All Blog
**Review**Fangirl - Rainbow Rowell


Fangirl - Rainbow Rowell

Title : Fangirl

Author : RainbowRowell

Genre : YA /Contemporary

Published January 1st2013

เรื่องย่อ :

แคธ เป็นแฟนหนังสือ ไซมอน สโนว์ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่เธอเป็นแฟนที่มีแฟนๆอีกหลายหมื่นคนคอยติดตามผลงานแคธเขียนแฟนฟิค และ ไซมอน สโนว์ก็เป็นโลกทั้งใบของเธอเธอเก็บตัวจากคนภายนอก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครนอกจากฝาแฝดของเธอแต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย แคธต้องจากพ่อ และฝาแฝดต้องการไปมีชีวิตของตัวเองเหตุการณ์วุ่นวายจึงเริ่มต้นขึ้น ซ้ำร้ายยังมีหนุ่มๆเข้ามาพัวพันแคธจะปรับตัวเช่นไรกับชีวิตใหม่ของเธอเมื่อเรื่องราวความรักมาเคาะประตูอยู่ตรงหน้าและไม่ได้อยู่แต่ในนิยายที่เธอเขียนอีกต่อไป

รีวิว + สปอยล์

เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อแคธต้องเข้าเรียนมหาลัยเธออยากพักกับเรน ฝาแฝดของเธอ แต่ว่าเรนดันปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าจุดประสงค์ของการเข้ามหาลัยก็คือการได้เจอกับคนใหม่ๆนะเเคธเลยจำใจต้องอยู่ห้องดียวกับเรเเกนแคธรู้สึกอัดอัดมากที่ต้องอยู่กับคนที่เธอไม่รู้จักแถมลีไวแฟนเก่าของเรแกนก็ยังมานั่งเล่นในห้องเธอบ่อยๆแคธต้องคอยแอบเขียนแฟนฟิคชั่นตอนที่เรแกนไม่อยู่ห้องเธอไม่ยอมลงไปกินข้าวเพราะไม่อยากพบเจอผู้คน จนวันนึงที่เรแกนทนไม่ไหวจนต้องบังคับให้แคธไปกินข้าวด้วยกัน

แคธลงเรียนวิชาFictionwriting เธอได้พบกับนิค และมักไปแต่งนิยายด้วยกันที่ห้องสมุดแต่แล้วนิคก็ขโมยนิยายที่ช่วยกันแต่งไปเป็นของตัวเองและซ้ำร้ายอาจารย์ก็ยังไม่ให้เธอผ่าน เพราะเธอเอาแฟนฟิคชั่นไปส่ง แทนที่จะเขียนเรื่องของตัวเองขึ้นมา

แคธเริ่มสนิทกับลีไวแม้เธอจะยังไม่ค่อยไว้ใจ และรักษาระยะห่างอยู่บ้างแต่ความดีของลีไวก็เอาชนะใจเธอจนได้

แคธเริ่มเปิดใจให้กับคนอื่นๆส่วนเรนก็เจอปัญหาใหญ่จนเกือบต้องดรอปเรียนแต่ในที่สุดฝาแฝดทั้งสองคนก็กลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมและเเคธก็เริ่มเขียนนิยายที่เป็นของตัวเองจริงๆ

การเล่าเรื่อง : เล่าในมุมมองแคธคนเดียวมีแทรกแฟนฟิคแบซ กับไซม่อนด้วย (ที่จริงมันคือแฟนฟิคแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นเอง)

ภาษา : มีศัพท์ยากแทรกมาเรื่อยๆแล้วก็มุขที่คนไทยอย่างเราไม่เข้าใจ 55

ความรู้สึกหลังอ่าน : อ่านจบแล้วอยากจะกรอกตาสิบล้านรอบเฮ่ออออ ไม่สนุกเลยอ้ะ! พล็อตแบบราบเรียบมากกกกกกกก ไม่มีอะไรเลยอย่างข้างบนที่เรารีวิวมา สาบานเลยนะว่านั่นสปยล์แล้ว 555 คือสรุปแบบเนื้อๆเลย 555 นางเอกทำตัวแบบพวกรังเกียจสังคมมากกว่าintrovert นะ ความคิด การกระทำอย่างกะเด็กประถมออกแนวโง่ซะมากกว่า *เบะปาก* เหนื่อยใจจริมๆ กว่าจะอ่านจบล่อไปสี่-ห้าเดือนไม่เห็นจะสนุกอย่างที่เค้าว่ากันเลย แล้วที่พวกฝรั่งชอบว่า มีcharacter development อะไรเนี่ยเราไม่เห็นว่ามันจะพัฒนาแบบสมเหตุสมผลเลย ก็แค่เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดพีค

ส่วนแฟนฟิคที่แทรกมาความจริงไม่ต้องมีก็ได้นะ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเรื่องเลยหรือว่าแค่อยากให้หนังสือเล่มใหญ่ขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ - -*

ตอนจบก็จบแบบงงๆประมาณว่า อ้าว จบแล้วเรอะ ยังไม่ทันรู้สึกไรเลย (ที่จริง จบได้ก็ดีขี้เกียจอ่านละ 55)

มีตอนนึงที่งงกับความคิดนางเอกมากคือ นางกลัวว่า อนาคตอาจจะเลิกกับลีไว ไรงี้ เพราะงั้น เราก็รีบมีเซ็กส์กับลีไวตอนที่ยังมีโอกาสนี่แหละ เรานี่แบบ หืมมมมมมมมม ความคิดเมิงนี่นะทีตอนแรกกลัวเค้าปล้ำจะตายอยู่ละ เฮ่อออออ *ขอถอนหายใจแรงๆเลย*

คะแนน : 2.5/5 นี่ให้คะแนนแบบเกรงใจสุดๆแล้วนะเพราะปกติเราไม่ค่อยหวงคะแนนอยู่ละ เราว่าจะไม่อ่านงานของเรนโบว์อีกซักพักเลยเพราะเคยอ่าน Eleanor & park ไปครึ่งเล่มไม่เวริ์คพอกัน *กรอกตาอีกสิบล้านรอบ*




Create Date : 26 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 23 กรกฎาคม 2559 15:09:45 น.
Counter : 1046 Pageviews.

1 comment
**Review** Aristotle and Dante Discover the Secrets of the Universe - Benjamin Alire Sáenz
Aristotle and Dante Discover the Secrets of the Universe 
Benjamin Alire Sáenz



Title : Aristotle and Dante Discover the Secrets of the Universe
Author : Benjamin Alire Sáenz
Genre : YA / Contemporary / GLBT
Published : February 21st 2012 

Synopsis :
อริสโตเติลเป็นวัยรุ่นขี้โมโห เขามีพี่ชายถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเพราะก่อคดีร้ายแรงขึ้น ส่วนดันเต้ก็เป็นพวกรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง แถมยังมองโลกใบนี้ในมุมมองที่แปลกประหลาดกว่าคนทั่วไปเสียอีก ในช่วงหน้าร้อน ทั้งสองคนได้มาเจอกันที่สระว่ายน้ำแห่งหนึ่ง ในตอนแรก..ดูเหมือนว่าพวกเขาแทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย แต่เมื่อคนเหงาได้มาใช้เวลาร่วมกัน ส่งต่อสิ่งพิเศษที่เรียกว่า..มิตรภาพ สิ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งคู่และจะยังคงอยู่ตลอดไป อริและดันเต้ได้เรียนรู้ความจริงที่แสนสำคัญเกี่ยวกับตัวเอง และเส้นทางแบบไหนที่พวกเขาอยากจะไป...

Review + Spoil
อริเป็นเด็กชายวัย 15 ปี กำลังอยู่ในช่วงสับสนเพราะร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงไปสู่วัยรุ่นหลายอย่าง เขาไม่มีเพื่อนเลยสักคนเพราะไม่ชอบนิสัยป่าเถื่อน หยาบคายของพวกเด็กผู้้ชาย อริชอบไปเที่ยวที่สระว่ายน้ำอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าตัวเองจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม แต่ในวันที่แสนจะน่าเบื่อวันหนึ่ง เขาได้พบกับดันเต้ เด็กผู้ชายผิวขาว ที่ไม่เหมือนคนแม็กซิกันอย่างเขาเลยสักนิด อยู่ๆเด็กนี่ก็เข้ามาเสนอตัวว่าจะช่วยสอนอริว่ายน้ำ แล้วมิตรภาพของทั้งสองคนก็เริ่มต้นขึ้น...

อริเติบโตในครอบครัวที่ไม่ค่อยพูดคุยกันมากนัก ซึ่งนั่นทำให้เขามักเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆเอาไว้ในใจเสมอ จนหลายต่อหลายครั้ง มันก็กลับกลายมาเป็นฝันร้ายทำร้ายตัวเขาเอง อริมีเพียงดันเต้ที่คอยช่วยให้เขารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ด้วย เขารู้สึกจริงๆว่าชอบเพื่อนคนนี้มากมายเหลือเกิน...

ในบ่ายวันหนึ่งหลังพายุฝนผ่านไป อริกับดันเต้ออกไปดินเล่นด้วยกัน ดันเต้บังเอิญเห็นนกปีกหักร่วงอยู่กลางถนน เขาจึงตรงเข้าไปประคองไว้ในมือ แต่แล้วจู่ๆก็มีรถคนหนึ่งวิ่งไถลไปมาตามถนนที่ชื้นฝน และพุ่งตรงมาที่ดันเต้ อริทำอะไรไม่ถูก ในหัวของเขามีแต่ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน และตัวเองก็ได้แต่ตะโกนชื่อดันเต้ไม่หยุด...

อริตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล เขาพบว่าตัวเองแขนหัก ขาตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปกระดูกหักหมดต้องเข้าเฝือกไว้ นอกจากร่างกายที่เจ็บหนัก อริรับรู้ได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างกำลังเติบโตขึ้น และเขาเองก็ไม่อยากจะยอมรับมันด้วย หลังจากเหตุการณ์นั้น อริก็กลายเป็นพวกขี้โมโห ความคิดขัดแย้งกันไปมาอยู่ในหัว ทั้งที่อยากเจอดันเต้ แต่อีกใจก็อยากจะอยู่ห่างๆ พอดันเต้มาคอยดูแลใกล้ชิด เขากลับรู้สึกโมโหจนอยากจะต่อยให้คว่ำ แม้กระทั่งดันเต้ต้องย้ายไปชิคาโก อริก็ยังสับสนว่าเมื่อดันเต้กลับมาแล้ว ทุกอย่างจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า

ดันเต้เขียนจดมหมายถึงอริไม่ขาด เขามักเล่าเรื่องชีวิตในชิคาโกให้อริฟังว่า เขาเริ่มชอบที่นั่น และตอนนี้ก็มีเพื่อนเยอะแยะแล้วด้วย เขายังเล่าถึงเรื่องจูบแรก เหล้าเบียร์ ปาร์ตี้ สูบกัญชา แม้กระทั่งเรื่องช่วยตัวเองครั้งแรก - -* อริแทบจะไม่ได้ตอบจดหมายดันเต้เลย ถึงตอบก็เพียงแค่ข้อความสั้นๆเท่านั้น แต่ดันเต้ก็ยังยืนยันว่าจะเขียนส่งมาเสมอ 

มีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่งที่ดันเต้สารภาพกับอริว่า เขาชอบผู้ชาย และไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ยังไงดี

1 ปีผ่านไป ดันเต้ย้ายกลับมา แต่ทั้งสองคนก็แทบจะไม่ได้เที่ยวเล่นกันเหมือนเก่า เพราะอริเองก็พยายามหลบหน้าด้วยการเอางานพิเศษเป็นข้ออ้าง แต่แล้ววันหนึ่ง ในขณะที่นั่งเล่นด้วยกันในห้อง จู่ๆดันเต้ก็ขออริจูบเพราะอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง อริไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยอมตามที่ดันเต้สั่ง แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ผลักดันเต้ออก แล้วย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นจริงๆ(ไม่ได้ชอบผู้ชาย)

ทั้งอริและดันเต้ยิ่งเข้าหน้ากันไม่ติด ดันเต้หันไปคบกับเดเนียล เพื่อนที่ทำงานพิเศษที่เดียวกัน แต่พอปรับความเข้าใจกันได้ อริก็ต้องรีบเดินทางไปหาป้าที่เมืองอื่น และเขาได้รู้ว่า ป้าของตัวเองเป็นเลสเบี้ยน แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจป้าเลยสักนิด เพราะว่าป้าของเขาเป็นคนดี อริกลับมาสับสนอีกครั้งกับความจริงข้อนี้...

หลังกลับจากงานศพป้า อริเดินไปบ้านดันเต้เพื่อรับหมาที่ฝากไว้ แต่เขาก็ได้ทราบข่าวร้ายจากพ่อดันเต้ว่า ตอนนี้ลูกชายนอนอยู่โรงพยบาลเพราะถูกซ้อม คนเห็นเหตุการณ์เป็นยายแก่ๆ เธอบอกว่าเห็นดันเต้กำลังยืนจูบอยู่กับเดเนียล แล้วสักพักก็มีกลุ่มวัยรุ่นผ่านมา แล้วรุมซ้อมดันเต้ โดยที่เดเนียลวิ่งหนีไปคนเดียว อริจำใจต้องสารภาพว่า เขารู้อยู่แล้วเรื่องที่ดันเต้ชอบผู้ชาย และดันเต้เองก็หวังว่า 'น้องชายที่กำลังจะเกิดมาต้องชอบผู้หญิง และพวกเขาก็จะมีหลานตัวน้อยๆ พ่อกับแม่จะได้มีความสุข'

อริไปเยี่ยมดันเต้ที่โรงพยาบาล สภาพยับเยินของดันเต้ทำให้เขาโกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาออกไปตามหาแก๊งค์วัยรุ่นกลุ่มนั้นแล้วจัดการแก้แค้นให้ดันเต้ ถ้าไม่มีคนมาห้ามไว้ เขาอาจจะฆ่าเด็กพวกนั้นตายคามือไปแล้วก็ได้

อริถูกส่งกลับบ้าน เขาโชคดีที่อีกฝ่ายไม่แจ้งตำรวจ แต่ตัวเองก็ต้องถูกพ่อตำหนิเสียยกใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ไปเยี่ยมดันเต้ทุกวัน พวกเขาดูเหมือนจะไม่มีอะไรคุยกันมากนัก ส่วนใหญ่เลยได้แต่นั่งอ่านหนังสือกลอนของดันเต้ แต่อยู่ๆวันนึงดันเต้ก็สารภาพกับอริว่า ตอนที่เขาจูบกับเดเนียล ในหัวเขาคิดตลอดว่ากำลังจูบอริอยู่ อริที่มักหวั่นๆกับความลับของดันเต้เลยตอบกลับไปว่า 'ถ้างั้นนายก็ควรจะไปหาหัวใหม่ซะนะ..ดันเต้'

อริอารมณ์เสียที่เดเนียลมาเยี่ยมดันเต้ถึงบ้าน เขาเกลียดเดเนียลเพราะหมอนั่นทิ้งดันเต้แล้วหนีเอาตัวรอดคนเดียว เขาได้แต่ย้ำกับตัวเองและคนอื่นแบบนั้น...

พ่อแม่ของอริรู้สึกได้ว่าลูกชายทำตัวแปลกไปเลยเรียกมาคุยเปิดอก แม่ของเขาบอกว่า ยิ่งอริพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้แบบนี้ สักวันมันจะต้องฆ่าเขาแน่ๆ ทุกคนต่างดูออกว่าดันเต้น่ะ..รักอริ เพราะว่าดันเต้ไม่เคยคิดจะปิดบังความรู้สึกนี้เลย แล้วปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าตอนนี้ดันเต้จะเดทกับเดเนียลรึเปล่า แต่มันอยู่ที่ตัวอริเอง ที่ไม่ยอมรับว่าเขาเองก็รักดันเต้เช่นกัน

อริอยากจะปฏิเสธ แต่เขาก็ต้องยอมรับความจริงว่า การที่เขาวิ่งเข้าไปช่วยดันเต้จากรถเสียหลักโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง และการที่เขาไปแก้แค้นพวกเด็กวัยรุ่นที่รุมซ้อมดันเต้นั้น เป็นเพราะว่าอริรักดันเต้มาก จนไม่อยากจะเสียดันเต้ไป...

อริขับรถพาดันเต้ไปกลางทะเลทราย สถานที่ที่เขาชอบหลบมานอนดูดาวคนเดียวเวลามีเรื่องไม่สบายใจ วันนี้ดันเต้ดูหงุดหงิดจนอริกลัว ดันเต้บอกว่า เขาไม่สามารถทนทำตัวเป็นเพื่อนได้อีกแล้ว และเขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นที่อริพูดถึงเรื่องจูบวันนั้น ดันเต้ไม่เคยลืมว่าถูกอริปฏิเสธ และเขาก็ไม่อยากนึกถึงมันอีก

อริยอมรับว่า เขาโกหก เพราะที่จริงแล้วเขาก็รู้สึกไม่ต่างจากดันเต้ และนั่นคือความลับของจักรวาลที่อริพยายามค้นหา ความลับของร่างกายนี้ ความลับของหัวใจดวงนี้ คำตอบของทั้งหมดอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลย อริหวนนึกถึงคำพูดของแม่ที่ถามเขาว่า 'ลูกอายที่รักดันเต้เหรอ?'
อริเอื้อมไปจับมือดันเต้และกุมมือนั้นไว้

เขาจะอายที่รักดันเต้ ควินตาน่าคนนี้ได้ยังไงกันล่ะ...

---จบปิ้ง---

การเล่าเรื่อง : เล่าในมุมมองอริคนเดียว บทบรรยายไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่ป็นบทพูดมากกว่า

ภาษา : ศัพท์ง่ายมาก อ่านแปบเดียวจบ แล้วภาษาก็สวยดีด้วย ไม่แปลกที่จะได้รางวัลเยอะเเยะมากมาย

ความรู้สึกหลังอ่าน : หูยยยย กว่าจะหาซื้อเรื่องนี้ได้ เหนื่อยมาก ไปที่คิโนะกี่ทีไม่เคยเจอเบย - -* มาเข้าเรื่องดีกว่า เรื่องนี้ในgoodreads ได้คะแนนสูงมาก ที่จริงพล็อตมันก็ไม่ได้แปลกพิสดารอะไร ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ แต่เราชอบที่โทนของเรื่องมันเป็นสีขาว ไม่เหมือนนิยายวายบ้านเราที่หม่นๆถึงดำปี๋ - -* สังเกตมาหลายเรื่องละ พวกนิยายเกย์วัยรุ่นบ้านเค้า ธีมส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการค้นหาและยอมรับตัวเอง พล็อตไม่ได้เอ็นซีกระจายเหมือนบ้านเรา (แต่ถ้าไปดูหมวด erotic หรือ bdsm อันนั้นเราว่าบ้านเราเทียบไม่ติด 555) เนื้อเรื่องใสๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่าน The perks of being a wallflowerเลย(อันนี้ไม่ค่อยใสเท่าไหร่ - -*) เราว่าเป็นหนังสือที่ดีเล่มนึง ถ้ามีโอกาสก็ควรหามาอ่านกันจ้า
คะแนน : 10+/5 (เป็นความชอบส่วนตัว เราไม่หวงคะแนนอยู่เเร้นนน)




Create Date : 17 พฤษภาคม 2558
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 1:52:22 น.
Counter : 4220 Pageviews.

3 comment
**Review** Easy (Contours of the Heart #1) - Tammara Webber
Easy (Contours of the Heart #1) - Tammara Webber




Title : Easy (Contours of the Heart #1)
Author : Tammara Webber
Genre : NA / Romance / Contemporary
Published : May 25th 2012

Synopsis : 
 สิ่งสุดท้ายที่แจ็คเกอรีน (Jacqueline) หวังคือ เลิกกับแฟนหนุ่มที่คบหากันมานาน หลังจากตามเขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ผ่านไป 2 อาทิตย์กับอาการช็อค เธอตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริงว่า ตัวเองโสด เข้าเรียนมหาลัยรัฐ แทนที่จะเป็นวิทยาลัยดนตรี ถูกเมินจากกลุ่มเพื่อน แล้วก็สอบตกเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอด้วย

 หลังออกจากงานปาร์ตี้ เจ(เเจ็คเกอรีน) ถูกเพื่อนในหอพักของแฟนเก่าทำร้ายร่างกายและพยายามจะข่มขืน แต่เธอก็ถูกช่วยไว้โดยชายหนุ่มแปลกหน้าที่ดันมาอยู่ถูกที่ถูกเวลาซะเหลือกิน เจอยากจะลืมเหตุการณ์นั่นทั้งหมด แต่ลูคัส..คนที่ช่วยเธอไว้กลับมานั่งเรียน ECON ห้องเดียวกับเธอ เขาเอาแต่นั่งเสก็ตช์ภาพแล้วก็จ้องเธอไม่วางตา และอีริน..เพื่อนสนิทของเจ ก็แต่งตั้งให้ลูคัสเป็นคนดามหัวใจระหว่างอกหักที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็กต์ด้วย

เมื่อคนที่ทำร้ายเธอกลายมาเป็นสตอล์คเกอร์ เจมีทางเลือกเพียงแค่จะยอมแพ้ หรือสู้กลับไป ลูคัสยังคงปกป้องเธอไม่ห่าง แต่เขาก็เก็บงำความลับไว้มากมายเหลือเกิน...

Review + Spoiler
เรื่องนี้อ่านมาได้สักพักละ ถ้าจำผิดไปบ้างก็ขอโทษล่วงหน้าไว้เลยละกัน อิอิ  เรื่องเริ่มต้นเมื่อเจถูกบัค เพื่อนในหอเดียวกันของเเฟนเก่าพยายามจะข่มขืนในลานจอดรถ หลังจากที่เจเพิ่งออกมาจาก Greek Party แต่โชคช่วยที่ลูคัสผ่านมาและช่วยเธอไว้ทันพอดี เขากระทืยบบัคซะจนสลบเหมือด แล้วพาเจส่งกลับหอ โดยเจปฏิเสธที่จะไม่แจ้ง911เพราะกลัวตำรวจจะมาพังงานปาร์ตี้ แล้วเธอคงต้องถูกเพื่อนแบนแน่ๆ

เจพยายามจะลืมเหตุการณ์เลวร้ายนั้น แต่ลูคัสก็ดันโผล่มาทุกที่ที่เธอไป อีรินแต่งตั้งให้เขาเป็นที่ดามใจของเจ ทั้งคู่เลยวางแผนให้เจอ่อยลูคัส 55 ในระหว่างที่ดำเนินการตามแผน เจก็เผลอมีใจให้กับติวเตอร์ที่เธอไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตา เขาชื่อว่า แลนดอน ทั้งสองคนติดต่อกันผ่านทางอีเมลล์ แลนดอนคอยปลอบใจเธอเรื่องเคเนดี้ แฟนเก่าของเจ ไปๆมาๆหัวใจของเธอก็เริ่มเอนเอียงไปทางแลนดอนมากกว่าลูคัส แต่สุดท้าย..เจก็ได้รู้ว่า ที่จริงแล้วลูคัส กับ แลนดอนคือคนๆเดียวกัน...

เจรู้ว่ามาว่ามีกฎไม่ให้ติวเตอร์ประจำวิชาสนิทสนมกับลูกศิษย์ เพราะจะทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการสอบได้ ดังนั้นลูคัสถึงต้องปกปิดตัวเอง เจรอให้ลูคัสเป็นคนสารภาพ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมพูด แต่ในที่สุด พวกเขาก็โดนอาจารย์ประจำวิชาจับได้ว่าแอบคบหากัน ทั้งสองคนเลยต้องห่างกันไปอย่างช่วยไม่ได้...

พอเคเนดี้รู้ว่าเจกำลังเริ่มต้นกับลูคัสก็เกิดเสียดายขึ้นมา เลยกลับมาตามง้อ ส่วนบัคเองก็ยังคอยรังควานเธอไม่เลิกรา ต่อมาเคเนดี้รู้เรื่องที่บัคพยายามจะข่มขืนเจเข้า เขาเลยไปขู่บัคไม่ให้ยุ่งกับเจอีก บัคโมโหมากจึงไประบายความโกรธด้วยการข่มขืนเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งอีริน เจโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง และไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ยังไง เธอเลยไปขอความช่วยเหลือจากลูคัส เพราะงั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ความสัมพันธ์ของเจและลูคัสลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่ยอมทำไปถึงที่สุด (เข้าใจใช่มั้ยเพื่อนๆ -///-) ลูคัสขอให้เจสั่งเขาให้หยุด เจยอมทำตามแบบงงๆ (ก็มันค้างน่ะสิ 55) เธอเริ่มรู้สึกว่า ลูคัสคนนี้มีอะไรแปลกๆ เพราะเขามักจะทำหน้าเจ็บปวดให้เธอเห็นทุกครั้ง แต่ไม่ว่าเธอจะถามเขายังไง ลูคัสก็ไม่ยอมตอบ ซ้ำยังโมโหใส่เธออีก เจจึงต้องค้นหาความจริงนั้นด้วยตัวเอง

เจลองเสริ์ชชื่อ ลูคัสในอินเตอร์เน็ต และนั่นก็ทำให้เธอได้พบกับความลับที่ลูคัสได้เก็บซ่อนไว้ไม่ยอมบอกเธอ

เจพบข่าวมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับแม่ของลูคัส ในเย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่พ่อของลูคัสไปทำงานต่างเมือง มีช่างซ่อมบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่บุกเข้ามาในบ้าน และข่มขืนแม่ของเขาอย่างทารุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่ลูคัสถูกมัดไว้กับเตียงในอีกห้องนึง เขาพยายามจะช่วยแม่แต่ก็ทำไม่ได้ แม่ของเขาโดนปาดคอ นอนตายจมกองเลือด ส่วนคนร้ายก็ฆ่าตัวตายตาม เหตุการณ์ครั้งนั้นยังตามหลอกหลอนลูคัสอยู่เสมอ เนื่องจากก่อนที่พ่อจะออกไปทำงานได้ฝากฝังให้เขาดูแลเเม่ดีๆ แต่เขาก็ทำไม่ได้ เขาจึงต้องจมกับความรู้สึกผิดนั้นเรื่อยมา...

เจอยากช่วยลูคัสเหมือนกับที่เขาคอยปลอบใจเธอเสมอมา แต่ลูคัสคงไม่มีวันเล่าเรื่องนั้นให้เธอฟัง เจจึงสารภาพเรื่องทั้งหมดว่าเธอไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับตัวเขามา ลูคัสโกรธมากที่เจไปขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของตัวเอง เขาไล่เธออกจากห้องโดยไม่ใยดี ในขณะที่เจก็รู้สึกผิดที่พูดเรื่องนั้นออกไป

เจเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ห่างออกไป แต่เธอก็ต้องพบกับบัคอีกครั้ง เขามาคราวนี้เพื่อแก้แค้น เพราะเจดันเอาเรื่องที่เขาข่มขืนเพื่อนของอีรินไปแจ้งตำรวจ จนทำให้ตัวเขาต้องถูกส่งฟ้องศาล เจพยายามต่อสู้ป้องกันตัวตามที่ได้เรียนมาจากลูคัส แต่บัคก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เขาวิ่งไล่เธออย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่เจคิดว่าเธอคงไม่รอดแน่ๆ ลูคัสก็ปรากฎตัวมาช่วยเธอเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้บัคไม่ได้เมาเหมือนตอนGreek Party ทั้งสองคนต่างแลกหมัดใส่กันไม่ยั้ง บัคคอยพูดยั่วโมโหว่าจะข่มขืนเจอยู่ตลอด ลูคัสได้ฟังก็ยิ่งเลือดขึ้นหน้า หวนนึกถึงคราวที่แม่ของตัวเองโดนข่มขืน เขาเกือบจะฆ่าบัคให้ตายคามือ แต่โชคยังดีที่เพื่อนบ้านและตำรวจเข้ามาควบคุบสถานการณ์ไว้ได้ทัน

เหตุการณ์เลวร้ายผ่านไป เจทำเรื่องขอโอนย้ายไปเรียนที่วิทยาลัยดนตรีในเมืองอื่น ส่วนลูคัสเองก็เรียนจบ และได้งานเป็นวิศวกรให้กับบริษัทหนึ่งในย่านตัวเมือง เจเสียใจที่ต้องแยกกับลูคัสไปไกลหลายร้อยไมล์ แต่เขาก็เฉลยในตอนสุดท้ายว่าบริษัทที่ทำอยู่เนี่ย มีสาขาในเมืองที่เธอไปเรียนด้วย เพราะงั้นทั้งสองคนก็อยู่ห่างกันแค่นิดเดียวเอง..จบปิ้ง

การเล่าเรื่อง : เล่าในมุมมองของเจคนเดียว แต่เห็นเล่ม 2 บอกว่าเล่าในุมมองของลูคัส ใครที่อยากรู้ก็ลองไปหาอ่านเอาจ้า แล้วก็มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับเยาวชนตามสไตล์ของ NA ด้วยนะ ผู้ปกครองควรพิจารณา 55 (ที่จริงเราคิดว่าพวกฟิคชั่น หรือนิยายวายตามเว็บไทยแรงกว่าเล่มนี้ประมาณสิบล้านเท่าได้ 55) 

ภาษา : ศัพท์กลาง - ยาก ชอบมี  adv. หน้าตาประหลาดๆโผล่มาตลอดเบยยยย ที่บอกว่าแปลก คือ เราก็อ่านหนังสือมาหลายเล่มเเล้วนะ บางตัวเรายังมิเคยเจอเลย - -*

ความรู้สึกหลังอ่าน : เรื่องนี้ก็หนุกดีนะ อ่านได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ ถ้าไม่ติดตรงรำคาญอิ adv. แปลกๆ คงอ่านจบภายในวันเดียวละ 55 แอบขัดใจนิดนึงตรงที่นางเอกกะผญ.อีกคนที่ถูกข่มขืนแล้วไม่ยอมแจ้งตร. เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ ซึ่งในเรื่องก็มีพวกนางอิจฉาคอยเหน็บแนมว่า เห้ย ไอ้ผช.คนนั้นอะฮ็อทจะตายยยย มีผญ.อยากนอนกับเขาตั้งเยอะแยะ เค้าจะปล้ำเธอทำเพื่อ?! - -* โหหหห ความคิด อยากจะกระโดดเข้าไปตบให้หน้าหัน 555 ที่จริงเราก็เคยอ่านหนังสือหลายเล่มที่ตัวเอกโดนข่มขืนหรือถูกแกล้งอะไรพวกนี้ แล้วก็ไม่ยอมแจ้งตำรวจ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องแคร์คนอื่นขนาดนั้น ทั้งที่ตัวเองเป็นเหยื่อแท้ๆ เฮ่อออออ

คะแนน : 4.5/5



Create Date : 13 พฤษภาคม 2558
Last Update : 13 พฤษภาคม 2558 0:37:15 น.
Counter : 895 Pageviews.

3 comment
**Review** Paper Towns - John Green
Paper Towns - John Green




Title : Paper Towns
Author : John Green
Genre : YA / Contemporary
Published : October 1st 2008

เรื่องย่อ : 

มาร์โก้ตัวจริง..คือใครกันแน่?

Quentin Jacobsen ใช้ทั้งชีวิตหลงรักเด็กสาวนักผจญภัยอย่าง Margo Roth Spiegelman จากที่ไกลๆ แต่เมื่อวันนึงเธอเปิดหน้าต่างและปีนเข้ามาในชีวิตเขาในชุดนินจา มาร์โก้ขอร้องให้เควนตินช่วยทำตามแผนแก้แค้นอันชาญฉลาดของเธอ และเควนตินก็ต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากค่ำคืนอันยาวนานจบลง และวันใหม่มาถึง เควนตินพบว่า มาร์โก้ที่มักทำตัวลึกลับได้กลายเป็นปริศนาไปซะแล้ว แต่ไม่นานเควนตินก็ได้รู้ว่ามีร่องรอยบางอย่างถูกทิ้งไว้ และมันมีไว้เพื่อเขาเท่านั้น ยิ่งเควนตินเดินไปตามเส้นทางที่ไม่ปะติดปะต่อนั้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งห่างไกลจากเด็กสาวที่เขาคิดว่ารู้จักมากขึ้นเท่านั้น...

รีวิว + สปอยล์ :

เรื่องนี้เราหยิบมาอ่านเพราะหนังใกล้เข้าแล้ว กลัวตกเทรนด์ ฮ่าๆ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเควนติน หรือ คิว เป็นเพื่อนกับมาร์โก้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ทั้งสองคนชอบเล่นด้วยกันบ่อยๆ ในวันนึงทั้งคู่ได้พบกับผู้ชายใกล้ตายคนนึงที่สวนสาธารณะ มาร์โก้ที่ชอบเรื่องผจญภัยจึงไปตามหาสาเหตุ แล้วก็ชอบมานั่งเล่าให้คิวฟังริมหน้าต่าง...

แต่เมื่อคิวและมาร์โก้เข้าไฮสคูล ต่อหน้าคนอื่นๆที่โรงเรียน ทั้งคู่กลับทำตัวเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน คิวมักแอบบมองมาร์โก้กับแฟน และแอบหมั่นไส้อยู่ในใจ แต่อยู่ดีๆคืนนึงมาร์โก้ก็ปีนขึ้นมาที่หน้าต่างห้องเขา และขอให้คิวช่วยแก้แค้น และทำตามมิชชั่น 11 อย่าง มาร์โก้และคิวจัดการแก้แค้นเจส -- แฟนของมาร์โก้ ที่แอบบนอกใจไปมีอะไรกับเบคก้า -- เพื่อนในแก๊งเดียวกันกับมาร์โก้ แล้วก็พากันเข้าไปในตึกสูงแห่งนึงเพื่อดูวิวเมือง Orlando ตอนกลางคืน มาร์โก้บอกคิวว่า เมืองๆนี้คือ Paper Town จากที่ตรงนี้ เรามองไม่เห็นสีของบ้านที่หลุดร่อน แต่เราก็ยังบอกได้ว่านั่นเป็นบ้านของใคร นั่นแหละที่มาร์โก้คิดว่ามันหลอกลวง และเธอทีเป็น Paper girl ก็ไม่อาจทนอยู่ใน Paper town ที่เต็มไปด้วยมนุษย์กระดาษเหล่านั้นได้อีกต่อไป...

วันรุ่งขึ้น คิวคิดว่าจะได้พบมาร์โก้ที่โรงเรียน และย้ายมานั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันที่โต๊ะของเขา แต่ทั้งวันมาร์โก้ก็ไม่โผล่มา ผ่านไปหลายวันเขาถึงได้รู้ว่ามาร์โก้หนีออกจากบ้านเป็นครั้งที่ 3 แต่พ่อแม่ของมาร์โก้เบื่อที่จะตามหาอีกต่อไป เพราะพวกเขาคิดว่าเธอก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจ แล้วก็ไม่มีใครอยากจะมานั่งปวดหัวก็ร่องรอยที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้อีกด้วย

แต่คิวกลับพบว่าที่ห้องของมาร์โก้มีโปสเตอร์ที่เขาไม่เคยเห็นแปะอยู่ มิหนำซ้ำยังจงใจหันมาที่ห้องเขาราวกับตั้งใจ คิวคิดว่านี่คงเป็นร่องรอยที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้เขาโดยเฉพาะ คิวเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทอีกสองคนฟัง พวกเขาจึงพากันไปค้นหาร่องรอยอย่างอื่นในห้องมาร์โก้ คิวพบหนังสือกลอนเล่มนึงที่พาเขาไปยังห้างร้างแห่งหนึ่ง ที่นั่นเขาพบกับข้อความนึงที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้...

"You will go to the paper towns and never come back.."

จากข้อความนั้น คิวคิดว่ามาร์โก้อาจจะคิดฆ่าตัวตาย หรืออาจจะตายแล้ว แต่อยากให้เขาเป็นคนพบศพ ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ทำให้เขาร้อนรนอยากจะหามาร์โก้ให้เจอเร็วๆ หลังจากค้นหาอยู่หลายครั้ง คิวเจอรอยหมุดบนผนังอยู่หลายจุด เขาคิดว่าน่าจะเป็นรอยหมุดที่เกิดจากการเอาเอาเข็มหมุดปักไว้บนแผนที่ แล้วคิวก็เจอแผนที่เก่าๆซ่อนอยู่แถวนั้นจริงๆ 

เพื่อนของคิวคิดว่า ถ้าดุจากแผนที่แล้ว มาร์โก้น่าจะแค่อยากสนุกกับโรดทริปตามเส้นทางนั้นมากกว่า แล้วเดี๋ยวก็คงจะกลับมาเองในวันพิธีจบการศึกษา แต่คิวไม่คิดอย่างนั้น เพราะนั่นไม่เหมือนกับมาร์โก้ที่เขารู้จัก คิวลองเอาคำว่า Paper Towns เสริ์ชในอินเตอร์เน็ท แล้วพบกระทู้นึงที่ให้ความหมายของ Paper Towns ไว้ 

 Paper Town เป็นเมืองที่มาร์คไว้บนแผนที่ แต่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งผู้สร้างแผนที่ทำไว้เพื่อหลอกคนที่จะมาลอกเลียนแบบ เพราะถ้าหากมีเมืองๆนี้อยู่บนแผนที่ของบริษัทอื่น นั่นก็หมายความว่าแผนที่ของเขาโดนละเมิดลิขสิทธิ์ คิวอ่านกระทู้ไปเรื่อยๆจนพบว่า Paper Towns เมืองนี้ชื่อว่า Algoe ตั้งอยู่ใกล้ๆนิวยอร์ค และเมื่อเทียบกับรอยหมุดบนแผนที่เก่าที่พบในห้างร้างก็ตรงกันจริงๆ และยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจของคิว เขาเจอคอมเม้นท์นึงในเพจเกี่ยวกับเมือง Algoe ที่ใช้ตัวพิมพ์เล็กกับพิมพ์ใหญ่สลับกันมั่วไปหมดซึ่งนั่นเป็นสไตล์การเขียนของมาร์โก้

"ถึงใครก็ตามที่อีดิทเพจนี้ ประชากรของ Algoe จะมีหนึ่งคน จนถึงบ่ายวันที่ 29 พฤษภา.."

คิวมีเวลาแค่หนึ่งวันก่อนที่มาร์โก้จะไปจาก Algoe กับระยะทางอีกพันกว่าไมล์ เขาตัดสินใจไม่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษา แต่ก่อนจะออกเดินทางเขาต้องเอาเบียร์ไปให้เพื่อนที่โรงเรียนก่อน แต่ไปๆมาๆก็ดันโดดพิธีจบการศึกษากันทั้งแก๊งค์ - - และแล้วโรดทริปเพื่อตามหามาร์โก้ก้เริ่มต้นขึ้น...

ระหว่างเดินทาง คิวคิดจริงๆว่า ถึงแม้ปลายทางเขาจะไม่พบมาร์โก้ แต่การได้เดินทางร่วมกับเพื่อนๆครั้งนี้ก็เป็นความทรงจำที่ดีเหลือเกิน...

เมื่อไปถึง Algoe คิวเจอรถของมาร์โก้จอดอยู่หลังโรงนา พวกเขารีบเข้าไปหาตัวมาร์โก้ และพบเธอกำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่อย่างสบายใจ แต่พอพวกเขาแสดงตัว แทนที่จะวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ เธอกลับโมโหใส่คิวและเพื่อน เพราะมาร์โก้ไม่ด้อยากให้ใครมาตามหา คิวนั่นแหละที่คิดไปเอง...

หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว มาร์โก้จึงยอมขอโทษ และเล่าความจริงทั้งหมด ที่จริงเธอวางแผนหนีออกจากบ้านไว้ตั้งนานแล้ว ในตอนแรกคิดว่าจะไปหลังงานพิธีจบการศึกษา แต่เธอก็ไม่อาจทนอยู่เมืองนั้นได้อีกต่อไป แล้วยิ่งมีเรื่องแฟนนอกใจด้วย เธอเลยเลื่อนให้เร็วขึ้น

ที่โรงเรียน คนอื่นๆมักมองว่ามาร์โก้เจ๋งกว่าใคร  แล้วเธอเองก็อยากให้คนอื่นชอบ เธอจึงยิ่งทำตัวอย่างที่คนอื่นอยากเห็น ทั้งที่ตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะงั้น ตัวเธอเองก็คือ Paper girl และมาที่โรงนาแห่งนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่าเมืองกระดาษ (Algoe) นั้นมีอยู่จริงๆ เพื่อที่ตัวเธอเองก็จะได้เป็นมาร์โก้ที่แท้จริงเช่นกัน...

ส่วนที่มาร์โก้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ก็เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมามาร์โก้คิดมาตลอดว่า คิวเองก็เป็น Paper boy แต่ในคืนที่ไปทำภารกิจแก้แค้นด้วยกัน จากคิวขี้ป๊อด ก็กลายเป็นฮีโร่ของมาร์โก้ เป็นคิวที่แท้จริง เธอจึงล่อคิวมาห้างร้างน่ากลัวๆ เพื่อไม่ให้คิวกลับไปเป็น Paper boy อีกต่อไป

มาร์โก้ชวนคิวเดินทางไปด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธเพราะชีวิตของเขาอยู่ที่ Orlando ส่วนมาร์โก้เองก็ยังไม่พร้อมที่จะกลับไป พวกเขาสองคนจึงต้องแยกกันตรงนั้นเพื่อไปตามเส้นทางของตัวเอง โดยมีคำสัญญาว่าจะกลับมาเจอกันอีก

คิวยืนมองมาร์โก้เดินไปขึ้นรถ แต่ทว่า..อยู่ดีๆเธอก็หันกลับมา แล้ววิ่งเข้ามาสวมกอดเขา และคิวก็สามารถมองเธอได้เกือบชัดเจนในความมืดที่โรยตัวลงมา...



**จบแล้วนะจ๊ะ ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยจ้า สงสัยยาวไปหน่อยด้วย ปาดเหงื่อ**



การเล่าเรื่อง : เล่าในมุมมองของคิวคนเดียว
ภาษา : ศัพท์กลาง - ยาก แต่ไม่เปิดดิกก็เข้าใจนะ แต่ที่มันยากคือ ศัพท์ง่าย แต่อ่านไม่เข้าใจนี่แหละ - -* คือแบบ ต้องอ่านแล้วหยุดจิตนาการตามคำพูดของจอห์น กรีน ถ้าใครเคยอ่าน TFIOS จะรู้ว่าสไตล์จอห์น กรีน มันต้องใช้จินตนาการในการเข้าใจ 55
ความรู้สึกหลังอ่าน : ถึงจะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ก็สนุกนะ เราค่อนข้างชอบเลยล่ะ เราว่าความรู้สึกเหมือนอ่าน The Perks of Being a Wallflower เลย แต่มีตอนฮาเยอะกว่า โดยเฉพาะพวกเพื่อนพระเอกนี่แหละ จะฮาไปไหน อ่านแล้วก็รู้สึกเสียดายที่ช่วงวัยรุ่น ตอนม.ปลาย วันๆเอาแต่เรียน ไม่ได้ทำไรเจ๋งๆแบบในหนังสือ จะมาทำตอนนี้ก็ไม่ไหวละ - - เฮ่อออ เราว่าเป็นหนังสือที่ดีมากๆเลยนะ มีอะไรให้คิดเยอะดี ควรค่าแก่การหามาอ่านจ้า Smiley
คะแนน : 5/5 เราชอบเรื่องนี้มากกว่า TFIOS นะ เอาใจไปเลยเต็ม ๆ คิคิคิคิ

Trailer 





Create Date : 23 มีนาคม 2558
Last Update : 27 มีนาคม 2558 17:29:11 น.
Counter : 21768 Pageviews.

8 comment
**Review** Speak - Laurie Halse Anderson
Speak - Laurie Halse Anderson



Title : Speak
Author : Laurie Halse Anderson
Genre : YA / Contemporary
Published : October 22nd 1999

Synopsis : 
Melinda Sordino พังงานซัมเมอร์ปาร์ตี้โดยการโทรเรียกตำรวจ และตอนนี้ก็ไม่มีเพื่อนเก่าคนไหนยอมพูดกับเธอซักคน แม้แต่คนเธอไม่รู้จักก็พลอยเกลียดเธอไปด้วย ที่ๆปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอก็คือ การอยู่เพียงลำพัง..ภายในหัวของตัวเอง เพราะว่า..มีบางสิ่งที่เธอไม่อยากจะคิดถึง'มัน' บางสิ่งเกี่ยวกับปาร์ตี้ในคืนนั้น ถ้าเธอปล่อย'มัน'เข้ามา 'มัน' ก็จะพังที่กำบังที่เธอค่อยๆเพียรสร้างขึ้นมาจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และในที่สุด..เธอคงต้องพูดความจริง...

Review + Spoiler :
เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นในวันเปิดเทอมวันแรกของเมลินดา ที่โรงเรียนเธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จากเพื่อนสนิทสมัยม.ต้น ก็กลายเป็นศัตรูคอยกลั่นแกล้ง เมลินดาต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนโดยที่เธอแทบจะไม่ได้พูดกับครเลยสักคน จะมีก็แต่เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาที่คอยคุยกับตลอด เพราะยังไม่รู้ถึงวีรกรรมที่เมลินดาทำไว้ตอนปิดเทอมหน้าร้อน

อยู่มาวันนึง เธอค้นพบห้องเก็บของของภารโรงที่ไม่ได้ใช้แล้ว เมลินดาจัดการทำความสะอาดและใช้ห้องนั้นเป็นที่หลบภัย เธอเริ่มโดดเรียนมากขึ้น เกรดก็ร่วงลงจนน่าใจหาย พ่อแมของเธอบังคับให้ทำอะไรสักอย่างกับใบเกรด เมลินดาไปขออาจารย์ทำรายงานเพื่อแก้เกรด แต่อาจารย์คนนี้ก็ไม่ชอบเมลินดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยให้เธอพรีเซ็นท์หน้าห้องเพื่อบังคับให้เธอพูดไปในตัว เมลินดารู้ว่าตัวเองไม่สามารถพูดได้ เลยไปขอร้องให้เพื่อนในห้องช่วยอ่านรายงานของเธอแทน อาจารย์โมโหมากเลยจับเธอส่งห้องอาจารย์ใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาซักคำ

ในขณะที่เกรดของเมลินดายังคงร่วงอย่างต่อเนื่อง เธอยังต้องพบเจอเรื่องแย่ๆที่ประดังเข้ามาอีก เมื่อ 'มัน' ตามหาเธอเจอ และคอยหาโอกาสเข้าใกล้เธอตลอด มิหนำซ้ำ 'มัน' ยังกลายเป็นแฟนของราเชล เพื่อนเก่าของเธอด้วย เมลินดากลัวว่า 'มัน' จะหลอกพื่อนของเธอ เธอเลยรวบรวมความกล้าเข้าไปบอกความจริงเกี่ยวกับปาร์ตี้เมื่อตอนหน้าร้อน...

ในคืนนั้น เมลินดาและพวกไปปาร์ตี้ของพวก Senior เธอได้เจอกับแอนดี้ อีวานส์ ทั้งคู่คุยกันถูกคอ เมลินดาตื่นเต้นมากที่มีรุ่นพี่เข้ามาจีบ ไม่ว่าแอนดี้จะทำอะไรเธอก็ยอมไปซะหมด จนกระทั่งเขาชวนเธอไปที่รถ ทั้งสองคนจูบกันโดยไม่สนโลกภายนอก แต่อยู่ๆแอนดี้ก็เริ่มลวนลามเธอ และบังคับขืนใจเธอในที่สุด เมลินดาทำอะไรไม่ถูก จึงโทรเรียกตำรวจ และทำให้ปาร์ตี้ในคืนนั้นพังไม่เป็นท่า...

หลังจากเมลินดาเล่าจบ ราเชลก็โวยวายใหญ่ หาว่าเธอโกหกเพราะอิจฉาที่แอนดี้ชอบราเชล เมลินดาคิดไว้อยู่แล้วว่าราเชลต้องไม่เชื่อ แต่เธอก็ทำดีสุดแล้ว เธอได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น...

เมลินดาเข้าไปทำการบ้านในห้องเก็บของ แต่อยู่ๆก็มีเสียงเคาะที่ประตู เมื่อเธอเปิดประตูออก เธอก็พบแอนดี้ อีวานส์ยืนอยู่ตรงหน้า แอนดี้ตรงเข้าทำร้ายเมลินดา เพราะเธอไปเล่าเรื่องเมื่อตอนหน้าร้อนให้ราเชลฟัง แล้วราเชลก็เกิดระแวงขึ้นมา แอนดี้ประกาศกร้าวว่าไม่ว่าเขาอยากได้ผู้หญิงคนไหน เขาก็ต้องได้ แอนดี้ลงมือซ้อมเมลินดา แต่โชคดีที่ชมรม(อะไรซักอย่าง)ผ่านมาพอดี เลยช่วยเธอไว้ได้ทัน...

เมลินดาไปหาครูศิลปะที่ดีกับเธอมาตลอด แล้วบอกเขาว่า..พร้อมที่จะพูดความจริงแล้ว...

การเล่าเรื่อง : เล่าในมุมมองของเมลินดาคนเดียว
ภาษา : ศัพท์กลาง - ยาก เปิดดิกบ่อยจนเซ็ง 555
ความรู้สึกหลังอ่าน : แรกๆเนื้อเรื่องช้านะ แอบเบื่อเลยไปหานหนังเรื่องนี้มาดูกระตุ้นความอยากอ่านหน่อย เรื่องนี้ kristen stewart เล่นเมื่อสมัยยังเป็นเด็กน้อย มีอยู่ใน Youtube ด้วยนะ ลองไปหาดูจ้า มาพูดถึงหนังสือต่อ ที่จริงก็รำคาญนางเอกนะ ทำไมมีไรไม่พูด แค่พูดก็จบละ นี่ถ้าเป็นลูกเป็นหลานจะโบกติดฝาบ้านเลย 555 แต่ก็นะ หนังสือเขาทำให้เห็นพัฒนาการของนางเอก เราคิดว่าก็อยู่ในระดับโอเค ไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก แต่ถ้าใครชอบแนว mental illness ก็ลองหามาอ่านดูละกันจ้า
คะแนน : 3.5/5



Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2558 13:05:53 น.
Counter : 3989 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

Caymen51
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



Hi guys! My name is Geegee. I'm a book lover. Feel free to add me on goodreads. Let's be friends!

ฝากร้านหนังสือหน่อยจ้า https://goo.gl/e1jVlt
SHOPEE : shopee.co.th/palalees?smtt=0.0.9

G.'s bookshelf: read

In the Shadow of Blackbirds
really liked it
4.5/5
tagged: fantasy and own
The Bunker Diary
really liked it
3.5/5 SHIT! The ending was too heartbreaking. I couldn't stand it!
tagged: own and contemporary
Malice
really liked it
tagged: japanese and own
Practice Makes Perfect
liked it
3.5/5 This was a funny and fluffy story with two guys who have a secret agreement. Their relationship started with with an awkward situation which surprisingly turned out to be hilarious. I really like geeky Dev. I think it's cute when...
tagged: contemporary
Strangers
liked it
tagged: japanese and own

goodreads.com