|
The VALENTINE
[FIC] The VALENTINE EVENT : Valentine'05 By : A.A the wolf ประเภท : ...อ่านก่อนแล้วค่อยมาตัดสินจะดีกว่าน่ะ...... ช่วงเวลา : ภาค 3 หรืออัพกว่านั้นจ้า ตอนแรกจะให้เป็นภาค 1 แต่ดูๆแล้วยังไงๆถ้าไม่เป็นหลังภาค 3 ....เรื่องจะมีปัญหาข้อขัดแย้งรุนแรง....>o< Note : ตามอีเวนท์ valentine ของพี่มัดหมี่.... แต่งให้แล้วเพราะฉะนั้นห้ามกินหัวนู๋น่ะเคอะ >o< (ไปคุยต่อกันที่ A/N ข้างล่างหลังฟิคจบล่ะกันเน้อ ) = = = = = = = = = = = =
"นายควรจะรู้ขีดจำกัดของตัวเองว่าอะไรที่ทำได้....อะไรทำไม่ได้" ถ้อยคำเรียบๆจากคาโล วาเน-บลี เจ้าชายหอคอยงาช้างแห่งคาโนวาลที่ส่งให้กับหัวขโมยตัวยุ่งแห่งบารามอส....
เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟคนดังที่บัดนี้กำลังตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ นัยน์ตาสีน้ำตาลวาววับเรืองๆเกือบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวปั๊ดแข่งกับสีตาปรกติของขอทานกิตติมศักดิ์แห่งทริสทอร์
"นายกำลังจะบอกว่า....คนอย่างชั้น ทำ-ไม่-ได้ ?" เฟรินถามย้ำลากเสียงเน้นช้าชัดบ่งบอกอารมณ์ที่เริ่มรุนแรง
"ชั้นแค่จะบอกว่าไม่จำเป็นต้องฝืนทำ" คาโลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นไอ้คนมากเรื่องมันเริ่มจะฉุน แต่คนที่จะโมโห...ควันมันก็ออกเต็มหูจนไม่ได้ยินซะอย่างนั้น ความรู้สึกที่ว่าถูกสบประมาทเหมือนถูกอะไรบางอย่างตีเข้าที่หัวก็ทำให้ใบหน้าร้อนเพราะเลือดที่สูบฉีดพล่านไปหมด....พลางสบถในใจ...
ไอ้คาโลบ้า! บ้า! เจ้าชายน้ำแข็งงี่เง่า!!..... แล้วนายจะต้องสำนึก....!!
"คอยดูก็แล้วกัน คาโล วาเน-บลี แล้วนายจะได้รู้ว่า คนอย่างเฟริน เดอเบอโรว์ ไม่เคยปล่อยให้ใครดูถูก!!" ประกาศเสียงกร้าวแล้วเจ้าตัวก็สะบัดหน้าพรึ่บ ก้าวฉับๆ จากไปอย่างรวดเร็วสมฐานะหัวขโมย....
ภาพหลังของคนบางคนที่ลับหายไปทำให้เจ้าชายคาโลได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดแรง ปลงตกอีกตามเคยกับนิสัยของไอ้คนชอบหาเรื่อง แต่เมื่อหันกลับไปอีกทาง...เขาก็ได้พบนักฆ่าเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะเดินมาหยุดยืนฟังการปะทะคารมของเขากับเจ้าตัวป่วน คิลมัส ฟิลมัส เจ้าเพื่อนนักฆ่าที่กำลังขยับรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเช่นเคยเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งๆของก้อนน้ำแข็งที่ละลายเกือบหมดแล้วก่อนจะเอ่ยปากถาม
"คราวนี้พวกแกทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะ"
"แค่เรื่องไร้สาระ.." คนที่ยังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดตอบสั้นก่อนจะขอตัวจากไปด้วยเหตุผลว่าโรเวน...เสธคนสำคัญของป้อมมีบัญชาเรียกเขาไปเข้าร่วมงานประชุม....
+ + + + + + + + +
เพดานห้องสีขาวที่บัดนี้กลายสภาพเป็นวัตถุสีเทาอึมครึมกับแสงสีทองจากตะเกียงภายนอกที่ไหววูบตามลมเป็นสิ่งแรกที่ลอดผ่านเข้าคลองจักษุของนักฆ่าแห่งซาเรส.... นัยน์ตาสีม่วงล้ำลึกผลุบลงภายใต้เปลือกตาหนักๆอีกพักใหญ่ด้วยยังคงอาลัยเตียงนุ่มๆไม่หาย...
เงียบชะมัด.... ความคิดที่ดังขึ้นภายในใจก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวไล่ความมึนงงจากอาการเพิ่งตื่นนอนแล้วมองสำรวจไปรอบๆห้อง แม้จะถือว่ามืดไปสักหน่อยสำหรับสายตามนุษย์จะเห็นได้ถนัดแต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรสำหรับนักฆ่าที่ถูกฝึกมาดีเช่นเค้า.....
เตียงอีกสองที่เหลือยังคงอยู่ในสภาพเรียบร้อยและว่างเปล่า เป็นคำตอบให้กับความเงียบรอบตัวว่าเกิดจากไอ้คนที่มักจะทำเสียงอึกทึกครึกโครมสม่ำเสมอแม้แต่เวลานอนมันไม่อยู่..... คิล ฟิลมัสตวัดสายตาสีม่วงที่ทอประกายราวกับตาแมวในความมืดไปยังนาฬิกาขนาดย่อมที่ฝาผนัง
เวลาสองทุ่มเศษ....
นี่มันเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด.....
เขาเคยได้ฟังพ่อให้คำอธิบายถึงคำที่มีความหมายแปลกๆ
.เดจา วู
.ถ้าจำไม่ผิด....หมายถึงการพานพบกับความคล้ายคลึงที่เหมือนกับเคยเจอมาก่อนอันทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ส่วนตัวเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าแปลกและบ้าสิ้นดีที่ว่าจะได้เจออะไรบางอย่างซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนเวลาจะย้อนกลับได้ หากแต่ตอนนี้ตัวเขาเองกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างนั่น....อะไรที่มากกว่าแค่ความรู้สึกคุ้นเคย.....
หรือบางที..... "เดจา วู" อาจหมายถึงความรู้สึกอันเป็นลางสังหรณ์.....
คิลหัวเราะเบาให้กับความคิดพิศดารของตนเองก่อนกระโดดลุกพรวดเดียวออกจากเตียงไปยืนอยู่บนพื้น เขาหยิบผ้าขนหนูที่พาดไว้กับเก้าอี้ก่อนจะก้าวตรงไปยังประตูห้องน้ำ....ตัดสินใจว่าคงจะต้องล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย....
เสียงสาวเท้าสวบๆดังเป็นจังหวะในความมืด ขณะที่ภายในสมองของนักฆ่าฝีมือดีก็หวนกลับไปยังบางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว.....
วันนั้นที่ว่าคือวันธรรมดาๆวันหนึ่งเมื่อราวหนึ่งอาทิตย์ก่อน.....
....
หลังจากการฝึกหนักในวิชาดาบแห่งจิตร่วมกับการออกกำลังกายเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยเลยกับการแบกหิน โบกปูน และปีนเสาก่ออาคารในวิชาหัวใจกษัตริย์ คิลก็ตัดสินใจที่จะเดินท่อมๆไม่พูดไม่จาตรงกลับเข้าห้องพัก ล้มตัวลงนอนและหลับเอาแรง...
เพดานห้องสีขาวที่บัดนี้กลายสภาพเป็นวัตถุสีเทาอึมครึมกับแสงสีทองจากตะเกียงภายนอกที่ไหววูบตามลมเป็นสิ่งแรกที่ลอดผ่านเข้าคลองจักษุของนักฆ่าแห่งซาเรส.... นัยน์ตาสีม่วงล้ำลึกผลุบลงภายใต้เปลือกตาหนักๆอีกพักใหญ่ด้วยยังคงอาลัยเตียงนุ่มๆไม่หาย...
เงียบชะมัด.... ความคิดที่ดังขึ้นภายในใจก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวไล่ความมึนงงจากอาการเพิ่งตื่นนอนแล้วมองสำรวจไปรอบๆห้อง แม้จะถือว่ามืดไปสักหน่อยสำหรับสายตามนุษย์จะเห็นได้ถนัดแต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรสำหรับนักฆ่าที่ถูกฝึกมาดีเช่นเค้า...
เตียงอีกสองที่เหลือยังคงอยู่ในสภาพเรียบร้อยและว่างเปล่า เป็นคำตอบให้กับความเงียบรอบตัวว่าเกิดจากไอ้คนที่มักจะทำเสียงอึกทึกครึกโครมสม่ำเสมอแม้แต่เวลานอนมันไม่อยู่ คิล ฟิลมัสตวัดสายตาสีม่วงที่ทอประกายราวกับตาแมวในความมืดไปยังนาฬิกาขนาดย่อมที่ฝาผนัง
เวลาสองทุ่มเศษ....
พวกมันคงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวม.... สรุปเอาดังนั้น เจ้าของฉายาเดอะคิลเลอร์ก็จัดการไล่ตัวเองลงจากเตียงเสร็ขสรรพ ก้าวฉับไปทางประตูก่อนจะหมุนลูกบิดสีทองแล้วบานประตูก็ถูกแง้มเปิดออกให้เขาได้ก้าวออกมานอกห้อง....
"เฮ้ย! แกพลาดเรื่องเด็ดๆว่ะ คิล" เจ้าหัวขโมยตัวดียิ้มร่าทักตะโกนเสียงดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นเพื่อนนักฆ่าที่เพิ่งก้าวขาพ้นออกมาจากห้อง....
แผนจะเดินไปสมทบกับพวกเพื่อนๆที่ห้องนั่งเล่นรวมเลยเป็นอันยกเลิก เมื่อไอ้คนที่เขาจะไปหามันก็เดินกลับมาเรียบร้อย อย่างที่บอกได้ว่างานชุมนุมของชั้นปีวันนี้ก็คงจบลงแล้ว
"เรื่องเด็ดอะไรของแกหา เฟริน" คำถามถูกส่งไปให้ แต่คนถูกถามกลับตอบกลับด้วยปากจุ๊ๆพร้อมแววตาระริก
"บอกไม่ได้ ถ้าอยากรู้ต้องไปถามลูคัสเอาเอง" ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็ฉีกยิ้มร่าให้ก่อนหัวเราะเอิ้กๆอย่างถูกใจกับความคิดอะไรบางอย่างในหัวของตัวเอง
พฤติกรรมที่ทายาทนักฆ่าต้องส่ายหัวอย่างปลงอนิจจังให้คนตรงหน้ากับฐานะเจ้าหญิงที่มันมี แล้วไพล่สงสารไปถึงเดมอส บารามอส....หรืออาจจะรวมไปถึงคาโนวาล....
ไม่ล่มงานนี้จะไปล่มงานไหน....
"ว่าแต่คาโลมันไปไหนล่ะ" เปลี่ยนคำถามถึงเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ยังไม่เห็นโผล่มา คำถามที่เฟรินส่งเสียงจิ้กจั้กในลำคอก่อนตอบกลับ
"มันจะไปทำอะไรนอกจากประชุม ประชุม แล้วก็ประชุมล่ะฟร่ะ ตั้งแต่ขึ้นปีสองมานี่เห็นโรเวนเรียกมันประชุมทั้งปี"
"ชั้นว่าโรเวนเขาก็ทำถูกแล้วที่เรียกคาโลเข้าประชุมแทนที่จะเป็นแก" คิลย้อนกลั้วหัวเราะ ขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าเบ้ใส่ก่อนที่จะหยุดคิดและผงกหัวหงึกๆอย่างชักเห็นด้วย
"ว่าแต่สรุปไอ้เรื่องเด็ดที่แกเล่าไม่ได้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่" คนยังไม่ละความพยายามที่จะรู้ถามขึ้นอีกครั้ง แต่เจ้าหัวขโมยตัวดีก็เริ่มจะมีพัฒนาการขึ้น ไม่ได้ตกหลุมคนตรงหน้าเหมือนที่เคยเป็นเมื่อตอนปีหนึ่ง...
"ลูคัสบอกว่า ใครยังไม่รู้ให้ไปฟังจากปากพี่เขา ห้ามเล่าต่อ" เฟรินขยายความให้นิด เป็นการขยายความที่ทำให้คนฟังยิ่งสงสัย จนต้องออกปากซักต่อ....
"ทำไมถึงห้ามเล่าต่อ?"
ฟังคำถามแล้วจอมกะล่อนก็ตีหน้าเครียด กวักมือเรียกให้เขาก้มหน้าต่ำลงไปใกล้เหมือนจะบ่งบอกว่าเป็นความลับขั้นสุดยอด ก่อนกระซิบเบาอย่างได้อารมณ์ "เขาว่าเดี๋ยวมันจะไม่ขลัง"
"ไม่ขลังเนี้ยน่ะ!?" ทวนคำซ้ำพลางคิ้วก็ขมวดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
"เออ...ก็ไม่ขลังน่ะสิ เพราะฉะนั้นไม่ต้องถาม เพราะถึงถามก็ไม่บอกโว้ย
"
แล้วเจ้าเพื่อนตัวดีมันก็ชวนคุยไปถึงเรื่องอื่นๆจนเขาลืมไปเสียสนิทกับไอ้เรื่องเด็ดๆไม่ธรรมดาที่มันได้ไปฟังมาจากลูคัส ซาโดเรีย เดอะซอร์เซอเรอร์ออฟทริสทอร์ ชายคนที่เขาสังเกตเห็นได้แต่ครั้งแรกที่พบหน้าว่าไม่ธรรมดาอย่างที่สุด....
....
บางทีเขาน่าจะหาเวลาไปถามเอาจากผู้คุมกฎที่แสนจะอ่อนนอกแข็งในคนนั้นให้รู้เรื่องสักที.....
คิลลงข้อสรุปในใจก่อนจะเอื้อมมือไปบิดก๊อกให้ปิดกลับที่เดิม เป็นเหตุให้เสียงซ่าของน้ำที่ไหลออกจากปากท่อสีเงินหยุดลง เขายกผ้าขนหนูที่แขวนห้อยไว้ที่คอขึ้นมาซับน้ำที่เปียกบนใบหน้า ก่อนจะก้าวออกมานอกห้องน้ำ เปิดไฟให้ห้องนอนที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมา....
จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ที่เฟรินได้ไปฟังไอ้เรื่องเด็ดลับๆนั่น มันก็เริ่มจะหายตัวไปตอนช่วงหัวค่ำและกลับมาตอนดึกๆทุกวัน....
ความเป็นจริงซึ่งอันที่จริงก็สังเกตเห็นตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยจะใส่ใจ เพราะรู้ว่าถ้าอยู่กับเพื่อนคนนี้แล้วคิดมากไป เขาก็คงจะได้เป็นบ้าไปเสียก่อน มาตอนนี้กลับเก็บเอามาคิดเสียดื้อๆ ให้คิลต้องขมวดคิ้วให้กับลางสังหรณ์แปลกประหลาดที่เพิ่งจะมารู้สึกได้.....
หรือบางทีเขาอาจจะนอนมากไป....
คิดดังนั้นเจ้าตัวก็เลือกที่จะออกไปเดินยืดเส้นยืดสายเล่นข้างนอก....
+ + + + + + + + +
ทางเดินของป้อมอัศวินคืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบกว่าปรกติ ดูเหมือนเพื่อนๆทุกคนของเขาจะพร้อมใจกันเก็บเนื้อเก็บตัวเข้านอนกันแต่หัวค่ำ แม้จะผิดวิสัยชาวป้อมอัศวินที่มักจะหาเรื่องที่เป็นเรื่องบ้างไม่เป็นเรื่องบ้างทำให้ยุ่งยากอยู่เสมอ...แต่คิลก็ไม่ได้คิดจะติดใจสงสัยอะไร และยังคงสาวเท้าเดินเรื่อยเปื่อยจนไปถึงลานตะวันของป้อมอัศวิน
อากาศที่ลานนั้นเย็นกว่าในห้องเพราะลมที่พัดเอื่อยกระทบผิวอยู่ตลอดเวลา ให้ความรู้สึกเย็นสบายมากกว่าจะบอกว่าหนาว คิลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ม้าหินตัวหนึ่ง....สูดกลิ่นไอแห่งธรรมชาติในยามที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วอย่างพึงพอใจ ดวงจันทร์กลมโตแม้บัดนี้เหลือเพียงส่วนเสี้ยวก็ยังส่องแสงสีเหลืองอ่อนโยนแข่งประชันกับแสงดาวระยับอยู่บนผืนฟ้าที่ราวกับผ้ากำมะหยี่สีดำผืนใหญ่.....
คิลกำลังตกอยู่ในอำนาจมนตราของธรรมชาติรอบตัวที่เงียบสงัดเสียจนได้ยินแม้แต่เสียงน้ำค้างที่หยดลงบนพรมหญ้า....
เพราะเหตุนั้น.....เสียงกุกกักที่ดังมาจากอีกฟากหนึ่งถึงได้ชัดเจนในโสตประสาทของนักฆ่าแห่งซาเรส
ดวงตาสีม่วงตวัดหันไปมองอย่างรวดเร็วที่ต้นทางของเสียงประหลาด และพบว่าต้นเสียงนั้นมาจากสถานที่ที่เคยเป็นผนังอิฐทึมทึบด้านหนึ่งที่ชั้นหนึ่งของป้อมอัศวิน แต่บัดนี้ส่วนที่เคยเป็นผนังกลับไม่เรียบสนิทอย่างที่เคย ปรากฎร่องรอยเปิดแง้มออกเอาไว้เล็กน้อยอย่างที่ใครบางคนคงสะเพร่าเป็นอย่างมากหรือไม่ก็โง่เกินพอ ถึงได้ลืมที่จะปิดมันกลับให้แนบเนียน.......
...ห้องลับ....
และบัดนี้ ก็มีใครบางคนกำลังใช้ประโยชน์ของห้องลับนั่นทำอะไรบางอย่าง.....
สัญชาตญาณภายในตัวของทายาทนักฆ่าจึงถูกกระตุ้นให้ร่ำร้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฉุดคนชอบเรื่องสนุกลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ แย้มรอยยิ้มท้าทายให้ใครสักคนที่อยู่ภายในห้องลึกลับนั่น ก่อนจะอำพรางจิตสังหารของตัวเองอย่างที่เคยถูกสอนมา ย่างเท้าอย่างเงียบเชียบตรงไปทางห้องปิดตายที่เป็นต้นเสียง....
+ + + + + + + + +
แสงของเปลวไฟร้อนแรงลามเลียสำแดงพลังอันยิ่งใหญ่ส่งผ่านพลังงานไปยังของเหลวสีน้ำตาลดำข้นคลั่กภายในหม้อปรุงยาสีดำขนาดกลาง ของเหลวนั้นเดือดปุดๆส่งกลิ่นหอมแปลกๆอบอวลไปทั่ว พร้อมกับที่ไม้สีน้ำตาลอ่อนในมือของคนผู้หนึ่งก็ออกแรงคนไปรอบๆอย่างช้าๆ บรรยากาศรอบตัวแทบจะมืดสนิท...มีเพียงแสงไฟจากกองไฟใต้หม้อนั้นที่ให้แสงสว่างแดงๆสลัวๆไปทั่วห้องอย่างพอจะให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร อุปกรณ์ทั้งมีดและเขียงที่ใช้หั่นสมุนไพรถูกนำมาวางสะเปะสะปะบนโต๊ะที่ดูจะเลอะเทอะไม่เบา....
ภาพที่สั่นประสาทได้แม้แต่คนที่ประสาทแข็งอย่างคิลมัส ฟิลมัส.....
เงาร่างดำๆเบื้องหน้าที่นัยน์ตาสีม่วงแลเห็นผ่านช่องของประตูลับที่เปิดแง้มออกดูคุ้นตามากเสียจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะบอกกับตัวเองว่าไม่รู้จัก แสงไฟเรืองรองสะท้อนกับเส้นผมสีอ่อนเห็นเป็นสีน้ำตาลแดงประกาย....
ไม่น่าจะเป็นมันไปได้......
หากแต่ความคิดของคิลก็ได้รับการยืนยันเมื่อคำพูดหนึ่งหลุดออกมาจากร่างที่ลึกลับนั่น....
"คาโล วาเน-บลี แล้วนายจะต้องเสียใจ ต้องเสียใจที่มาสบประมาทคนอย่างเฟริน เดอเบอโรว์นี่!!!" เสียงหัวเราะดังกึกก้องสะท้อนกับผนังกลับไปมาทำให้มันยิ่งดูทรงพลังและชั่วร้ายอย่างที่คิลไม่เคยรู้สึกได้จากเพื่อนที่ปรกติมันก็เป็นแต่ขี้เล่นและหาเรื่องวุ่นไปวันๆคนนี้....
ชายหนุ่มผมดำผงะ ถอยกรูดออกมาจากห้องลับต้องห้ามนั่น ก่อนที่สัญชาตญาณในหัวของเขามันจะเริ่มทำงาน ลางสังหรณ์ของนักฆ่าที่บัดนี้ถูกปลุกให้ออกมาใช้งานอีกครั้งกำลังร่ำร้องถึงอะไรบางอย่าง.... อะไรบางอย่างที่เขารู้สึกมาตลอดตั้งแต่รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในค่ำคืนนี้....
อะไรบางอย่างที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องลับที่ซาตานแห่งป้อมอัศวินเคยเล่าให้เพื่อนตัวดีของเขาฟัง
.
คิลจึงออกวิ่งขึ้นบันไดด้วยความเร็วที่ภาคภูมิใจของมือสังหาร เป้าหมายคือห้องพักห้องหนึ่งบนชั้นเจ็ดของป้อมอัศวิน!!!
+ + + + + + + + +
เสียงเคาะประตูดังปังๆอย่างแสดงว่าคนที่กำลังต้องการพบเจ้าของห้องนั้นอยู่ในอาการที่อนาทรร้อนใจอย่างที่สุด เรียกให้ชายหนุ่มคนหนึ่งในห้องขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงที่กำลังเอกเขนกอยู่อย่างสบายอารมณ์...
บานประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มผมดำผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นน้อง ใบหน้าของเขาแม้จะพยายามข่มอารมณ์ก็พอจะดูออกได้ไม่ยากว่าตื่นเต้นอย่างผิดวิสัย นัยน์ตาสีม่วงจ้องตรงอย่างแน่วแน่ผ่านกรอบแว่นและกระจกเลนส์ของผู้สูงวัยกว่า....
ความตั้งใจฉายชัดที่ผู้คุมกฎลูคัสแย้มรอยยิ้มขันก่อนเอ่ยทักทายเป็นกันเอง...
"ว่าไงคิลลี่ มีเรื่องอะไรสำคัญถึงได้ถ่อขึ้นมาถึงบนนี้"
"พี่พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเล่าเรื่องอะไรให้เฟรินมันฟังเมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อน" คำถามของคิลตรงเข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า
ลูคัสอ้าปากเหวออยู่พักก่อนจะขยับแย้มรอยยิ้มให้อีกครั้งแล้วว่าอย่างนึกสนุก.... "เรื่องนี้มันค่อนข้างเป็นความลับ"
คนมีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ทำสัญญาณมือให้คิลเดินตามเข้าไปในห้อง แววตาของซาตานแห่งป้อมอัศวินภายใต้กรอบแว่นนั้นพราวระยับอย่างมีเลศนัยสมฉายา เสียงของประตูที่ปิดลงเรียกให้ดวงตาสีอะเมทิสต์ของเพื่อนร่วมห้องอีกคนตวัดวูบมายังร่างของคนมาใหม่ ลอเรนซ์ ดอว์น นักบวชแห่งป้อมเลิกคิ้วขึ้นนิดนึงอย่างสงสัยในการมาเยือนของคิลแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร และไม่นานนักก็หันไปให้ความสนใจกับหนังสือในมือแทนเรื่องของเพื่อนที่เขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับมันเท่าไหร่นัก...
"คิลลี่เคยได้ยินเรื่องนักบุญวาเลนไทน์ไหม?" คำถามเกริ่นมาก่อนจากซาตานแห่งป้อมอัศวินที่ทำเอาใบหน้าของผู้เป็นรุ่นน้องฉายแววฉงนฉงายเป็นคำตอบที่ดีโดยไม่ต้องการคำพูดอื่นใดอีก....
"ถ้าอย่างนั้นพอจะรู้จักเรื่องช็อคโกแลตของวาเลนไทน์ไหม" คำถามต่อมาที่ยังคงได้รับคำตอบปฏิเสธด้วยอาการส่ายหัวดิ้กๆจากนักฆ่าผู้ไม่ประสาเช่นเดิม...
ลูคัสเพียงคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่คิลเกาหัวแกรกๆ ขณะที่ลอเรนซ์รู้สึกได้ถึงกลิ่นไอบางอย่างที่น่าสยอง......
นี่แหละที่มันน่าสนุกจริงๆ........
"ถ้าอย่างนั้น..." ลูคัสกระแอมเบาๆอย่างมีเชิง "พี่จะเล่าให้ฟัง...."
ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างสนอกสนใจ ถ้าเขาเป็นหมาอย่างไอ้เฟรินตอนปีหนึ่ง ป่านนี้หูคงตั้งแถมหางกระดิกตามไปด้วย.... สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของเขาตอนนี้คงจะตลกสิ้นดีในความคิดของรุ่นพี่ตรงหน้า แต่คิลไม่สนใจ....
"เรื่องมันต้องท้าวความกันไปยาวถึงสมัยก่อนนานมาแล้ว....เป็นเรื่องเล่าของเหล่าเดอะพรีสต์และชาวทริสทอร์ทั้งหลายกล่าวถึงนักบวชผู้หนึ่งที่มีนามว่า วาเลนทิอัส หรือวาเลนไทน์ เขาว่ากันว่าวาเลนไทน์คนนี้เป็นคนใจบุญสุนทานนักหนาจนได้ฉายานักบุญแห่งทริสทอร์ ชาวบ้านจึงเรียกเขาว่านักบุญวาเลนไทน์...."
คนเล่าหยุดพลางเริ่มใช้ยุทธวิธีจิบชาที่ไม่รู้หามาจากไหนเรียกความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของคนตรงหน้าให้มากขึ้นก่อนจะเริ่มขยับปากเล่าต่อเมื่อคนเป็นนักฆ่าเริ่มจะส่งสายตาอาฆาตหมายจะทำงานตามอาชีพเข้าให้....
"นักบุญวาเลนไทน์ผู้นี้เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านชาวเมืองและเหล่าเพื่อนนักบวชด้วยกัน และเพราะความที่เขาเป็นคนใจดีเช่นนั้นเขาจึงมักออกเดินทางเพื่อไปช่วยเหลือคนตกยากในสถานที่อันห่างไกลอยู่เสมอ เรื่องทั้งหมดมันก็คงไม่เป็นเรื่องขึ้นมาถ้าวาเลนไทน์ไม่ได้มีภรรยาอยู่แล้วคนหนึ่ง เธอมีชื่อว่าไวทาเนีย หรือไวท์แห่งทริสทอร์ ไวทาเนียเกิดความน้อยอกน้อยใจที่วาเลนไทน์มักทิ้งให้เธออยู่คนเดียว นานวันเข้า....จากความรักเริ่มกลายเป็นความแค้น ความแค้นเริ่มกลายเป็นความเกลียดชัง และบัดนั้นเองที่บางสิ่งบางอย่างก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าไวทาเนีย.....ปีศาจร่างดำได้ปรากฎตัวขึ้นและเสนอที่จะสอนเธอถึงพิธีกรรมมนตร์ดำอย่างหนึ่ง มันสอนให้เธอทำขนมหอมหวานสีน้ำตาลเข้มชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า ช็อคโกแลต...ให้เป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานแก่วาเลนไทน์ หากภายในขนมที่สวยงามนั่นได้บรรจุยาพิษที่ไม่มีทางรักษาเอาไว้...ผู้ที่กลืนกินมันเข้าไปจะถูกช่วงชิงวิญญาณให้ต้องหลับใหลตลอดกาล และผู้ทำพิธีกรรมจะได้รับพรจากปีศาจแลกกับดวงวิญญาณนั่น ไวทาเนียที่จมอยู่ในความมืดมิดยอมรับข้อเสนอของปีศาจ เธอเคี่ยวขนมนั่นในหม้อปรุงยาของเธอ ใส่ในแม่พิมพ์ลายขนมเป็นรูปหัวใจงดงามที่แสดงถึงความรักที่บิดเบี้ยว ก่อนจะมอบมันให้กับวาเลนไทน์เมื่อเขากลับมาหาเธอในคืนวันนั้นพร้อมดอกกุหลาบช่อใหญ่ นักบวชที่น่าสงสารไม่ได้ฉุกใจคิดว่าจะถูกหักหลังจึงรับมันมาอย่างดีอกดีใจก่อนจะรีบทานมันเข้าไปทันที..... และเขาก็จบชีวิตลงในคืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์......ซึ่งเป็นวันครบรอบแต่งงานของเขานั่นเอง หลังจากนั้นไวท์ก็หายตัวไป ชาวบ้านได้นำร่างของวาเลนไทน์ไปฝังเอาไว้และร้องไห้ติดต่อกันนานถึง 14 วัน...." ลูคัสจบเรื่องเล่าของเขาแต่เพียงเท่านั้น เดอะซอร์เซอเรอร์ขยับแว่นตาให้เข้าที่อีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคิล ฟิลมัสที่ใบหน้าดูดีนั้นซีดจนขาวราวกับกระดาษ.....
ขนมสีน้ำตาลที่เคี่ยวในหม้อปรุงยา.....สิ่งที่เขาเห็นในห้องลับพร้อมๆกับเฟริน เดอเบอโรว์.... คาโลกำลังอยู่ในอันตราย....!!
นักฆ่าแห่งซาเรสลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ หันขวับไปทางประตูอย่างคิดจะวิ่งไปหยุดเฟรินเสียให้รู้แล้วรู้รอดในตอนนี้ แต่อะไรบางอย่างอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องหันกลับมายังซาตานที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่ก่อนเอ่ยปากถาม
"พี่รู้ไหมว่าไวทาเนียที่หายไปเป็นยังไงบ้าง...?"
"มันเป็นข่าวที่ไม่แน่ชัด...." ลูคัสตอบ ยังคงแย้มยิ้มอยู่อย่างไม่ยีหระกับความร้อนอกร้อนใจของคนตรงหน้า "แต่ตามที่เขาเล่ากันมา.....เขาว่าไวท์ได้รับสิ่งบางสิ่งที่สำคัญที่สุดตามสัญญาของปีศาจ แต่ในอีกเดือนถัดมา.....เธอกลับตายตามวาเลนไทน์ไปโดยไม่ทราบสาเหตุ วันตายของเธอถูกเรียกว่า ไวท์ เดย์.....เป็นวันที่สิ่งที่มอบให้ไปต้องกลับคืนสนอง... "
"แล้วพี่เล่าเรื่องนี้ให้เฟรินมันฟังด้วยรึเปล่า?" คนเป็นรุ่นน้องยังคงไม่เลิกซัก
"เปล่า....ที่ชั้นเล่าเพิ่มไปมีแต่ส่วนผสมของยาในขนมตามที่เขาบอกกันมา...." ฟังได้เท่านั้นแหละคิลก็วิ่งปรู๊ดไปที่ประตู กล่าวคำขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าของท่านผู้คุมกฎอย่างรวดเร็วก่อนจะพาร่างของตนเองหายลับไป.....
และนั่นแหละที่ทำให้คนหูดีเสมอไม่ทันได้สดับเสียงหัวเราะขบขันที่ดังกึกก้องขึ้นภายหลังเพียงไม่กี่นาทีต่อมา.....
+ + + + + + + + +
"ไอ้บ้าเฟริน แกจะหาเรื่องอะไรก็ได้แต่อย่ามาเล่นกันขนาดนี้สิฟร่ะ" เจ้าตัวบ่นพึมพำขณะสาวเท้าเดินสวบๆลงมาจนถึงชั้นสามของป้อมอัศวิน ร่างของเจ้าเพื่อนตัวดีที่เขากำลังบ่นถึงก็โผล่พรวดขึ้นมาทางมุมอับของบันไดด้านล่างพอดีแสดงความตายยากของมัน ให้คิลแทบจะเบรกเอี๊ยดหน้าคะมำจนหมดภาพพจน์นักฆ่าที่ดีที่เจ้าตัวอุตส่าห์สะสมมานับแรมปี.....
เจ้าเพื่อนตัวแสบยืนยิ้มยิงฟันพลางยักคิ้วแผล่บอย่างขำๆในพฤติกรรมหลุดๆของเพื่อนนัยน์ตาสีม่วงก่อนเอ่ยกระเซ้า
"ชั้นรู้ว่าป้อมเรามันจน คงไม่มีตังค์จ้างคนมาทำความสะอาด แต่ก็ไม่คิดว่าแกจะเป็นคนดีขนาดช่วยถูพื้นให้ป้อม"
"อย่างน้อยก็ดีกว่าแกที่อยู่ดีไม่ว่าดีจะหาเรื่องทำอะไรบ้าๆ" คำพูดตอกกลับที่ทำให้หน้าของคนกำลังยิ้มร่าหุบปากฉับ ตวัดสายตาเครียดมามองก่อนกล่าวเค้นอย่างเอาเรื่อง
"แกรู้?"
"ทำไมชั้นจะไม่รู้ ไอ้เรื่องที่แกพยายามจะทำอะไรประสาทๆ" คิลตอบก่อนจะพูดต่ออย่างรวดเร็ว "ชั้นไปฟังทั้งหมดมาจากลูคัสแล้ว และแกก็ควรจะเลิกคิดไอ้เรื่องเพี้ยนๆที่จะทำให้เดือดร้อนกันไปหมดนั่นซะแล้วกลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิมจะดีกว่า"
"แกหมายความว่าชั้นไม่ควรทำ? และแกก็จะห้ามชั้น?" คำถามขึ้นเสียงสูงที่ถามออกไปพร้อมกับที่คนเป็นหัวขโมยก็เริ่มจะเปลี่ยนอาชีพตัวเองกะทันหัน ให้จิตสังหารกระจายไปกับอากาศรอบๆจนแม้แต่คนที่เคยชินกับการฆ่าก็ยังต้องรู้สึกหนาวสันหลัง...
"ชั้นแค่ทำเพื่อคาโล" คิลตอบเสียงเครียดจริงจัง แต่นั่นทำให้เส้นอารมณ์ของใครอีกคนขาดผึ่ง
"ได้! แกทำเพื่อคาโล ชั้นทำเพื่อตัวชั้นเอง และชั้นจะดูสิว่าคนอย่างแกจะมาห้ามชั้นได้ คิล ฟิลมัส!!" เฟรินประกาศกร้าวก่อนจะเดินพรวดฉับๆไปที่ห้อง ปิดประตูปังและนอนคลุมโปงอย่างไม่คิดจะพูดอะไรอีก....
+ + + + + + + + +
วันที่ 13 กุมภาพันธ์.....
ถ้าพระเจ้ามีจริง...เขาก็อยากให้ท่านช่วยหยุดเวลาเอาไว้ให้...!!
เป็นเสียงร่ำร้องต่อพระเจ้าที่เขาไม่เคยจะคิดถึงภายในหัวของนักฆ่ามือดีแห่งซาเรส....
คงจะจริงที่ว่า...พอคนเข้าตาจน...ก็มักจะหาที่ยึดเหนี่ยว...แม้มันจะเป็นแค่การหาฟางสักเส้นในอากาศก็ตาม...
ตั้งแต่ที่เขาพยายามจะบอกเฟรินให้เลิกแผนการฆาตกรรมของมันเมื่อวานซืนที่ผ่านมา มันก็ตัดขาดแยกตัวออกจากทั้งเขาและคาโลไปขลุกอยู่กับแต่โร เซวาเรส พร้อมย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ที่อีกห้องหนึ่งเสียเรียบร้อย ไอ้การจะพยายามคุยกับมันดีๆก็ลำบากลำบนเสียเหลือเกินอย่างกับมีอะไรมาดลใจให้มันเกิดแปลงร่างจากเตาผิงเป็นกองไฟยักษ์ซะอย่างนั้น แล้วเมื่อเขาต้องหาทางแก้เอาที่ปลายเหตุโดยพยายามจะเล่าเรื่องให้คาโลฟัง แต่พอเอ่ยไปถึงชื่อเจ้าหัวขโมยตัวแสบ เจ้าชายน้ำแข็งมันก็โบกมือก่อนว่าอย่างไม่ใส่ใจว่ามันอยากทำอะไรก็ปล่อยให้มันทำไปเถอะ.....
ปล่อยให้มันทำไป ตัวเองจะตายยังมีหน้ามาบอกว่าปล่อยให้มันทำไป....!!
มันต้องโทษตัวเขาเองใช่ไหมที่ปล่อยให้เพื่อนคนหนึ่งตายไม่ได้ ให้อีกคนเป็นฆาตกรไม่ได้.....
บัดซบที่สุด....!!! คิลสบถในใจก่อนถอนหายใจเฮือกอย่างตัดสินใจว่าถึงยังไงๆเขาก็ไม่ใจแข็งพอที่จะตัดใจปล่อยให้เรื่องมันดำเนินไปทางนั้นไม่ได้....
ถ้าไม่มีใครอื่นที่จะหยุดมัน เขานี่แหละจะเป็นคนหยุดเอง!!!
+ + + + + + + + +
แสงไฟจากกองไฟที่คุกรุ่นยังคงส่องแสงเจิดจ้าไม่ต่างกับที่เห็นในคืนที่ผ่านมา ทายาทนักฆ่าแห่งซาเรสบัดนี้กำลังนั่งอย่างเงียบกริบมองผ่านช่องบานประตูที่คนข้างในยังคงแก้นิสัยเลิ่นเล่อจนลืมปิดมันให้สนิทไม่หาย....
คิลกำลังทบทวนแผนการในใจของตัวเอง.....
...ดูให้ดีว่าเฟรินมันเก็บไอ้ขนมมหาประลัยนั่นไว้ที่ไหนแล้วพอมันไปแล้ว ก็เข้าไปจัดการทำลายทิ้งเสียหมดเรื่องหมดราว....
เวลาผ่านไปจนดึกสงัด คนข้างในที่ดูจะได้ของที่ต้องการเรียบร้อยแล้วกำลังแย้มรอยยิ้มแสยะพร้อมกับหัวเราะอย่างสมใจ ภาพที่ทำให้คิลนึกกลัวคนตรงหน้าที่เขานึกว่ารู้จักมันดีแล้ว...และอดหวนคิดถึงตำแหน่งฐานะที่แท้จริงของมันไม่ได้....
....ธิดาปีศาจ..เจ้าหญิงแห่งเดมอส...
หรือมันจะเป็นสัญชาตญาณปีศาจในตัวหมอนี่ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากการหลับใหลยาวนาน...
ความคิดที่สับสนในหัวตัวเองเกือบทำเอาเขากระโดดหลบวูบขึ้นไปยังต้นไม้ใกล้ๆไม่ทันเมื่อไอ้คนที่เขาเห็นว่าเป็นเพื่อนมันโผล่พรวดออกมาจากประตูลับที่กำแพง เฟรินเหลียวซ้ายแลขวาอยู่พักก่อนจะเดินกลับขึ้นบันไดไป....
ถึงเวลาแล้ว....
คิลกระโดดอย่างแผ่วเบาลงมาจากต้นไม้ที่ใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัวก่อนจะตรงไปยังกำแพงที่เคยเห็นเป็นประตูห้องลับนั่น เขาเคาะผนังก้อกๆอยู่สองสามครั้ง พยายามหาวิธีเปิดมันออก.....
ความพยายามที่ตั้งใจมากเกินไปจนไม่ได้สัมผัสถึงกลิ่นไอบางอย่างที่โผล่ออกมา....
"นักฆ่าไม่ควรริอ่านเป็นขโมย" เสียงเรียบๆเย็นๆดังมาจากทางด้านหลัง ให้คนถูกหาว่าริอ่านเปลี่ยนอาชีพหันหลังขวับไปเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนที่มาอย่างเงียบเชียบเสียจนเขาแทบไม่รู้สึกตัว นัยน์ตาสีม่วงจึงได้สบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกตที่ฉายแววความรอบรู้ชัดของขอทานไม่ธรรมดาแห่งทริสทอร์....
ภาพที่คิลเห็นแล้วก็ขยับยิ้มเครียดเป็นคำตอบก่อนจะเอ่ยปากถาม.....
"โร...นายรู้ใช่ไหมว่าเฟรินกำลังทำอะไร?"
"อืม..ก็นะ...ในเวลาอย่างนี้จะเป็นอะไรไปได้นอกจาก....ช็อคโกแลต" โร เซวาเรส ขยับยิ้มอย่างคนที่ทันเกม
"รู้อย่างนี้แล้วนายก็ไม่มีแม้แต่ความคิดจะห้าม
?" คำถามถูกส่งต่อไป แต่คำตอบกลับคือคิ้วเข้มของอีกฝ่ายที่ขมวดมุ่นขึ้นเล็กน้อยก่อนถามกลับสั้น
"แล้วทำไมจะต้องห้าม..?" คำตอบด้วยน้ำเสียงไม่รู้ไม่ชี้ที่คิลแยกเขี้ยวใส่ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงกราดเรี้ยวลอดไรฟัน...
"ไม่นึกว่านายจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้
.โร"
"ชั้นก็ไม่เคยคิดว่านายจะใจแคบขนาดนี้....คิล" อีกฝ่ายตอกกลับ คำตอกกลับที่คิลแปลความหมายไปอีกทาง แต่เขาเลือกที่จะจัดการงานที่วางแผนว่าจะทำให้สำเร็จเสียก่อนจะเสียเวลากับคนตรงหน้า...
"ชั้นจะไปจัดการกับไอ้ของมหาภัยนั่นให้เรียบร้อย แกอย่าเข้ามายุ่ง"
"ไม่ให้ชั้นยุ่ง
?" โรถามด้วยรอยยิ้มเย็น "คงไม่ได้ละมั้งคิล ไม่งั้นชั้นจะไปแก้ตัวกับเฟรินมันยังไงที่ปล่อยให้ของที่มันพยายามทำมาตลอดสัปดาห์โดนแกฉกไปง่ายๆต่อหน้าต่อตา"
"หมายความว่าแกจะสอดมือเข้ามายุ่ง....?" ใบหน้าของนักฆ่าบัดนี้ฉายรังสีการฆ่าฟันอย่างที่ทำให้เลือดในกายของโรร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ยังคงใจเย็นพอที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้น..."
สิ้นคำพูดนั้น.... ร่างของนักฆ่าแห่งซาเรสก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาขอทานห้องสมุดแห่งป้อมก่อนที่ประสาทการรับรู้จะทำให้โรยกดาบขึ้นป้องกันทางด้านซ้ายโดยสัญชาตญาณ มีดคมๆจึงพลาดจากเป้าหมายมากระทบกับตัวดาบส่งเสียงดังสะท้อนไปมา เสียงเคร้งคร้างยังดังต่ออีกเป็นระยะเมื่อมีดสั้นเล่มที่สองถูกควักขึ้นมาใช้ ให้โรที่มีเพียงดาบเดียวนั้นปัดป้องแทบไม่ทัน ความเร็วมหากาฬของมือสังหารตรงหน้ายิ่งทำให้การรับมือครั้งนี้เป็นไปอย่างยากลำบากเต็มทน ไม่นานนักผู้ที่เสียเปรียบด้วยต้องถืออาวุธที่ทั้งใหญ่กว่าและหนักกว่าก็เริ่มจะหมดแรง เปิดช่องให้ผู้เชี่ยวชาญกว่าได้รุกไล่ลงอย่างหนักหน่วง ดาบที่เริ่มเฉื่อยรับการเคลื่อนไหวของมีดแรก แต่มีดที่สองกลับพุ่งวาบเข้าเฉือนที่แขนของผู้ทรงดาบ ให้ดาบเล่มใหญ่ถูกปล่อยให้หลุดมือและสะบัดไปปักที่พื้นห่างออกไป มีดสั้นประกายวาววับบัดนี้จึงได้จ่ออยู่บนคอของผู้ไม่มีทางสู้.....
"บทบาทของนายจบแค่นี้แล้วโร เซวาเรส คราวนี้นายมีคำแก้ตัวสมบูรณ์แบบให้ไอ้เฟรินมันแล้ว เพราะฉะนั้นก็กลับไปนอนซะ ...!!" คิลประกาศกร้าวดังก่อนจะถอนมีดขึ้นและขยับถอยห่างออกไป....
แต่ทว่า....
ความรู้สึกที่ราวกับกระแสไฟฟ้ามหาศาลไหลวูบไปในร่างกายทำให้ขาที่กำลังก้าวเดินต้องแข็งค้าง มือที่ถือมีดก็ชาจนจับอะไรไม่อยู่ ให้จำต้องทิ้งอาวุธประจำกายให้ตกลงบนพื้นข้างตัวอย่างที่ไม่นึกอยากซักนิด บัดนี้....ทั่วทั้งร่างก็เหลือเพียงนัยน์ตาสีม่วงที่ยังคงเคลื่อนไหวได้ มันกลอกไปยังทางของผู้ที่พ่ายให้กับการประลองเมื่อครู่ซึ่งกำลังขยับตัวลุกขึ้นก่อนคลี่ยิ้มอย่างที่เขาไม่ต้องการเห็นสักนิด....
"นายอาจจะลืมไป เพราะฉะนั้นชั้นก็เลยช่วยเตือนความจำให้นิดหน่อย....ว่าการต่อสู้ของพ่อมด เขาใช้เวทย์...ไม่ใช่ดาบ..."
คำสอนที่คิลได้ทราบจนซึ้งอ่วมอรทัยก่อนที่สติสัมปชัญญะจะหมดลงแล้วร่างของนักฆ่าผู้พ่ายแพ้ก็ทรุดฮวบลงทอดยาวบนพื้นหินสีเทาเย็น..... + + + + + + + + +
แสงอาทิตย์สีทองที่ชักจะส่องแสงจ้าลอดผ่านม่านหน้าต่างปลุกให้ใครบางคนในไออุ่นของผ้าห่มรู้สึกตัวขึ้น เปลือกตาที่บดบังดวงตามาตลอดทั้งคืนกระพริบถี่เพื่อปรับสภาพให้เข้ากับแสงแดดที่ทอกล้ามาบนใบหน้า ความรู้สึกขัดยอกยังคงมีปรากฎอยู่ตามแขน ขา และข้อพับต่างๆ ในขณะที่สมองก็ยังมึนตื้อไม่หาย คิลค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ ภาพในหัวดูจะไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่เมื่อความคิดอ่านยังไม่กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ แต่สิ่งที่ทำให้เขารำลึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่างได้ก็คือเตียงที่ว่างเปล่าอีกสองเตียงทางด้านขวาของตน.....
วันนี้วันที่ 14 กุมภาพันธ์.....
เฟรินกับคาโล.....!!!!
พอรู้สึกตัว..นักฆ่าหนุ่มก็กระโดดพรวดออกจากเตียงก่อนจะวิ่งตื้อเปิดประตูออกไปนอกห้องอย่างไม่คิดจะสนใจอะไรอีกแล้วทั้งสิ้น
แล้วมันก็ทำให้คิลแทบจะสิ้นหวัง.....
ทางเดินหน้าห้องว่างเปล่า....ว่างจนน่าใจหาย พระอาทิตย์ที่ลอยขึ้นสูงทางเบื้องหลังก็บอกให้รู้โดยธรรมชาติว่าเวลานี้ก็คงจะเลยคำว่าเช้ามามากแล้ว...
เขาอาจจะช้าเกินไป....
ความกลัวเริ่มขยับขึ้นมาเกาะที่หัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ให้รู้สึกอึดอัดเสียจนหายใจขัด...
ไม่ว่ายังไง...เขาก็จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น!!!
ไม่ว่าจะเป็นยังไง...เพราะฉะนั้น ที่เขาต้องทำก็คือ...ไปหาไอ้เพื่อนบ้าสองคนนั่นให้เจอเสียก่อน....
แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ....เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกมันอยู่ที่ไหน.....
เหมือนพระเจ้าจะรับฟังปัญหาของคิล เพราะไม่ทันจะได้วิ่งวุ่นไปไหน.....ท่านก็ได้ส่งเทวทูตลงมาให้เขา..
เด็กหนุ่มผู้เรียบร้อยที่สุดในป้อมอัศวิน...ซีบิล เสวน เดอะพรีสออฟบารามอส นักบวชที่เพิ่งกลายร่างเป็นทูตสวรรค์ในสายตาของคิลก้าวเดินขึ้นมาบนบันไดพอดิบพอดี....
คนได้โอกาสถามจึงรีบคว้าเอาอย่างไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป.....
"ซิบิล เห็นคาโลกับเฟรินไหม ? " คำถามกระโชกโฮกฮากด้วยความรีบร้อนอย่างที่คนตรงหน้าไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาซีบิลอึ้งไปพักก่อนพยักหน้าหงึกๆแล้วตอบ
"เห็นว่าอยู่ที่สวนด้านหลังนะครับ"
"เออ... ขอบใจมาก" เมื่อได้รับคำตอบ คิลก็พรวดพราดออกไปอย่างว่องไว ทิ้งให้ซีบิลยืนงงอยู่ตรงนั้น.....
....วันวาเลนไทน์อย่างนี้ คุณคิลเขารีบอะไรกันนักหนาน่ะ....?..
+ + + + + + + + +
สวนด้านหลังของป้อมอัศวินเป็นสถานที่ที่ร่มรื่น....ละแวกล้อมรอบไปด้วยพฤกษาน้อยใหญ่นานาพันธุ์ที่คิลเองก็โปรดปรานไม่น้อยที่จะหยุดเดินเรื่อยเปื่อยชมความงามของธรรมชาติอยู่เสมอ ถ้าไม่ใช่ในเวลาที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายเช่นนี้.....
หวังว่าเขาจะยังไม่มาสายจนเกินไป....
เสียงพูดคุยคุ้นหูดังขึ้นเบาๆที่สุดอีกด้านหนึ่งของสวน....
"เอ่อ....คาโล" เจ้าตัวดีที่ปรกติจะยิ้มแป้นเริงร่าอยู่เสมอ บัดนี้ใบหน้าของมันกลับขึ้นสีชมพูเรื่ออย่างชักจะสมหญิง ให้คาโลที่พยายามตีหน้าเคร่งอดจะแอบลอบยิ้มให้กับท่าทางน่าเอ็นดูนั้นไม่ได้...
บทจะทำตัวให้ดีก็ทำได้ เพียงแต่มันไม่รู้จักทำ....
"ว่าไงเฟริน" คำถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงถูกส่งให้เจ้าตัวยุ่ง บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธเขาอีกต่อไปที่ทำเมินกันอยู่เสียหลายวัน....
เฟรินยิ้มกริ่มก่อนจะหยิบของในมือที่แอบซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นมา กล่องของขวัญห่อด้วยกระดาษสีน้ำเงินแวววาวลายดาบอย่างที่บอกได้ว่าคงเป็นของขายหาเงินเข้าป้อมอีกตามเคย ผูกทับด้วยริบบิ้นสีฟ้าอ่อนสวยงามที่แม้จะเยินๆไปสักหน่อยแต่ก็บ่งบอกได้ถึงความตั้งใจของเจ้าตัวที่พยายามห่อของขวัญนั่นอย่างดีที่สุด....
"นี่....เอ่อ...ของนาย" ว่าพลางกล่องของขวัญก็ถูกยื่นออกมาเบื้องหน้าให้กับเจ้าชายน้ำแข็งที่บัดนี้ดวงหน้าขาวๆก็ชักจะเริ่มซับสีขึ้นบ้างแล้ว....
"ขอบ..จ. " แต่คำขอบใจไม่ทันได้กล่าวจบ วัตถุสีเงินวาววับก็พุ่งผ่านห่อของขวัญสีน้ำเงิน กระชากกล่องให้ถูกลากไปตามแรงของมีดที่ส่งมาจากใครบางคนที่อีกฟากหนึ่ง....
เจ้าตัวดียืนแข็งอึ้ง อ้าปากค้างอยู่หลายวิ และเมื่อสมองได้ซึมซับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียบร้อยดีแล้ว มันก็ว้ากลั่น..
"ไอ้บ้าคิล!! แกรู้ตัวไหมว่าทำอะไรของแกหา!!! " นัยน์ตาสีน้ำตาลวาววับด้วยประกายเพลิง ถลึงมองไอ้เพื่อนที่ขัดฉากสวีทของมัน
"ก็ช่วยชีวิตคาโลน่ะสิ ไอ้หมาบ้า!!" ว่าพลางก็หันขวับไปมองที่คนกลางอีกคนอย่างต้องการการสนับสนุน แต่คนที่ควรเข้าข้างเขากลับตวัดสายตาน้ำแข็งที่เยียบเย็นจนหนาวสันหลังมาให้พร้อมคำพูดเย็นชาที่บ่งบอกว่ามันกำลังโกรธมาก....
"ชั้นจำไม่ได้ว่าขอให้แกช่วย.... คิล"
คนมีความตั้งใจดีที่จะช่วยเพื่อน พอเจออย่างนี้ก็ชักจะระเบิดลงกับเขาบ้าง มันเรื่องอะไรกันที่เขาอุตส่าห์ห่วงพวกมันจะเป็นจะตายจนต้องอดหลับอดนอนไปเฝ้า แล้วยังต้องสู้กับไอ้บ้าขอทานอย่างโร เซวาเรส จนปวดหัวปวดตัวไปหมดอย่างนี้.....คำขอบใจสักคำเป็นไม่มี แถมยังมาว่ากันให้เสียๆหายๆ....
"งั้นเชิญพวกนายตามสบาย อยากฆ่าแกงกันให้ตายยังไงก็เชิญ ชั้นไม่ยุ่งด้วยแล้ว!!! " ผู้ที่กำลังตกเป็นจำเลยของคนอีกสองคนระเบิดโพล่งก่อนจะหันหลังควับแล้วออกวิ่งจากไป.....
คนกำลังโกรธพอได้ฟังไอ้คนก่อเรื่องพูด ไอ้ความโกรธที่พุ่งริ้วๆจนแทบระเบิดมันก็หายไปหมด ให้เหลือแต่ความงุนงงที่ถูกเบียดแทรกเข้ามาแทนที่......
"ที่ว่าฆ่ากันตายน่ะ ไอ้คิลมันหมายความว่าไงนะ คาโล?" หัวขโมยเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อนขณะที่เจ้าชายที่ถูกถามก็ได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเพื่อนอีกคน....
+ + + + + + + + +
ไอ้พวกเพื่อนบ้า!....ไอ้เพื่อนเฮงซวย!....ไอ้เพื่อนงี่เง่า! คำสบถด่าภายในใจของนักฆ่าแห่งซาเรสที่ไม่นึกว่าตัวเองจะมากลายเป็นขี้บ่นเหมือนพวกผู้หญิง ขณะที่ขาก็ยังคงก้าวฉับๆไปบนทางเดินอย่างไร้จุดหมาย....
"อารมณ์เสียในวันอย่างนี้นี่ขาดทุนน่ะเว้ย คิล" เสียงห้าวดังทักมาจากทางด้านข้าง ให้คนถูกเรียกหันกลับไปมองร่างของสามหนุ่มเพื่อนร่วมป้อม ครี๊ด ธันเดอร์ เดท ไฟเออร์และกัส โทนีย่า ที่กำลังเดินตรงมาหา ในมือของกัสมีกล่องของขวัญห่อด้วยกระดาษสีส้มประณีตงดงาม.....
"วันอาถรรพ์เฮงซวยอย่างนี้มีอะไรดีกัน" คิลบ่นอุบที่ทำให้เพื่อนอีกสองคนขยับปล่อยเสียงหัวเราะก่อนว่ากระเซ้าอย่างอารมณ์ดี
"เป็นอย่างนี้แสดงว่าแกก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้รับช็อกโกแลตจากสาวล่ะสิ"
"ช็อคโกแลตสยองขวัญขนาดนั้นใครจะไปอยากรับ" เจ้าตัวยังไม่เลิกบ่น....
"ได้ช็อคโกแลตเนี้ยน่ะสยองขวัญ...? " เดทถามพลางขมวดคิ้วอย่างงงๆ "ออกจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ...? "
ฟังไอ้คนพูดแล้วคิลก็ทำตาโต ก่อนว้าก "เรื่องดีบ้านแกน่ะสิ มีคนจ้องจะฆ่าดันหาว่าเป็นเรื่องดี!!"
คนที่บัดนี้ชักจะคันปากใส่ซะเต็มที่ แต่คนฟังกลับหัวเราะฮากลิ้งอีกระลอกก่อนที่ครี๊ดจะเอ่ยปากถามคำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจ
"แกเคยฟังเรื่องช็อคโกแลตวาเลนไทน์ไหมว่ะ คิล" เป็นคำถามเดียวกับที่เขาเคยได้ยินจากปากของผู้คุมกฎลูคัสในวันนั้น...
คิลพยักหน้าหงึกๆตอบรับ...
"ก็ไอ้เรื่องช็อคโกแลตฆาตกรรมอะไรนั่นใช่ไหมล่ะ" เสริมเสร็จแล้วเจ้าตัวก็ร่ายยาวรีเพลย์เรื่องที่ลูคัสเคยเล่าให้เพื่อนฟังอีกรอบ แต่คำตอบรับของเรื่องนั้นกลับเป็นเสียงหัวเราะเอาเป็นเอาตายจากเพื่อนๆแม้แต่คนที่เงียบขรึมอย่างกัส โทนีย่า เดอะพรีสต์......
"ขอแสดงความยินดีด้วยเพื่อน..... " ครี๊ดที่เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ว่าพลางตบไหล่คิลป๊าบๆ "แกถูกตุ๋นซะเปื่อยเลยวะ"
+ + + + + + + + +
"วาเลนไทน์เป็นนักบุญคนหนึ่งที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน คนเขาเดากันว่าเป็นชาวทริสทอร์เก่าเพราะข่าวลือมันแพร่มาจากที่นั่น เขาเป็นคนใจบุญสุนทานอย่างหาได้ยากที่ระเห็จไปอยู่ในโลกต่างซึ่งในตอนนั้นกำลังปฏิเสธการแต่งงานระหว่างชายหญิง แต่วาเลนไทน์ที่ยึดมั่นในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ก็ทำพิธีแต่งงานให้กับคู่รักที่ต้องการจะอยู่ร่วมกัน เขาจึงถูกกษัตริย์ที่นั่นตัดสินลงโทษประหารชีวิต....."
คำบอกเล่าเรื่องราวของนักบุญวาเลนไทน์หรือ วาเลนทิอัส เวอร์ชั่นสองที่เขาไม่เห็นจะเคยได้ยินได้ฟังมาก่อนสักนิดจากซีบิล สเวน หนึ่งในประชากรที่บัดนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของชั้นปี....
เสียงหัวเราะฮาครืนดังลั่นอีกครั้งให้กับทายาทนักฆ่าที่บัดนี้ก็ก้มหน้างุดอย่างอายตัวเอง ก่อนใครสักคนจะพูดขึ้นต่อ....
"วันที่ 14 กุมภาฯเป็นวันตายของวาเลนไทน์ หลังจากนั้นมันก็ได้รับการแต่งตั้งจากชาวเมืองทริสทอร์ให้เป็นวันแห่งความรัก ที่หญิงสาวจะมอบช็อคโกแลตให้เป็นของขวัญแด่คนที่รักแทนความรู้สึกในใจ..."
บทเสริมจากปากของโร เซวาเรส คู่กรณีที่บัดนี้กำลังหัวเราะหึหึอย่างน่าหมั่นไส้สุดๆ....
....แทนที่มันจะบอกเขาให้รู้เรื่องตั้งแต่วันนั้น...เขาจะได้ไม่มาปล่อยไก่หมดเล้าไปจิกชาวบ้านอย่างนี้......
ความคิดที่ยิ่งทำให้เข่นเคี่ยวเขี้ยวฟันไม่หายเมื่อนึกถึง.....
แต่จะว่าไป....เรื่องนี้มันจะไปโทษใครได้นอกจากตัวเขาที่มันโง่เองจนหลงเชื่อไปตามน้ำคำของคนที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นซาตานคนนั้น.......
"ชั้นยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเลยน่ะคิล ที่บังอาจมาทำลายประติมากรรมชิ้นสำคัญหนึ่งในโลกของชั้นน่ะ" เจ้าคนที่ถูกทำลายบทหวานๆเพราะความโง่ของเขาเอ่ยทีเล่นทีจริง จะนึกโกรธก็โกรธไม่ลงในเมื่อไอ้คนตรงหน้ามันทำไปก็เพราะเป็นห่วงเขากับเจ้าชายน้ำแข็งงี่เง่าข้างตัว ถึงแม้มันจะน่าเคืองไม่น้อยอยู่เหมือนกันที่มันดันมามองว่าเขาจะฆ่าเพื่อนเพื่ออะไรบ้าๆ......
"ชั้น....ขอโทษ" คนเป็นนักฆ่ากล่าวคำขอโทษอย่างตั้งใจ หันไปทางเจ้าชายผู้มีปัญหาก็กำลังแย้มรอยยิ้มเล็กๆส่งมาให้อย่างบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้จะติดใจเอาความ.....
"แต่แกก็ตามน้ำที่พี่เขาบอกไปหมดทุกบทเลยนะเฟริน ทำตัวลึกลับน่าสยองอย่างนั้นแล้วใครมันจะไปคิดอย่างอื่น" เมื่อได้รับการให้อภัย นักฆ่าตัวดีก็กลับมาฉีกยิ้มได้เหมือนเดิมแล้วเริ่มหาเรื่องโทษคนอื่นบ้าง
"ชั้นไม่ได้พยายามจะทำตัวลึกลับ" คนถูกกล่าวโทษแก้ตัว "ก็แกจะให้ชั้นไปทำที่ไหน มีห้องลับนั่นเป็นที่เดียวที่มีอุปกรณ์ครบ แถมไม่มีใครรบกวนด้วย"
"ก็แล้วถ้าแค่เป็นเรื่องช็อคโกแลต มันจะไม่ขลังได้ที่ตรงไหน?"
"ชั้นก็ว่าให้แกอยากรู้ไปอย่างนั้น" เจ้าหัวขโมยไหวไหล่ตอบเสียอย่างงั้น
คำตอบที่คิลเอาหน้าเบ้รับอย่างไม่เต็มใจนักก่อนถามต่อ "แล้วที่แกโกรธซะมากมายตอนที่ชั้นบอกห้ามไปครั้งแรกล่ะ?"
"บ๊ะ! แกจะไม่ให้ชั้นโมโหได้ยังไง คราวไอ้คาโล..พอมันได้ยินชั้นเปรยเรื่องขนมนี่ให้ฟัง มันก็รีบบอกเลยว่าคนอย่างชั้นน่ะคงทำไม่ได้ อย่าฝืนจะดีกว่า... แล้วพอเป็นตาแก...ยิ่งมาบอกว่าจะห้ามชั้นเพื่อความปลอดภัยของคาโลมัน แกจะให้ชั้นคิดยังไงนอกจากพวกแกรวมหัวกันดูถูกชั้นล่ะฟร่ะ" เฟรินว่าใส่เป็นชุดอย่างที่คิลพูดไม่ออกเถียงไม่ถูกเลยสักนิด
รูปการณ์ที่ไม่มีใครจัดฉากที่พาให้เขาเข้าใจผิดมันช่างสมบูรณ์แบบเสียจริงๆ....
"เออ....ชั้นขอโทษที่เข้าใจผิดไปเอง" คำขอโทษโดยศิโรราบจึงออกจากปากของนักฆ่าแห่งซาเรสเป็นครั้งที่สอง
เมื่อเห็นสีหน้าที่ชักจะจ๋อยของเพื่อน เฟรินก็ว่าให้มันรู้สึกสบายใจขึ้นสักหน่อย....
"แกไม่ต้องห่วงหรอกคิล ช็อคโกแลตชั้นก็ไม่ได้เจ๊ง ที่พังก็มีแค่กล่องเท่านั้นเอง" คำพูดจากเฟรินที่คาโลก็พยักหน้ารับรอง ทำให้คิลถอนหายใจอย่างโล่งอก....
"แต่ไหนๆแกก็ทำผิดไปแล้ว มันก็ควรมีการลงโทษซักหน่อย....." เฟรินว่าพลางเจ้าตัวก็ยักคิ้วแผล่บ....เปิดกระเป๋า หยิบช็อคโกแลตอันเล็กขนาดพอคำที่ห่อในกระดาษใสออกมาโยนให้เพื่อนตรงหน้า ก่อนจะหยิบอันอื่นๆออกมาและส่งไปให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นโดยรอบ...
"อันนี้ชั้นทำให้เพื่อนร่วมป้อมทุกคน กินกันตามสบาย รับรองไม่มียาพิษปลอมปน" แอบเหน็บใครบางคนเล็กๆให้คนทั้งห้องหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
"ว่าแต่พวกสาวๆของป้อมเราจะไม่มีอะไรมาให้บ้างเลยเหรอ?" คำถามจากอาชูร่าส่งให้กับมาทิลด้า หญิงสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องอย่างที่ไม่รู้ว่าอีกสองคนหายตัวไปไหน....
แต่ก่อนที่มาทิลด้าจะได้ตอบอะไร ประตูห้องก็เปิดออกให้อีกสองสาวที่หายไปปรากฎตัวขึ้นมา.....
พร้อมถุงที่บรรจุช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆอีกถุงใหญ่....
"จากพวกชั้นสามคน" แองเจลิน่า นางฟ้าประจำป้อมว่าก่อนจะส่งห่อขนมห่อย่อมแจกจ่ายไปให้ในหมู่เพื่อนฝูง
แล้วเสียงครึกครึ้นก็ดังลั่นไปทั้งชั้น เมื่อเจคไปคว้าเอาขวดเหล้าที่ไหนก็ไม่รู้มาเปิดรินแจกกลางวง พร้อมๆกับที่อาชูร่าก็ควักขนมที่เตรียมไว้มาแจกจ่ายเป็นกับแกล้มให้เพื่อนๆ กลายเป็นปาร์ตี้สุขสันต์หรรษาขนาดไม่ย่อมอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่แต่ละคนก็แทบจะโกยอ้าวเก็บของกันไม่ทันเมื่อผู้คุมกฏชิวาส เดเบสดันผลุบจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาในห้อง
"ไอ้พวกเด็กทะโมนปีสอง บอกตั้งกี่หนแล้วจำไม่ได้รึไงว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผิดกฏของโรงเรียน!!"
+ + + + + + + + +
"เป็นอะไรไปซีบิล" กัสออกปากถามขณะที่หันไปมองเพื่อนที่กำลังนั่งค้างอยู่บนเตียงของตัวเอง ตีสีหน้าแปลกๆนิ่งสลับกับอาการโวยวายกับตัวเองอย่างที่คนเรียบร้อยอย่างเขาไม่เคยเป็นมาก่อน....
"ซีบิล...ซีบิล เฮ้ ซีบิล!!" เสียงเรียกดังขึ้นอีกหลายครั้ง คนถูกทักจึงได้รู้สึกตัว หันไปสบกับนัยน์ตาสีฟ้าสวยของเพื่อนร่วมอาชีพกับบุรุษขอทานแห่งทริสทอร์ที่เพิ่งจะเดินมาผสมโรงด้วย ซีบิลตีหน้าเหยเกเหมือนคิดอะไรบางอย่างในใจก่อนว่าเสียงอ่อย "ผมว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ที่จะพูด"
"มีอะไรก็พูดไปเถอะ อยู่กันแค่นี้เอง" โรว่าพลางกัสก็พยักหน้าสนับสนุน
"จะดีเหรอครับ..." คนถนัดแต่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยก็ยังคงไม่แน่ใจ
"เขาว่าเพื่อนกันต้องจริงใจ ไม่ปิดบัง คิดอะไรก็พูดกันไป" เป็นน้ำคำจากกัส โทนีย่า เสือซ่อนเล็บแห่งกิลดิเรกที่เรียกให้คนปากหนักพยักหน้าหงึกก่อนออกปาก
"ง่า..คือ..อันที่จริง ผมก็แค่สงสัยนะครับ"
โรฟังแล้วก็มุ่นคิ้วเข้มก่อนทวนอย่างงงๆ "สงสัย?"
"คือ....ก็เรื่องช็อคโกแลตนั่นแหละครับ ผมไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมคุณเฟรินถึงได้พยายามทำให้คุณคาโลเขาจนเกิดเรื่องเกิดราวแบบนั้น ของพวกนี้มันเป็นของที่ผู้หญิงใช้แสดงความรัก แต่คุณเฟรินกับคุณคาโลเป็นผู้ชายนี่ครับ แล้วทำไมคุณเฟรินต้องให้ช็อกโกแลตคุณคาโลเป็นพิเศษด้ว..... อ้าว คุณกัสอย่าเพิ่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างงั้นสิครับ แล้วคุณโรทำไมต้องหัวเราะขนาดนั้นด้วยละ...."
+ + + + + + + + +
((ส่วนนี้แถม แค่อยากเขียน..ไม่มีเหตุผล))
"แย่จังที่จบซะแล้ว แต่ก็สนุกดีว่างั้นไหมลอรี่..." คำถามดังขึ้นจากเพื่อนจอมกวนข้างตัวหลังจากที่มันลากเขาลงไปตรวจตรา (แอบฟัง) แถวห้องนั่งเล่นของเด็กปีสอง ก่อนจะตามมาด้วยเสียง...เฟี้ยว ฉึก..จากปรากฏการณ์มีดบินธรรมชาติอันเป็นปฏิกริยารีเฟลคซ์แอกชั่นของนักบวชแห่งป้อมอัศวิน
และประโยคที่นำมารีเพลย์ซ้ำกันอีกรอบอย่างไม่เคยคิดจะเปลี่ยนม้วนเทป "อยากตายรึไงลูคัส!!"
"ยังไม่อยากหรอก ลอรี่" คนตอบก็ตอบด้วยประโยคเดียวกับที่ใช้มาตลอดหกปีไม่รู้จักเบื่อ ก่อนที่จะวกกลับเข้าประเด็น "แล้วนายไม่เห็นว่ามันสนุกหรือไง?"
"เล่นกับความตั้งใจของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ดี" ลอเรนซ์ตอบกลับเรียบก่อนสำทับ "นายเล่นมากเกินไปแล้วลูคัส แล้วมันก็ชักจะกลายเป็นสันดานที่แก้ยังไงก็ไม่หาย"
"ก็ไม่เห็นจะต้องแก้อะไรเลยนี่" จำเลยนิสัยเสียยังคงยิ้มร่าอย่างไม่ยีหร่ะต่อคำเตือนของเขาสักกะนิด
"ยังไงมันก็เรื่องของนาย ชั้นจะไม่เข้าไปยุ่ง เลือกเอาเองแล้วกันว่าอยากจะมีชีวิตอยู่อย่างปรกติสุข หรืออวัยวะไม่ครบ 32" คนเป็นนักบวชว่าเสียงขุ่นกระแทกกระทั้นอย่างไม่สบอารมณ์
นัยน์ตาสีดำตวัดเหล่มองคนข้างตัวที่กำลังกระฟัดกระเฟียด...ยิ้มอารมณ์ดี "ผิดแล้ว ที่ต้องเลือกตอนนี้น่ะคือนาย เอาซ้ายหรือขวาดีลอรี่"
คำถามที่ทำให้คนฟังงงจนลืมอารมณ์หงุดหงิดไปชั่วคราว ออกปากถามกลับ "เลือกทำไม?"
"เอาน่า...บอกให้เลือกก็เลือกสิ"
"ไม่" คำตอบที่เมื่อหลุดออกไป..คนเป็นซาตานก็ดันส่งสายตาอ้อนวอนเหมือนหมาถูกทิ้งขึ้นเสียอย่างงั้น ให้คนมองได้แต่สมเพชมากกว่าสงสาร ตอบส่งๆไปให้หมดเรื่องหมดราว "งั้น...เอาขวา"
"แกโชคดี...." เจ้าเพื่อนตัวดียิ้มร่าก่อนว่าเฉลย "สิทธิพิเศษสำหรับวาเลนไทน์นี้แด่คุณลอรี่ ช็อคโกแลตหนึ่งกล่องกับซาตานหนึ่งคนแบบเซ็ตฟรีตลอดชีพ"
"ขอใช้สิทธิไม่รับ" คนถูกรางวัลปฏิเสธเสียเฉย ให้คนแจกของร้องค้านลั่น
"ไม่ได้ๆ สินค้าของเรา ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยน ได้แล้วไม่รับคืน"
"งั้นก็เปลี่ยนเป็นทิ้ง ให้แล้วจะทิ้งก็เป็นกรรมสิทธ์ของชั้น" คนไม่เอาก็จะโยนออกจากตัวเสียให้ได้
"ไม่เห็นด้วย เพราะถึงทิ้งไปก็คงกลับมาอีก สินค้าเราดื้อด้านอยู่แล้ว แถมลงถังขยะ กลับมาคงเหม็นน่าดู นายทนได้เหรอ" คนพยายามยัดเยียดก็ฝอยของมันไปเรื่อย ยิ้มน่าหมั่นไส้ก่อนสรุปแทนเสร็จสรรพ "ดีออกน้า ลอรี่ ของกินก็มี แถมมีเพื่อนดีๆติดตัวชั่วชีวิต ไม่คุ้มงานนี้จะคุ้มงานไหน"
คำพูดที่ทำเอานักบวชแห่งป้อมอัศวินเกือบเอาหัวโขกข้างฝา มึนตึ้บกับไอ้เพื่อนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็บ้าไม่เปลี่ยน ว่าอย่างชักจะหลุดโหมด "ไม่อยากเอาโว้ย เก็บไว้ทำไม รก"
"รกนิดแต่คุ้มค่า เกะกะแต่ก็โอเค...มีคนคอยอยู่ด้วยฟรีๆออกจะดี...นายจะได้ไม่เหงา พอนายไม่เหงาก็จะไม่หงุดหงิด แล้วก็ไม่อารมณ์เสียใส่คนอื่นง่ายๆ แถมยังมีที่ฝึกขว้างมีดพร้อมคนตามเก็บครบเซ็ต โอกาสอย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ"
คนจะขายตัวเองบรรยายสรรพคุณเรียบร้อยยิ้มยิงฟันร่า ให้คนฟังได้แต่กุมขมับเครียด ค้านควับ
"ชั้นไม่เคยคิดว่าถ้าตัวเองเหงาแล้วจะอารมณ์เสีย ไอ้ประสาท!"
"อะฮ้า!....ที่นายไม่คิดนี่แหละปัญหา นายยังรู้จักตัวเองไม่ดีพอ...เพราะฉะนั้นก็ต้องให้ชั้นคอยอยู่ช่วยชี้แนะ"
คนต้องการคนชี้แนะรู้สึกปวดหัวรุนแรงกะทันหันกับไอ้คนพูดอะไรพล่อยๆข้างตัว....เอาที่ไหนมาพูดว่าคนอย่างเขาเนี่ยต้องการให้มันมาคอยช่วยชี้แนะ คนที่ต้องทำหน้าที่ปรามมันตลอดเวลาที่ทำเรื่องโง่ๆต่างหากที่เป็นเขาทุกที...
ไอ้คนที่บ้าที่สุด งี่เง่าที่สุด ประสาทที่สุด....
ใช่...และที่ปฏิเสธไม่ได้ มันก็ดันเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด...
มันน่าเบื่อ....แต่กลับทำให้เขารู้จักคำว่าสนุก มันน่ารำคาญ...แต่ก็ทำให้เขาไม่ต้องเหงา
ซาตานที่ทั้งงี่เง่าไม่เอาถ่าน นิสัยเสียก็แก้ไม่หายและไม่มีทางหายชัดๆ หน้ามันก็ยังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ข้างตัวไม่น่าไว้ใจสักนิด แต่เขากลับมองเห็นบางอย่างซึ่งเขาหาจากใครอื่นไม่ได้อีกแล้วซึ่งฉายชัดในแววตาสีดำขี้เล่นนั่นอย่างที่ตัวเองก็ปฏิเสธไม่ลง....
บางที...แค่บางที มันอาจจะดีก็ได้....
คิดแล้วเจ้าตัวก็เหยียดมุมปากขยับยิ้มขึ้น "ถือว่าแค่ทดลองงานแล้วกัน"
"แล้วนายจะรู้จักก็คราวนี้ ว่าไม่ผิดหวังนะแปลว่าอะไร" ลูคัสโพล่งว่ารับอย่างร่าเริงก่อนจะดีดนิ้วป้อกอย่างเพิ่งนึกอะไรได้ "เกือบลืมช็อคโกแลตของนาย"
กล่องสีน้ำเงินผูกริบบิ้นแดงถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงโยนส่งให้ ลอเรนซ์จำใจแกะห่อออกอย่างรวดเร็วเพราะรำคาญไอ้สายตาคนข้างๆที่คะยั้นคะยอมา ก่อนต้องเบิ่งตากว้าง อ้าปากค้าง.....
สิ่งไม่มีชีวิตสีดำขยุกขยุยสลับกับเขียวแปร่งวางนิ่งอยู่ภายในกล่อง....
ไม่มีสัญญาณของความเป็นขนมหวานอย่างที่ไอ้ซาตานมันพูดแม้แต่นิด แค่จะเรียกว่าของที่กินได้ก็ยังมากเกินไปด้วยซ้ำ
ถ้าไอ้สิ่งที่เขาเห็นเรียกว่าช็อคโกแลตละก็....มันก็น่ากลัวยิ่งกว่ายาพิษในเรื่องเล่าตอแหลลงตับของไอ้เพื่อนตัวดีนี่เสียอีก...
"ช็อคโกแลต ผสมน้ำสกัดดอกพริมโรส และดอกเบลาดอนน่าดำ ใบมิ้นท์ ผลแอปริคอท และอะโคไนท์...." เจ้าตัวว่าอย่างภูมิใจ " ชั้นลองให้เคลเบรอสแถวหน้าโรงเรียนกินดูรอบหนึ่งแล้ว ไม่รู้ทำไมมันล้มพรึ่บลงไปเลย แต่พอชั้นชิมดูก็ไม่เห็นเป็นไร รสปุแล่มๆไปหน่อยก็เท่านั้น นายก็ลองๆหน่อยแล้วกันนะลอรี่"
ลอเรนซ์ ดอว์น กำลังลืมอาชีพของตัวเองกำหมัดแน่น กัดฟันเต็มที่ ก่อนที่เส้นอารมณ์จะขาดผึ่ง เพราะไอ้คนข้างตัวดันเสริมอีกอย่างไม่รู้ชะตากรรม
"ไม่ต้องห่วงนะ ถ้านายป่วยชั้นจะอาสาเป็นคนแบกไปห้องพยาบาลเอง"
"ไอ้บ้าลูคัสสส แก...."
แล้วเสียงโหยหวนก็ดังลั่นไปทั้งชั้นเจ็ดของป้อมอัศวินอีกครั้ง
((แล้วคำว่าไม่ผิดหวังเนี่ยมันแปลว่าอะไรกันแน่นะ.......^^;))
+ + + + + + + + +
สมุดรายงานประจำป้อมอัศวิน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 20xx ผู้ทำการตรวจสอบ : โซมาเนีย มิสทรัล
- นักเรียนชั้นปีที่สอง 5 คนขอลาป่วยด้วยอาการท้องเสียอย่างรุนแรง สาเหตุ : อาหารเป็นพิษ ( จากปากคำของเพื่อนๆร่วมรุ่น..เห็นว่าน่าจะเป็นช็อคโกแลต )
- นักเรียนชั้นปีที่สอง 5 คนขอลาป่วยด้วยอาการท้องเสียที่รุนแรงยิ่งกว่า 5 คนแรก สาเหตุ : อาหารเป็นพิษ ( จากปากคำของเพื่อนๆร่วมรุ่น..เห็นว่าน่าจะเป็นช็อคโกแลต )
- คาโล วาเนบลี (ปี 2 ) ถูกส่งไปห้องพยาบาลในฐานะ "คนไข้ฉุกเฉินเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน" สาเหตุ : อาหารเป็นพิษอย่างหนัก ( จากปากคำของคิล ฟิลมัส..เห็นว่าน่าจะเป็นช็อคโกแลต )
- ลูคัส ซาโดเรีย (ปี 6 ) ลาป่วย... สาเหตุ : ไม่ทราบแน่ชัด.. (ไม่มีคำให้การใดๆจากลอเรนซ์ ดอว์น เพื่อนร่วมห้อง)
จบเหอะเนอะ.... >>ThE End<< + + + + + + + + +
A/N : คนแต่งอัดอั้นตันใจอยู่นานอยากจะขอเมาท์หน่อยล่ะกันเน้อ.....แต่งฟิคเรื่องนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเหนื่อย พล็อตตอนแรกที่คิดไว้มันไม่สลับซับซ้อนเท่านี้ ไปๆมาๆกลับเติมนู่นนิดผสมนี่หน่อยจนยาวขึ้นจากที่ตั้งใจไว้มากก จากที่กะจะเอา 14 หน้าก็ปาเข้าไป 20-21.... ((แม้ถ้าเทียบกับพี่มี่จะยังห่างชั้นอยู่เยอะก็ตาม)) บทตอนแรกๆดูไม่ค่อยออกว่าเกี่ยวกับวาเลนไทน์ตรงไหน เหอเหอ เพราะไปๆมาๆ...พอเห็นคำว่า เดจา วู" บ่อยเข้า ก็แอบชอบคำนี้ขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ อยากเอามาลงในฟิคที่แต่งสักครั้ง....ไหนๆก็ไหนๆเลยเอามาใช้งานนี้เลยพอดี ก็เลยออกมาเป็นบทบรรยายช่วงแรกที่ออกจะแปลกๆงงๆอยู่สักหน่อย ( แต่คำว่า เดจา วู จริงๆไม่ได้มีความหมายเว่อร์อย่างที่ใช้ในฟิคหรอกน่ะ ) เป็นยังไงบ้างก็อยากให้ช่วยเมนท์บอกกันด้วยเน้อ.... คราวหน้าจะลองไปหาวิธีเขียนแปลกๆมาลองดูอีก (สรุปว่าแฟนฟิคคืองานที่ลองสไตล์การเขียนแบบใหม่ๆนี่เอง...) ส่วนเรื่องแกล้งคิลเนี่ย สงสัยมันจะเป็นนิสัยของเราไปซะแล้วอ่ะน่ะที่จะแกล้งตัวละคร ฟิคนี้ก็โดนจับมายำให้คิดวุ่นวายไปต่างๆนาๆ น่าสงสารตามเคย ( ตั้งแต่ cure , halloween night จนตอนนี้ก็ยังซวยอยู่ดี ^^; ) ไปๆมาๆแอบรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยแต่งบทสวีทคู่พระนาง เฟริน - คาโลเลยสักครั้งนี่หว่า....(แป่ว...) แต่ไหนๆคนอื่นก็แต่งไปเยอะแล้ว....ก็ช่างเขาเถอะเนอะ เหอเหอ เรื่องของนักบุญวาเลนไทน์ในเรื่องนี้....อย่างที่บอกกันไปแล้วในเรื่อง ว่าเรื่องแรกเป็นเรื่องตอหลดตอแหลหาตัวจับยากของลูคี่ซาตานจอมหาเรื่อง ส่วนเรื่องที่สอง....ข้อมูลจริงๆเราก็ไม่ค่อยชัวร์เท่าไหร่ เพราะพอลอง search หาข้อมูลดู บางที่ก็บอกว่าเป็นอย่างนี้ บางที่ก็บอกว่าไม่ใช่ อย่างไหนแน่ก็เลยยังสรุปไม่ได้ เลยเอาเค้าโครงมาบ้างมั่วเสริมไปบ้างให้เข้ากับฟิค ถือเป็นตำนานฉบับเอเดน - เดมอสก็ล่ะกัน.... แล้วตอนจบที่จนแล้วจนรอดก็จบไม่ลงก็มาจบเอาเมื่อวันที่ 13 นี่เอง ด้วยอาการที่เริ่มจะเผาสุดๆ ก็เลยไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่ ตอนของลอรี่กับลูคี่จังเราก็ไม่ค่อยชอบ...เห็นว่ามันแปลกๆไงไม่รู้แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะแก้แล้วอ่า ...อโหสิให้ข้าน้อยด้วยละกันเน้อ.... คราวหน้าจะลองแต่งฟิคที่มันไม่ติงต๊องบ้างแล้ว.....ชักจะลืมสไตล์เก่าๆไปหมดแล้วอ่ะ ^^;
((จบแค่นี้จะดีกว่านะ แค่ A/N ก็ปาไปเกือบครึ่งหน้า word แล้วง่ะ))
สุดท้ายนี้ก็ Happy Valentine Day ให้กับทุกคนค่า ^^
ป.ล. มีใครจะสนใจจะแต่งฟิค white day ให้เราบ้างไหมเนี้ย :p
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2548 | | |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2548 14:43:02 น. |
Counter : 1672 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[fic] The HaLLoWeEN's night
[fic] The HaLLoWeEN's night By : A.A the wolf ประเภท : ...ฮา...ตามแบบฉบับ (แต่งอย่างอื่นไม่เป็น) แถม...หวานอีกหน่อยล่ะกัน (อารมณ์ค้างจาก cure อ่ะ) ช่วงเวลา : ภาค 1 ละกันจ้า หลังจากแต่งแต่ฟิคช่วงเวลาภาค 3...ก็เลยคิดว่าน่าจะเอาเป็นตอนช่วงภาค 1 มั่งอ่ะ...... Note : ฟิครับ halloween จ้า (ไปคุยต่อที่ A/N ด้านล่างล่ะกัน)
*/แก้จากตอนลง felinclub ไปนิดนึง ย้ำว่า...นิดจริงๆ ===========
31 ตุลาคม.....
ใช่....วันนี้เป็นฮัลโลวีน....
วันเทศกาลปล่อยผีสำคัญของโลกที่แม้แต่ภายในโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กก็ยังว่างพอที่จะตื่นเต้นไปกับเขาด้วย และที่ดูจะกระตือรือร้นที่สุดก็เห็นจะต้องยกให้กับนักเรียนป้อมอัศวินที่ชื่นชอบความท้าทายและเรื่องสยองขวัญเป็นที่สุด....
รุ่นน้องปีหนึ่งจนถึงรุ่นพี่ปีเจ็ดต่างตั้งหน้าตั้งตารองานเลี้ยงฮัลโลวีนที่จะถูกจัดขึ้นในค่ำคืนนี้ ฝ่ายจัดสถานที่หลายคนรวมทั้งคาโลและมาทิลด้าวิ่งวุ่นทั้งวันเพื่อเตรียมงานให้เรียบร้อย ขณะที่คนที่ว่างงานต่างก็เตรียมชุดสำหรับใส่ในงานอย่างสนุกสนาน....
แต่ก็มีใครบางคนที่ดูจะไม่โสภาเอาเสียเลย.....
"แกทำบ้าอะไรของแกว่ะ เฟริน" คำถามที่ส่งไปของนักฆ่าแห่งซาเรสพร้อมกับปล่อยก๊ากอย่างอดไม่ได้เพราะไอ้เพื่อนตัวดีที่บัดนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของมันก็มีแต่อุปกรณ์ไล่ผีสารพัดชนิด....
กระเทียมเป็น 10 พวงห้อยระโยงระยางทั้งหัว คอ แขน ขา หลาวไม้แหลมที่เจ้าตัวดีเลือกที่จะโยนผ่าปฐพีทิ้งและสะพายมันไว้ด้านหลัง ไม้กางเขนเล็กๆถูกคล้องเต็มหัวหูไปหมด แล้วอันใหญ่ที่สุดก็อยู่ในมือของเจ้าตัวที่ยึดมั่นกับมันราวจะฝากชีวิตที่เหลือของเขาไว้กับไม้ตั้งฉากสองท่อนนั่น.....
"หุบปากไปเลยคิล" เฟรินหันไปบ่นพลางแยกเขี้ยวใส่
"กันไว้ดีกว่าแก้ ชั้นมันคนรอบคอบเฟร้ย" พล่ามไปเรื่อยแก้เก้อให้คิลหลุดก๊ากอีกรอบก่อนจะแหย่....
"แกไม่ไปขอน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์จากลอเรนซ์อีกสักขวดด้วยเลยเล่า...." คำพูดเล่นๆของเขาที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหันมาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยจริงจัง
"แกพูดถูกว่ะ"
แล้วก่อนที่เขาจะห้ามได้ทัน ไอ้ตัวดีที่กลัวผีจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างมันก็วิ่งทั่กๆทั้งอย่างนั้นขึ้นไปยังชั้นเจ็ดของป้อมอัศวิน......
++++++
เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั้งห้องนั่งเล่นรวมของเหล่านักเรียนชั้นปีที่สอง......
"แกนี่เจ๋งเป็นบ้าเลยว่ะ เฟริน ที่กล้าขึ้นไปขอน้ำมนตร์จากคุณพี่ลอเรนซ์" คำชมจากครี๊ด ธันเดอร์ที่เฟรินยิ้มแห้งรับ หันไปค้อนไอ้คนออกความเห็นที่เขาอยากจะแช่งให้มันหัวเราะจนตายไปทั้งอย่างนั้นเสียจริงๆ
"ที่จริงเรื่องน้ำมนตร์ขอคุณกัสก็ได้น่ะครับ...." คำพูดของซีบิลที่เจ้าตัวเองก็พยายามกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็นอยู่เหมือนกันให้ทุกคนทำท่าสนใจก่อนที่นักบวชผู้เรียบร้อยจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นอีกนิด....
"คุณกัสมีชื่อเสียงมากเรื่องการทำน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่กิลดิเรกครับ"
"โธ่...มีของดีก็ไม่บอก.....ปล่อยให้ชั้นขึ้นไปผจญชะตากรรม...." พูดได้แค่นั้นก็ต้องกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อหวนคิดไปถึงหน้าของนักบวชแห่งแอเรียสตอนที่เขาวิ่งขึ้นไปขอน้ำมนตร์จากพี่แก......
แต่จะว่าไป....ไอ้ห้องนั้นมันก็มีอะไรแปลกๆ.....
"ว่าแต่แกจะไหวป่าวว่ะเฟริน...คืนนี้น่ะ" คำถามจากนิกส์ผู้ไม่ค่อยมีบทในภาคปรกติ
"ผีเต็มงานเลยน่ะเฟร้ย เหอเหอเหอ" ใครสักคนกล่าวสำทับ
"ง่า....ก็น่าจะไหว" เจ้าตัวดีตอบอย่างชักไม่แน่ใจ....
"ไม่ใช่ น่า..ต้องไหว" แองเจลิน่าที่นั่งฟังอยู่แหวขึ้น
"นายเป็นคนของป้อมอัศวิน ที่สำคัญยังมีตำแหน่งถึงหนึ่งในหัวหน้าชั้นปี เพราะฉะนั้นนายก็ต้องไปในงาน แล้วก็ห้ามทำอะไรที่จะทำให้ป้อมขายหน้าเป็นอันขาด"
คำพูดจากแม่นางฟ้าแห่งป้อมที่เฟรินกลืนน้ำลายเป็นรอบที่สอง....ก่อนจะขอต่อรอง
"ชั้นใส่ไอ้พวกนี้เข้างานได้ไหม" ชี้ไปยังเครื่องประดับไล่ผีของตัวเองก่อนที่จะต้องหลบแทบไม่ทันเมื่อคทาสุดที่รักของคุณเธอส่งมาฟาดเขาไม่บันยะบันยัง
"นี่ๆๆ จะบ้ารึไงเล่า ใส่ยังงี้คนเขาก็รู้กันหมดว่านายกลัวน่ะสิ"
แล้วเสียงหัวเราะก็ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่นอีกครั้งกับการเล่นวิ่งไล่จับของสองหนุ่มสาวแห่งป้อมอัศวิน ก่อนที่ทุกคนจะต่างพากันแยกย้ายไปเตรียมตัวสำหรับปาร์ตี้ฮัลโลวีนในค่ำคืนนี้.....
แต่ก่อนที่เจ้าหัวขโมยจะวิ่งตามเพื่อนอีกคนกลับห้องไป มันก็คิดอะไรขึ้นได้แล้ววิ่งแจ้นไปหาบุรุษร่างสูงเจ้าของผมสีเงินยาว.....ยิ้มเผล่
"กัส....ชั้นขอน้ำมนตร์นายสักขวดได้ไหม?"
++++++
บางทีงานปาร์ตี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด...
ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในหัวของเฟริน เดอเบอโรว์ผู้อยู่ในชุดที่คิลเรียกว่า'มนุษย์หมาป่า'(แต่ที่จริงก็คือไอ้ร่างหมาของเขาดีๆนี่เอง) เมื่อมองเห็นอาหารที่วางเรียงบนโต๊ะยาวนั้นถูกประดับประดาดูน่ากินกว่าวันปรกติธรรมดาเป็นไหนๆ ความรู้สึกที่ตอนแรกนึกว่าจะน่ากลัว เอาเข้าจริงๆก็ไม่เห็นมีอะไร...แม้บรรยากาศมันจะดูหลอนๆไปสักนิดเพราะแสงสว่างที่มีมันได้มาจากไอ้ลูกฟักทองเจาะรูน่าขนลุก แต่นอกนั้นมันก็แค่นักเรียนทั้งโรงเรียนที่ใส่ชุดแฟนซีเป็นผีเดินไปเดินมากันเท่านั้นเอง
คิดได้ยังงี้เจ้าคนกลัวผีขึ้นสมองก็เริ่มสนุกสนานกับงานและการลุ้นกับคิลว่าจะได้เห็นเพื่อนๆคนอื่นแต่งชุดอะไร....
"แองจี้ เธอใส่ชุดอะไรน่ะ?" คำถามจากพ่อหมาป่าตัวดีเมื่อได้เห็นสาวเจ้าในชุดเสื้อคลุมสีดำยาวกรอมเท้าและหมวกแหลมทรงสูงสีดำ...ในมือถือไม้กวาดที่ทำอย่างหยาบๆแทนคทาที่เธอชอบควงไปควงมา
"ก็แม่มดยังไงล่ะ" คนตอบก็ตอบหน้าตาเฉย
"แต่เธอก็เป็นเดอะ วิช อยู่แล้วนี่นา" คิลถามขึ้นมั่ง
"แล้วมันบัญญัติเอาไว้ในกฎข้อไหนมิทราบว่าคนที่เป็นวิชจะแต่งชุดแม่มดไม่ได้" คำตอบจากทั่นแม่มดผู้เปี่ยมด้วยพลังอำนาจที่เริ่มขึ้นเสียงสูงทำเอาเฟรินต้องรีบลากคิลที่เริ่มตาขวางให้หลบฉากออกมาอีกด้าน
"อ้าว คุณเฟริน..คุณคิล" คำทักทายสุภาพที่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากซีบิล เสวน เดอะพรีสต์ ที่บัดนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดดำยาว...ที่คอห้อยไม้กางเขน
"นายก็กลัวผีเหมือนชั้นใช่มั้ยล่า... ซิบิล" ไอ้หมาน้อยได้ทีก็ยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นไม้กากบาทที่คออีกฝ่าย
"ผมแต่งเป็นเอกโซซิสต์นะครับคุณเฟริน" ยิ่งบอกก็ยิ่งงงเป็นหมาตาแตก ให้ใครบางคนต้องโผล่ออกมาแก้โง่ให้เหมือนทุกที....
"เอกโซซิสต์ก็คือนักปราบผีนั่นแหละเฟริน" ถ้อยคำเนิบๆจากโร เซวาเรสผู้มาพร้อมกับผ้าคลุมสีดำ....และโลงศพอันใหญ่
"ท่านเคาท์แดรกคิลล่าสิน่ะครับคุณโร" ซีบิลหันไปยิ้มขอบคุณสำหรับคำช่วยอธิบาย
คิลขอยืมโลงสีดำจากโรมาเปิดดูเล่นอย่างสนใจ ภายในโลงทำเป็นผ้าบุนวมสีแดงเหมือนจริง ให้ทุกคนอดที่จะออกปากชมขอทานผู้เป็นเจ้าของไม่ได้....
แต่ทันใดนั้น.....เสียงประหลาดที่ฟังคุ้นหูก็ดังขึ้น...!!
"จงหยุดยืนอยู่ท่ามกลางความมืดและดับสลายหายไปกับแสงสว่างนี่ซะ!!" หลาวไม้แหลมพุ่งผ่านจากทางด้านหลังให้โรขยับตัวหลบพรึ่บพลางหันขวับอย่างพร้อมจะป้องกันตัว แต่คนที่หมายจู่โจมกลับเร็วกว่า... เขากระโดดลอยตัวข้ามไปอีกทาง มือข้างหนึ่งคว้าเอาคอของนักล่าราตรีก่อนท่านเคาท์ผีดูดเลือดจะถูกกดให้นอนลงกับพื้น....หลาวไม้แหลมจ่อตรงหัวใจ....
และหยุดยิ้มอยู่เพียงแค่นั้น.....
"เล่นถึงบทบาทดีนี่ กัส" โรเอ่ยชมแยกเขี้ยวก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มรับคำชมและลุกขึ้น
"นักล่าผีดูดเลือด เจ๋งนี่" คิลกล่าวชมการแสดงที่หาดูได้ยาก....ก่อนเอ่ยสำทับ
"เสียดาย...น่าจะเล่นต่ออีกหน่อย"
ในเวลาไม่นานนักเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆก็ลงมารวมกันเกือบหมด....แต่ละคนแต่งตัวแปลกตา....มีทั้งผีที่รู้จักกันดีอย่างแฟรงเกนสไตน์ของครี๊ด หรือแม้แต่ผีมั่วนิ่มอย่างผีไฟฉายของทิวดอร์ จนเฟรินอดใจไม่ได้ต้องเดินไปถามว่าแต่ละคนแต่งเป็นอะไรกันบ้าง.... (เพราะมันไม่ชอบเรื่องผี ก็เลยไม่ค่อยรู้)
"แล้วคุณคิลแต่งเป็นอะไรกันล่ะครับเนี้ย" คำถามจากซีบิลที่เจ้าหมาเพื่อนซี้เองก็สงสัยมาตั้งนานแต่ไม่กล้าถาม เพราะไอ้คนแต่งนอกจากจะเปลี่ยนชุดนักเรียนมาเป็นชุดเสื้อกางเกงสีดำก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรแปลกไปกว่านั้น..
"ดูไม่ออกเหรอ?" คนถูกถามถามย้อนให้คนถามก่อนต้องส่ายหัวดิ๊กๆ
"งั้นก็ไม่บอก" คำตอบที่ทั้งคนและหมาที่กำลังรอฟังคำตอบได้แต่ยืนอ้าปากค้าง (ที่จริงซีบิลไม่ได้ยืนอ้าปากค้าง...มีแต่หมาเฟรินนั่นแหละ)
"คนที่พวกเรายังไม่เห็น...คาโล มาทิลด้า แล้วก็เรนอนสิน่ะ" คำสรุปจากอาชูร่าในชุดผีตู้เย็นครึ่งซ้ายคู่กับโคลว์ในชุดครึ่งขวาที่เฟรินคิดว่าช่างเป็นความคิดที่แปลกๆแต่สร้างสรรค์และเหมาะกับสองหน่อที่ช่างกินเป็นที่สุด
"แล้วแกว่าไอ้คาโลมันจะแต่งชุดอะไร" เฟรินหันไปกระซิบถามคิลที่กะลังคุยกับเจคในชุดกัปตันโครงกระดูก
"ชั้นก็อยู่กับแกตลอด....จะไปรู้ได้ไงล่ะ"
ถามไปยังไม่ทันจะขาดคำ..ความรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังก็เกิดขึ้นพร้อมกับหิมะที่เริ่มโปรยปรายอย่างได้บรรยากาศ...และไอ้คนที่กำลังถูกนินทามันก็โผล่มาได้อลังการงานสร้าง....
และน่ารักเป็นที่สุด...
"คาโล..." เสียงพึมพำจากหมู่เพื่อนที่กำลังช็อคค้างก่อนที่ไอ้หมาตัวเดียวในหมู่มันจะวิ่งเข้าใส่'มิสเตอร์สโนว์แมน'ตัวอ้วนกลมจนทำเอาร่างที่ทรงตัวยากอยู่แล้วเสียหลักหงายหลังล้มลงไปทั้งคู่
"ทำอะไรของแกหา..ไอ้หมาบ้าเลือด!!" คำพูดดุๆพร้อมสายตาเย็นเฉียบที่ใช้ไม่ได้เลยเมื่อประกอบเข้ากับร่างที่สวมชุดตุ๊กตาหิมะสีขาวน่าร้ากน่ารัก
"แกคิดยังไงถึงได้แต่งชุดนี้ฟร่ะ" เจ้าตัวดีขำกิ๊ก ยิ่งเมื่อมองจากระยะประชิดชุดมันก็ยิ่งสมตัวแท้ๆ
"โรเวนสั่ง" คนพูดๆอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ถึงเสธคนสำคัญแห่งป้อมอัศวินแต่เฟรินกลับยิ่งหัวเราะเสียงดัง ให้คนทั้งงานต้องหันมามองทางมันเป็นตาเดียว...
ไม่ว่าเมื่อไหร่..โรเวน เดอะเมจิคปริ๊นซ์ก็ยังเป็นคนที่น่าทึ่งสำหรับเขาเสมอ....
หลังการปรากฎตัวอย่างน่าตกใจของคาโลกับชุดสโนว์แมนของเขา มาทิลด้าก็โผล่ออกมาด้วยชุดแซกกระโปรงสีดำ ประดับด้วยขาอีก 8 ข้างที่งอกจากกลางหลัง...
"นางแมงมุม" เจ้าตัวบอกเรียบๆเมื่อสังเกตเห็นสายตาสงสัยของครี๊ดและโคลว์
ปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างคึกคัก หลังจากคุยกันไปมาแล้วเฟรินก็เริ่มหิวจนแสบไส้ เจ้าหมาน้อยกระดิกหางให้คาโลสโนว์แมนเป็นสัญญาณขออาหาร...
คาโลมอง 'มนุษย์หมาป่า' ที่เป็นได้แค่หมาบ้านก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกพลางลากมันไปทางห้องน้ำ โยนถุงใบใหญ่ใบหนึ่งให้ ตามด้วยไข่มุกแสงจันทร์....
"รีบเปลี่ยนชุดซะ"
เจ้าหมากระดี๊กระด๊ารับของมาก่อนจะแว่บเข้าห้องน้ำ....สวมไข่มุกเข้าที่คอ ให้ร่างหมาๆได้เปลี่ยนเป็นร่างสาวน้อย คุ้ยเสื้อที่อยู่ในถุงก็เห็นชัดว่าเป็นชุดมนุษย์หมาป่า เจ้าตัวยิ้มขันก่อนจะสวมชุดเรียบร้อยและเปิดประตูออกมา
"ช้า" คำพูดบ่นจากเจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาลที่เฟรินเริ่มรู้นิสัยมันดีและไม่ติดใจที่จะโกรธ
"เอาน่า...เพื่อนกันมันต้องรอ ขอบใจแกมาก" เจ้าตัวดีว่าพลางก็เดินนำเข้าไปในงานเพื่อหาอะไรกินให้เต็มคราบ....
หลังจากได้เห็นพายุสวาปามของเฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟ บารามอส กันเต็มสองตา... คนของปราสาทขุนนาง ปราการปราชญ์ และแผ่นดินประชาชน แม้แต่ชาวป้อมอัศวินด้วยกันเองก็พร้อมใจกันเดินออกห่างโต๊ะที่มนุษย์หมาป่าตัวปลอมตัวนี้กินและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ขอเข้าใกล้ในระยะต่ำกว่า 7 เมตร
"แกน่ะรู้จักกินแบบบันยะบันยังซะมั่ง" คาโลพูดพลางส่ายหัวอย่างปลงอนิจจังก่อนจะคิดว่าช่างหัวหมาแล้วเดินไปคุยกับกัสที่ยืนห่างออกไป
คน(มนุษย์หมาป่า)ก็ยังคงตั้งใจกินอย่างเห็นเป็นหน้าที่สำคัญยิ่งชีวิตต่อไปอย่างคงจะไม่หยุดง่ายๆถ้าหากไม่ใช่เพราะว่า......
"เฟ~~ริน.... เดอ...เบอ...โรว์" เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลังเนิบช้าจนเฟรินขนลุกเกรียว เหงื่อเริ่มผุดพราวบนใบหน้าด้วยบรรยากาศมาคุที่กระจายอยู่รอบตัว มองไปรอบโดนไม่กล้าหันกลับไปข้างหลังก็ไม่มีใครอยู่ในบริเวณที่พอจะช่วยเหลือได้สักคน ( ก็เขากลัวแกจะหิวจนไปกินหัวเขาเข้าน่ะสิ)
ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่นึกถึงเครื่องประดับไล่ผีที่อยู่บนห้อง....แล้วก็ได้แต่คิดอย่างเสียดายว่าถึงแม้จะขัดคำสั่งเจ้าแม่สาวแองจี้เขาก็ควรจะหาอะไรติดไม้ติดมือลงมาบ้าง.....
มือเย็นๆถูกวางบนหัวไหล่หยุดความคิด....ให้ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆเหลือบไปมองก่อนที่ขาจะแข็งเป็นท่อนไม้ไปทั้งท่อนเมื่อได้เห็น......
มือขาวๆ...
ขาว...เพราะมีแต่โครงกระดูก...!!!
เจ้าของมือค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาเขาอย่างช้าๆ เฟรินพยายามบังคับหน้าของตัวเองไม่ให้หันไปมอง......แต่ทำไม่ได้.....
และภาพที่ได้เห็น...คือภาพของหัวฟักทองขนาดใหญ่และดวงไฟที่แทบจะเผาวิญญาณของเขาให้มลายหายไปตรงนั้น!!!
"ว้ากกกกกกกกกกกกก"
..........((ขอเวลาสักครู่ครับ ^^))...........
"Trick or Treat!!! เป็นไงบ้างเฟรี่" ภาพของหัวฟักทองที่เกือบทำเขาหัวใจวายตายทั้งที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจถูกสลับด้วยภาพใบหน้าอันแสนใจดีของผู้คุมกฎลูคัสที่กำลังยิ้มเล่นอย่างสนุกสนาน
"พี่ไม่เห็นจะให้ผมเลือก แล้วเกิดตายไปจะทำไง" เฟรินพูดพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเหลือหลาย....
"นั่นสิน่ะ แต่เธอก็ยังไม่ตายนี่" ลูคัสพูดพลางหัวเราะ
"เกิดอะไรขึ้น!!" คาโล(ที่ยังคงเป็นสโนว์แมนอยู่)เดินเข้ามาดูอย่างหัวเสียหลังจากเสียงดังกว่าระฆังโบสถ์ของเฟรินมันแผดไปทั่วงาน....ตามมาด้วย กัส ซีบิล มาทิลด้า และโร (ที่ยังคงตั้งใจแบกไอ้โลงนั่นอยู่เช่นกัน)
"ชั้นแค่แกล้งเฟรี่เล่นนิดหน่อยน่ะ เห็นว่ากลัวผีมาก จริงมั้ย...ลอรี่" ถามไปถึงนักบวชข้างตัวที่ก็ยังคงทรงชุดนักบวชอยู่นั่นแหละ ก่อนที่มีดเล่มหนึ่งจะบินเฉียดหัวเขาไปปักกับต้นไม้อีกฟากหนึ่ง
"ลูคัส" น้ำเสียงเยียบเย็นจากลอเรนซ์ ดอว์น ที่รุ่นน้องพากันเงียบกริบแต่ไอ้เพื่อนตัวดีที่เขาอยากให้เงียบที่สุดมันกลับยังคงยิ้มร่าก่อนจะหันไปอีกทาง....
"ชุดสวยน่ะคาลี่ สมเป็นผลงานของป้อมอัศวิน ขนาดพอดีเลยใช่ไหม ?"
"ครับ" ตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
"แล้วเธอล่ะเฟรี่ ชุดเธอโอเคไหม?" คำถามถูกส่งต่อมาให้เขาที่ยืนอยู่ข้างๆ เฟรินพยักหน้ารับก่อนจะออกปากถาม
"ที่บอกว่าสมเป็นผลงานของป้อม หมายถึงว่าคนในป้อมเราเป็นคนทำเหรอฮะ"
"ถูกต้องที่สุดเลยล่ะเฟรี่....และคนทำก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่แล้วด้วย"
"หา...!! พี่ลูคัสเป็นคนตัดชุดพวกนี้เหรอเนี้ย!!" ถามอย่างแปลกใจ
ในที่สุดข้อสงสัยของเขาก็ได้รับคำตอบว่าทำไมตอนที่เขาขึ้นไปขอน้ำมนตร์จากลอเรนซ์ถึงมีเศษผ้ากระจายอยู่ในห้องมากมายนัก......
"เปล่า ชั้นไม่ได้เป็นคนทำหรอก..." คำตอบของลูคัสที่ทำให้เฟรินขมวดคิ้วอย่างงงๆ
ซาตานแห่งป้อมอัศวินยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนที่นิ้วจะชี้ไปยังคนข้างตัว....
"คนที่ทำน่ะ...ลอรี่ตะหาก"
"หา!!" เป็นการตอบรับความจริงด้วยใบหน้าไม่เชื่อและคำตะโกนอย่างตกใจสุดขีดจากรุ่นน้องทั้งหก.....
++++++
((จะเอาหวานๆมาแทรกหน่อย...ใครจะทำไม))
เสียงตะโกนดังจากภายในงานที่คิลทำเป็นไม่สนใจและเดินออกมาให้ห่างเพื่อจะชมธรรมชาติยามค่ำคืน....
"อ้าว คุณคิล" เสียงเล็กๆทักขึ้นจากทางหนึ่ง เป็นเสียงจากหญิงสาวที่อยู่ในชุดกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์ เส้นผมสีม่วงถูกปล่อยสยายยาวให้พริ้วสะบัดตามแรงลม....
"ไม่เข้าไปร่วมงานเหรอ...."
"ชั้น....ออกมาเดินเล่นน่ะค่ะ"
สิ้นคำตอบของเรนอน ความเงียบก็เข้าปกคลุมพร้อมๆกับความมืดที่ดูจะทวีความเข้มข้นขึ้น....ให้บรรยากาศมันวังเวงจนชวนขนลุก
"ชุดนั้น....เธอแต่งเป็นอะไรเหรอ?" คิลเอ่ยปากถามทำลายความเงียบอย่างที่เรนอนส่งคำขอบคุณให้ในใจก่อนจะตอบ.....
"เห็นคุณลูคัสว่า เป็นผีแบบหนึ่งทางตะวันออกไกล เรียกว่าเจ้าหญิงหิมะน่ะค่ะ"
คิลหยุดยืนพลางจ้องมองคนตรงหน้าให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆก่อนจะสรุปสั้น
"ไม่เหมือน"
"งั้นเหรอค่ะ" ใบหน้างามสลดลงนิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะต่อ...
"เหมือนเจ้าหญิงดอกไม้" คนพูดๆอย่างไม่คิดอะไรแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเลือดมันสูบฉีดขึ้นหน้าจนร้อนไปหมด
"แล....แล้วคุณคิลแต่งเป็นอะไรเหรอค่ะ" ถามออกไปแก้เขินด้วยส่วนหนึ่งยังคงมองไม่ออกว่าคนตรงหน้าตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแบบใดกันแน่...
แต่แล้วไม่รู้ว่าจะด้วยเพราะความเขินความอาย ฟ้าบันดลนรกบันดาล หรือแม้แต่เพราะไอ้คนเขียนมันจงใจ (คงอันสุดท้ายนี่แหละ) เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลก็สะดุดพื้นเรียบๆที่ไม่มีอะไรเลยสักกะนิดจนเสียหลัก ดวงหน้างามกำลังจะได้วัดความแข็งของแผ่นพสุธา.......
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าหนุ่มน้อยนักฆ่าของเราเอื้อมมือไปคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อนได้พอดิบพอดี.....( ใครเคยอ่าน cure ก็คงต้องบอกว่า "อีกแล้ว" )
"เออ...ขอบคุณค่ะ" คำขอบคุณจากคนในอ้อมแขนที่หน้างามๆกำลังแดงซ่านไปหมด.....
"เมื่อกี้เธอถามว่าชั้นแต่งเป็นอะไรใช่ไหม?" คำถามที่ไม่น่าจะถูกกาลเทศะเท่าไหร่จากนักฆ่าหนุ่มที่ทำเอาเธองงจนต้องพยักหน้ารับกลับไป ให้อีกฝ่ายได้ทีแกล้งก่อนจะโน้มตัวลงมาหาร่างในอ้อมแขน....แสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวปลอมสองเขี้ยวที่อยู่ภายในก่อนจะดัดเสียงทุ้มแหบพูดอย่างสมจริง
"แวมไพร์....."
แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นขึ้นอีกระลอกทางอีกฟากหนึ่งของงาน.............
++++++
[ 23.45 น. ]
"ชั้นว่าเสียเวลาจริงๆเลยที่จัดไอ้พวกของพวกนี้น่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรอย่างที่เขาว่าโผล่ออกมาซักอย่าง" เฟรินบ่นอุบอย่างหงุดหงิดภายในห้องในร่างหมาน้อยเพราะไอ้คาโลมันยึดไข่มุกของมันคืนไปเรียบร้อยแล้ว....
"บางทีแกอาจจะไม่ควรพูดแบบนั้นน่ะเฟริน" เสียงทักจากคิลที่บัดนี้ดวงหน้าหล่อๆถูกประทับเป็นรอยมือแดงฉานด้วยฝีมือเจ้าหญิงหิมะแห่งคาโนวาล.....
"ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ ก็ทั้งวันไม่เห็นมีผีเผออะไรโผล่มาสักกะตัว นี่มันก็จะหมดวันแล้ว ถ้าโผล่มาได้ก็โผล่ออกมาเลย" คำพูดอย่างท้าทายเป็นที่สุดที่มาคิดเอาได้ทีหลังว่าไม่น่าพูดออกไปเลยจริงๆ....
และไฟก็ดับพรึ่บลง ให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืด พร้อมๆกับหน้าต่างทั้งสามบานที่พร้อมใจกันเปิดปังอย่างที่ลมข้างนอกไม่น่าจะแรงพอจะทำได้.....
ลมหนาวที่ร้าวเสียดกระดูกก็ปะทะเขากับร่าง............
"ม่ายยยยยยยยย" และคนปากกล้าสิ้นดีแต่กลัวผียิ่งชีพก็ช็อคค้างก่อนจะหงายหลังตึงสลบไปทั้งอย่างนั้น
เพื่อนนักฆ่าตัวดีโยนหน้ากากกลัวผีที่บรรจงปั้นไว้เมื่อครู่ทิ้ง ขยับลุกขึ้นก่อนเอานิ้วจิ้มไอ้เพื่อนที่หมาทั้งตัวและปาก ขยับยิ้มขัน....
"พอได้แล้วล่ะคาโล"
= = = = = =
A/N (ฉบับสด) : แงบๆ ข้างท้ายของฟิคมันหายไปเพราะเซฟไม่หมดเลยต้องเอาความจำมาแต่งสดในร้านเน็ต... ก็เลยต้องมาโน๊ตแบบสดๆด้วย....
ฟืคนี้....เผาอ่ะ ต้อนรับฮัลโลวีนด้วยฟิคเผาสุดๆ ยิ่งอ่านยิ่งมั่ว เหอเหอ ช่างหัวเผือก เพราะที่จริงฟิคนี้ไม่ได้ตั้งใจจะแต่ง (ตั้งใจแต่งอีกฟิคแต่ยังไม่จบ) ที่แต่งฟิคนี้เพราะอีกฟิคต้องใช้ฟิคนี้เป็นฐานอ่ะ เอิ้กๆ อันนี้ถือเป็นฉบับเบต้าล่ะกัน....
ฟิคจริงเป็นฉบับพิเศษ รอก่อนนิ...(ฟิคจริงสั้นกว่าจม แต่ทว่า......)
Create Date : 29 มกราคม 2548 | | |
Last Update : 29 มกราคม 2548 0:46:08 น. |
Counter : 552 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[ficlet] : Felin's schedule
[fic] ดักฟังนักเรียนป้อมอัศวินคุยกัน #4.6 (ภาคพิเศษ No.3 ) [ficlet] : Felin's schedule By : A.A the wolf ประเภท : ....ฮา(น่าจะใช่จริงๆนั่นแหละ) ช่วงเวลา : ภาค 1 จ๊ะ (ภาค 2-3-4 คงจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกเช่นเดียวกะคาโลคุงของพวกเรา ) ++++++++++++++++++++++++
"แล้วของเฟรินล่ะ...ตัวเอกน่ะทำไมไม่เขียน หา..!!!" คำถามจากใครที่ไหนก็ม่ายรู้อีกแล้ว....(เริ่มรู้สึกกลัวตะหงิดๆใกล้วันที่ 31 ตุลาฯแล้วด้วยอ่ะ)
ด้วยความกลัวเล็กน้อยถึงปานกลาง (น้อยกว่าเฟรี่จังหน่อยนึง) จึงรีบหยิบข้อมูลเก่าตอนมาสำรวจรอบเดียวกับคาโลออกมา....แล้วรีบจัดเผยแพร่ทันที (หมากัวผีอ่า >o< อย่าบอกลูคี่น่ะ เดี๋ยวโดนแกล้งอ่ะ...ถ้าเราตายใครจะเอาความลับมาเผยแพร่อ่า.....)
: : Ferin's schedule : :
6.15 : ตื่น (พูดง่ายๆคือเพิ่งรู้สึกตัว) หลังการร่วมแรงร่วมใจอย่างที่สุดของคาโลกับคิล ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งมีภูมิต้านทานการปลุกด้วยวิธีเดิมๆจนแม้แต่คนอย่างคิลก็ยังต้องจำใจเดินเข้าห้องสมุดเพื่อสรรหาวิธีใหม่ๆมาปลุกมัน ( แล้วห้องสมุดมีหนังสือประเภท "ปลุกคนให้ตื่น 12500" วิธีด้วยเหยอ ) 6.20 : อาบน้ำ (หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น.....วิ่งผ่านน้ำ) 6.22 : แต่งตัว 6.35 : ลอก(ปั่น)การบ้านที่เมื่อวานจนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมทำถึงแม้คาโลจะพยายามจิกแค่ไหนก็ตาม ขณะที่เพื่อนอีกสองคนมันนั่งคุยกันรอ 7.00 : ทาน ( ยัด/เขมือบ/สวาปาม/ฯลฯที่สามารถจะใช้อธิบายอาการอย่างที่มันกำลังทำอยู่ได้) อาหารเช้าที่โรงอาหารดรากอน 7.30 : ยังคงกินอยู่ (ที่จริงเฟรินกินเร็วใช้ได้น่ะ แต่มันกินเยอะอ่ะ....) 8.00 : เข้าเรียน 11.30 : ทาน ( เขมือบ) อาหารกลางวันที่โรงอาหารดรากอน 12.00 : ยังคงกินเป็นพายุบุกแคมโดยไม่สนใจใครหน้าไหน (และไม่สงสารไอ้คนที่ต้องรอมันกินอยู่ทุกเมื่อเชื้อวันเลยสักนิด... -_-## ) 12.30 : ก็เรียนอีกรอบนั่นแหละ...(ก็เหมือนกับคาโล...เพราะเรียนด้วยกัน) 15.30 : เลิกเรียน... 15.35 : (ตามคาโล)ไปห้องสมุดเพื่อ(จะไปแหย่มันเวลา)ทำการบ้าน 15.40 : (โดนคาโลลาก) กลับห้อง (คาโลจะ)ไปทำการบ้าน ( เพราะมันดันกระซิบดังเสียจนคนทั้งห้องสมุดหันมามองเป็นตาเดียว เพื่อนผู้แสนหน้าบางคนอื่นๆเลยทนไม่ได้ต้องพากันลากออกมาจากห้องสมุด ) -_-!!! 15.45 : กลับมาห้องก็กวนไอ้คนตั้งใจทำงาน...แต่เขาคงกวนจนขุ่นมากไป....ก็เลยโดนคาโลร่ายเวทย์นิทราใส่... 16.50 : คาโลมันเพิ่งคลายเวทย์ให้.... เลยได้ตื่นขึ้นมาอีกรอบ 16.52 : ........บ่น.........น่ะซิ ("แกร่ายเวทย์บ้าๆนั่นใส่ชั้นอีกแล้วน่ะ!! ") แต่คาโลท่าทางจะไม่สนใจจะฟัง 17.00 : อยากบ่นต่อแต่นาฬิกาท้องมันดันทำงานอย่างซื่อตรงเสียก่อน จึงโยนความขุ่นข้องหมองใจทุกอย่างทิ้งพร้อมลากเพื่อนๆไปโรงอาหารดรากอนเพื่อทานอาหารเย็น......( ได้ยินคาโลพึมพำกับคิลว่า "ไม่ว่าอย่างไร....มันก็ยังคงตะกละได้สม่ำเสมอ -_-##" ) 17.30 : แก้แค้นใครบางคนด้วยการปล่อยให้รอตัวเองสวาปาม (ถึงไม่แกล้งมันก็ต้องรออยู่ดีนั่นแหละ -_-## ) 17.35 : นั่งฟังคาโลกับคิลคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ อยากพูดด้วยก็พูดไม่ได้....เพราะปากไม่ว่าง.... ( "กินไปเงียบๆซะ" ) 18.00 : ไปรวมกับเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆที่ห้องนั่งเล่นรวม 19.00 : ขอตัวกลับห้องพร้อมๆกับคิล และคาโล ( เพราะตัวเองกำลังจะกลายเป็นหมาแล้ว >o< ) 19.10 : คุยกับคิลอย่างสนุกสนาน ( มักเป็นเรื่องแขวะเพื่อนร่วมห้องอีกคนนั่นแหละ )ขณะที่คาโลมันไปอาบน้ำ 19.15 : กลายเป็นหมา (เวลาอย่างคร่าวๆ... ถ้าเป็นหน้าหนาวก็เร็วกว่านี้หน่อย) 19.30 : อาบน้ำ (วิ่งผ่านน้ำครั้งที่ 2 ตะหาก) 19.33 : ให้คิลเช็ดตัวให้ เพราะเป็นหมาเช็ดตัวเองลำบาก.... ( เคยขอให้คาโลช่วยเหมือนกันแต่สิ่งที่มันทำดันมีแค่โยนผ้าขนหนูใส่หัวเขา -_-## ) 19.40 : นั่งบ่นเรื่องขน/ตา/เขี้ยว/เล็บ/ฯลฯ ให้คาโลฟัง (คิลมันไปอาบน้ำ) 19.50 : ถูกคาโลไล่ให้ไปทำการบ้าน (ซึ่งมักจะไม่ยอมไป) ("มือหมามันจะเขียนได้ยังไงเล่า" "ก็รู้อยู่แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่รีบๆทำให้เสร็จ อย่าคิดว่าชั้นจะยอมให้แกลอกไปตลอดหรอกน่ะ!!" ) 20.20 : นั่งคุย / เล่นพิเรนท์ / หัวเราะเสียงดังลั่น / วิ่งไล่จับ กับคิล ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการรบกวนไอ้คนมาดมากที่มันยังพยายามนั่งเก๊กอยู่ได้ตั้งนานสองนาน.... 21.30 : สงครามหมอน / สงครามแกล้งหมา / อะไรก็ไม่รู้กันนักกันหนาที่เล่นกันในห้องได้น่ะ 22.10 : แหย่ใครบางคนที่พยายามจะเข้านอน 22.45 : หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะเล่นทั้งวัน....ทำให้คนอื่นได้นอนกันจริงๆสักที
++++++++++++++++++++++++ 22/10/04 22.15-23.58 A/N : ฟิคเล็ตสุดท้ายของวัน..เป็นวันที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์หมาว่า "แต่งฟิคจบมากที่สุด".... หุหุ อันนี้ได้ฟิลอยากแต่งมาจากเรเน่ที่คุยเรื่อง schedule ของตัวเองอ่ะ หุหุ ชีวิตเรเน่คล้ายๆเฟรี่จังเลยแหะ....^^ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วเหนื่อย.....แค่นี้น้าทุกคน (สลบ)
Create Date : 29 มกราคม 2548 | | |
Last Update : 29 มกราคม 2548 0:43:58 น. |
Counter : 438 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[ficlet] : Lucus&Laurenz' schedule (ฉบับละเอียดนิดหน่อยเช่นเคย)
[fic] ดักฟังนักเรียนป้อมอัศวินคุยกัน #4.4 (ภาคพิเศษ No.2) [ficlet] : Lucus&Laurenz' schedule (ฉบับละเอียดนิดหน่อยเช่นเคย) By : A.A the wolf ประเภท : ....ฮา ช่วงเวลา : ภาค 3 จ้า
+++++++++++++++++++++++
"แล้วนักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวินล่ะ วันๆหนึ่งทำอะไรกันบ้าง....??" คำถามจากใครสักคน(อีกแล้ว)จู่ๆก็ถามขึ้นมาหลังจากที่ Kalo's schedule ได้เผยแพร่ไปไม่นานนัก....
หมาก็เลยถือโอกาสดองงานใหญ่ต่อไปและเอางานเล็กๆที่เห็นอยู่ทุกวี่ทุกวันมาเผยแพร่แทน......(รู้สึกเหมือนได้ยินใครสักคนบอกว่า "เล่นง่ายจริงน่ะ" เลยแหะ :p )
: : Lucus's schedule : :
5.35 : ตื่นนอน 5.40 : อาบน้ำ....พร้อมๆกับวางกับดักในห้องน้ำ.... ( จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ความคิดในแต่ละวัน) **/ คาดว่าเข้าห้องน้ำนานเนื่องจากมัวแต่วางกับดัก... 5.58 : แต่งตัว 6.00 : ทักทายเพื่อนยามเช้า ("อรุณสวัสดิ์ลอรี่") พร้อมรับการฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่ 1 6.15 : รับการขอบคุณเป็นการฝึกการตอบสนองต่อมีดของนักบวชแห่งป้อมอัศวินเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาได้รับการทักทายยามเช้าที่น่ารัก(...)ด้วยกับดักบางอย่างในห้องน้ำ 6.20 : ถูกลอเรนซ์ใช้ให้ดึงมีดออกจากผนังห้องให้ ToT 6.30 : จัดเตรียมข้าวของเพื่อไปเรียน 6.45 : ประชุมสภาป้อมอัศวินตอนเช้า 7.15 : ทานอาหารเช้าที่โรงอาหารดรากอน 7.35 : วิ่งตามลอเรนซ์ออกไปตรวจตราตามหน้าที่ผู้คุมกฎ (เพราะยังไม่ได้เลือกผู้คุมกฎใหม่) 7.35-8.00 : รับการฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่ 3 8.00 : เข้าเรียน 11.30 : ทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารดรากอน 12.00 : นั่งคุยกับโรเวน ไธนอส ชิวาส โซมาเนีย (แน่นอนว่าต้องลากลอเรนซ์ที่ทำหน้าบูดๆมานั่งอยู่ข้างๆด้วย) 12.30 : เข้าเรียนภาคบ่าย... 15.00 : เลิกเรียน...(เลิกก่อนนักเรียนปี 1) 15.05 : ตามลอเรนซ์ไปห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือที่ต้องใช้ทำการบ้าน (อาจมีการรับการฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่ 4 ในระหว่างนี้.....) 15.15 : ทำการบ้าน ที่ห้องนั่งเล่นรวมพร้อมกับโรเวน ไธนอส ชิวาส (แน่นอนว่าลอเรนซ์ก็อยู่ด้วยอีกนั่นแหละ) และจิบน้ำชายามบ่าย (อาจมีการรับการฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่ 5-6-7-... ในระหว่างนี้.....) 16.00 : นั่งเมาท์.....เกี่ยวกับเรื่องต่างๆในโรงเรียน (มักมีประเด็นของ"หัวขโมยจอมยุ่งชั้นปีที่ 2" "เจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาล" และ "นักฆ่าแห่งซาเรส" เป็นประเด็นหลักอยู่เสมอ) 17.00 : ไปโรงอาหารดรากอนเพื่อทานอาหารเย็น...... 17.30 : กลับห้องพัก ในระหว่างทางก็รับการฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่....(เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว) ไปด้วย.... 17.32 : ทักทายหมาอีกตัวที่อยู่ในห้อง (อันนี้บางทีก็ไม่ได้ทำ เพราะหมาไม่อยู่....) ช่วงแรกก็เอาอาหารมาให้ด้วย(ผลัดกับลอเรนซ์)....แต่ช่วงหลังหมามันก็ไปหากินเองแล้ว (ชิน) 17.35 : อาบน้ำ (คราวนี้ไม่เตรียมกับดักเพราะมีงานต้องทำต่อ.....) 17.40 : แต่งตัว 17.45 : นั่งคุยกับหมาระหว่างรอลอเรนซ์อาบน้ำ ถึงงานที่มันทำในแต่ละวัน ( บางครั้งอาจมีการสลับลำดับการอาบน้ำกันบ้าง เวลาอาจต่างไปเล็กน้อย) 17.55 : รับการฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่....(เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ^^ ) 18.00 : โรเวนเรียกประชุม 18.50 : เดินตรวจตราตามหน้าที่ผู้คุมกฎ ระหว่างนี้ก็ฝึกการตอบสนองต่อมีดครั้งที่....(ช่างมันเหอะ) ไปด้วย พร้อมๆกับเดินกลับไปเก็บมีดที่ลอเรนซ์ปาแล้วลืมเก็บในระหว่างวัน..... 20.30 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) ไปพักคุยกับเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆที่ห้องนั่งเล่นรวม (บางครั้งก็ไปแหย่รุ่นน้องให้ตกใจเล่น) (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) ก็เดินต่อไปน่ะสิ (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) ไปประจำที่ปราสาท 21.30 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) กลับห้องพัก (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) ก็ยังคงเดินต่อไป...(อาจจะแอบพักบ้างก็ได้มั้ง) (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) ก็เฝ้าประจำอยู่ตรงนั้นแหละ 21.40 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) อ่านหนังสือบ้าง / ฝึกการตอบสนองต่อมีดก่อนนอนบ้าง / เมาท์กับหมาและเพื่อนร่วมห้องบ้าง (แต่ลอเรนซ์มักจะไปนั่งเงียบๆ...ไม่ค่อยอยากพูดกับพวกเขาเท่าไหร่....) (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) ทำอะไรได้นอกจากเดินๆๆๆต่อไป (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) นั่ง...เดิน..ยืน เฝ้า 22.00 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) นอน 22.30 : (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) กลับห้องและนอน 23.30 : (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) .........นอน...........เฝ้า
: : Laurenz's schedule : :
6.00 : ตื่นนอนและฝึกการขว้างมีดครั้งที่ 1 (โดยเอาคนใส่แว่นกวนตี..บางคนเป็นเหยื่อ) 6.05 : อาบน้ำและผจญกับดัก....-_-## ("ไอ้ลูคัส!!!!") 6.15 : ขอบคุณเพื่อนรักที่มีไมตรีหยิบยืนความหฤหรรษ์ยามเช้าให้ด้วยการฝึกซ้อมขว้างมีดครั้งที่ 2 ( "ถ้าแกอยากตายไวนัก ชั้นจะสงเคราะห์ให้!!!") 6.20 : แต่งตัวไปพลางก็ใช้ไอ้เพื่อนตัวดีให้ดึงมีดออกจากผนังห้อง 6.30 : จัดเตรียมข้าวของเพื่อไปเรียน 6.45 : ประชุมสภาป้อมอัศวินตอนเช้า 7.15 : ทานอาหารเช้าที่โรงอาหารดรากอน พร้อมกับไอ้เพื่อนตัวดีที่มันยังคงหาเรื่องเขาให้ต้องส่งสายตาดุๆไปปราม (แต่ก็ไม่เห็นจะได้ผลเลย......) 7.35 : พยายามเดินหนีลูคัสเพื่อไปตรวจตราตามหน้าที่ผู้คุมกฎ (เพราะยังไม่ได้เลือกผู้คุมกฎใหม่) 7.35-8.00 : ฝึกการขว้างมีดครั้งที่ 3 8.00 : เข้าเรียน 11.30 : ทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารดรากอน 12.00 : นั่งคุยกับโรเวน ไธนอส ชิวาส โซมาเนีย (เพราะไอ้ลูคัสกับโรเวนเสือกมัดตัวเขาไว้กับเก้าอี้เลยไปไหนไม่ได้....) 12.30 : เข้าเรียนภาคบ่าย... 15.00 : เลิกเรียน...(เลิกก่อนนักเรียนปี 1) 15.05 : ไปห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือที่ต้องใช้ทำการบ้านโดยมีลูคัสคอยกวนประสาทอยู่ตลอดเวลา (อาจมีการฝึกการขว้างมีดครั้งที่ 4 ในระหว่างนี้.....) 15.15 : ทำการบ้าน ที่ห้องนั่งเล่นรวมพร้อมกับโรเวน ไธนอส ชิวาส (แน่นอนว่าลูคัสมันก็อยู่ด้วยนั่นแหละ...) และจิบน้ำชายามบ่าย (อาจมีการฝึกการขว้างมีดครั้งที่ 5-6-7-... ในระหว่างนี้.....) 16.00 : นั่งฟังคนอื่นเมาท์.....เกี่ยวกับเรื่องต่างๆในโรงเรียน (มักมีประเด็นของ"หัวขโมยจอมยุ่งชั้นปีที่ 2" "เจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาล" และ "นักฆ่าแห่งซาเรส" เป็นประเด็นหลักอยู่เสมอ) 17.00 : ไปโรงอาหารดรากอนเพื่อทานอาหารเย็น...... 17.30 : กลับห้องพัก ในระหว่างทางก็ฝึกการขว้างมีดครั้งที่.......(เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว) ไปด้วย.... 17.32 : รับคำทักทายของหมาอีกตัวที่อยู่ในห้อง (อันนี้บางทีก็ไม่ได้ทำ เพราะหมาไม่อยู่....วันไหนที่มันไม่อยู่เขาก็จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆว่าไอ้หมาโง่จะไปหาเรื่องมาให้ ) ช่วงแรกก็เอาอาหารมาให้ด้วย(ผลัดกับลูคัส)....แต่ช่วงหลังหมามันก็ไปหากินเองแล้ว (ชิน) 17.35 : นั่งคุยกับหมาระหว่างรอลูคัสอาบน้ำ ถึงงานที่มันทำในแต่ละวัน ( บางครั้งอาจมีการสลับลำดับการอาบน้ำกันบ้าง เวลาอาจต่างไปเล็กน้อย) 17.40 : อาบน้ำ (คราวนี้ไม่ต้องคอยระแวงกับดักเพราะไอ้คนวางมันไม่มีเวลาว่างพอจะเตรียมเพราะมีงานต้องทำต่อ.....) 17.50 : แต่งตัว 17.55 : ฝึกการขว้างมีดครั้งที่.....(เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ^^ ) 18.00 : โรเวนเรียกประชุม 18.50 : เดินตรวจตราตามหน้าที่ผู้คุมกฎ ระหว่างนี้ก็ฝึกการขว้างมีดครั้งที่.....(ช่างมันเหอะ) ไปด้วย พร้อมๆกับเดินกลับไปเก็บมีดที่ตัวเองปาแล้วลืมเก็บในระหว่างวัน..... 20.30 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) โดนลูคัสลากไปพักคุยกับเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆที่ห้องนั่งเล่นรวม (บางครั้งก็โดนลากไปด้วยเวลามันไปแหย่รุ่นน้องให้ตกใจเล่น) (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) ก็เดินต่อไปน่ะสิ (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) ไปประจำที่ปราสาท 21.30 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) กลับห้องพัก (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) ก็ยังคงเดินต่อไป...(ไม่เคยแอบพัก...เคยแต่ถีบไอ้ลูคัสเวลามันแอบพัก) (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) ก็เฝ้าประจำอยู่ตรงนั้นแหละ 21.40 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) อ่านหนังสือบ้าง / ฝึกการขว้างมีดก่อนนอนบ้าง / คุยกับหมาและเพื่อนร่วมห้องบ้าง (แต่มักจะคุยดีๆไม่ได้เลยไม่อยากคุย...ได้แต่ฟังมันคุยกันเอง) (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) ทำอะไรได้นอกจากเดินๆๆๆต่อไป (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) นั่ง...เดิน..ยืน เฝ้า 22.30 : (กรณีไม่ได้เป็นเวรกลางคืน) นอน 22.30 : (กรณีเป็นเวรประจำป้อมตอนกลางคืน) กลับห้องและนอน 23.30 : (กรณีเป็นเวรปราสาทเอดินเบิร์ก) .........นั่ง........เฝ้า (ก่อนจะลุกขึ้นยันไอ้คนกระแดะนอนตอนเขาเวรให้ตื่นขึ้นมาเฝ้าพร้อมกับเขา) ++++++++++++++++++++++++ 22/10/04 13.10-14.15 A/N : เป็นฟิคเล็ตที่ไวปานสายลมและแสงแดดครั้งที่ 2 ละเอิ้กๆ....แต่งเสร็จในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงอีกแย้ว (แม้จะเป็นเพราะว่ามันเป็นฟิคเล็ตที่สั้นจึ๊งเดียวอีกตามเคย ).... เห็นมัดหมี่และอีกหลายๆคนบอกอยากเห็น schedule ของสองคนนี้เลยเผาเอามาให้ดูตาม request.... ก็ลัลล้าไปเรื่อยๆอย่างเคยนั่นแหละไม่มีอะไรร้อก (ของสองคนนี้เขียนง่ายดีเพราะมันไปด้วยกันเกือบตลอด หุหุ)....พยายามรีบๆปั่นงานทิ้งไว้ให้ได้เยอะๆเพราะเปิดเทอมแล้วจะไม่ค่อยได้เข้าบอร์ด (อาทิตย์หน้าสอบวิชาเฉพาะแพทย์จุฬาฯ อีกอาทิตย์สอบแพทย์รามาฯ ทำไมชีวิตตรูมันเศร้ายังงี้ฟร่ะ T_T ) ขอบคุณน้องๆพี่ๆทุกท่านที่มาชมมาเมนท์ฟิคให้ด้วยจ้า.....^^ (ครั้งแรกลืมใส่ประโยคนี้อ่า...รีบเอาลงเกิน...) ((กลับไปนั่งบิวส์อารมณ์เพื่อทำ Project major acarna ต่อ))
Create Date : 29 มกราคม 2548 | | |
Last Update : 29 มกราคม 2548 0:42:15 น. |
Counter : 900 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[ficlet] : Kalo's schedule (ฉบับละเอียดนิดหน่อย)
[fic] ดักฟังนักเรียนป้อมอัศวินคุยกัน #4.2 (ภาคพิเศษ) [ficlet] : Kalo's schedule (ฉบับละเอียดนิดหน่อย) By : A.A the wolf ประเภท : ....ฮา(มั้ง) ช่วงเวลา : ภาค 1 จ๊ะ (ภาค 2-3-4 คงจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกแหละ) ++++++++++++++++++++++++
"วันๆหนึ่งคาโลเขาทำอะไรบ้างน่ะ....??" คำถามจากใครสักคนในกองสำนักพิมพ์ที่หมาเขียนข่าวดักฟังฯไปลงให้จู่ๆก็ถามขึ้นมา....
และด้วยความขี้เกียจจะทำอย่างอื่น รวมทั้งการได้รับกระแสต่อว่าที่ดองงานเสียเหลือเกิน :p หมาก็เลยเอาข้อมูลที่เคยลากสังขารมาแอบเจาะลึก (แอบดู / ถ้ำมอง / เกาะติด) หนุ่มน้อยน้ำแข็ง (ทีละลายเป็นน้ำเหลวโหมะแย้ว) ในระหว่างการแอบลอบเข้ามาในเอดินเบิร์กครั้งนึงเมื่อตอนเขาอยู่ปี 1 ( ก่อนจะถูกชิวาสถีบส่งออกมาในเวลาไม่นาน... T-T ) มาให้ดูกันก่อนระหว่างรอดักฟังฯอันต่อไปที่ดองอยู่....(คงอีกนาน)
: : Kalo's schedule : :
5.30 : ตื่นนอน 5.35 : อาบน้ำ (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที....อาบนานใช้ได้นิ ^^ ) */พฤติกรรมที่ไม่เคยปรากฎในเนื้อเรื่องจนเรานึกว่าโรงเรียนนี้เขาไม่อาบน้ำกัน... :p 5.45 : ปลุกคิล (เรียกธรรมดา...) 5.48 : แต่งตัว 6.00 : ปลุกเฟริน ( ตะโกนเรียก / เขี่ย / ถีบ ) 6.15 : ร่วมมือกับคิลในการปลุกเฟริน ( ตะโกนกรอกสองหู / ถีบตกเตียง / ฯลฯ แล้วแต่มุขของคิลในแต่ละวัน ) 6.20 : จัดเตรียมข้าวของเพื่อไปเรียน 6.35 : นั่งคุยกับคิล (รอเฟรินลอกการบ้านของเมื่อวานที่เขาเตือนแล้วเตือนอีกมันก็ยังไม่ยอมทำจนหลับไปก่อน.....-_-## ) 7.00 : ทานอาหารเช้าที่โรงอาหารดรากอน 7.30 : รอไอ้เฟรินกินเสร็จ...-_-## 8.00 : เข้าเรียน 11.30 : ทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารดรากอน 12.00 : ก็รอไอ้เฟรินกว่ามันจะสวาปามเสร็จอีกนั่นแหละ -_-## 12.30 : ก็เรียนอีกรอบ... 15.30 : เลิกเรียน... 15.35 : ไปห้องสมุดเพื่อทำการบ้าน 15.40 : กลับห้องไปทำการบ้าน (เพราะไอ้เฟรินตามเข้าห้องสมุดแล้วแผดเสียงแปด-เก้า-สิบหลอดจนโดนบรรณารักษ์ไล่กลับ) -_-!!! 15.45 : ร่ายเวทย์ใส่เฟรินให้มันหลับให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ....( "แกไม่ทำก็อย่ารบกวนคนอื่นเขา -_-!!!" ) 16.20 : ทำการบ้านเสร็จ...ให้คิลลอก ( แต่คิลลอกไม่เยอะอ่ะ....ทำเองด้วย...ดีกว่าเจ้าเพื่อนหัวขโมยนิดนึง ) 16.50 : คลายเวทย์ให้เฟริน.... 16.52 : ปล่อยไอ้เจ้าตัวดีมันบ่นของมันไป ("แกร่ายเวทย์บ้าๆนั่นใส่ชั้นอีกแล้วน่ะ!! o_o") 17.00 : ไอ้จอมหาเรื่องเลิกบ่น แล้วลากเพื่อนๆไปโรงอาหารดรากอนเพื่อทานอาหารเย็น......( "ไม่ว่าอย่างไร....มันก็ยังคงตะกละได้สม่ำเสมอ -_-##" ) 17.30 : จะทำอะไรนอกจากรอไอ้คนที่กินเอากินเอาอยู่ข้างๆละฟร่ะ -_-## 17.35 : นั่งคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ (ปล่อยไอ้เฟรินมันกินไปนั่นแหละ ) 18.00 : ไปรวมกับเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆที่ห้องนั่งเล่นรวม / ประชุมกับสามสาวแห่งป้อมอัศวิน / โรเวนเรียกประชุม 19.00 : ขอตัวกลับห้องพร้อมๆกับคิล และเฟริน ( เพราะคนเป็นหมามันจะกลายเป็นหมาแล้ว ) 19.20 : อาบน้ำ 19.30 : แต่งตัว 19.40 : นั่งฟังหมาบ่นเรื่องขน/ตา/เขี้ยว/เล็บ/ฯลฯ อยู่คนเดียว (คิลมันไปอาบน้ำ) 19.50 : ไล่ไอ้เฟรินไปทำการบ้าน (ซึ่งมันมักจะไม่ยอมไป) 20.20 : อ่านหนังสือทบทวน (เด็กขยันนี่หว่า....) 21.20 : หลังจากทนการรบกวนของไอ้เพื่อนอีกสองตัวมาร่วมชั่วโมงก็อ่านหนังสือต่อไปอีกไม่ไหว (อดทนดีชะมัด) .....ก็เลิกอ่าน 21.30 : สงครามหมอน / สงครามแกล้งหมา / อะไรก็ไม่รู้กันนักกันหนาที่เล่นกันในห้องได้น่ะ 22.00 : ล้มตัวลงนอน 22.10 : หมาบางตัวที่เล่นไม่รู้จักเลิกมันก็ยังคงแหย่อยู่ 22.45 : หมามันเหนื่อยจนหลับ คราวนี้ถึงได้นอนจริงๆ
ชีวิตของคาโลนี่ดูไปดูมาก็น่าสงสารใช่น้อยซะเมื่อไหร่.....
++++++++++++++++++++++++ 22/10/04 10.00-10.56 A/N : เป็นฟิคเล็ตที่ไวปานสายลมและแสงแดด....แต่งเสร็จใน 1 ชั่วโมงนี่เป็นสถิติใหม่อย่างแรง (แต่ก็เพราะมันเป็นฟิคเล็ตนั่นแหละ สั้นจึ๊งเดียวเอง).... เอามาให้หอมปากหอมคอ....รอไอ้ฟิคดักฟังฯที่คงดองไปอีก (เพราะจะเปิดเทอมแล้วอ่ะ) ((ตอนนี้กะลังวางแผนทำ schedule ของคนอื่นอีกล่ะ เหอเหอเหอ))
Create Date : 29 มกราคม 2548 | | |
Last Update : 29 มกราคม 2548 0:39:27 น. |
Counter : 419 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|