|
เมื่อจะหวังให้แอ๊ตต้าเลิกดูดนิ้ว วันที่1-2-3
ถ้าคนที่ได้เห็นภาพแอ๊ตต้าบ่อยๆ จะสังเกตได้เลยค่ะว่า แอ๊ตต้าชอบดูดนิ้วมากจริงๆ
ถ่ายภาพออกมา มีแต่ท่าดูดนิ้วได้เกือบทุกครั้ง
สาเหตุที่เราจำเป็นต้องให้แอ๊ตต้าเลิกดูดนิ้วให้ได้เกิดจากการพูดคุยกับหมอฟันค่ะ
แรกทีเดียวเราไม่ได้ซีเรียสนะคะ ว่าแอ๊ตต้าจะต้องเลิกดูดนิ้วให้ได้ในเร็ววันนี้ กะรอให้โตกว่านี้อีกนิด แล้วค่อยใช้จิตวิทยาในการพูดคุยกันดีๆหรือหาเรื่องมาหลอกล่อมากกว่า เราแอบมองว่าเด็กดูดนิ้วก็ดูน่าเอ็นดูดี ดูเหมือนเป็นเบบี๋เล็กๆ เอานิ้วโป้งเข้าปากก็เงียบ ดูดนิ้วแล้วก็อ้อนซบพ่อแม่ไปพลาง
พอได้คุยกับหมอฟัน ประโยคแรกที่หมอบอก คือ แอ๊ตต้าฟันเริ่มเหยินนิดๆแล้ว เลยทำให้เราฉุกคิดได้ว่าน่าจะได้เวลาจัดการเลิกนิ้วโป้งได้ซักที
การดูดนิ้ว กับ ฟันเหยิน อาจจะไม่ใช่ของคู่กับเด็กทุกคนนะคะ โดยมากแล้วหากเลิกได้ก่อน 2-3 ขวบ มักจะไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ
แต่สำหรับแอ๊ตต้า พ่อเค้าฟันเหยิน ต้องดัดฟันตั้งแต่เด็ก แอ๊ตต้าไม่ว่าจะมองหน้าตรง หรือด้านข้าง ลักษณะของปากและโครงหน้าคล้ายพ่อเค้ามากค่ะ หมอว่ายิ่งพ่อที่มีโครงสร้างเหมือนกันมีประวัติฟันเหยินมาก่อน ยิ่งควรจะให้แอ๊ตต้าเลิกดูดนิ้วให้ได้ค่ะ
ในกรณีที่แย่หน่อยนี่พอโตการดัดฟันอาจจะช่วยไม่ได้นะคะ ฟันไม่สบกัน โครงสร้างผิดรูปไปมาก อาจจะต้องถึงกับผ่าตัดค่ะ ขนาดพ่อเค้าไม่ได้ติดดูดนิ้วยังต้องดัดฟันอยู่หลายปี
ดังนั้น พอคิดถึงปัญหาที่จะตามมาตอนโตขึ้น เราเลยต้องรีบพยายามให้แอ๊ตต้าเลิกดูดนิ้วให้เร็วที่สุด
ประกอบกับตอนนี้อ๊อตโต้ก็ปิดเทอมพอดีค่ะ เราไม่ต้องพาแอ๊ตต้าขึ้นรถนั่งไปส่ง-ไปรับอ๊อตโต้ทุกวัน ปกติเวลานั่งคาร์ซีท จะเป็นเวลาแห่งการเพลิดเพลินดูดนิ้วของแอ๊ตต้าค่ะ นั่งรถเฉยๆคงจะเบื่อ ดูดนิ้วไปพลาง ชมวิวไปพลาง สุขเค้านักล่ะ
เราเคยพยายามอยากให้แอ๊ตต้าเลิกนิ้วโป้งมาหลายครั้งแล้ว ลองมาแล้วทั้ง บอระเพ็ด มะนาว ยาสีฟันเผ็ดๆ แต่ก็ไร้ผลค่ะ แอ๊ตต้าไม่กลัวขมกับไม่กลัวเปรี้ยว (ยาสีฟันเค้ากลัวเผ็ดนะคะ แต่เราว่าทามากมันทำให้ผิวแห้งค่ะ กลัวจะแตกเอา) ตอนเล็กๆเคยใช้พลาสเตอร์ยาพันนิ้วให้ แต่ก็ด้วยกลัวว่ายังเล็กอยู่ หากเผลอหลุดติดคอจะแย่เข้าไปใหญ่
ตอนนี้แอ๊ตต้าก็โตพอรู้เรื่องแล้ว มาตรการเด็ดขาด อุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้เลิกนิ้วโป้ง คือ พลาสเตอร์ยาแบบผ้า + ยาหม่อง
พลาสเตอร์แบบผ้า กิตติศัพท์เค้าคือความเหนียวมาก และมีกลิ่นยาอ่อนๆ หนึบมากขนาดที่เวลาเราจะแกะของเก่าให้แอ๊ตต้าออก เรายังต้องตั้งใจแกะเลยค่ะ เพราะมันไม่ได้หลุดง่ายๆ ดังนั้นถ้าติดดีๆ เด็กแกะให้หลุดเองได้ยากค่ะ
แอ๊ตต้าติดดูดนิ้วโป้งทั้งด้านซ้ายและขวาค่ะ หลังนิ้วเป็นไตแข็งๆทั้ง 2 ข้างแล้ว โชคดีที่ยังไม่เคยถึงกับขนาดเป็นแผล อาจจะเพราะเค้าสลับดูดได้ทั้ง 2 ข้างก็ได้ค่ะ เลยทำให้นิ้วไม่ช้ำมากมายนัก
เราลองเอาพลาสเตอร์แปะอย่างเดียวก่อน พอแอ๊ตต้าเอาเข้าปาก สัมผัสในปากของเค้าไม่เหมือนเดิม เพราะมีตัวพลาสเตอร์ปิดทับนิ้ว ทำให้เค้าไม่อยากเอาเข้าปากอีกค่ะ ทีแรกก็กะไว้ว่าถ้าพันพลาสเตอร์แล้วยังดูดได้ เรากะจะป้ายยาหม่องด้วยค่ะ โหดกันเต็มที่ กะให้เลิกให้ได้
ปฏิบัติการวันที่ 1 ช่วงกลางวันปกติสุขดีค่ะ เพราะเค้าเล่นอะไรเพลินๆไปเรื่อยๆ วันแรกตอนนอนกลางวันและกลางคืน กินนมหลับคาเต้าค่ะ เลยไม่มีมีพิษสงอะไร
วันที่ 2 กลางวันก็ไม่น่าห่วงค่ะ เล่นเพลินๆ แต่จะหนักใจตอนเอานอนกลางวันและกลางคืนนี่แหละค่ะ เพราะเราไม่ยอมให้อมนมแม่ หลับคาเต้าอีกแล้ว ไหนๆจะเลิกนิ้ว จะมาติดเต้าแม่หลับแทนนิ้วก็แย่สิคะ หัดทั้งทีเอาทีเดียวให้จบ ไม่ใช่เลิกนิ้วได้ ติดเต้าแม่หนึบหนับแทน แล้วต้องมาทนฟังลูกร้องเวลาให้อดเต้าอีกที เอาเป็นขอฟังลูกร้องคราวเดียวแล้วกันค่ะ
กลางวันหลังจากกินนมแม่อิ่ม กำลังเคลิ้ม เราก็เอาออก พอเอาออกก็โวยวาย ทิ้งตัว ล้มหลังหงายตึงๆ ทั้งทุบทั้งตี ร้องไห้โฮ อยู่ 30 นาทีจนเหนื่อยหลับไปค่ะ เราพยายามปลอบและโอ๋แล้ว แต่เค้ายิ่งร้องงอแงหนักมาก เลยจำใจหัดเหมือนนั่งคาร์ซีท คือ ปล่อยร้องค่ะ แต่มีเราคอยนอนกอดข้างๆเค้า แต่ไม่โอ๋ค่ะ
ที่ใช้เวลาแค่ 30 นาที น่าจะเพราะ เค้าดิ้นตลอดเวลา ร้องก็เหนื่อยแล้ว ยังมาดิ้นอีก ใช้พลังงานไม่หยุด เลยทำให้เพลีย ผล่อยหลับได้ไวค่ะ
แต่กลางคืนเค้าตื่นมา หลังจากกินนมไปแล้วแค่ 1 ชม. เราก็ไม่ให้กินต่อนะคะ คราวนี้แหละร้องได้เป็นชั่วโมงค่ะ เค้าดิ้นน้อยลง ใช้พลังงานไม่มาก เลยเก็บแรงไว้ร้องได้นานกว่าตอนกลางวัน
วันนี้เป็นวันที่ 3 ค่ะ สถานะการณ์ดูดีขึ้น ทั้งกลางวันและกลางคืนใช้เวลาร้องอยู่ราวๆ 30 นาที โดยดิ้นน้อยลง แต่ก็ยังมีทิ้งตัว ฟาดแข้งฟาดขาอยู่บ้างนะคะ แต่พอร้องแล้วแม่ก็แค่นอนกอดด้วยเฉยๆ เค้าก็เริ่มจะทำใจได้แล้วค่ะ ว่าแม่เอาจริง แม่ไม่ให้อมนิ้ว แม่ไม่ให้อมนมแม่เพื่อหลับนะ
ก่อนหย่านิ้ว เราพยายามให้แอ๊ตต้าติดผ้าห่มเค้าค่ะ เพื่อว่าตอนเลิกนิ้ว เค้าจะได้ยังรู้สึกว่าผ้าห่มยังแทนนิ้วได้ ทุกวันนี้ในเมื่อนิ้วอมไม่ได้ เค้าจะเอาผ้าห่มมาจับๆมากขึ้น เอามาแนบที่ปากบ้าง
คิดว่าอีกซัก 3-4 วันคงจะเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ แล้วจะแวะมาส่งข่าวนะคะว่าสำเร็จได้ภายในกี่วัน เราคงจะไม่ให้ปฏิบัติการณ์นี้หยุดแค่นี้โดยไม่สำเร็จหรอกค่ะ ต้องเอาให้เลิกให้ได้ จะกี่วันก็จะรอค่ะ เพราะไหนๆทนดูลูกทุรนทุรายมาได้ตั้ง 3 วัน ไม่อยากให้มันสูญเปล่าค่ะ
แต่สิ่งที่เรารู้สึกแย่และท้อมากที่สุดคือตอนที่ลูกร้องไห้นี่แหละค่ะ ทรมานแม่มากๆ ยิ่งแอ๊ตต้าเค้าพูดได้ เค้ารู้จักพูด แต่ละครั้งที่เค้าร้องและพูดออกมา มันทำให้เราอยากจะเลิกทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะตอนที่เค้าพูดออกมายาวๆว่า "หม่าม้าลุก หม่ำนมหม่าม้า ... หม่าม้าแกะให้หน่อย เจ็บๆ ...ฟ้องป๊า...หม่าม้าแกล้งต้า" นี่แหละค่ะที่ทรมานใจจริงๆ ที่ต้องมาทนดูลูกร้องได้ ดิ้นรอบเตียง ฟาดแข้งฟาดขา เพราะเราหวังดีต่างหาก ไม่ได้กะกลั่นแกล้งลูกเลยแม้แต่น้อย
วันนี้ขึ้นวันที่ 4 ตอนนอนกลางวันไม่ร้องแล้วค่ะ
เค้ามีทำแงๆแล้วยื่นนิ้วมาพร้อมบอกว่า "หม่าม้าแกะหน่อย" (ให้แกะพลาสเตอร์) แต่เราส่ายหัวแล้วบอกไม่ได้ค่ะ เค้าก็ทำเป็นแง๊งๆนิดหน่อยแล้วก็กลิ้งเล่นไปมา หลังจากนั้นก็หลับไปได้เอง โดยไม่เสียน้ำตาแบบทุกวันแล้วค่ะ
Create Date : 14 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 23:44:43 น. |
Counter : 2860 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ฝึกลูกนอนเอง
คลิปแอ๊ตต้า ถ่ายตอน 5 เดือน 4 วันค่ะ เอาเข้านอนตอนเช้า
ทำไงดีคะ คือตอนนี้น้องเพียรได้สองเดือนกว่าอะค่ะ เวลาเอาเค้านอนต้องอุ้มทุกครั้งไม่งั้นเค้าไม่นอน ลองแล้วทั้งไกวเปล ทั้งตบตูดเค้าก็จะร้องไห้สนั่น เฮ้อ แบกจนแขนล้าแล้วค่ะ ทำไงดี
จากคุณ : weewha - [ 8 ก.พ. 52 21:28:03 ]
ตอนลูกคนโต เราก็แบก
พอมีลูกอีกคน รู้รสแล้วค่ะว่าถ้าเป็นไปได้ไม่แบกจะดีกว่า ถ้าหัดได้ก็ควรจะหัดแต่เนิ่นๆ ยิ่งมีพี่คนโตให้ต้องเลี้ยงคู่กับคนเล็กด้วย อะไรที่เราอยากแบ่งเบาให้ตัวเองเราไม่เหนื่อยมากก็พยายามจะหัดให้คนเล็ก เรื่องหัดให้นอนเองก็เหมือนกันค่ะ
ตั้งแต่แรกแล้ว คนเล็กเราจะพยายามให้เค้ารู้จักนอนเองโดยไม่ต้องแบกมากนัก แรกๆมีค่ะ ที่จะฮึดฮัดอยากให้อุ้ม อยากหลับคามือ คาอก
แต่เราอุ้มให้เค้าเงียบและนิ่งแล้วเราก็วางลงเตียงค่ะ หากร้องใหม่ เราก็อุ้มใหม่ โอ๋ให้อารมณ์ดีก่อน พอเงียบแล้วเราก็วางอีกครั้ง อาจจะต้องอุ้มๆวางๆหลายรอบหน่อย แต่เด็กเค้าเรียนรู้ได้ค่ะว่า เค้าต้องนอนเตียงของเค้า ไม่ใช่หลับกันคาอกหรือคามือ
ตอนนี้เค้า 3 เดือนแล้วค่ะ หากกินนมแม่แล้วไม่หลับ เราเอาไปวางที่เตียงเด็ก แล้วปิดไฟเค้าก็สามารถหลับเองได้ค่ะ
ของอย่างนี้ฝึกกันได้ค่ะ เราไม่ได้ปล่อยให้ลูกร้องจนคอโป่งซะหน่อย เพียงแต่พอวางแล้วตื่นก็ตั้งต้นโอ๋กันใหม่ รอให้เงียบก่อน เราไม่ได้ปล่อยให้เค้าร้องๆๆๆจนเงียบไปเอง
บางทีเราก็โดนบางคนว่าอุ้มไปเหอะ แม่จะขี้เกียจทำไม เรื่องแค่นี้เอง ก็ลูกอยากให้อุ้มก็อุ้มไปสิ เค้าอยากอยู่กับแม่มากกว่า ทำเป็นแม่ที่ไม่รักลูกไปได้ ทั้งเรื่องเวลานั่งคาร์ซีทหรือเวลานอน
แต่เรากลับมองว่า เราไปใช้เวลาที่เค้าตื่น จะอุ้มจะกอด จะโอ๋อะไรตอนนั้นแทนก็ได้
ทำไมเด็กฝรั่งเค้ายังฝึกได้ ทำได้เลย ทั้งเรื่องนั่งคาร์ซีท นั่งกินข้าว และเข้านอน แม่ฝรั่งเค้าก็รักลูกไม่น้อยกว่าแม่คนไทยหรอกค่ะ เพียงแต่เค้าไม่ได้ตามใจไปซะทุกเรื่องเท่านั้นเอง และเค้ารู้จักการฝึกสอนเด็กมากกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 52 22:41:09
จากคุณ : ริน-otto - [ 8 ก.พ. 52 22:39:36 ]
------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนปรึกษาคุณมินนี่ลูกป๋าคิมกับคุณรินottoเรื่องการนอนของลูกหน่อยค่ะ พอดีเป็นคุณแม่มือใหม่นะค่ะ คลอดน้องเมื่อวันที่ 5 ธันวา 51 คลอดธรรมชาติค่ะ แต่ได้เข้ามาหาข้อมูลในชานเรือนตั้งแต่ท้องได้ 4-5 เดือน เลยรู้สึกว่าคุณแม่ทั้งสองคงจะช่วยให้คำปรึกษาได้ เริ่มเลยนะค่ะ รู้สึกว่าน้องมีปัญหาในการนอนมากๆเลยค่ะ คือว่าปกติน้องจะนอนกลางวันสองช่วง ตอน 8-9 โมงเช้าถึง 11หรือเที่ยง แล้วนอนต่อตอนบ่าย 2 โมงถึง 4 โมงเย็น แล้วก็อาบน้ำ, เล่น นอนอีกทีก็ 1-2 ทุ่ม จะตื่นตอนประมาณ 4-5 ทุ่มแล้วแต่ว่านอนตอนกี่โมง (นอนประมาณ 3 ชั่วโมง) หลังจากนั้นก็กว่าจะหลับได้ก็เป็นชั่วโมง บางคืนนอนตอนห้าทุ่มครึ่ง บางคืนนอนตอนเที่ยงคืน บางคืนเที่ยงคืนครึ่งก็มี แต่น้องจะตื่นประมาณตีสองไม่เกินตีสองครึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะกะเวลาไม่ได้เลยค่ะ บางครั้งตื่นมากินนมแป็บเดียวก็หลับต่อเลย บางคืนก็เป็นชั่วโมงๆ นอนอีกทีตี 5 ก็เคย (แต่ก็ไม่สามารถกะจำนวนชั่วโมงในการนอนได้เลย) เมื่อคืนงานเข้าเลยค่ะ หลังตี 3 นอนได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ตื่น ตื่นบ่อยมาก (ตื่นตี 4กว่านอนตี 5กว่า, ตื่น 6โมงกว่า นอนอีกที 8 โมงกว่า) ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมากๆเลยค่ะไม่รู้จะทำอย่างไรให้ลูกนอนหลับยาวๆได้บ้าง (ลืมบอกไปค่ะ เมื่อก่อนตอนน้องอายุยังไม่ถึงเดือน น้องนอนได้ครั้งละ 3 ชั่วโมงค่ะ แต่พอครบเดือนพฤติกรรมการนอนของน้องก็เปลี่ยนไป บางอาทิตย์น้องนอนตื่นทุกครึ่งชั่วโมงก็มีแต่ก็เป็นแค่เพียงอาทิตย์เดียว) ข้อมูลเกี่ยวกับตัวน้องนะค่ะ น้องอายุ 2 เดือน 15 วัน เป็นเด็กผู้ชาย หนักประมาณ 6.5 โล น้องกินนมแม่ล้วนๆค่ะ ทั้งจากเต้าและจากขวด (ในกรณีที่เหนื่อยมากๆหรือต้องไปทำธุระ) ส่วนเรื่องนมไม่พอนั้นตัดปัญหาไปได้เลยค่ะ เพราะน้ำนมเยอะค่ะ ปั๊มได้ครั้งละประมาณ 7-8 ออนซ์ค่ะ ขอรบกวนถามคุณมินนี่ลูกป๋าคิมค่ะ 1. คุณมินนี่ลูกป๋าคิมบอกว่าน้องกินนมก่อนนอนประมาณ 6-7 ออนซ์ คุณมินนี่ลูกป๋าคิมป้อนด้วยขวดเหรอค่ะ? 2. คุณมินนี่ลูกป๋าคิมบอกว่าน้องนอนหลับยาวถึงเช้าเลย น้องตื่นมากินนมตอนดึกบ้างไหมค่ะ? 3. ทำอย่างไรน้องถึงนอนหลับได้ยาว? ถามคุณรินottoค่ะ 1. คุณรินottoให้น้องนอนบนเตียงของตนเองและเวลาน้องตื่นกินนมตอนดึกคุณรินottoป้อนขวดหรือให้กินจากเต้าค่ะ? (เพราะว่าให้น้องนอนเตียงของตนเองเหมือนกันต้องอุ้มมาป้อนนมจากเต้าแต่กว่าจะหลับได้บางครั้งเป็นชั่วโมงเลย) 2. คุณรินotto หัดให้น้องนอนด้วยตนเองตั้งแต่เดือนแรกๆ ตอนนั้นน้องร้องงอแงนานกี่วัน ใช้เวลากี่วันกว่าน้องจะปรับตัวได้ค่ะ? 3. คุณรินotto ได้จับน้องพาดบ่าเรอทุกครั้งหลังให้นมหรือเปล่า? (เพราะทุกครั้งน้องจะกินนมหลับคาเต้า ถ้าจับเรอน้องจะรู้สึกตัว ต้องกล่อมให้หลับอีก ใช้เวลานานมาก) 4. น้องไม่เคยนอนคว่ำเลยเพิ่งมาหัดน้องตอนน้องได้เดือนกว่าๆ แต่น้องไม่ชอบเลย เลยลองใหม่ตอนน้องได้สองเดือน น้องร้องโวยวายไม่ยอมนอน คุณรินotto มีเทคนิคอะไรรบกวนช่วยบอกหน่อยค่ะ (ตอนนี้จับน้องนอนตะแคงแต่ก็ยังผวาอยู่) 5. ถ้าก่อนน้องอายุสามเดือนยังไม่สามารถฝึกน้องให้นอนคว่ำและนอนด้วยตนเองได้ จะยังสามารถฝึกเค้าได้อีกหรือไม่ อย่างไร ถ้าฝึกไม่ได้จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ค่ะ 6. ต่อไปพอน้องอายุมากขึ้นการนอนของเค้าจะดีขึ้นไหมค่ะ ในที่นี้หมายถีงหลับให้ยาวขึ้น เพราะดิฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว ถ้าตื่นตอนกลางคืนบ่อยๆ อย่างงี้คงไม่มีแรงไปทำงานแน่ๆ 7. หรือว่าที่เล่ามาทั้งหมดมันเป็นนิสัยส่วนตัวของน้อง ดิฉันต้องทำใจอย่างเดียว
ขอบคุณ คุณมินนี่ลูกป๋าคิม และ คุณรินotto เป็นการล่วงหน้า สำหรับคำตอบนะค่ะ (คำถามยาวหน่อยนะค่ะ กลุ้มใจจริงๆ)
จากคุณ : คุณแม่น้องเชน - [ 19 ก.พ. 52 22:55:58 A:114.128.51.54 X: ]
ตอบตามคำถามนะคะ
1. คุณรินottoให้น้องนอนบนเตียงของตนเองและเวลาน้องตื่นกินนมตอนดึกคุณรินottoป้อนขวดหรือให้กินจากเต้าค่ะ? (เพราะว่าให้น้องนอนเตียงของตนเองเหมือนกันต้องอุ้มมาป้อนนมจากเต้าแต่กว่าจะหลับได้บางครั้งเป็นชั่วโมงเลย)
>>>> รินให้น้องนอนเตียงเด็กค่ะ เวลาป้อนนมกลางคืน ก็อุ้มเค้าออกมาแล้วก็กินนมจากเต้าค่ะ (เลี้ยงด้วยเต้าล้วนๆ ไม่มีขวดค่ะ) ให้สังเกตหากเค้าดูดเอื่อยๆแบบไม่แรง และบางทีก็นิ่งๆไปแสดงว่าอิ่มแล้วค่ะ ไม่ได้ให้คาบนมแม่เป็นชั่วโมงค่ะ (ปกติลูกสาวกินนมไวมากค่ะ ดูดเร็วและแรงมากๆ ไม่กี่นาทีก็เสร็จ) เราเอาออกแล้วก็เอาเค้าไปนอนต่อค่ะ แต่ก่อนหากวางแล้วไม่ยอมเราก็ร้องเพลงกล่อม หรือ ตบก้น หรืออุ้มให้เงียบก่อน แล้วก็วางใหม่ค่ะ
2. คุณรินotto หัดให้น้องนอนด้วยตนเองตั้งแต่เดือนแรกๆ ตอนนั้นน้องร้องงอแงนานกี่วัน ใช้เวลากี่วันกว่าน้องจะปรับตัวได้ค่ะ?
>>>> ก็อาจจะหลายวันหน่อยค่ะ คือ บางช่วงโอเค บางช่วงงอแง ไม่ได้งอแงทุกวันค่ะ ตอน 1 เดือนเค้ารู้กลางวัน-กลางคืนแล้ว ตอนนั้นยังตื่นมากินนมทุก 3 ชม. พอ 2 เดือนเค้าก็เริ่มนอนกลางคืนได้ยาวขึ้นค่ะ 4-6 ชม.
3. คุณรินotto ได้จับน้องพาดบ่าเรอทุกครั้งหลังให้นมหรือเปล่า? (เพราะทุกครั้งน้องจะกินนมหลับคาเต้า ถ้าจับเรอน้องจะรู้สึกตัว ต้องกล่อมให้หลับอีก ใช้เวลานานมาก)
>>>> ลูกสาวกินเร็ว ดูดเร็วและแรง แล้วก็เรอไวมากค่ะ จับนั่งแค่ 2-3 นาทีก็เรอรอบใหญ่ได้แล้ว เรอเสร็จก็จับนอนเลยค่ะ แต่พอ 2 เดือนกว่า บางมื้อเราก็เริ่มไม่ได้จับเรอให้นะคะ ลองสังเกตดูเหมือนกันว่าถ้าเราไม่จับเรอเค้าโอเคไหม พอ 3 เดือนนี่แทบไม่ได้จับเรอแล้วค่ะ
4. น้องไม่เคยนอนคว่ำเลยเพิ่งมาหัดน้องตอนน้องได้เดือนกว่าๆ แต่น้องไม่ชอบเลย เลยลองใหม่ตอนน้องได้สองเดือน น้องร้องโวยวายไม่ยอมนอน คุณรินotto มีเทคนิคอะไรรบกวนช่วยบอกหน่อยค่ะ (ตอนนี้จับน้องนอนตะแคงแต่ก็ยังผวาอยู่)
>>>> ของรินให้แอ๊ตต้านอนคว่ำตั้งแต่ 4 วันค่ะ ตอนคนโตอ๊อตโต้ก็ไม่ได้ให้นอนคว่ำค่ะ มาจับคว่ำเอาตอนสิบกว่าวันแล้วเค้าไม่ยอม โวยวายเหมือนกันค่ะ ก็เลยจับนอนหงาย แต่พลิกคอตะแคงซ้าย-ขวาแทนค่ะ หากน้องยังผวามาก ลองเอาผ้าห่มพาดอกให้ดูนะคะ
5. ถ้าก่อนน้องอายุสามเดือนยังไม่สามารถฝึกน้องให้นอนคว่ำและนอนด้วยตนเองได้ จะยังสามารถฝึกเค้าได้อีกหรือไม่ อย่างไร ถ้าฝึกไม่ได้จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ค่ะ
>>>> เรื่องนอนคว่ำอันนี้แล้วแต่ค่ะ ถ้าไม่อยากนอนก็ช่างเค้าเถอะค่ะ เพราะบางทีเราก็ไปบังคับเค้าไม่ได้ เค้าอาจจะไม่ชอบนอนแบบนั้น ให้เค้าเลือกท่านอนสบายๆแบบที่เค้าชอบแทนดีกว่า อีกอย่างพอเด็กพลิกคว่ำพลิกหงายได้เองแล้ว เค้าก็จะเลือกท่านอนที่ชอบเองค่ะ ถึงเราจะคว่ำให้แต่น้องก็พลิกมานอนหงายได้หากเค้าชอบนอนหงายมากกว่า
ส่วนเรื่องฝึกนอนเอง จริงๆเราว่าไม่มีคำว่าสายหรอกค่ะ ค่อยๆทำ ไม่ต้องซีเรียสแบบฝึกเอาเป็นเอาตาย ตอนเราหัดลูกเราก็ค่อยๆทำแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เวลาลูกร้องก็เอามาอุ้มกล่อมให้เงียบ แล้วค่อยวางใหม่ ไม่ได้ปล่อยให้ร้องนานจนเงียบไปเอง แต่เราไม่ให้เค้าติดอุ้มนอนค่ะ เพราะจำได้จากตอนคนโต รินไม่ได้หัดเค้า เราเหนื่อยมากค่ะ พอมามีลูกคนเล็กและต้องดูแลพี่คนโตด้วย บอกตรงๆว่าถ้าไม่หัดเราก็ไม่ไหว ต้องดูแลลูกถึง 2 คน และก็ต้องทำงานตอนกลางวันด้วยเหมือนกัน พอหัดแล้วถึงได้รู้ว่ามันดีทีเดียว (รู้งี้หัดตั้งแต่คนโตแล้วค่ะ ตอนคนโตเราไม่มีประสบการณ์นัก)
ซึ่งหากคุณแม่คิดว่าเหนื่อย จะหัดก็ไม่เสียหาย คุณแม่เองก็ได้พักผ่อนเต็มที่ด้วยค่ะ มันดีทั้งกับเรื่องงานเราด้วย เวลาไปทำงานเราก็มีสมาธิ กลับมาบ้านก็ยังพอจะมีแรงเล่นกับลูกได้โดยไม่หงุดหงิดเพราะอดหลับอดนอน
6. ต่อไปพอน้องอายุมากขึ้นการนอนของเค้าจะดีขึ้นไหมค่ะ ในที่นี้หมายถีงหลับให้ยาวขึ้น เพราะดิฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว ถ้าตื่นตอนกลางคืนบ่อยๆ อย่างงี้คงไม่มีแรงไปทำงานแน่ๆ
>>>> บอกตามตรงนะคะ ตอนลูกคนแรกรินก็เลี้ยงแบบตามใจเค้าเต็มที่เหมือนกัน ตอน 1 ขวบกว่ายังนอนไม่ยาวเลยค่ะ ตื่นมากินนมกลางคืนตกคืนละ 5-6 รอบ !!!!!! ตอนนั้นเริ่มสังเกตแล้วว่า ลูกตื่นเป็นเวลาเลย อาจจะไม่ได้หิวจริง แต่อยากกินนมให้หลับเหมือนทุกที หลังจากนั้นก็เลยเริ่มหัดค่ะ จากตื่นมากินนมคืนละ 5-6 รอบเราก็ปรับเหลือคืนละ 4-5 รอบ 3-4 รอบ 2-3 รอบ และเหลือ 1 รอบ จนในที่สุดไม่ให้กินเลยค่ะ ทั้งนี้เราไม่ได้หัดแบบหักดิบเลิกปุ๊บปั๊บทันที แต่ใช้วิธีค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะ
สำหรับลูกสาวคนเล็กอาจจะเป็นโชคดีของตัวเองด้วยค่ะ ที่เค้านอนยาวได้ตั้งแต่เล็กๆ หรืออาจจะเกี่ยวกับการที่เราหัดเค้านอนเองด้วยก็ได้ค่ะ ไม่ใช่ต้องคาบนมจนหลับ หรือต้องแบกกันจนหลับ เพราะงั้นเวลาเค้ารู้สึกหรือสะดุ้งตื่นกลางคืนเอง บางทีเค้าก็อาจจะนอนต่อได้เอง โดยไม่ได้ร้องเรียกขอหลับคาเต้านมก็ได้
ทั้งนี้เด็กเล็กไม่ควรจะหัดให้เลิกมื้อดึกเร็วนะคะ ของเราก็อย่างที่บอกเค้านอนหลับยาวเอง เราไม่ได้ไปฝึกเลิกมื้อดึกเค้า ทุกวันนี้ 3 เดือนครึ่ง เค้าตื่นมากินนม 1 หนค่ะ หลับยาว 6-8 ชม.
7. หรือว่าที่เล่ามาทั้งหมดมันเป็นนิสัยส่วนตัวของน้อง ดิฉันต้องทำใจอย่างเดียว
>>>> เราว่าก็มีส่วนมั่งนะคะ แต่บางอย่างสามารถฝึกกันได้ค่ะ เคยคุยกับหมอของลูกเหมือนกันค่ะ (ลูกคนโตกับคนเล็กหมอเด็กคนเดียวกันค่ะ) หมอบอกว่าที่เหมือนคนเล็กเลี้ยงง่าย น่าจะเป็นเพราะเรารู้จักวิธีรับมือกับเด็กมากกว่าตอนสมัยเลี้ยงลูกคนแรกค่ะ ประมาณว่ามีประสบการณ์มาบ้างแล้ว ทำให้รู้จักสังเกต รู้จักลองคิดว่าลูกต้องการอะไร หรือน่าจะมีวิธีรับมือแบบไหน เราว่าก็มีส่วนจริงบ้างตามที่หมอพูดเหมือนกัน
สมัยดีนี้กว่าแต่ก่อนเยอะค่ะ มีข้อมูลอะไรให้ค้นมากมาย วิธีเลี้ยงเด็กจากประสบการณ์ของคุณแม่คนอื่นที่หลากหลายให้ลองเอามาปรับใช้กับลูกเราได้ค่ะ ทำให้แม่มือใหม่ๆมั่นใจและดูคล่องแคล่วกว่าแต่ก่อนค่ะ
จากคุณ : ริน-otto - [ 20 ก.พ. 52 08:23:31 ]
Create Date : 08 มีนาคม 2552 | | |
Last Update : 2 เมษายน 2552 22:07:48 น. |
Counter : 14827 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|