อย่าตัดสินหนังสือจากปก จงเปิดอ่านดูด้านในก่อน

สามร้อยยอด-หัวหิน-ชะอำ-แก่งกระจาน

ได้เวลาเดินทางท่องเที่ยวชมเมืองไทย ตามสโลแกนเดิม "เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่เหนื่อย"
คราวนี้ไปไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ผมไม่เคยไป นั่นคือ "หัวหิน" เป็นถิ่นมีหอย ฝรั่งนั่งคอยจนหอยติดหิน นั่นเอง Razz Razz Razz
เห็นในเวบพวกเวดดิ้งชอบไปถ่ายรูปกันจัง สงสัยมันจะสวยขั้นเทพ แถมเจ้าหลายๆรัชกาลยังมีวังอยู่ที่นั่นอีกต่างหาก

เลยต้องขอพิสูจน์ซะัหน่อย โดยก่อนไปตั้งจินตนาการว่ามันต้องสวยแบบมัลดีฟแน่ๆเลย

โดยคนในรถส่วนใหญ่จะยังไม่เคยไปหัวหินกันเลย

มีเพียงญาติผู้ใหญ่ 2 ท่านที่เคยไปมาเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว Razz Razz Razz
เอาวะ อย่างนั้นไปลุยกันเลย หาข้อมูลในเน็ตปริ้นท์ใส่กระดาษไป 2-3 แผ่น

โดยตั้งเป้าไว้ว่าโปรแกรม 2 วันจะไปเที่ยวดังนี้

วันแรก

- ชมถ้ำไทร

- ล่องเรือคลองเขาแดง

- ดูนกที่ทุ่งสามร้อยยอด

- เข้าที่พัก

- เล่นน้ำ

- ปิ้งย่าง เมา นอน

วันที่สอง

- เขาหินเหล็กไฟ

- วังมฤค

- กินข้าวเที่ยงที่ชะอำ

- ล่องเรือเขื่อนแก่งกระจาน

- วังบ้านปืน

เริ่มเดินทางวันเสาร์ที่ 4 ตค. 51 โดยมีผู้โดยสารรวมคนขับทั้งหมด 6
คนกับลิงทะโมนอีก 1 ตัว รวมเป็น 7 ชีวิต
อัดกันเข้าไปในรถกระบะคันน้อยๆของผมเอง

เป้าหมายแรก อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

ที่นี่วิวสวยดี เป็นเทือกเขาไม่สูงนักแต่มีหลายๆลูก ทำให้ดูลึกมีมิติดี

แต่อากาศค่อนข้างร้อน เห็นมีเด็กนานาชาติมาเดินทางไกลกันด้วย

เห็นแล้วน่าสงสารจัง เดินกันเป็น สิบๆกิโล ท่ามกลางอากาศร้อนยังกับทะเลทราย ต้นไม้ก็ไม่มี

เอาล่ะชีวิตใครชีวิตมัน ไปล่องเรือกันดีกว่า

ไปถึงคลองเขาแดง(วัดเขาแดง) ก็ไปถามเขาว่าค่าล่องเรือเท่าไหร่ ป้าบอก 400 บาท

โอเค งั้นลุยเลย
ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่พอลงเรือแล้วกลับรู้สึกเย็นเพราะลมพัดเอื่อยๆ
แต่ลุงคนขับเรือบอกว่าถ้าจะให้ได้บรรยากาศต้องตอนเย็นๆ ลมจะเย็นมากเลย

เหอๆ ทำไงได้ลุง คนไม่เคยไปนี่หว่า ล่องมันตอนเที่ยงๆนี่แหล่ะ

สัตว์ป่าชายเลนเท่าที่เห็นก็มีแต่แมงกะพรุนอื้อเลย ไม่รู้กินได้หรือเปล่า แต่คิดว่าคงกินไม่ได้แหล่ะ ไม่งั้นคงไม่เหลือเยอะขนาดนี้

ใช้เวลาล่องเรือประมาณเกือบๆชั่วโมงได้มั้ง ก็กลับมาถึงที่

พอจ่ายตังค์ป้าแกไป ให้แบงค์ 5 ร้อยไป ป้าแกบอก ที่เหลือทิปให้ลุงใช่ป่ะ???

โห เล่นขอกันยังงี้ ไอ้กระผมก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรเลย ก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุให้แกไป
Cool Cool


จุดหมายต่อต่อไปคือ ทุ่งสามร้อยยอด




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 16:13:47 น.   
Counter : 4201 Pageviews.  

ตลาดน้ำคลองหลวงแพ่ง + ตลาดคลองสวน 100 ปี

วันนี้ว่างๆอยู่บ้าน รู้สึกมันร้อนรน หงุดหงิด ดู DVD จบไปเรื่องนึงแล้วก็ยังไม่หายร้อนรน

ต้องหาเรื่องออกจากบ้านซะหน่อย ไปไหนดีว้่า!!!

แถวนี้ก็ไปมาหมดแล้ว อาทิตย์หน้าก็จะไปหัวหินอีก

ก็เลยบ่นกับแฟน "กรุงเทพฯนี่มันน่าจะมีตลาดน้ำมั่งนะเนี่ย"

ได้ทีเลยครับ แฟนบอกว่าได้ยินมาว่ามีตลาดน้ำเปิดใหม่ที่คลองหลวงแพ่ง

"มันอยู่ตรงไหน??"

อ้อ ไม่ไกลจากหนองจอกหรอก เดี๋ยวอ่านป้ายตามข้างทางไปละกัน (ใน GPS ผมยังไม่มีพิกัดนี้)

เอา โอเค ไปๆ เผื่อจะมีอะไรเด็ดๆมั่ง

ก็เลยควบนาวาร่าไปที่ความเร็วเต็มที่ 80 กม./ชั่วโมง Razz มุ่งหน้าฉะเชิงเทรา

ถนนก็โอเค มีหลุมให้หลบมั่งเป็นครั้งคราว แต่ว่าคอสะพานนี่ได้ใจมาก

ขึ้น-ลงแรงๆไป 2-3 สะพาน คาดว่าโช้คผมพังหมด 4 ล้อแน่เลย Razz

หายบ้าเลย เห็นสะพานต้องเบรค

ขับไปพักเดียวก็ถึง เห็นป้ายบอกว่าตลาดน้ำคลองหลวงแพ่ง 90 ไร่ อีก 50 เมตร เหอๆ ลงสะพานหน้านี่หว่า

ใครจะมาระวังหน่อยนะครับ ลงสะพานยังไม่ทันสุดดีต้องเลี้ยวซ้ายเลย

บอกตามความรู้สึกจริงๆนะครับ ผมไม่จอดรถ ไม่ลงจากรถเลยครับ ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่

มีน้องมาโบกให้จอด แต่ผมไม่เอาดีกว่า

สภาพโดยทั่้วๆไป ซ้ายสุดมีเวทีไก่ชน คนมุงกันเยอะเหมือนกัน

ตรงกลางมีร้านอาหาร 2-3 ร้าน

ขวาสุดมีโรงลิเก ซึ่งมีลิเกกำลังแสดงอยู่เลย

ตรงกลางลานจอดรถมีน้ำพุ

เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู กลัวว่าพอควักกล้องขึ้นมาถ่ายจะโดนพวกไก่ชนตื้บเอา

ไปต่อดีกว่า ในใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารตลาดน้ำนี้เหมือนกัน เปิดมาตั้ง 4-5 เดือนแล้ว ทำไมนักท่องเที่ยวน้อยจัง

จะทนต่อไปได้อีกสักเท่าใด

ถ้าเพื่อนๆสมาชิกว่างๆก็แวะไปเที่ยวกันนะครับ

จากนั้นก็เลยผิดแผนหมด จะไปไหนดีฟะเนี่ย คิดไปขับรถไป

เห็นป้ายบอกอีก 5 กม. ถึงวัดโสธร

แต่ผมก็เพิ่งไปเที่ยวมา้เมื่อไม่นานนี่เอง

ไปไหนดีว้า.....

เลยตัดสินใจว่าขับไปบางแสนเลยแล้วกัน ไปหาต้มยำกินดีกว่า

แต่พอขับเลยแยกเข้าวัดหลวงพ่อมาแป้บเดียว ก็เห็นป้ายตลาดคลองสวนร้อยปีเลี้ยวขวา

เอาวะ ลองแวะที่นี่ดูก่อนดีกว่า ถ้าไม่เวิร์คค่อยไปบางแสนต่อ

คิดว่าเลี้ยวแล้วคงขับเข้าไปไม่ลึก

ที่ไหนได้ ลึกพอดู

ระหว่างทาง ทางซ้ายทางขวา ก็จะพบเห็นบ่อเลี้ยงกุ้งเยอะมาก ตลอดทางเลยก็ว่าได้

ในที่สุดก็ขับไปจนถึงตลาดคลองสวน

ที่จอดรถกว้างมาก แต่รถก็เยอะเหมือนกันนะ ขนาดผมไปบ่ายแล้วนะ

พอเดินเข้าไปตลาด ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง Razz

เพราะข้าวของที่วางขายในตลาดนั้นมันเหมือนกับที่ผมพบเจอสมัยยังเด็กๆเลยครับ

ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของเล่น

มันรู้สึกอิ่มเอิบในหัวใจแปลกๆนะครับ ไม่เหมือนกับไปตลาดดอนหวายที่ผมเบื่อ มีแต่คนกับของกิน

ที่คลองสวนนี่ มันมีอะไรมากกว่านั้น มีอะไรที่เพลิดเพลินใจ

คนที่นี่ก็ไม่ได้จ้องแต่จะขายของอย่างเดียว

น้ำใจยังมีอยู่อีกมาก

ขอเข้าห้องน้ำ เขาก็ไม่คิดเงินซักบาท แถมชวนคุยโน่นนี่ แบบเป็นกันเองมาก

บรรยากาศดีครับ ถึงแม้อากาศจะร้อนไปบ้างก็ตาม

ไว้มีโอกาสว่างๆจะไปเที่ยวอีกครับ

ไม่ไกลจากบ้านผมเลย ประมาณ 30 กว่ากม.เอง Razz


















 

Create Date : 30 กันยายน 2551   
Last Update : 30 กันยายน 2551 17:42:15 น.   
Counter : 2934 Pageviews.  

บ่อคลึง - เก้าโจน - แก่งส้มแมว - ห้วยคอกหมู

โครงการทีแรกว่าจะไปเที่ยวทะเล แต่พอถามเพื่อนสมาชิกที่บ้านแล้ว ปรากฏว่าไม่อยากไปทะเลซะงั้น
อยากจะเที่ยวป่าเที่ยวเขา (ไอ้กระผมล่ะเบื่อ ตัวผมเกิดมาก็อยู่กับป่ามาตลอด)
ก็เลย เอ้า อยากไปไหนก็ไป หาข้อมูลมาละกัน อย่าไกลมากล่ะ
ในที่สุดก็มาลงตัวแผนท่องเที่ยวตอนตีหนึ่งครึ่งคืนวันเสาร์
เป้าหมายคือ สวนผึ้ง ราชบุรี ที่ที่ในคณะผมยังไม่มีใครเคยไปกันสักคน
โดยหาข้อมูลจากในเน็ตแล้ววางโปรแกรมว่าจะไปเช้ากลับเย็น
1. ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ต่อด้วย
2. น้ำตกเก้าโจน แล้วไปต่อที่
3. แกงส้มแมว เอ้ย แก่งส้มแมว แล้วไปต่อที่
4. จุดชมวิวห้วยคอกหมู จากนั้นแวะ
5. ภโวทัย

เอาล่ะ 7.30 น. วันอาทิตย์เริ่มออกเดินทางจากมีนบุรี มุ่งหน้าสวนผึ้ง
โดยการตั้งโปรแกรมให้ GPS นำทางไป พร้อมปริ้นท์แผนที่คร่าวๆไปแผ่นนึง

เจอม๊อบ

ตอนเช้าก่อนหลุดจากกรุงเทพฯก็เจออุปสรรคซะแล้ว คือ ผมกะว่าจะไปขึ้นสะพานพระราม 8 แต่ก็ขึ้นไม่ถูกเนื่องจากไปเจอม๊อบ (ทางอื่นผมก็ไม่เคยไป)
ก็เลยต้องขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าแทน

เจอ Jazz ไล่

ผมก็ขับไปเรื่อยๆความเร็วประมาณ 120 แต่ไปถึงช่วงนึงก่อนที่จะเข้าเพชรเกษมสักไม่กี่กม.
ผมก็ขับอยู่เลนขวา แซงชาวบ้านเขาไปเรื่อยๆ แต่พอเหลือบมองกระจกหลังก็เห็นว่ามี่ Jazz ป้ายแดงอยู่คันนึงมาอย่างไวเลย มาจ่อตูดแล้ว
อ่ะ ผมจะเข้าซ้ายให้ก็ไม่ได้ รถเลนซ้ายวิ่งช้า ก็เลยเหยียบหนีไปเรื่อยๆ
ประมาณ 160 ได้มั้ง พอมีช่องว่างทางซ้าย ผมก็หลบให้ ปรากฏว่าพวกไม่ยอมแซง เข้าซ้ายตาม

ไอ้นี่ จะเล่นนี่หว่า ผมก็เลยเข้าขวาเหยียบนีไปอีก พวกก็ตามมา
แป้บนึงเท่านั้น ผมเห็นข้างหน้าไกลๆ รถเบรคกันมากคาดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
ผมก็ยังไม่เบรค ไอ้เจ้า Jazz ก็ยังไม่รู้ตัวว่าจะโดนผมแกล้ง พอใกล้ๆคันหน้าผมกะระยะว่าเบรคแล้วไม่ชนแน่
ผมก็กดเบรคหัวทิ่มหัวตำเลยครับ
เหอๆ ไอ้เจ้า Jazz ก็เบรคตัวโก่งเหมือนกัน เสียงเอี๊ยดดังลั่น ไม่รู้เบรค Jazz หรือเบรครถผม แต่ไม่ชน เกือบไป กะว่าจะเปลี่ยนกันชนหลังใหม่ซะหน่อยอดเลย
Razz
สรุปแล้วตรงนั้นมีอุบัติเหตุจริงๆ รถกระบะชนมอเตอร์ไซค์ กระเด็นจากหน้ารถไปประมาณ 10 เมตร รอยเบรคของกระบะยาวประมาณ 4-5 เมตร
หลังจากนั้น Jazz มันไม่เข้ามาใกล้ผมเลย Razz


ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
ผมก็ขับไปเรื่อยๆ 195 กม. ก็ถึงธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่งเป็นที่ของชาวบ้าน(มั้ง)
เพราะเก็บค่าเข้าดูคนละ 5 บาท
แต่หากจะลงอาบน้ำก็คนละ 30-50 บาท แล้วแต่ความหรู
ซึ่งภายในก็จะมีบ่อน้ำอุ่นอยู่ 2 บ่อ เป็นบ่อดิน กับบ่อปูน บ่อดินก็ถูกหน่อย
บ่อปูนก็แพงหน่อย
แล้วก็จะมีบริการร้านอาหาร ของฝาก นวดตัว ฯลฯ แล้วแต่ชอบ

น้ำในบ่อลองเอาเท้าจุ่มๆดูแล้ว แค่อุ่นๆ

ผมเดินดูรอบๆ เห็นป้ายบอกว่าเดินขึ้นเนินเขาไป 150 เมตรจะเป็นต้นน้ำร้อน
เอาล่ะไหนๆก็มาถึงแล้วขอเดินขึ้นไปดูซะหน่อย เดินขึ้นไปได้เหงื่ออยู่เหมือนกัน
เพราะทั้งอากาศร้อนและเหนื่อยด้วย
พักเดียวก็ถึงจุดที่เป็นต้นน้ำ เป็นน้ำที่ผุดมาจากใต้ดินใต้หิน ไม่เยอะมากแต่มีออกมาตลอด



ขอบอกว่าน้ำตรงนี้ร้อนมาก เอามือแตะได้ไม่เกิน 2 วินาที ต้มไข่น่าจะสุก
สำนวน "น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย" คงหลอกแน่ๆเลย ฮ่าๆ เพราะไม่เห็นมีปลาซักตัว
สรุปสำหรับที่นี่ผมและคณะไม่ได้ลงเล่นน้ำ ได้แค่เดินดูรอบๆ และอุดหนุนสินค้าท้องถิ่นเท่านั้น
ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่เคยเห็น

น้ำตกเก้าโจน
"ขนาดโจรเดียวก็ยังแย่แล้ว นี่ตั้งเก้าโจรทำไงล่ะเนี่ย" คำพูดติดตลกของผู้ร่วมเดินทาง คนละโจรกันล่ะจ้า อันนี้เขาใช้ "โจน" เหอๆ สงสัยคนไม่ค่อยไปเที่ยวกันก็เพราะชื่อนี่แหล่ะ เขาเลยเปลี่ยนชื่อเป็น"น้ำตกเก้าชั้น"

ระยะทางห่างจากธารน้ำร้อนเพียง 1 กม.โดยประมาณเท่านั้น เปิดแอร์ยังไม่ทันเย็นเลย
จอดรถเสียค่าคุ้มครองไป 20 บาท แล้วก็เดินต่อไปยังน้ำตกอีกประมาณ 1/2 กม.
ขอเตือนว่าถ้าใครไปเที่ยว พอเดินไปเจอสะพานแขวน ให้ข้ามไปอีกฝั่งนึงของสะพานนะ
เพราะว่าผมไม่ได้ข้ามไป ฝั่งที่ผมไปหาที่ปูเสื่อนั่งยากมากเลย ร่มไม้ก็ไม่ค่อยมี ที่ราบก็ไม่ค่อยมี
กว่าจะหาที่นั่งได้ก็เดินไปลึกมาก แต่ก็ยังอยู่ในชั้นที่ 1-2 นี่แหล่ะ
ถ้าใครอยากเดินให้ครบทั้ง 9 ชั้น ต้องใช้เวลาเดินขึ้น 2.30 ชม. ใช้เวลาเดินลง 45 นาที

ก่อนไปผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่เป็นคนจอมบึงว่า น้ำจะเยอะ อันตรายนะหน้าฝนเนี่ย เขาไม่เที่ยวกันหรอก

แต่ของจริงที่ผมไปเห็น น้ำน้อยมากๆ ไม่ถึงหัวเข่า น้ำก็แดง ไม่ใช่แดงน้ำป่านะ แดงตะกอน
แต่อย่างน้อยน้ำก็เย็นแหล่ะ พอให้ไอ้เจ้าหลานตัวเล็กลงไปเล่นได้
พอพักกินข้าวเที่ยงที่เตรียมไปจนอิ่มเรียบร้อย และนั่งคุยกันอยู่พักนึง ก็เก็บเสื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไป


แก่งส้มแมว
เมื่อออกจากน้ำตกแล้วก็มุ่งหน้าสู่แก่งส้มแมว ที่เขาบอกว่าสวย มีสัตว์ป่า และพืชพรรณมากมาย
รู้สึกว่าเขาจะมีชื่อเป็นทางการว่า สวนป่าสิริกิตติ์

ขับรถออกจากน้ำตกไปประมาณ 20 กม.เห็นจะได้ โดยระหว่างทางก็มีวิวสวยๆให้ดู
และจะผ่านหมู่บ้านอะไรสักอย่าง สวยงามมาก บรรยากาศเหมือนเมืองนอกเลยครับ
มีกังหันลม โซล่าเซลล์ ลำธาร เลี้ยงแพะ ฯลฯ น่าอยู่ๆ

ตลอดทางเป็นลาดยางอย่างดี ส่วนช่วงจากถนนเข้าแก่งจะเป็นทางคอนกรีต
พอเข้าไปถึง จอดรถก็โดนเรียกค่าคุ้มครองอีก 20 บาท

แล้วก็เดินหอบเสื่อไปหาที่นั่งกินอาหารว่างกันต่อ โดยที่นี่จัดไว้ค่อนข้างสวยงาม
ทางเดินก็เดินสะดวก ร่มรื่น กลิ่นหอมของดอกจำปี(ทีแรกผมมองหาต้นยังไงก็ไม่เจอ แหงนหน้ามองข้างบน ปรากฏว่าต้นสูงมาก ผมนึกว่าจำปีจะต้นไม่สูง)




ที่นี่มีนกยูงที่เขาปล่อยไว้ให้เดินอยู่หลายตัว มีตัวสีขาวล้วนด้วย เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหล่ะ


พอได้ที่นั่ง และซัดส้มตำ เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงน้ำ ซึ่งน้ำใสมาก มีปลา

ด้วย ถ้ายืนเฉยๆปลาจะมาตอดขาจั๊กจี้ดี น้ำไม่เย็นจัดนัก กำลังสบายๆ
ดีกว่าน้ำที่น้ำตกซึ่งส่วนใหญ่จะเย็นเจี๊ยบ

น้ำที่นี่ไม่ลึก เต็มที่ประมาณแค่หน้าอก แต่ด้านล่างก็มีก้อนหินเยอะเหมือนกันนะ แต่ก็เห็นมีเด็กหลายคนโดดน้ำกันตูมๆ ไม่กลัวหัวแตกเลยรึไง??

หลังจากเล่นน้ำกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับ
ทางกลับก็จะผ่านป้ายที่เขียนว่า จุดชมวิวห้วยคอกหมู
ห้วยคอกหมู
ผมก็เลยถามสมาชิกว่าจะไปดูกันมั้ย ยังไม่มืด ยังพอมีเวลา ตกลงทุกคนอยากไป งั้นโอเค ลุย


ทางเข้าเป็นทางลูกรังล่ะครับ ไม่มีรถขับตามมาซักคัน เฮ้ย หลงป่าวฟะ
แต่พอไปถึงจุดนึงน่าจะประมาณ 4 กม. จะมีบ้านอยู่หลังนึงริมถนน เปิดเป็นร้านค้า ตรงนี้จะมีรถสวนออกมา 3 คันเป็น Civic และ กระบะ 4x4 อีก 2 คัน
คนที่ร้านก็มองรถผม ผมก็ชะลอดู คิดในใจว่า ไอ้พวกรถ 3 คันนั่นมันขึ้นไปแล้วเพิ่งลงมา หรือว่ามันเปลี่ยนใจกลับบ้านฟะ
เอ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดินหน้าต่อไป
พอพ้นหัวโค้งเท่านั้นแหล่ะครับ ทางชันขึ้นเขาเลยครับ ผมก็เบรคเลยครับ
เอาไงดีว้า เขาก็ไม่เคยขึ้น แถมเป็นลูกรังอีกตะหาก
สมาชิกในรถก็มีทั้งอยากให้ขึ้นกับกลัวไม่อยากให้ขึ้น
แต่สรุปแล้วผมก็ตัดสินใจ ขึ้นก็ขึ้นฟะ
ก็เลยขับขึ้นเป็นเรื่อยๆ มีตื่นเต้นบ้างบางช่วง มีรถสวนลงมามั่ง ล้อฟรีมั่ง

รอบขึ้นสูงมั่ง รถไถลมั่ง ฯลฯ

ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงห้วยคอกหมู ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของ ตชด.
ต้องเดินจากจุดจอดรถไปอีก 100 เมตร ซึ่งผ่านบ้านพักของ ตชด. พี่แกกำลังสับหมูทำอาหารเย็นอยู่

เมื่อเดินไปถึงจุดชมวิว ความเหนื่อยเมื่อสักครู่ก็หมดไป เพราะวิวสวยมาก

เห็นเทือกเขาทั้งฝั่งไทยและฝั่งพม่า อากาศก็เย็น สูงระดับเดียวกับเมฆเลยโดนละอองเมฆเย็นฉ่ำ

อากาศก็ดีมากๆ คุ้มค่าครับ

แต่ก็อยู่กันไม่นาน เพราะว่าจะมืดแล้วครับ ฝนก็ทำท่าจะตก ต้องรีบลง ไม่งั้นได้ลื่นแน่ๆ
ตอนขาลงนี่สงสารรถมากเลยครับ มันดังสนั่นหวั่นไหวเลย แต่ผมพยายามไม่

ใช้เบรคกลัวเบรคไหม้ คลัชก็ไม่ค่อยใช้ กลัวคลัชไหม้

กว่าจะลงมาถึงข้างล่าง ล่อซะเหงื่อแตกเลย ขนาดว่าเปิดแอร์นะเนี่ย
ภโวทัยไม่แวะแล้วครับ (แวะไม่ได้เพราะมันมืดแล้ว)


แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ทั้งเหนื่อยทั้งง่วงครับ ก็พยายามไม่ขับเร็ว ขับชิดซ้ายเข้าไว้
ถึงกรุงเทพฯ 4 ทุ่มกว่า
เป็นอันจบทริป




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551   
Last Update : 1 ธันวาคม 2556 23:07:55 น.   
Counter : 4737 Pageviews.  

การบินไทยไม่มีข้าวให้กินแล้วครับ

วันเสาร์ที่ผ่านมานั่ง TG ไปหาดใหญ่ ทั้งขาไปและขากลับเลยครับ ไม่มีข้าวให้กิน
มีขนมชิ้นนึง น้ำส้มแก้วนึง แก้วพลาสติกไว้กินกาแฟแก้วนึง ในซองก็มีช้อนกาแฟ,กระดาษ,ครีม,น้ำตาล แค่นั้น

สงสัยลดต้นทุนแน่ๆเลย
แย่จังตอนเช้าไปถึงหาดใหญ่ก็ทำงานเลย อดข้าวเช้า
ตอนกลับก็กว่าจะถึงบ้าน 3 ทุ่มครึ่ง ใส้กิ่วเลย

สงสัยงานหน้าแม้แต่น้ำส้มก็คงไม่มีบริการ
เหอๆ




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2551   
Last Update : 28 กรกฎาคม 2551 23:36:32 น.   
Counter : 847 Pageviews.  

Taxi สุวรรณภูมิ อีกแล้วครับท่าน

เบื่อ Taxi ที่สุวรรณภูมิที่สุดในโลกเลย เมื่อไหร่มันจะจัดการให้ดีๆซักทีนะ
อุตส่าห์เสียเงินเพิ่มตั้ง 50 บาท ยังจะเจอเรื่องงี่เง่าแบบนี้อีก

เมื่อวันจันทร์ไปเชียงใหม่ กลับมาลงที่สุวรรณภูมิ
ผมก็เดินมาต่อ Taxi ตรงที่เคยประจำ
ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตามปกติว่าไปรามคำแหง xxx

พอไปขึ้นรถ ก็แจ้งคนขับว่า ไปรามคำแหงซอย xxx ให้วิ่งเส้นร่มเกล้านะครับ

พอรถวิ่งมาซักแป้บนึง เพิ่งออกจากสนามบินมา ผมได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆตรงคนขับ ผมก็ชำเลืองมองมิเตอร์

แหม รถวิ่งซัก 60 ได้ แต่มิเตอร์ช่อง กม. ขึ้นอย่างเร็วเลย 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7
ระยะทางจริงๆซัก 1 กม. มันขึ้นไปซัก 3-4 กม. ได้มั้ง

ไอ้นี่ โกงมิเตอร์นี่หว่า

ผมเลยกระแอม อะแฮ่ม ไปทีนึง ถึงขนาดรถส่ายเลยครับ
ตัวเลขที่ขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นขึ้นแบบปกติทันที

ทีนี้ผมเลยนั่งมองมิเตอร์ตลอดทางเลย

ยังไม่จบ ไอ้เจ้าคนขับมันมุ่งไปแล้วครับ ทางหมายเลข 7 เกือบจะเข้าแล้ว
ผมเลยต้องบอกอีกครั้งนึง ไปทางร่มเำกล้านะพี่

มันคงจะโมโหมั้ง มันบอกว่า "พี่มาบ่อยหรือเปล่าเนี่ย"
ผมตอบไปว่า "มาบ่อย ทำไมเหรอ"
มันก็บอกว่า "พี่น่าจะบอกเขาไปว่า ไปร่มเกล้า ลาดกระบัง อะไรก็ได้ที่ใกล้ เพราะผมจะได้วนกลับมาใหม่ได้ ไม่ต้องมาเข้าคิวใหญ่รอ 3-4 ชั่วโมง"
ผมถามไปว่า "ทำไม มียังงี้ด้วยเหรอ"
มันก็บอกว่า เป็นแบบนั้นจริงๆ

เหอๆ แล้วใครมันจะไปรู้วะ

ดีนะที่มันเลี้ยวเข้าถนนร่มเกล้าทัน ไม่งั้นคงได้มีเฮกันบ้างแหล่ะ
มาถึงบ้าน ค่ารถแพงกว่าทุกครั้งประมาณ 20 บาท เหอๆ คนไทยด้วยกันนะเนี่ย

ถ้าผมไม่สนใจมองมิเตอร์ ค่ารถผมคงไม่ซัดไป 300 กว่าเหรอเนี่ย
ถ้าผมไม่มองทางมันคงพาเข้ามอเตอร์เวย์กันอีก

ทำไมปัญหามันเยอะยังงี้วะเนี่ย สุวรรณภูมิ




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 15:46:02 น.   
Counter : 1025 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

จรวดทีม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add จรวดทีม's blog to your web]