ปากกาไฮไลท์สีแดง
Group Blog
diary
คุยกัน
เรื่องเล่าบอกต่อ
บอกต่องานดีๆ
All Blogs
ไปดีนะหมาน้อย
เดินสู่อิสรภาพ
่เดินทางคนเดียวครั้งแรก0.1
สิ่งที่ไม่อาจหวนคืน
สิ่งที่เหลืออยู่
1ปีที่ผ่านไป
ความสุขที่ซื้อได้
ครั้งหนึ่ง ณ โรงละคร
รอยยิ้มสยาม
อนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกล
สงสารสัตว์
สายรุ้ง
ขอบคุณที่ยังไม่ลืม
แอบ
ครบรอบ 1 ปี 2 วัน
125 ปี ไปรษณีย์ไทย
คิดถึง
หรือว่าแค่บังเอิญ
พักอ่านฟังดนตรี
เหงา
มากกว่าร้านตัดผม
กระดาษหนึ่งใบที่มีค่า กับการสั่งสมประสบการณ์มาถึง 4 ปี
เสื้อของพ่อ
ระแวง
สื่อในมือ
คุณบอกรักคนที่คุณรักรึยัง?
มิวเซียมสยาม
ความทรงจำ (ที่ไม่อยากให้กลายเป็นสีจาง)
อำลาโทรเลขเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ
ดูหนังๆ
ถามใจตัวเอง
อยากได้ลูกโป่งงงง
งานสัปดาห์หนังสือ
เที่ยวโคราช
เที่ยวริมคลอง
ปาย คิดถึงจังเลย
สอบเสร็จแล้วว
ฤดูการสอบมาเยือนอีกครั้ง
เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วอีกแล้ว
เปิดเรียนอีกครั้ง หลังหยุดยาว
จะช้าไปมั้ยถ้าจะ สวัสดีปีใหม่
ขอถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พักอ่านมาอัพได (2)
ขอพักอ่าน มาอัพได
ฤดูสอบมาเยือนอีกแล้วววว
120 ปี ความสัมพันธ์ไทย - ญี่ปุ่น
มาอัพเดทอีกแล้ว
ผีในโรงหนัง
เกรดออกแระ แฮะๆ
ควันหลง
ครบรอบหนึ่งเดือนเมื่อเราเจอกัน
ทุกคนมีดีในตัวเอง
มิตรภาพ
งานสัปดาห์หนังสือ
ช่วงเวลาที่ชั้นสับสน
โอกาส
ครั้งแรก
หนังสั้น
ตามหาความฝัน
เปิดบล๊อค
งานสัปดาห์หนังสือ
ใครไปงานสัปดาห์หนังสือกันมาบ้าง? เราไปมาแล้วเมื่อวันก่อน คนยังคึกคักเหมือนเดิม เพื่อนเราถึงกับบอกว่า ทำไมถึงบอกว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดว่ะ งานนี้คนเป็นหนอนเลย เราก็ได้หนังสือกลับมาเยอะเลย แต่ยังไม่ได้อ่าน 5555
1. ใครไปงานหนังสือ ได้หนังสืออะไร หรือหนังสืออะไรอ่านแล้วดี อยากแนะนำ ก็บอกกันได้นะ เผื่อจะไปหามาอ่านบ้าง ?
( เราอ่านจบไป 1 เล่ม คือ abc comic ของ a book เป็นการ์ตูนสั้น 7 เรื่องจาก 7 นักเขียนการ์ตูน เราว่ามันเป็นการ์ตูนแนวแปลกดีอ่ะ ชอบๆ นัวร์ๆ ดี และใครที่ชื่นชมผลงานของคุณ ทรงศีล แล้วล่ะก็ อย่าพลาด เพราะว่าเล่มนี้คุณทรงศีลเขียนด้วย 1 เรื่อง และอีก 6 เรื่อง ก็สนุก นัวร์มากๆ และแปลกตา ซึ่งเราคิดว่าหนังสือเล่มนี้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการ การ์ตูนบ้านเราไม่น้อยทีเดียว วันนี้เราแนะนำไปแล้ว 1 เรื่อง ส่วนเล่มอื่นๆ ถ้าอ่านแล้วจะมาแลกเปลี่ยนความคิดอีกนะ)
2. วันนี้ไปเรียนมา อาจารย์ก็ให้คำตอบที่ว่า “คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด” ว่า เดี๋ยวนี้คนไทยอ่านหนังสือกันมากขึ้นแล้วนะ เราก็คิดในใจว่านั่นสิ ก็เมื่อวานคนเยอะจะตาย จะอ่านปีละ 8 บรรทัดได้ไง แล้วเราก็หันไปพูดเล่นกับเพื่อนว่า อ่านเยอะขึ้น สงสัยอ่านเยอะขึ้น 2 บรรทัด แล้วอาจารย์ก็เฉยว่า คนไทยอ่านหนังสือเยอะขึ้น เป็นปีละ 10 บรรทัด -*- (ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างนะ) แล้วไอ้คนที่มันไปงานสัปดาห์หนังสือเป็นหนอนนั่นล่ะ จะตอบว่ายังไง ใครก็ได้ตอบที หรือว่าเป็นเพราะว่าเรากับเพื่อนๆเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ก็เลยมองโลกในมุมแคบ ที่คนรอบตัวอ่านกันเยอะ ก็เลยเถียงในใจว่า ไม่จริงหรอกปีละ 10 บรรทัดเนี่ย
ใครคิดยังไงก็เรื่องนี้บ้าง เสนอความเห็นได้นะ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าคิดยังไงกันบ้าง?
3. ทำไมถึงไปซื้อหนังสือที่งานสัปดาห์หนังสือกัน (นอกจากราคาหนังสือจะถูกกว่าร้านทั่วไป) มีอะไรอย่างอื่นอีกรึเปล่า
4. ได้หนังสืออะไรมาบ้าง?
ใครว่างๆไม่มีอะไรทำ ก็มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ ^ o ^
หนังสือที่เราซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้
Create Date : 05 เมษายน 2551
Last Update : 5 เมษายน 2551 0:47:39 น.
8 comments
Counter : 677 Pageviews.
Share
Tweet
ไปงานมาครับ
ค่า 8 บรรทัด 10 บรรทัด มันก็เป็นค่าเฉลี่ยๆนะ งานนั่น มากขนาดไหนก็ไม่เกิน 20000 คนต่อวัน เทียบกับคนทั้งประเทศแล้ว มันวัดอะไรไม่ได้หรอกครับ
แต่ก็ช่างเหอะ มีความสุขกับการอ่านก็พอละล่ะ เนอะ
โดย: ปิง IP: 118.174.91.81 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:1:08:04 น.
ยังไม่ได้ไปเลยค่ะ ชอบอ่านนิยายแต่ก็ไปทุกปีนะคะ ว่าจะหาโอกาสไปอยู่
เสาร์ที่แล้วไปเจเจมา หนังสอนิยายมือสองลด 30 % แนะ
โดย:
Summer Flower
วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:1:21:34 น.
ปีนี้ตั้งใจว่าจะไปแค่วันเดียวพอค่ะ.แต่ก็ได้หนังสือมาเยอะเหมือนกัน..แต่เกือบทั้งหมดจะเป็นหนังสือนิยายที่อ่านแล้วมีความสุขอ่ะค่ะ เพราะตอนนี้ไม่ค่อยอยากได้สาระเข้าตัวเท่าไร ^^"
ส่วนที่ไปงานหนังสือหรอคะ..ได้ซื้อหนังสือลดราคามันก็ส่วนนึง แล้วก็มีหนังสือให้เลือกเยอะไงคะ..จะได้ไม่ต้องไปเดินตามหาทีละร้าน..
โดย:
narusaru
วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:1:50:34 น.
จอม หนังสือการ์ตูนเรื่อง เซเว่น น่าอ่านดีนะ เดี่ยวจะไปหามาอ่านบ้าง ส่วนหนังสือที่เราขอแนะนำให้อ่านก็ เรื่อง "คำพิพากษา" ของ- ชาติ กอบจิตติ ยุคอาจเก่าแล้วบ้างแต่เนื้อหาไม่เก่าเลย เนื้อเรื่องตีแผ่กระชากหน้ากากสังคมได้ดีมากเลย
ส่วนสถิติข้อมูลที่ว่าคนไทยอ่าน8-10บรรทัดต่อปีจะมาจากไหน อันนี้ข้อมูลเราไม่แน่นพอ ตามที่คิดก็น่าจะหมายถึงโดยเฉลี่ย จากทั้งหมด พอกลุ่มคนที่อ่านมาเห็นสถิตินี้ก็คงเกิดอาการเหมือนกัน เราก็ด้วย จะคิดว่า "ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"
ที่จริงมันก็แค่ค่าเฉลี่ย คนอ่านจริงๆและอ่านบ่อยๆก็มีเยอะแยะ แค่คนที่ไม่อ่านหนังสือรวมแล้วเยอะกว่า ผลสรุปก็เลยออกมาแย่
ก็เปรียบเหมือนคนรวยมีไม่กี่ตระกูล แต่คนจนนี่ล้นประเทศ แต่พอหาค่าเฉลี่ยรายได้มวลรวม ภาพกลับออกมาดูดี ทั้งที่ความจริงรวยกันไม่กี่ตระกูล ภายในเน่าเฟะ
แต่เรื่องค่าเฉลี่ยคนอ่านหนังสือ ภาพที่สรุปอาจออกมาแย่ น่าใจหาย แต่ความจริงอาจไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น ไม่งั้นธุกิจหนังสือจะเติบโตเอาๆและมีหนังสือดีๆให้พวกเรา หนอนหนังสือได้เสพย์กันอย่างนั้นเหรอ
ปล.ออฟก็คิดเห็นอย่างนี้นะจอม ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันเนอะๆ
ปล.2 เป็นเรื่องที่ดีมากนะจอมที่นำประเด็นต่างๆมาขบคิดกัน
โดย: redtear IP: 202.28.12.48 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:2:26:09 น.
ตอบข้อ 1.พี่ก็ไปงานหนังสือมาแล้ว เมื่อเย็นวันที่ 2 เมษายน เพื่อนโทรมาชวนแบบปุบปับแต่ก็ไปนะ คนไม่เยอะดีเพราะว่าไม่ใช่วันหยุดและเป็นช่วงเย็นๆแล้ว
หนังสือที่ได้มามีสองเล่มจ้ะ คือ "แก่นพุทธศาสน์"กับ "คู่มือมนุษย์" ของท่านพุทธทาส ซื้อจากบูธของ ธรรมสภา
หนังสือเล่มไหนดี พี่ว่าอยู่ที่รสนิยมคนอ่านนะ ถ้าพี่บอกว่าหนังสือธรรมะดี แต่จอมไม่ชอบไม่ถูกกับจริตพี่ว่าจอมก็ไม่สามารถบอกว่าดีได้ แต่ถ้าจอมอ่านแล้วถูกใจ ถูกจริตพี่ว่าจอมก็จะยอมรับด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นอ่านไปเหอะ หนังสือมีประโยชน์ในตัวมันเองทุกเล่ม ว่าแต่ หามุมนั้นให้เจอละกัน (เพราะบางเล่มซุกซ่อนไว้ลึกลับมาก)
2.คำตอบเรื่องคนไทยอ่านหนังสือน้อย พี่อยากให้จอมคิดถึงประชากรกว่า 60 ล้านคนในบ้านเมืองเรา จอมอาจเคยชินกับการเห็นคนไปงานหนังสือ เห็นเด็กๆในเมืองกับครอบครัวมาลากกระเป๋าใส่หนังสือกลับบ้าน
แต่ถ้าจอมไปต่างจังหวัด ไปออกค่าย จอมจะเห็นเด็กๆที่ไม่มีแม้แต่หนังสือเรียนจะอ่าน แล้วจอมจะเข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด
เหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากความไม่เท่าเทียมกันในสังคม คนที่จะอ่านหนังสือที่หลากหลาย เลือกได้ มักเป็นคนในสังคมเมือง หรือใกล้เมือง เดินทางสะดวก เด็กชาวเขาชาวดอย หรือเด็กต่างจังหวัดก็คงอยากอ่านการ์ตูนภาพสวยๆ หนังสือวรรณกรรมเด็ก หากเขามีโอกาส
รวมไปถึงคนสูงอายุ ในบ้านเราที่ตอนนั้นการศึกษายังมาไม่ถึง ยังไม่ขยายและเปิดโอกาสมากเพียงนี้ ส่วนน้อยที่จะติดการอ่านหนังสือ เพราะต้องดิ้นรนกับการทำมาหากิน
3.ทำไมถึงไปซื้อหนังสือที่งานหนังสือ เพราะนอกจากหนังสือจะนำมาลดแล้ว มันเป็นการรวมตัวของหนังสืออย่างมีนัดหมาย เหมือนงานเลี้ยงรุ่นอะ เราได้เจอหนังสือที่อยากเจอ และไม่ตั้งใจเจอ
หากเราเดินเข้าร้านหนังสือร้านนึง จอมก็รู้ได้เลยว่าจะหาหนังสือได้ไม่ครบและหลากหลายเท่าในงานหนังสือ การไปงานหนังสือทำให้ทราบว่ามีบริษัทผลิตหนังสือเยอะมาก คนไปเดินงานหนังสือก็เยอะมาก
พี่ว่านอกจากไปดูหนังสือลดราคา ซื้อหนังสือทีเราชอบอยากอ่านติดไม้ติดมือแล้ว ไปสังเกตคนในงานก็ได้ว่า ปีนี้เขาอ่านอะไรกัน คนอ่านอะไรมาก แนวโน้มของสังคมก็ค่อนข้างไปทางนั้นก็สูง(เพราะกลุ่มผู้มีบทบาทในการบริหารและดูประเทศอยู่ในส่วนกลาง)
ตอบครบทุกคำถามแล้วมั้งแต่ยาวและเป็นความคิดส่วนตัวสักนิดนะ อาจไม่ถูกต้องทั้งหมดหรอก แต่มาแสดงความคิดเห็นด้วยคนจ้า
โดย: พี่จิตร IP: 124.120.167.249 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:10:12:47 น.
สวัสดีค่ะแวะมาทักทายจากหัวข้อเอนทรี
ไปมาแล้วเหมือนกัน ตอนสิ้นเดือน วันอาทิตย์สะด้วยคนเยอะมาก
ทุกครั้งที่ไปงานหนังสือ กลับมาคิดทุกทีว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละ8บรรทัดจริงหรอ เหอเหอ
ดูจากหนังสือที่ได้ แสดงว่าต้องข้องเกี่ยวกับหนังแน่เลย
เราก็ซื้อเล่มของพี่เต๋อมาด้วย "ที่โรงภาพยนตร์ไกลบ้านคุณ"
ชอบอ่านงานของวินทร์ เลียววาริณด้วยหรอค่ะ ดีจัง :)
สำหรับของ abook เราได้ ควันใต้หมวก ของพี่ตั้ม-วิศุทธิ์มา
ได้เล่มใหม่ของนิ้วกลมมาด้วย นั่งรถไฟไปตู้เย็น
หมัดเล่ม2ด้วย อีกเล่มคือ ไปหาใครบางคน...
ยินดีที่ได้อ่านเอนทรีนี้ของคุณค่ะ
โดย:
pangz
วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:10:54:46 น.
ไปกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน วันนึ่ง
อีกวันชวนหลานๆ ไปอีก โห..ได้มาเยอะแหละเจ้าใคร่หื้อหลานๆ รักการอ่านเจ้า
ยินดีเจ้า
อ้อ..ไปงานหนังสือมันเหมือนเป็นแหล่งรวมเจ้า ได้เลือกเยอะดูนักดีเจ้า
โดย:
ออริกาโน
วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:13:56:12 น.
ดร.กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ เปิดประเด็นปัญหาการอ่านของไทยถึงกรณีที่มีข่าว “คนไทยอ่านหนังสือวันละ 8 บรรทัด” ว่า จากการสำรวจและทำวิจัยพบข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องเพราะผลวิจัยปรากฏว่า ในความเป็นจริงแล้วเด็กไทยอ่านหนังสือกันวันละประมาณ 200 บรรทัด จากนั้นเมื่อกระทรวงฯ ได้รณรงค์อย่างต่อเนื่องทั้งในปีพ 2547 – 2548 ก็ปรากฏว่าค่าเฉลี่ยการอ่านของเด็กไทยก็เพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 213-270 บรรทัดต่อวัน
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์พบปัญหาการอ่านของเด็กไทยแบ่งเป็น 3 ประเด็นด้วยกันคือ 1.ไม่มีหนังสือให้อ่าน 2.ขาดห้องสมุดการเรียนรู้ และ3.มีเรื่องอื่นที่เด็กสนใจมากกว่าการอ่านหนังสือ
“เหตุที่เด็กในเมืองใหญ่ที่เข้าถึงหนังสือง่ายกว่าเด็กในชนบท ก็อาจเป็นเพราะหนังสือที่มีอยู่ไม่ตรงใจและไม่ดึงดูดใจให้อ่าน ส่วนเด็กในชนบทห่างไกลที่ไม่อ่านก็เพราะหนังสือที่เป็นหนังสือบริจาคในทุกวันนี้ ก็เป็นเพียงหนังสือที่เราบริจาคส่งๆ กันไปเพื่อให้พ้นจากบ้านเรา ไม่มีการคัดสรรหนังสือเพื่อเด็กด้อยโอกาสให้มากเท่าที่ควร”
“ยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ เช่นในสิงคโปร์นั้น มีห้องสมุดที่มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองการค้นคว้าอยู่มากมาย กระทั่งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ ในส่วนของชั้นหนังสือพิมพ์ มีมากถึง 200 – 300 ฉบับ จาก 20 ประเทศ ซึ่งการมีจุดค้นคว้าเช่นนี้ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่มาชอปปิง ก็มักจะแวะมาใช้บริการชนิดต้องต่อคิวเข้าห้องสมุดกันเลยทีเดียว ซึ่งห้องสมุดที่มีความพร้อมเช่นนี้ก็มีบ้างแล้วในไทย แต่หากจะให้ดีกว่านี้ก็ต้องเพิ่มจำนวนและขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ในต่างจังหวัดด้วย”
ดร.กมลฝากแง่คิดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า ทุกวันนี้ เด็กและเยาวชนไทยมีสิ่งล่อใจมากกว่าการอ่านหนังสือ เช่น เกมคอมพิวเตอร์ มีผลวิจัยจาก Child Watch ชี้ว่าเด็กไทยใช้เวลาอ่านหนังสือ 2.30 ชั่วโมงต่อวัน แต่ใช้เวลาเล่นคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตประมาณ 4.30 ชั่วโมง หรือเกือบหนึ่งเท่าตัวของการอ่านหนังสือ ทำให้หนังสือในทุกวันนี้ ต้องแข่งขันกับสิ่งล่อใจยุคใหม่ๆ มากขึ้น
“ผมคิดว่าการทำหนังสือให้น่าอ่านนั้น มีหลักอยู่ 4 ข้อคือ ข้อมูลครบถ้วน-สร้างจินตนาการ-สื่อสารตรงใจ-ใช้ภาษางดงาม เพียงเท่านี้ผมก็คิดว่าหนังสือที่ทำได้ครบทั้งหมด ก็จะสามารถจูงใจเด็กให้อ่านได้” ดร.กมลสรุป
//www.aksorn.com/news/news_detail.php?content_id=6274&Type_id=11
โดย: Lazy Genius IP: 58.9.15.145 วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:11:03:24 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ปากกาไฮไลท์สีแดง
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
ราม-ไทย-จีน
Webmaster - Bloggang
[Add ปากกาไฮไลท์สีแดง's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ค่า 8 บรรทัด 10 บรรทัด มันก็เป็นค่าเฉลี่ยๆนะ งานนั่น มากขนาดไหนก็ไม่เกิน 20000 คนต่อวัน เทียบกับคนทั้งประเทศแล้ว มันวัดอะไรไม่ได้หรอกครับ
แต่ก็ช่างเหอะ มีความสุขกับการอ่านก็พอละล่ะ เนอะ