเมื่อวันวาน เธอยังนั่งอยู่ที่นั้น ..กลางทุ่งร้างเพียงลำพัง กาลเวลาได้ช่วงชิงรอยยิ้มไปจากใบหน้าเด็กน้อยที่เคยสดใสในวันวาน ทว่า จะมีประโยชน์อะไร หากเธอไม่ลุกขึ้นแล้วนำมันกลับมาอีกครั้ง เธอทำอะไรสูญหายไปล่ะ! การช่วงชิงสิ่งสำคัญกลับมาแม้จะยาก.. แต่การรักษามันไว้ต่างหากที่ยากยิ่งกว่า ดังนั้นไม่มีเวลาให้อ่อนแอหรือพลั้งเผลอหรอกนะ แล้วสักวัน ดอกไม้ในทุ่งร้างจะเบ่งบานอีกครั้ง รอยยิ้มจากผุ้ที่เธอรอคอยจะปรากฎให้เห็น และอรุณรุ่งแห่งวันใหม่จะมาเยือน