|
มาอัพเดทอีกแล้ว
ได้รับปากเพื่อนไปว่า จะไปสัมภาษณ์วงดนตรีวงหนึ่งมาทำคอลัมน์ให้ แต่ว่าก็มีปัญหาอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถที่จะไปช่วยทำเต็มตัวได้ แบบลงไปทำคอลัมน์นี้เต็มๆ (และด้วยปัญหานี้แหละ ทำให้รู้สึกไม่อยากทำเลยว่ะ) แต่รับปากเพื่อนไปแล้วนี่หว่า ก็ต้องทำ ก็เลยตกลงกับเพื่อนว่า เราจะไปสัมภาษณ์มาให้ แล้วให้เพื่อนเอาไปเขียน เพราะว่าเราคงทำเต็มตัวต่อไปไม่ได้แล้ว เพื่อนก็บอกว่าได้ (ขอบใจมากเพื่อน) แต่เหตุผลบางเหตุผลก็เล่าไม่ได้ แต่มันก็เข้าใจเรานะ เราแค่บอกว่า เหตุผลนั้นเล่าไม่ได้
มาถึงวันไปสัมภาษณ์บ้าง นั่งเตรียมสคริปครึ่งวัน เพื่อให้ได้สคริปที่ดีที่สุดออกมา และแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง เราไปถึงแถวสามย่าน (ที่จะนัดสัมภาษณ์) ก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่พอไปถึงก็ได้ยินข่าวดีว่า เปลี่ยนที่ถ่ายเอ็มวี ไปที่อาร์ซีเอ (ขอบคุณมากค่ะ) แต่ด้วยสปิริตอันแรงกล้า ก็เลยไปๆ ติดรถนักร้องนำแหละไป (เหมือนจะลำบากนะเนี่ย)
แล้วเราก็ตามเค้าไปที่อาร์ซีเอ เราก็สัมภาษณ์ก่อนถ่ายเอ็มวี และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เครื่องอัดค้าง และต้องรีเซตเครื่อง และแล้ว ข้อมูลที่อัดมาทุกอย่างก็มลายหายไป (ตายแล้วช้านน) ดีนะเนี่ยที่พี่เค้าเป็นกันเองสุดๆ ชิวๆ หลังจากนั่งรอเวลาสักพัก เราก็ได้สัมภาษณ์ไประหว่างที่เขาถ่ายเอ็มวี ผลัดกันออกมาสัมภาษณ์ เป็นอะไรที่ตอบคำถามดีมากๆๆๆๆ นั่งสัมภาษณ์นานมาก ด้วยรอเวลา รอถ่ายรูป รออะไรหลายๆอย่าง ชิวๆ หันมาดูนาฬิกาอีกทีก็เที่ยงคืนแล้ว โอ้วแม่เจ้า ได้เวลากลับบ้านแล้ว
วันนั้นเป็นวันแรกที่เข้าใจคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ของคุณ วงศ์ทนง ว่าที่ชอบทำนิตยสาร เพราะเหมือนเป็นการได้แลกเปลี่ยนความคิด ได้เห็นความคิดของคนอื่น(มันประมาณนี้อ่ะ จำไม่ค่อยได้ แต่ได้แลกเปลี่ยนความคิด) เพิ่งเข้าใจจริงๆว่าทำไมงานนิตยสารถึงได้สนุก ขนาดนี้
อยากจะเอาคำสัมภาษณ์มาแปะไว้ในบล็อก แต่อาจจะแรงเกินไป เลยคิดว่าไม่ดีกว่า
พอถ่ายเสร็จก็คุยเรื่องเรียนกับเพื่อนคนนึง คุยๆกันไป ก็คุยประมาณว่าเรากำลังมีปัญหากับเพื่อน แต่เราไม่พูด (เพราะเราเป็นคนเก็บ อยู่แล้ว) มันพูดขึ้นมาว่า สาเหตุของการที่คนผิดใจกัน ก็คือ การไม่พูดนี่แหละ มันเพิ่งทะเลาะกับเพื่อนมาเหมือนกัน เนื่องจากการเข้าใจอะไรผิดกันสักอย่างใน ไฮ 5 ก็โกรธกันอยู่อย่างนั้น จนต้องโทรมาเคลียกัน พอเคลียกันจบ สรุปว่า เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน คือถ้าไม่เคลียมันก็จะไม่จบ คือถ้ามันเข้าใจก็จบ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็คงต้องปล่อยมันไปแล้วแหละ (เหมือนที่พี่จิตรบอก) ยี้ เพื่อนสนิทที่ลากมันไปด้วยก็เห็นด้วย
ตรงนี้เรื่องการพูดกัน แค่อยากบอกใครบางคน อยากให้ลองพูดคุยกันก่อนให้ดีๆ อย่าเพิ่งกลัวคำตอบ ถ้ามันไม่มีอะไรดีขึ้น แต่อย่างน้อยได้เข้าใจกันมากขึ้นไม่ดีกว่าเหรอ คือก็เป็นห่วงแหละนะ (ลืมขอบคุณเพื่อนไป ขอบใจแกมากนะยี้ที่ไปเป็นเพื่อน อยู่ด้วยกันจนดึกดื่น ชั้นกลัวแม่แกเป็นห่วงมากว่ะ แต่ก็ห่วงแกด้วยนะ ว่าจะไปฉุดใครเขารึเปล่า อ่ะล้อเล่น แต่ยังไงก็ขอบใจนะเว่ย ที่ไปเป็นเพื่อน)
แม่ยี้ : ไปทำงานที่ไหนทำไมมันดึกดื่นขนาดนี้ ยี้ : ก็เพราะมันดึกไงแม่ มันถึงได้ลากยี้มาเป็นเพื่อนมัน แม่ยี้ : เออ ก็จริง (เราก็เลยมีเพื่อนนั่งอยู่ด้วยจนดึกดื่น ขอบคุณค่ะแม่) เรา : ขอบใจว่ะเพื่อน (คิดในใจ แต่ถ้าอ่านก็รู้ไว้ด้วยว่าซึ้งว่ะ) ชั้นรักแกว่ะ (ไม่ใช่เพื่อน กรูรักเมิงว่ะ นะเว่ย)
มาต่อเรื่องเพื่อนดีก่า เราก็อยากเคลียกับเพื่อนนะ แต่มันยังไม่ได้เวลา เพราะถ้าอยู่ดีๆให้พูดเรื่องนั้นขึ้นมา ก็คงไม่ดี แต่ถ้ามันยังเกิดเหตุการณ์เดิมๆซ้ำอีก หรือทนไม่ไหว ก็คงต้องพูดแล้วแหละ ทนมามากพอแล้ว
ที่เราพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากบอกใครบางคนมากกว่า ว่าบางทีการที่เราหนีอะไรบางอย่าง โดยการไม่พูด มันอาจทำให้อะไรแย่กว่าเดิมก็ได้ ทำไมไม่คุยกันไปสักทีล่ะ ว่าทำไม จะเอายังไงกันแน่ ทุกอย่างมันจะได้จบ ไม่ต้องมานั่งทนทุกข์อย่างนี้ เรื่องบางเรื่องมันอาจไม่มีอะไรมาก มันอาจเป็นเพราะการเข้าใจผิดกัน หรือเป็นแค่การที่เราคิดไปเองว่ามันเป็นอย่างนั้นก็ได้ ทำไมไม่คุยกันไปตรงๆเลย อยากแนะนำคนคนนั้นอีกอย่าง ก็คือ ให้รีบไปดูรักแห่งสยามซะ อาจจะได้อะไรกลับมา อยากจะบอกว่ามันเป็นหนังรักที่ครบทุกรส มากๆ ถ้าดูอาจจะได้คำตอบที่กำลังหาอยู่ แต่ก่อนที่จะตอบอยากให้คิดให้ดีๆก่อน
เพื่อนเราคนนึง มันทำตัวแปลกไป เหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่าง เป็นมานานหลายวันมาก เราเห็นก็อึดอัดแทน เรียนๆอยู่ก็เดินออกไปนอกห้อง แล้วก็หายไปเลย เป็นอย่างนี้เกือบอาทิตย์ ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอมบอก
จนวันนี้
มัน : เราเลิกกับแฟนแล้วนะ ดูรักแห่งสยามจบก็บอกเลิกแฟนเลย เรา : ทำไมล่ะ? มัน : เราแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ แล้วเราก็รู้สึกสบายใจมากเลยตอนนี้ สบายใจมากกว่าตอนที่คบกัน เรา : แล้วแฟนเธอไม่เสียใจเหรอ มัน : ก็มากอยู่ เรา :
. (หลังจากสนทนากันต่อ เราแค่รู้สึกว่า มันคนเดิมกลับมาแล้ว) (แต่ บอกเลิกแฟนหลังดูหนังจบ มันดีแล้วเหรอว่ะเนี่ย ถ้าชั้นเป็นแฟนแก ชั้นคงจะเกลียดแกมากเลยว่ะ ตก ลงจะให้กำลังใจเพื่อนมั้ยเนี่ยยยย)
เราว่าอาจจะเป็นเพราะว่า มันได้คิดอะไรสักอย่างเมื่อดูหนังเรื่องนี้จบ มันอาจเป็นคำตอบให้ใครหลายคน ที่กำลังหาคำตอบให้กับเรื่องความรัก (แต่นี่มันแค่สำหรับเรานะ จริงๆคืออยากบอกคนคนนั้น เผื่อว่าจะได้อะไรกลับมา) เราคิดว่าเค้าคนนั้นคงรู้เองว่าเป็นใครนะ (ถ้าไม่เข้าใจผิดกัน)
Create Date : 04 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 4 ธันวาคม 2550 21:09:05 น. |
|
4 comments
|
Counter : 471 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นักเดินทางใต้แสงดาว IP: 124.120.172.69 วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:15:35:54 น. |
|
|
|
โดย: ปากกาฯ IP: 125.24.86.115 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:1:53:23 น. |
|
|
|
โดย: นักเดินทางใต้แสงดาว IP: 124.120.172.69 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:9:57:31 น. |
|
|
|
โดย: ปากกาฯ IP: 125.24.71.227 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:18:32:16 น. |
|
|
|
| |
|
|
ไม่เก็ทนะว่าบอกใคร
แต่ดีใจที่อย่างน้อยก็เจอเพื่อนดีๆแล้ว
ตั้งหนึ่งคน
ยินดีด้วยน้อง