|
#O008#บทเริ่มต้นในนวนิยาย ก็องดิด (Candide)
มี ชายคนหนึ่งอยู่ในปราสาทของท้าว ธันดราแทนทรงค์ 1 ณ เมือง เวสทฟาเฬีย 2 ชายหนุ่มผู้นี้ธรรมชาติประสาธน์มาให้เป็นผู้มีความประพฤติสุภาพเรียบร้อยที่สุด มีดวงหน้าซึ่งฉายรูปอันแท้จริงของดวงวิญญาณ, มีน้ำใจอันสุจริตประกอบกับดุลยพินิจอันเที่ยงธรรม อาศัยลักษณะนี้แหละจึงมีนามว่า ฆานฑิต 3 (ข้าพเจ้าคาดเอา) พวกบ่าวไพร่เก่าแก่ประจำตระกูลพากันสงสัยว่าฆานฑิตคงจะเป็นลูกของน้องสาวท้าวธันดรา ซึ่งได้เสียกันกับชายดีมีศีลธรรมแถว ๆ นั้นเอง ที่ไม่ยอมเข้าสู่วิวาห์ด้วย ก็เพราะชายผู้นั้นสืบสาวเหล่ากอได้เพียงเจ็ดสิบเอ็ดชั่วคน เท่านั้นที่เหลือลืมเลือนไปกับเวลาเสียหมด (จึงตกลงกันไม่ได้)
ท้าวธันดราจะไม่เป็นผู้อำนาจใหญ่ยิ่งในเมืองเวสทฟาเฬียกระไรได้ เพราะปราสาทท้าว มิได้มีแต่เพียงทวารเดียว ยังมีบัญชรอีกเป็นอันมาก ห้องโถงอันมหาศาลเล่าก็ดาดพรม มีสุนัขฝูงใหญ่อยู่ในคอกสำหรับจะไล่เนื้อ คนเลี้ยงม้าก็เป็นคนล่าสัตว์ในตัว พระที่วัดในหมู่บ้านแถบนั้นก็จัดการศาสนาประจำปราสาท ใคร ๆ ก็เรียกท้าวเธอว่า ท่านท้าว ใคร ๆ ก็ต้องคอยหัวเราะเมื่อได้ฟังท่านเล่านิทาน ชายาท้าวธันดราเป็นคนเจ้าเนื้อ หนักสักสามร้อยห้าสิบปอนด์เห็นจะได้ จึงนับว่าเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ได้ผู้หนึ่ง นางรับธุระการงานในปราสาทเต็มภาคภูมิ เป็นที่น่านับถือหนักยิ่งขึ้นไปอีก
มีธิดาคนหนึ่งชื่อว่า คุณิกอง 4 อายุได้สิบเจ็ดปี ผิวเนื้อสดใส อวบท้วม เจริญตา น่าจับใจใคร่ชมนัก ส่วนโอรสเล่าก็สมศักดิ์สมเกียรติที่เกิดมาเป็นบุตรท้าวธันดราทุกประการ อาจารย์ ปางโกลศ 5 เล่าก็เป็นมุนีที่น่าบูชาของตระกูลทีเดียว ฆานฑิตผู้เยาว์สดับฟังศิลปวิทยาด้วยความเลื่อมใสเท่าที่อายุและอุปนิสสัยจะอำนวย
อาจารย์ปางโกสศเป็นศาสดาปรัชญาศาสนจิตตจักรวาฬวิทยา ท่านพิสูจน์น่าฟังนักหนาว่า ถ้าไม่มีเหตุจะมีผลไม่ได้ แล้วว่าสิ่งวิเศษที่สุดในโลกนี้หรือโลกไหนก็ตาม จะวิเศษเกินปราสาทท้าวธันดราอันรโหฐานที่สุดไปไม่ได้ ชายาของท้าวธันดราก็เป็นชายาที่ประเสริฐที่สุดในบรรดาชายาทั้งหลาย
ท่านอาจารย์ว่า "ย่อมพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า สิ่งหนึ่งจะเป็นสิ่งใด นอกไปจากเป็นสิ่งนั้นมิได้ สิ่งที่มีขึ้นเป็นขึ้นก็โดยที่สร้างให้มีให้เป็น เมื่อมีเป็นขึ้นแล้วก็ไปสู่ความสิ้นสุด แต่สิ่งต่าง ๆ ย่อมสิ้นสุดลงด้วยดีที่สุด ขอให้ดูเถิด จมูกสร้างมาให้รับแว่น ด้วยเหตุนี้เราจึงมีแว่นใช้ เท้าทำไว้สำหรับใส่ถุง เราจึงมีถุงเท้าใส่ หินมีไว้สำหรับกะเทาะแล้วเอามาสร้างปราสาท ดังนั้นท้าวเธอจึงมีปราสาทรโหฐาน ท้าวพญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้นนี้ ย่อมจะต้องอยู่ปราสาทรโหฐานที่สุดเป็นธรรมดา หมูเกิดมาสำหรับให้คนกิน เราจึงกินหมูตลอดปี กล่าวโดยลำดับแล้วผู้กล่าวอ้างว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีนั้นย่อมกล่าวด้วยความเขลา ควรจะกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อความดีที่สุดต่างหาก"
ฆานฑิตตั้งอกตั้งใจ ตั้งใจสดับฟังและเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ด้วยว่านางคุณิกองผู้นี้งดงามเหลือเกินนัก เพียงแต่นึกอยู่คนเดียวยังไม่กล้าจะบอกนาง แล้วฆานฑิตก็สรุปเรื่องความสุขได้ว่า ความสุขขั้นแรกได้แก่การที่เกิดมาในปราสาทของท้าวธันดรา ความสุขขั้นที่สองได้แก่นางคุณิกอง ความสุขขั้นที่สามได้แก่การที่ได้แลเห็นนางทุกวัน ความสุขขั้นที่สี่ได้แก่การที่ได้สดับฟังอาจารย์ปางโกลศ อุตตมเมธีแห่งแคว้นนี้ และนับว่าแห่งโลกนี้ก็ได้
วันหนึ่ง นางคุณิกองเดินเล่นอยู่ในป่าละเมาะใกล้ ๆ ปราสาทซึ่งเรียกว่าอุทยาน ตานางลอยหว่างพุ่มไม้ไปเห็นอาจารย์ปางโกลศกำลังสอนปรัชญาธรรมชาติฝ่ายปฏิบัติ ให้แก่หญิงต้นห้องของพระมารดา หญิงคนนี้รุ่นกะเตาะผิวคล้ำงามนัก อ่อนละมุนแท้
เนื่องด้วยนางคุณิกองเป็นคนใฝ่วิชาชอบหาความรู้ยิ่งนัก นางจึงเฝ้าจับตาดูการทดลองปรัชญาธรรมชาติซึ่งปฏิบัติซ้ำอีกหลายครั้ง นางหายใจแทบไม่ทัน จึงเกิดความประจักษ์แจ้งในอานุภาพแห่งเหตุผลที่อาจารย์สอน ทั้งเหตุและผลทั้งนั้น แล้วนางก็หันกลับ วุ่นวายใจเต็มประดา ครุ่นคิดติดใจ เกิดความใคร่ที่จะเรียนรู้กับตัวเอง ใฝ่ฝันขึ้นว่าตัวนางนี้คงสมจะเป็นเหตุผลแก่ฆานฑิต และฆานฑิตก็สมจะเป็นเหตุผลแก่นาง
พอถึงปราสาทก็พอดีพบฆานฑิต หน้าของนางแดงขึ้น หน้าของฑานฑิตก็แดงขึ้น นางอวยพรสวัสดีแก่เขาเสียงสั่นกุกกัก ฆานฑิตพูดกับนางซึ่งตัวเองพูดอะไรออกไปก็หารู้ไม่
วันรุ่งขึ้นกินอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองลุกจากโต๊ะไปหลังม่าน คุณิกองทำผ้าเช็ดหน้าตก ฆานฑิตก้มลงหยิบส่งให้ คุณิกองรับเอากับมืออย่างไม่เดียงสา หนุ่มเจ้าก็เลยจูบมือสาวเจ้าอย่างไม่เดียงสาเหมือนกัน ทั้งคู่เกิดชีวิตชีวาขึ้น ความรู้สึกก็เร่าร้อนขึ้น และอ่อนระทวยลงอย่างน่าประหลาด ปากทั้งสองจรดกัน ตาเป็นประกาย เข่าสั่นระริก มือก็ไขว่คว้ากันและกัน
ท้าวธันดราเดินผ่านไปทางม่านแลเห็นเหตุและผลอันนี้เข้า ท้าวเธอก็ไล่ฆานฑิตออกจากวัง แถมเตะข้างหลังเข้าให้หลายที คุณิกองเจ้าเป็นลมไป พอฟื้นขึ้นก็ถูกพระมารดาต่อยเข้าให้ที่กกหู
ภายในปราสาทสุดแสนรโหฐานน่าอยู่ที่สุดนี้ บัดนี้มีแต่ความกลัวมัวมนแสนที่สุดแล้ว
Create Date : 17 ธันวาคม 2556 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2556 19:47:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1142 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|