|
แหล่งเงินทุนที่เหือดแห้งสำหรับ R&D หรือการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม
ด้วยปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ ณ ขณะนี้ ทำให้ผมเองก็ไม่รู้ว่าประเทศเราจะดำรงต่อไปได้อย่างไร หากผู้นำหรือกลุ่มทุนที่เป็นเสาหลักของประเทศยังคงมุ่งมั่นเพียงแต่ผลประโยชน์ของส่วนตน มากกว่าความยั่งยืนของประเทศ ซึ่งหากคนทั้งประเทศไม่สามารถดำรงอยู่ได้ พวกผู้นำหรือกลุ่มทุนเองก็จะอยู่ไม่ได้ด้วยเช่นกัน
วันนี้เลยอยากจะกล่าวถึงแหล่งทุนสำหรับการทำ R&D หรือสำหรับนักประดิษฐ์คิดค้น และนวัตกรรมใหม่สำหรับประเทศของเรา ก่อนอื่นต้องขอท้าวความรูปแบบของประเทศอื่นก่อนเพื่อให้เห็นภาพว่าประเทศของเรายังขาดปัจจัยเรื่องแหล่งเงินทุนมากขนาดไหน
สมัยก่อนที่ โทมัส เอดิสัน คิดค้นเรื่องหลอดไฟฟ้า จริงๆ แล้วเอดิสัน เป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์ที่มีหัวในเรื่องการประดิษฐ์ แต่ไม่มีเงินทุนเช่นกัน (บ้างก็ว่า เอดิสัน เป็นขโมยความคิดการประดิษฐ์บางอย่างด้วยซ้ำ) เพียงแต่ในสหรัฐฯ เปิดกว้างเรื่องของการลงทุนเป็นอย่างมาก และมีผู้ที่เสี่ยงที่จะลงทุนแบบร่วมหัวจมท้ายกับนักประดิษฐ์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นเมื่อ เอดิสัน จึงมีนายทุนที่คอยหนุนหลังในการให้เงินทุน สำหรับทำ R&D เพื่อประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ แล้วแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างนายทุนกับเอดิสัน ซึ่งปัจจุบันก็คือบริษัทฯ จีอี ที่เราเห็นสินค้าอยู่จนทุกวันนี้
โดยฝ่ายนายทุนก็จะนำเงินกำไรที่ได้จากการขายสิ่งประดิษฐ์ไปลงทุนกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เสมือนเป็นการสร้างเงินต่อเงิน แล้วแบ่งผลประโยชน์ร่วมกับนักประดิษฐ์แบบนี้ ซึ่งในปัจจุบันระบบการเงินในสหรัฐฯ มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับยากที่จะทำให้นักประดิษฐ์ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เพียงแต่นักประดิษฐ์เหล่านั้นต้องเตรียมแผนงานอย่างละเอียด และอาจจะมี Prototype มานำเสนอร่วมด้วย ขณะที่มาเสนอต่อนายทุนเหล่านี้ เพื่อโน้มน้าวให้กลุ่มทุนหรือนายทุนเหล่านี้เห็นถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ที่จะได้ในอนาคต โดยในช่วงที่มีเศรษฐกิจยุค dot com ในอเมริกาก็จะได้พบเห็นการเกิด Venture Capital จำนวนมากมาย ที่เปิดรับนักพัฒนาระบบคอมฯ ที่มีแผนงานที่ดี และนำเสนอว่าสามารถนำคนให้มาเข้า Web ของตนเองได้อย่างมากมาย จนสุดท้ายเมื่อฟองสบู่ของ dot com แตกลง จึงทำให้ Venture Capital ต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นในการที่จะร่วมลงทุนกับนักพัฒนา หรือนักประดิษฐ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้มีการลงทุนเลยทีเดียว แต่ต้องมีไอเดีย และความแตกต่างของสินค้า หรือบริการที่ไม่เหมือนกับใครไปนำเสนอก็จะได้รับเงินทุนเพื่อไปพัฒนา และต่อยอดเป็นสินค้าออกมาวางจำหน่ายได้
กลับมาที่ประเทศของเรา กลุ่มทุนก็จะมีเพียงแต่กลุ่มสถาบันการเงินเท่านั้น (Financial institute) โดยที่ไม่ค่อยจะพบเห็นกลุ่มทุนอื่นเลย (Non-Financial institue) ที่จะให้เงินทุนในการทำ R&D สำหรับการสร้างนักประดิษฐ์ จึงจะเห็นว่าประเทศของเราจะเดินไปในแนวทางรับเทคโนโลยีของประเทศอื่นมา แล้วมาเพิ่ม Value มากกว่า โดยไม่สามารถผลิตคิดค้นเองได้ หรือแหล่งต้นน้ำ ตลอดจนสถาบันการศึกษาเองส่วนใหญ่ไม่ค่อยปลูกฝังจิตสำนึกในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ให้กับนักเรียน นักศึกษาของเราเท่าไรนัก จะเห็นได้ว่าเราจะมีแต่นัก Copy หรือนักลอกเลียนแบบเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่จะเป็นการคิดสิ่งประดิษฐ์เพื่อต่อยอดจากของเดิมที่เราได้รับเทคโนโลยีจากประเทศอื่นมา
ดังนั้นผู้นำในทุกภาคส่วนควรจะเริ่มหันมามอง "ตำแหน่งของประเทศ" ในอนาคตว่าเราจะดำรงต่อไปอย่างไร กับการแข่งขันที่มากขึ้นเป็นทวีคูณจากทั่วโลก หากเรายังไร้ซึ่งการประดิษฐ์คิดค้น และแหล่งเงินทุน เพื่อให้เกิดเป็นปฎิกิริยาลูกโซ่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
Create Date : 31 มกราคม 2552 |
Last Update : 31 มกราคม 2552 17:25:09 น. |
|
6 comments
|
Counter : 952 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ปลาย IP: 125.26.170.95 วันที่: 1 เมษายน 2552 เวลา:22:08:39 น. |
|
|
|
โดย: rogthai วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:17:27:55 น. |
|
|
|
โดย: pop IP: 49.230.73.111 วันที่: 5 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:53:06 น. |
|
|
|
โดย: pop IP: 49.230.73.111 วันที่: 5 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:59:28 น. |
|
|
|
โดย: pop IP: 49.230.73.111 วันที่: 5 กรกฎาคม 2557 เวลา:22:03:26 น. |
|
|
|
โดย: นาย.ศักดา ธนพชรรัชต์ IP: 49.228.226.101 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:20:34:56 น. |
|
|
|
| |
|
|
คนคิดได้คงได้แค่คิด แต่สำเร็จยาก???