|
แหวนแหวน ช๊อค!!! หมอตรวจเจอก้อนเนื้อที่อกซ้าย เจ้าตัวหวั่นเป็น "มะเร็ง"
ที่มา : //www.dek-d.com/content/view.php?id=5278
เป็นข่าวที่ฟังแล้วน่าตกใจมากเลยทีเดียวนะคะ สำหรับ พิธีกรสาว "หนูแหวน"ปวริศา เพ็ญชาติ ที่ถึงกับผงะ เมื่อตรวจพบพบ "ก้อนเนื้อที่อกซ้าย" ทำเอาเจ้าตัวผวาว่าจะเป็นมะมะเร็งหรือไม่ ในเรื่องนี้ หนูแหวน กล่าวอย่างวิตกว่า
"ไม่นานนี้แหวนไปหาหมอ แล้วได้ตรวจเจอก้อนเนื้อที่อกด้านซ้าย ถ้าปล่อยทิ้งไว้อีกประมาณ 1 ปี หมอบอกเนื้อนี้มันจะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง ตอนที่ตรวจเจอตกใจมาก เพราะอายุเราแค่ 23 ปีเอง ปกติจะเกิดกับคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป และแหวนก็ค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องการกิน ที่บ้านก็ไม่มีใครมีประวัติเป็นโรคนี้ แต่หมอคาดว่าอาจเกิดจากระดับฮอร์โมนของแหวนสูงกว่าคนอื่น ทำให้เหมือนไปเร่งให้เกิดสารก่อมะเร็ง หลังหมอตรวจเจอก็ผ่าตัดเลยและอีก 6 เดือนต้องไปตรวจซ้ำอีกเพื่อความแน่ใจ กลัวมันลามไปถึงมดลูก กลัวจะมีลูกไม่ได้ หมอบอกว่าดีว่าตรวจเจอก่อน ถ้ายังไม่ตรวจอีกไม่นานมันจะเข้าไปในน้ำเหลือง ซึ่งมันจะลามไปทั่วร่างกายค่ะ"
อย่างนี้สาวๆ คงต้องระวังไว้แล้วล่ะค่ะ หมั่นตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองด้วยนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้ มะเร็ง ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้วล่ะค่ะ
...พี่มะเหมี่ยว...
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2550
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 8:38:29 น. |
Counter : 4045 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ลุงประจัญกับมะเร็งลำไส้ใหญ่
ที่มา : D:My Documents5.My Blogลุงประจัญ อายุ 83 ปี ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่.mht
ลุงประจัญ อายุ 83 ปี ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว เมื่อผ่านการผ่าตัดพบว่า เป็นเซลล์มะเร็งชนิด moderate differentiated adenocarcinoma ตีความภาษาชาวบ้านให้เข้าใจกันก็คือ เป็นเซลล์มะเร็งที่ร้ายแรงปานกลาง
ในการจำแนกอำนาจการรุกรานของมะเร็ง พอจะจำแนกเป็น 3 ระดับ กล่าวคือถ้าเปรียบเซลล์มะเร็งเหมือนนักก่ออาชญากรรม เซลล์มะเร็งชนิด poorly differentiate ก็เหมือนผู้ร้ายฆ่าคน ชนิด moderate differentiate ก็ผู้ร้ายจี้ปล้น ชนิด well differentiate ก็เหมือนผู้ร้ายขโมยของ
อย่างไรก็ดี การแพทย์ก็ยังจำแนกสถานการณ์การรุกรานของมะเร็ง แบ่งเป็น4 ระยะคือ
ระยะที่ 1 อยู่ในชั้นเยื่อเมือก ระยะที่ 2 รุกรานจากชั้นเยื่อเมือกแต่ยังไม่พ้นไปจากลำไส้ ไม่ไปยังต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 3 ผ่านลำไส้ไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ใกล้เคียง และระยะที่ 4 แพร่กระจายไปที่ไกลออกไป
ลุงประจัญพบว่ามะเร็งไปต่อมน้ำเหลืองบางส่วนในช่องท้อง ส่วนที่เยื่อหุ้มปอดดูคล้ายจะมีจุดบางจุดอยู่ขนาดเล็กมาก ซึ่งไม่ชัดเจนนักแปลว่าลุงประจัญอยู่ในระยะรุกรานที่ก้ำกึ่งระหว่างระยะที่ 3-4
ด้วยสถานการณ์เช่นนั้น ลุงประจัญจึงได้รับเคมีบำบัด จุดมุ่งหมายคือช่วยระงับยับยั้งไม่ใช่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายเร็ว หวังเพื่อยืดอายุเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งก็กะกันว่าไม่เกิน 5 ปี ด้วยอายุ 78 ปี ลูกชายเลือกธรรมชาติบำบัดให้ใช้กับคุณพ่อตลอดระยะเวลาที่ทำเคมีบำบัด และดูแลต่อเนื่องตลอดในอีกหลายๆ ปี
เป็นที่น่ายินดีว่า ลุงประจัญร่วมมือกับวิธีการธรรมชาติบำบัดได้ค่อนข้างดี ลุงมีพนักงานผู้ช่วยที่ดูแลผู้ป่วยซึ่งเอาใจใส่คุณลุงดีมาก เธอดูแลอาหารให้ลุงกินข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้ เธอทำกับข้าวเก่งจึงช่วยให้ลุงกินอาหารต้านมะเร็งที่งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งปลา ไข่ ซุปไก่ รังนก และนม ได้อย่างสม่ำเสมอ
แรกๆ เธอมักจะถามผมว่า "คุณหมอคะ ไม่ให้กินเนื้อสัตว์เลยแล้วจะมีแรงหรือคะ" ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้ป่วยมะเร็งและญาติๆมักจะสงสัย
ผมมักยกตัวอย่างให้ฟังว่า "เคยท่องสุขศึกษามาหรือเปล่า ตั้งแต่ชั้น ป.4 เราจะท่องไว้ว่า โปรตีนสร้างเนื้อหนัง คาร์โบไฮเดรตให้พลังงาน ไขมันให้ความอบอุ่น
ดังนั้นถ้าเราต้องการเรี่ยวแรงก็ต้องกินคาร์โบไฮเดรต ไม่ใช่กินเนื้อสัตว์แล้วทำให้มีแรง จับกังโรงสีสมัยก่อนแบกกระสอบข้าวสารไม่มีเงินซื้อหมูไก่มากิน กินแต่ข้าวกล้องราดซีอิ๊วน้ำปลาทำไมมีแรงเยอะ นั่นเพราะได้คาร์โบไฮเดรตเพียงพอกินข้าวกล้องให้เพียงพอนั่นเอง ส่วนโปรตีนน่ะสร้างเนื้อหนัง ถ้ากินโปรตีนมากเนื่องจากคนเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงไม่ได้ต้องการสร้างเนื้อหนังมากมาย ขืนกินเข้าไปเยอะๆก็ถูกเซลล์มะเร็งเอาไปใช้ นะซิ การให้คุณลุงกินข้าวกล้องโรยข้าวโพด ต้องรู้ว่าข้าวกล้องมีโปรตีนด้วย ในปริมาณ 7.8 กรัมต่อ 1 ทัพพี ถ้ากินข้าวได้วันละ 5 ทัพพีก็จะได้โปรตีน 39 กรัม ซึ่งเพียงพอสำหรับสร้างเสริมเซลล์ปกติ แม้แต่การสร้างเม็ดเลือดขาวและโปรตีนภูมิต้านทาน แต่จะไม่ฟุ่มเฟือยแบบที่เซลล์มะเร็งจะเอาไปใช้ได้"
อย่างไรก็ดี ระหว่างให้เคมีบำบัดผู้ป่วยอาจแพ้เคมีทำให้เบื่ออาหาร ธรรมชาติบำบัดก็จะให้ตวงปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมด้วย กล่าวคือ
โปรตีน 7-8 กรัม อยู่ในข้าวกล้อง 1 ทัพพี = นมถั่วเหลือง 1 แก้ว = เต้าหู้ค่อนแผ่น = ไข่ขาว 1 ฟอง
หากกินข้าวไม่ถึง 5 ทัพพีก็ให้กินเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง หรือไข่ขาวให้เท่ากับส่วนที่ขาดไป การเสริมเติมโปรตีนในอาหารให้พอเหมาะจึงนอกจากยับยั้งการเติบโตของมะเร็งแล้ว ยังคงระดับภูมิต้านทานในร่างกายให้มีพละกำลังในการสู้ศึกมะเร็งอีกด้วย
การแก้พิษของเคมีบำบัด ยังอาศัยวิธีดื่มน้ำปั่นผักผลไม้มากๆ การสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟที่ถูกวิธีโดยจะต้องรอเวลาหลังผ่าตัดเกินกว่า 1 เดือนครึ่งไปแล้ว รวมถึงการให้วิตามินระดับสูง ช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่เกิดจากกระบวนการสลายตัวของเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมี สิ่งเหล่านี้ทำให้ลุงประจัญสดชื่นอยู่เสมอ ระดับสารบ่งชี้มะเร็งของคุณลุง CA19-9 ลดลงจาก 200 กว่าเหลือในระดับ 40 เศษๆ (ค่าปกติไม่เกิน 37) แปลว่ามะเร็งไม่รุนแรงแล้ว แต่ยังไม่สงบเสียทีเดียว
กาลเวลาผ่านไป 3 ปี ลุงประจัญเริ่มกินปลาและกินในปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อติดตามผลก็ปรากฏว่าจุดในปอดเริ่มขยายตัว และค่า CA19-9 เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุฉะนี้แพทย์ทางโรงพยาบาลจึงให้ยาเคมีบำบัดชนิดกิน ส่วนทางธรรมชาติบำบัดมาเน้นความสำคัญเรื่องการควบคุมอาหารให้เข้มงวดอีก ด้วยความเข้าใจของคุณลุง "ก็ผมไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่ปลาเท่านั้นเอง" ลุงทำเสียอ่อยๆ
"ก็ปลาเป็นสัตว์หรือเปล่าล่ะ" ผมพยายามทำความเข้าใจ "แท้ที่จริงการคุมอาหารของธรรมชาติบำบัดไม่ใช่เรื่องความเชื่อหรือศรัทธา แต่เป็นเรื่องการตวงปริมาณโปรตีนให้พอดี พอลุงกินปลาแล้วอร่อยก็กินเพลิน ปริมาณโปรตีนที่ล้นเข้าไปมะเร็งก็ชอบใจ"
คุณลุงรับวิตามินระดับสูงด้วยโดยให้ทางน้ำเกลือทุก 3 วัน ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่า สามารถช่วยลดผลข้างเคียงของเคมีและเพิ่มภูมิต้านทานได้อย่างสำคัญ ระดับ CA19-9 ลดลงมาที่เกณฑ์ประมาณ 60 และประคองได้ในระดับนั้นมาอีก 2 ปี จุดในปอดยังคงเดิมไม่แพร่กระจาย
เมื่อมาถึงปีที่ 5 ซึ่งเราถือว่าเป็นชัยชนะเกินเป้าในการรักษาคุณลุงประจัญแล้ว เราเริ่มพบว่าระดับ CA19-9 ไต่ขึ้นมาที่ 137 ขณะนี้คุณลุงอายุถึง 83 ปีแล้ว หมอทางโรงพยาบาลจึงไม่คิดว่าจะให้อะไรกับคุณลุงอีก ส่วนทางธรรมชาติบำบัดยังมีวิธีจัดการอีกไม่น้อย
เรามาได้รู้จักกับสารธรรมชาติตัวหนึ่ง ชื่อว่า อะราบิน็อกซัยเลน เฮมีเซลลูโลส (arabinoxylan hemicellulose) สารชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในสาร xylose ในธรรมชาติดั้งเดิมมีอยู่ในข้าวอยู่แล้ว เป็นสารเส้นใยอย่างหนึ่ง แต่โดยสภาพตามธรรมชาติ xylose เมื่อกินเข้าไปมันไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ จึงทำหน้าที่เป็นเพียงสารเส้นใย ช่วยให้การขับถ่ายดี ในเชิงของมะเร็งแล้วก็เพียงทำหน้าที่ป้องกัน เหมือนอย่างที่พบว่าคนกินข้าวกล้องกินเส้นใยเยอะมะเร็งไม่ค่อยถามหา
มาบัดนี้การวิจัยของประเทศญี่ปุ่นได้ความคิดว่า ถ้าเอาเอนไซม์จากเห็ดชิอิตาเกะมาตัดโครงสร้างโมเลกุลให้ออกมาเป็นอะราบิน็อกซัยเลน เฮมิเซลลูโลสก็จะสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ เมื่อเข้าไปแล้วพบว่าสารนี้ไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกกันว่า NK cell (natural killer cell) ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ปกติ NK cell ทำหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งหรือเชื้อโรค โดยสามารถกำจัดเซลล์แปลกปลอมเหล่านี้ได้อย่างไม่เฉพาะเจาะจง พูดง่ายๆ เหมือนหน่วย S.W.A.T. ที่สามารถปฏิบัติการโดยไม่จำกัดพื้นที่ NK cell เมื่อไปพบเซลล์เป้าหมายจะจัดการยิงกระสุนเข้าใส่ กระสุนเหล่านี้บรรจุอยู่ในถุงเล็กๆ (granule) ที่มีอยู่ในตัวมัน
ดังนั้นถ้าหน่วยสวาทของเรามีกระสุนเต็มพิกัดย่อมกำจัดมะเร็งและเชื้อโรคได้เต็มประสิทธิภาพ นักวิจัยที่ญี่ปุ่นพบว่าสารอะราบิน็อกซัยเลนไปช่วยเพิ่มgranule ใน NK cell มันก็ยิงกระสุนกำจัดมะเร็งและไวรัสได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 300-500%
ที่สหรัฐฯ ศ.แมมโดห์ โกห์เมียม ทดลองในผู้ป่วยมะเร็ง 25 รายเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเม็ดเลือดขาว Multiple myeloma ฯลฯ พบว่าสารนี้ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานได้ชัดเจน อีกบางวิจัยใช้กับมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ได้ผล
เมื่อลุงประจัญลองใช้สารตัวนี้บ้าง ด้วยเวลา 1 เดือนร่วมกับการควบคุมอาหารตามแนวธรรมชาติบำบัดจริงจัง ระดับ CA19-9 ก็เริ่มลดลงจากเหลือที่ระดับ 100 และสภาวะร่างกายดีขึ้น นี่แสดงถึงแนวโน้มการรักษามะเร็งของทั่วโลกว่า ยุทธศาสตร์การกำจัดมะเร็งกำลังหันมาทำสงครามภูมิต้านทานกันแล้วอย่างจริงจัง และได้ผล
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 8:37:49 น. |
Counter : 603 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หญ้าปักกิ่งรักษามะเร็งตับ
ผู้ป่วย : คุณกิจจา ตันตนรัตน์ (อายุ 34 ปี จ.เชียงราย) ผู้ให้ข้อมูล : ผู้ป่วยให้ข้อมูลเอง วันที่สัมภาษณ์ : 17 พฤษภาคม 2536
ปวดท้องใต้ซี่โครงขวา นอนตะแคงไม่ได้ ต้องนอนหงาย จึงไปหาแพทย์ ตรวจพบก้อนเนื้อตรงใต้ซี่โครงขวาเคลื่อนที่ไปมาได้ ไปทำ x-ray ผลเมื่อ 15 เมษายน 2536 หมอได้ตัดชิ้นเนื้อเยื่อไปพิสูจน์อีกครั้ง พบว่าเป็นมะเร็งที่ตับ จากนั้นมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ต้องฉีดยาเข้าเส้นระงับอาการปวด ต่อมาพี่เขยรู้จักคุณณรงค์ จึงแนะนำให้มารักษาด้วยหญ้าปักกิ่ง ทานได้ 10 วัน ก็รู้สึกว่าดีขึ้น ทานอาหารได้ ก่อนทานหญ้าปักกิ่งมีอาการเบื่ออาหาร ตอนนี้ทานได้ประมาณ 1 เดือน รู้สึกสบายขึ้น ไปตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์บอกว่ามะเร็งยังคงมีอยู่แต่ไม่โตขึ้น
เอกสารอ้างอิง : ภ.ญ.สุภาภรณ์ ปิติพร และ สุดใจ พรหมเกิด. หญ้าปักกิ่ง สมุนไพรทางเลือกของผู้ป่วยมะเร็ง, (พิมพ์ครั้งที่ 5) : กรุงเทพมหานคร : ชมรมหญ้าปักกิ่งต้านมะเร็ง, 2545.
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 8:37:19 น. |
Counter : 968 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สู้มะเร็งรักษาโรค ร่างกายแข็งแรง (อรทัย ชัยฐานีชาติ)
ที่มา : //larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002556.htm โดย : อรทัย ชัยฐานีชาติ ( 26 ธันวาคม 2540)
หนึ่งปีผ่านไป สำหรับการผ่าตัดมะเร็งเต้านม เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2539 เป็นวันที่ดิฉันคงลืมได้ยาก เพราะเป็นวันที่ได้ค้นพบหลักการทำสมาธิใช้ระงับความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด ดังที่ดิฉันได้เล่าไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
โรคมะเร็งนั้น คุณหมอที่รักษาได้อธิบายว่าหลังการผ่าตัดแล้ว ยังอาจหลงเหลือเซลล์มะเร็งบางส่วนอยู่ในร่างกาย ต้องคอยระวังดูแลจนกว่าจะหายขาดก็คงใช้เวลาถึงห้าปี นั่นก็แสดงว่าเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่ จะตายไปภายในเวลาดังกล่าว สิ่งที่จะต้องทำในขณะนี้ก็คือ เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง คุณหมออธิบายว่า ความเครียดเป็นตัวทำลายภูมิคุ้มกัน การออกกำลังกายและการทำสมาธิเป็นการเสริมภูมิคุ้มกัน
สำหรับดิฉันแล้ว นอกจากออกกำลังกาย ทำสมาธิ อาหารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นำมาพิจารณา หลังผ่าตัดดิฉันจึงหันมาทานอาหารประเภทผักสด ผลไม้ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ส่วนเนื้อสัตว์นั้นคงทานเนื้อปลาอย่างเดียว การออกกำลังกาย การทำสมาธิ และการพิจารณาอาหาร ทั้งสามอย่างนี้จะปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าไปออกกำลังกาย (สวนหลวง ร.9 ) วิ่งบ้างเดินบ้างประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็บริหารกายด้วยท่าสมาธิจนกระทั่งนั่งสมาธิอีกหนึ่งชั่วโมง รู้สึกว่าชีวิตเรียบง่ายปลอดโปร่งดี
หลังการทำสมาธิ อยู่ที่การกำหนดอิริยาบถของตน ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ นับหนึ่งถึงร้อยถึงพันเวลาเดินหรือวิ่งหรือว่ากำหนดการเคลื่อนไหวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น เท้าซ้าย เท้าขวา ก็เป็นการทำสมาธิทั้งสิ้น จะอะไรก็แล้วแต่ หาที่เกาะไม่ให้จิตฟุ้งซ่านออกนอกตัวนั่นเอง เมื่อจิตไม่ออกนอกตัว ความคิดปรุงแต่งย่อมไม่มี ความสงบระงับจะเกิดขึ้นมาแทน ร่างกายจะเบาสบาย เมื่อจิตสงบย่อมทำกายให้ผ่อนคลาย
ทุกสามเดือน ดิฉันต้องไปตรวจหามะเร็งตามแพทย์สั่ง ก็ปรากฏว่าทุกครั้งที่ไปตรวจ คุณหมอจะบอกว่าปกติมะเร็งจะหายหรือไม่หายดิฉันไม่ได้ใส่ใจ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เจ็บป่วย เพราะตั้งแต่หลังผ่าตัดมาหนึ่งปี เคยเป็นไข้หวัดแค่ครั้งเดียว ซึ่งเทียบกับเมื่อก่อนที่ไม่ได้ปฏิบัติตัวอย่างนี้ จะป่วยแทบทุกเดือนก็ว่าได้ มะเร็งเลยฉวยโอกาสเอาตอนร่างกายอ่อนแอ ไม่ว่ากายหรือจิต เมื่อฝึกดีแล้วย่อมมีความเข้มแข็งอยู่กับโลกปัจจุบันได้อย่างสบาย
Create Date : 21 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 8:36:35 น. |
Counter : 695 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เมื่อแพทย์ชื่อดังระดับโลกเป็นโรคมะเร็ง (นายแพทย์สวี่ ต๋าซือ)
ที่มา : ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วย โรคมะเร็ง ///www.siamca.com/friend/index.php?friend=102
ความไม่หวั่นกลัว ทำให้ผมต้านมะเร็งได้อย่างไม่เครียด
ข้อมูลคนไข้ นายแพทย์สวี่ ต๋าซือ จบจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ไทเป เคยดำรงตำแหน่าง ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมประสาทสมอง ของ ศูนย์การแพทย์ฉางเกิงหลินโขว่ ผอ. ศูนย์วิจัยรักษาประสาทสมองของศูนย์การแพทย์ซุนจงซาน (NCRC) รองผอ. ฝ่ายรักษาโรคของโรงพยาบาลหลินซิน นครไทจง เป็นผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาทสมองที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในและนอกประเทศจีน หลังจากป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ลำไส้ตรงของลำไส้ใหญ่แล้ว เผชิญหน้าอาการโรคอย่างเข้มแข็งรักษาด้วยใจมั่นคง
เมื่อผมทราบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งแล้ว ผมผวาตกใจเหมือนทุกๆ คน ทำไมต้องเป็นผม ต่อมาคิดด้วยความผวากลัวว่า ผมใกล้จะตายแล้ว แต่โรคมะเร็งเกิดขึ้นอย่างไรล่ะ ? ในโลกนี้แทบจะไม่มีคนสามารถตอบคำถามของคุณได้ ทำไมแพทย์จะต้องผ่าตัด รักษาด้วยเคมีหรือรังสีรักษา เพราะพวกเขาไม่ทราบว่าโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ดังนั้นจะต้องตัดออกไปด่วน จะต้องฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตายด้วยสารเคมีที่มีพิษหรือรังสีโดยเร็ว ในที่สุดประสบผลสำเร็จไหม ถ้าหากประสบผลสำเร็จแล้ว ทำไมการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นสาเหตุอันดับแรกในสิบสาเหตุการตาย ที่เขตแคว้นไต้หวันทุก 8 วินาทีก็จะมีคนหนึ่งคนเป็นโรคมะเร็ง แต่ละปีมีหลายหมื่นคนเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง จากนี้เห็นได้ชัดว่า การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันนี้ยังมีข้อบกพร่อง ยังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้คุณอาจคิดว่า งั้นผม (ดิฉัน) มีอยู่ทางเดียวคือตาย ถ้าหากถึงตอนนี้คุณยังคิดต่อว่าฟ้าไม่ยุติธรรมขมวกคิ้วกลุ้มใจ ก็จะต้องตายจริงๆ แล้วตรงกันข้าม ถ้าหากสามารถปล่อยวาง ปฏิบัติตามคำสอนของพระอาจารย์เซิงหยันว่า เผชิญหน้ามัน ยอมรับมัน ปล่อยวางมัน ก็จะสบายใจขึ้นมาก ต่อไปนี้ผมก็มาเล่าประสบการณ์ของผมในฐานะนายแพทย์คนหนึ่ง และเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งคนหนึ่ง คนที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับคุณ
เมื่อผมป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้ว ก็เคยมีประสบการณ์ไม่พอใจผวากลัว จำได้ว่าเมื่อผมได้รับทราบข่าวว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ตรงของลำไส้ใหญ่ระยะที่สามแล้ว สมองเวิ้งว้าง ไม่มีสมาธิ สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากขึ้นมาคือ เขียนพินัยกรรมของผมหลังจากเขียนเสร็จแล้ว ผมก็ตั้งใจไปโรงพยาบาลเพื่อเตรียมรักษา ในระหว่างพักที่โรงพยาบาล ผมไม่ได้นอนถอนหายใจบนเตียง แต่กลับอ่านหนังสือที่เกียวกับโรคมะเร็งอย่างแข็งขัน ผมจึงพบว่ามีสูตรลับรักษามากมาย เช่นเทียนเซียนเย่ น้ำอิเล็กตรอไลซิส กำลังภายในสำนักเหมย การนวดฝ่าเท้า เป็นต้น เมื่อผมยิ่งทราบข่าวสารความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งมากขึ้น ผมยิ่งสบายใจมากขึ้น เพราะผมคิดได้ว่า มันไม่ใช่ต้องตายลูกเดียวเหมือนจะมีทางเลือกไม่น้อยแล้ว
ภูมิคุ้มกันลดลง เป็นสาเหตุทำให้เพื่อนผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียชีวิต แม้ว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาทที่มีประสบการณ์ในการรักษาโรคอย่างอุดมก็ตาม แต่ตราบใดที่ป่วยแล้วก็เป็นคนไข้คนหนึ่ง หลังจากอ่านหนังสือสิบกว่าเล่มแล้ว ผมเริ่มนอนทบทวนประสบการณ์ในการรักษาโรคของผมเมื่อก่อนบนเตียงคนไข้ ผมเข้าใจฉับพลันในที่สุด ที่แท้โรคมะเร็งเป็นเพียงโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งมิอาจทำให้คนเสียชีวิต การที่คนตายจากโรคมะเร็งก็เพราะภูมิคุ้มกันของตนลดลง และการลดลงของภูมิคุ้มกันเกิดมาจากความหวาดกลัว การนอนไม่หลับ สภาวะโภชนาการไม่สมดุลและภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาของคนไข้
เซลล์มะเร็งนั้นเดิมเป็นเซลล์ปกติ การที่เป็นมะเร็งก็เพราะแช่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษจนเปลี่ยนสภาพ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษส่วนใหญ่มาจากอาหารการกิน น้ำและอากาศ ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็งจึงต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษก่อนอื่นใด การที่แพทย์ให้การรักษาทางเคมีหรือการผ่าตัด เป็นเพียงการรักษามะเร็งเท่านั้น แต่มะเร็งจะเกิดขึ้นใหม่หากสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดมะเร็งไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแพทย์แผนปัจจุบันนึกว่าตนให้การรักษาที่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ จึงดูถูกแนวความคิดและสูตรลับบางอย่างโดยเรียกว่าขาดความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งที่เราได้เห็นในการรักษาโรคมะเร็งของแพทย์แผนปัจจุบันคือ มะเร็งหายชั่วคราวและเกิดใหม่อีกในไม่ช้า พวกเขาจึงจ่ายยาพิษชนิดต่างๆ ที่เรียกว่าการรักษาด้วยเคมี ที่แท้แพทย์ทุกคนทราบดีกว่า การรักาาด้วยเคมีทุกคน จะรักษาไปและก้าวสู้ความตายไป อีกทั้งกระบวนการรักษาด้วยเคมีนั้นมิเพียงแต่เป็นทุกข์เท่านั้น หากยังเป็นการทำลายภูมิคุ้มกันของคนไข้ด้วย ส่วนผลการรักษาก็มีขีดจำกัดมาก ยกเว้นโรคมะเร็งบางชนิดซึ่งมีน้อยมาก
ตั้งแต่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจนทุกวันนี้เกือบ 4 ปี แล้ว ในระหว่างนี้ได้รับข่าวสารใหม่ตลอดมา และได้สร้างความมั่นใจให้ผมในการต่อสู้กับโรคมะเร็งด้วย อาจกล่าวได้ว่า การที่ผมตัดสินใจว่าจะไม่ผ่าตัดนั้นทำให้ญาติสนิทมิตรสหายตกตะลึง พวกเขาพยายามพูดโน้มน้าวให้ผมรับการผ่าตัด แต่ผมตัดสินใจแล้ว ซึ่งไม่ใช่ความไร้ความรู้ไร้วัตถุประสงค์ แต่เป็นการตัดสินใจหลังการคิดพิจารณามานาน คนไข้โรคมะเร็งทุกคนถ้าอยากอยู่รอดชีวิตต่อไป ต้องมีความรู้ในตนเองมากพอสมควร จะต้องมีการตัดสินใจที่ดีที่สุดต่อตนเอง
ทะนุถนอมชีวิต ใช้ชีวิตอย่างแข็งขัน ประสบการณ์ในการต่อสู้กับโรคมะเร็งของผมกล่าวได้ว่าสบายมาก ในนี้มีพลังผลักดันสำคัญอย่างหนึ่งคือ ไม่ผวา ก็คือไม่กลัว เมื่อคุณไม่ผวาแล้ว ก็จะไม่รอตายตรงกันข้าม จะบอกตนเองอย่างกระตือรือร้นทุกวันว่า ชีวิตมีค่ามาก ต้องอยู่ให้รอดดีๆ ผมขอเสนอประสบการณ์ที่ประสบเองให้กับเพือ่นคนไข้โรคมะเร็งด้วยกัน ดังนี้
ใช้ชีวิตอย่างปกติ นอนเร็วตื่นเร็วสดชื่นดี ปล่อยวางงานที่มากเกินไป ลดความกดดัน ดื่มน้ำอิเล็กตรอไลซิสคุณภาพดี AQ-1400 รับประทานเรียบง่าย พยายามให้ได้อาหาร สี่ต่ำหนึ่งสูง อาหารที่มีโปรตีนต่ำ ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ โซเดียมต่ำ ใยพืชสูง พยายามรับประทานอาหารธรรมชาติลดการทานอาหารแปรรูป ออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมง ดื่มยาน้ำ เทียนเซียนเย่ ยาจีนสมุนไพรที่มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์
สำหรับยารักษาโรคมะเร็งที่ญาติสนิทมิตรสหาย มากมายแนะนำมา ไม่ว่าจะเป็นยาจีนสูตรชาวฮั่น หรืออาหารเสริมสุขภาพก็ตาม ผมจะตรวจสอบตัวเลขทดลองและวิทยานิพนธ์ตามมาตรฐานทางวิชาการ ถ้าสิ่งที่เรียกว่าอาหารหรือยาช่วยต้านโรคมะเร็งเหล่านี้สามารถผ่านมาตรฐานที่ผมกำหนดเอง ผมยังจะทดลองทานด้วยตนเอง การทำเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ผมค้นพบวิธีรักษาผสมกันที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ตนเองและคนไข้โรคมะเร็งอันไพศาลได้ การต่อสู้กับโรคมะเร็งสำหรับผมไม่เพียงแต่สบายๆ เท่านั้นหากยังได้ผลจริงด้วย
ผมไม่ต่อต้านการรักษาของโรงพยาบาล แต่ต้องพอสมควรหากรับแต่การรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเดียว แต่ไม่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ผมขอรับรองว่าคุณจะประสบความล้มเหลวแน่นอน ตรงกันข้าม หากปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษในการรักษาแล้วร่างกายยิ่งวันยิ่งแข็งแรงขึ้น จนกระทั่งเนื้องงอกยุบลงหรือหายไป ถึงเวลานั้นก็พิจารณายุติการรักษาได้แล้ว ถ้าคุณป่วยเป็นโรคมะเร็งจริงๆ (เป็นโรคมะเร็งร้อยเปอร์เซนต์ไม่ใช่ 99% ต้องมีรายงานโรคเป็นการยืนยัน) จะโทรศัพท์ติดต่อกับผมได้ที่ nsshu@tpts8.seed.net.tw
Create Date : 21 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 8:35:53 น. |
Counter : 817 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
blog counterDiseño Web
Share on Facebook
ทาน ศีล ภาวนา ธรรมทั้ง 3 นี้
เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์
และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ถ้าเรารู้เรื่องธรรมดาของโลก และรู้จักความเป็นจริงของธรรมแล้ว
เราก็จะไม่ต้องมีความยุ่งยากในการเป็นอยู่
เรื่องภายนอกนั้น ถึงเราจะศึกษาให้มีความรู้สักเท่าไรๆ
ก็ไม่ทำให้เราพ้นจากทุกข์ได้
สู้การเรียนรู้จิตใจของตนอยู่ภายในวงแคบๆ นี้ไม่ได้
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
อย่าไปอยากรู้เรื่องของคนอื่นมันเป็นทุกข์
ให้สนใจเรื่องของตัวเอง
คือเรื่องของกายกับใจ
ดูให้มันชัด
หลวงปู่เพียร วิริโย
สิ่งใดมันล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นมันก็ล่วงไปแล้ว หมดไปแล้ว
ไม่ควรเอามาคิด มาติดอยู่ในใจ ละทิ้งให้หมด
ส่วนว่าอารมณ์อันเป็นอนาคตกาล
ดีร้ายประการใด ทั้งทางโลก และทางธรรม
สิ่งนั้นก็ยังอยู่ข้างหน้า คือยังไม่มาถึง
เวลาปัจจุบัน คือ เป็นเวลาเรานั่งภาวนา ฟังธรรม
สงบกาย สงบวาจา สงบจิต สงบใจ อยู่นี้แหละ
เป็นธรรมะปัจจุบัน ให้ระลึกภาวนาทุกลมหายใจเข้าออก...
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
... ให้รักษาศีล
ให้รู้จักพิจารณา เกิด แก่ เจ็บ ตาย
รู้จักแก้ไขจิตของตน ...
หลวงปู่จาม มหาปุณฺโญ
หลวงพ่อชา สุภทฺโท : ปล่อยวาง 1
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร : ธรรมสู่ใจ
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ : ไม่ยอมละ
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ โครงการบูรพาจารย์ (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือวิธีปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนากัมมัฏฐาน (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ สำหรับผู้ป่วย, ญาติ และผู้รักษา (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือพระไตรปิฎก :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะทั่วไป (Download E-Book) :
ดาวน์โหลด (Download): วารสาร นิตยสาร และสถิติ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง:
ดาวน์โหลด (Download): เอกสาร, คู่มือมะเร็ง และที่เกี่ยวข้อง:
ลิงค์ (Link): เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับมะเร็ง
ลิงค์ (Link): การแพทย์ทางเลือก, การแพทย์แผนไทย และธรรมชาติบำบัด
Link: ลิงค์ หน่วยงาน, สถาบัน, องค์กร และที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง
Link: ลิงค์ หน่วยงาน, สถาบัน, องค์กรด้านการสาธารณสุข และที่เกี่ยวข้อง
ดาวน์โหลด (Download): กฎหมาย, ประกาศ, ระเบียบ, ข้อบังคับ, คำสั่ง
ดาวน์โหลด (Download): เอกสารข้อมูลทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สำคัญ
ลิงค์ (Link): การเดินทาง, แผนที่, ตารางเวลา และการส่งกลับทางอากาศ :
ลิงค์ (Link): หมายเลขโทรศัพท์, การติดต่อสื่อสาร และการขนส่ง
ลิงค์ (Link): ค้นหาแผนที่
สมาทานศีล 5
หลวงพ่อชา สมาทานศีล 5
พุทธมนต์, พุทธคุณ ๑๐๘ นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
ทำวัตรเช้า นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
ทำวัตรเย็น นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
ทำวัตรเย็น นำสวดโดย หลวงพ่ออุทัย สิริธโร
พาหุงมหากา นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
บทสวดพระคาถาชินบัญชร
บทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก
บทสวดโพชฌังคปริตร
พระคาถาสักกัตวา
หลวงพ่อชา สอนการทำสมาธิ
หลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ตอนที่ 3/9
หลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ตอนที่ 4/9
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 1
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 2
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 3
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 4
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย สอนกรรมฐาน
ลิงค์ (Link): ข่าวสาร, ข้อมูล, บทความเกี่ยวกับน้ำท่วม
ดาวน์โหลด (Download): เอกสาร คู่มือเกี่ยวกับน้ำท่วม
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ :
Ayutthaya Thai Flood 2011
น้ำท่วมกรุงเทพ ปี 2485 (Bangkok floods in 1942)
Nuidears Flood Control
mobile flood barrier
ถุงคลุมรถ
ข้อควรปฏิบัติขับรถช่วงน้ำท่วม
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 1/5 (23 ต.ค.54
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 2/5 (23 ต.ค.54
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 3/5 (23 ต.ค.54)
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 4/5 (23 ต.ค.54)
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 5/5 (23 ต.ค.54)
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม - พบหมอบ้าน 1/6 (22 ต.ค.54)
เพลง ประสบทุกข์ ประสบภัย ฝ่าไปด้วยกัน (ขับร้องโดย พนักงานไทยพีบีเอส
เพลงน้ำใจไทย (ขับร้องโดย แอ๊ด คาราบาว)
|
|
|
|
|
|
|
|