ความทรงจำบาง ๆ ที่สุขเศร้า ยามรำลึกถึงในบางช่วงเวลา
Group Blog
 
All Blogs
 

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - กินเนื้อหมา

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - กินเนื้อหมา

ช่วงปลายฝนต้นหนาวของปาดังเบซาร์
จะตกอยู่ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม
ซึ่งน้ำยางจะเริ่มออกมากที่สุดในช่วงนี้ต่อเนื่องก่อนหยุดกรีดยางพารา
วันหนึ่ง ขณะกำลังทำงานในธนาคารไทยแห่งแรก ตอนนั้นประมาณห้าโมงเย็น
เหล้าขาวมาชวนบอกไปด้วยกันเร็ว ๆ
ถามว่าไปไหน แกบอกแต่เพียงว่ามาตะ (มาด้วยกัน)
เลยเดินไปบอกหัวหน้าว่าไปธุระกับเหล้าขาว
หัวหน้าก็ไม่ว่าอะไรบอกไปเถิด ไม่มีงานค้างแล้วก็ไม่เป็นไร

นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ Honda Pop 90 CC สีเขียว
วิ่งไปเลาะไปตามตะเข็บชายแดนระยะทางกว่าสามกิโลเมตร
เข้าไปในป่ายางพารา เจอบ้านหลังหนึ่ง
พบว่าในบ้านมีคนเชื้อชาติจีนนั่งกินอะไรอยู่แล้วสามคน
ต่างก็ทักทายเหล้าขาวและเชิญชวนมานั่งข้างในบ้าน
เหล้าขาวเดินเข้าไปในครัวหยิบจานใส่เนื้อออกมาให้จานหนึ่ง
เป็นเนื้อลักษณะออกสีน้ำตาลออกแดงเหมือนเนื้อวัว
ผัดแบบขลุกขลิกกับเครื่องยาจีนและขิง กลิ่นเครื่องเทศแรงมาก

เลยถามเหล้าขาวว่าอะไรในจาน
แกบอกกินไปเถิดของดี หายากมากด้วย
พลางรินเหล้าเฮนเนสซี่ใส่น้ำแข็งพร้อมโซดามาให้แก้วหนึ่ง
จะปฏิเสธก็ใช่ที่ เพราะทั้งเหล้าขาวและเพื่อนของแกจ้องมองอยู่
อีกอย่างจะกลับก็ลำบากแล้วเพราะมาไกลเกินกว่าจะเดินกลับเพราะใกล้ค่ำแล้ว
เลยกินเข้าไปคำหนึ่งพร้อมกับจิบเหล้าแก้เขิน
แกเลยบอกว่าเป็นเนื้อหมา
และที่กินกันนี้ไม่ใช่กินกันพร่ำเพรื่อ
ต้องเริ่มเข้าหน้าหนาวจึงจะกิน
เวลาหน้าร้อนจะไม่กินกัน เพราะจะทำให้ร่างกายร้อนมาก
กินแล้วบำรุงร่างกายให้สู่ภัยหนาวได้
เพราะปาดังเบซาร์สมัยก่อนกันดารมาก
หยูกยาก็หายาก หรือมีก็แพงมาก
กอปรกับการกินอาหารตามธรรมเนียมของจีน
ช่วงหน้าหนาวจะเป็นช่วงกินเพื่อบำรุงรักษาสุขภาพร่างกาย
ให้สมบูรณ์แข็งแรงก่อนผจญกับฤดูกาลในหน้าอื่น ๆ ต่อไป
เช่น การกินโสมเกาหลี การกินเขากวาง หรือยาบำรุงต่าง ๆ
(ถ้าอ่านหนังสือกำลังภายในบางเล่มจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้)

สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่น
ซึ่งการปฏิเสธถือว่าเป็นดูถูกวัฒนธรรมท้องถิ่น
อาจเป็นภยันตรายอย่างหนึ่ง
เหมือนเช่น การไปงานของคนมุสลิม
ถ้ามีการเลื้ยงน้ำชากาแฟหรืออาหารการกินแล้ว
ถ้ามีการจิบหรือกินร่วมแล้ว ก็จะถือว่าเป็นอาคันตุกะ
แขกผู้มาเยือนที่ควรต้อนรับและให้เกียรติอย่างยิ่ง
จะไม่มีการทำร้ายแขกผู้มาเยือนอีกเลย
หรือฆ่าฟันแขกผู้มาเยือน เว้นแต่จะผิดชั่วช้าจริง ๆ

ในครั้งหนึ่ง สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยือนกลุ่มชาวเผ่าอาหรับ
ก็จะมีการฆ่าแพะแล้วย่าง ถวายเฉพาะส่วนหัวแพะพร้อมกับตาแพะ
ตามธรรมเนียมชาวเผ่าอาหรับหรือคนมุสลิมแล้ว
เฉพาะระดับหัวหน้าเผ่า หรือ โต๊ะอิหม่าม (ครูผู้สอนศาสนา)
หรือแขกผู้มีเกียรติสูงสุด (VIP) เท่านั้น
ถึงจะได้รับประทานหัวแพะกับตาแพะเท่านั้น
ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ ก็ทรงพระเสวยตามที่ถวายและเขียนลงในหนังสือ
เกี่ยวกับการเสด็จประพาสเยือนกลุ่มชนอาหรับ

ครั้งหนึ่งเพื่อนที่เป็นปลัดอำเภอ
บอกว่าคนจีนเวลาจัดเลี้ยงโต๊ะจีนชอบเลี้ยงหูฉลาม
ไม่เห็นว่าจะอร่อยตรงไหน หรือมีรสชาดสู้กับอาหารไทยได้
เลยบอกแกว่า เขากำลังกินวัฒนธรรม ไม่ใช่กินอาหาร
แกเลยบอกว่า เออจริง ลืมคิดไป แล้วไม่พูดอะไรต่อ

ได้ถามเหล้าขาวว่าแล้ว หมาไม่กินเนื้อกันเองหรือ
แกบอกว่าไม่กิน อาจจะไม่ชอบกินเครื่องยาจีน
แต่บางตัวก็กินเนื้อหมาด้วยกัน
เคยอ่านหนังสือพิมพ์และชมภาพยนต์ทีวี
มีครั้งหนึ่ง บ้านหลังหนึ่งขังหมาไว้ในบ้านกว่าห้าสิบตัว
แล้วหนีหายไปไปไม่ทราบ ปล่อยให้หมาอดอาหาร
ปรากฎว่า หมากัดกันเอง ฆ่ากันเอง เพื่อกินเนื้อหมาให้อยู่รอด
กว่าชาวบ้านจะทราบข่าวแล้วตามตำรวจไปช่วยเหลือออกมา
ก็มีหมาตายและตกเป็นอาหารกว่าสิบห้าตัวแล้ว
ทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก และตัวที่ไม่แข็งแรงกลายเป็นเศษเนื้อเศษกระดูกไปแล้ว

คราวต่อไปจะเล่าถึง การหาหมามาทำอาหาร




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2552    
Last Update : 9 มิถุนายน 2552 13:59:38 น.
Counter : 663 Pageviews.  

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - ชิ้นส่วนที่เหลือของงู

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - ชิ้นส่วนที่เหลือของงู

หลังจากขายเลือดงูและดีงูเสร็จแล้ว
(พวกตับไตไส้พุงก็มักจะทิ้งไม่ค่อยมีใครเอาไปทำอาหาร)
ก็จะเริ่มจัดการกรีดหนังงูออกจากตัวงูให้หมด
มีแบบหนังติดกับหัวงู หรือเฉพาะหนังงูไม่มีหัวงู
แล้วผสมเกลือหมักตากแห้งรอขายต่อไป
แต่บางเจ้าก็ทิ้งหนังไปเพราะไม่อยากเสียเวลา
(จะมีคนนำไปฟอกหนังเพื่อขายต่อไปอีกทอดหนึ่ง)
เมื่อลอกหนังออกหมดแล้ว ก็จะตัดหัวงูออกก่อน
แล้วขายเป็นเนื้องู มีสีขาวเหมือนเนื้อไก่มากตอนนี้
ก็จะมีคนมาซื้อไปทำเป็นอาหารแกล้มเหล้า
โดยใส่เครื่องแกงหรือผัดเผ็ดมาก
กินแล้วจะรู้สึกว่าร้อนกว่าปกติ
บางเจ้าก็จะเอาเนื้องูทั้งตัว โดยสับหัวงูออกก่อน
ไปต้มเครื่องยาจีนน้ำใส ๆ ให้คนอื่นกินต่อไป
แต่จะมีบางรายที่ต้มทั้งหัวงูให้คนกิน
โดยอ้างว่ารีดพิษออกแล้ว หรือเชื่อว่าการต้มจะทำให้พิษหายไป

งูที่ตายก่อนกำหนดก็มี
ก็จะนำมาย่างให้เกรียม ๆ แล้วใส่ขวดเหล้าดองขายส่วนหนึ่ง
หรือนำมาแช่ทั้งตัวในโถเหล้าเพื่อขายเป็นเหล้าดอง
แต่ที่โหดมาก ๆ คือการใส่ทั้งเป็น ๆ ลงในโถเหล้า
แล้วเทเหล้าโรงลงไปให้มันจมเหล้าตายทั้งเป็น
แต่งูพวกนี้มักจะอดอาหารมานานมากแล้วก่อนใช้วิธีนี้
คนที่เชื่อเรื่องพลังต่าง ๆ หรือการบำรุงร่างกาย
ก็จะนิยมกินพวกเลือดงูหรือดีงู
โดยเฉพาะคนมาเลย์เชื้อสายจีนบางส่วนจะนิยมมาก

งู ที่นำมาฆ่ากิน แพงสุดคือ งูบ้องหลา (จงอาง)
ตัวใหญ่มากและหายากมากด้วย
รองลงมาก็ งูเห่า งูปล้องทอง งูกะปะ
ถือว่าเป็นงูร้อนกินแล้วบำรุงร่างกาย

ส่วนงูที่ไม่กินเลยก็ งูเหลือม งูหลาม
ถือว่าเป็นงูเย็นกินแล้วไม่บำรุงร่างกาย
หรือเป็นโทษต่อร่างกาย
แต่ดีเอามาใช้ทำเป็นยาได้ เคยพบที่เกาะบูโหลน
ตัวใหญ่มากชาวบ้านมุสลิมบนเกาะทุบตายแล้ว
แต่เนื้อไม่เอา ผ่าเอาแต่ดีไปทำยา

ในช่วงแรก ๆ งูก็จะจับมาจากทุ่งนา
แถวสทิงพระ ระโนด พัทลุง
ต่อ ๆ มาก็ขยับขยายนำมาจากภาคกลาง
เพราะมีจำนวนมากกว่า ราคาถูกกว่า ไม่ค่อยบอบช้ำมาก
ซึ่งในตอนนั้นคนใต้จับงูยังไม่ค่อยชำนาญกันมากนัก
รวมทั้งแหล่งที่จับงูก็ไม่ชัดเจนมากเหมือนภาคกลาง

ช่วงหลัง ๆ ธุรกิจเหล่านี้ก็เริ่มหายไป
เพราะเป็นสินค้าควบคุมและมีโทษจับ ปรับติดคุก
กอปรกับยารักษาโรคต่าง ๆ ก็ดีขึ้นมากแล้ว
การกินเลือดงูกับดีงู เพื่อรักษาโรคตาก็เริ่มหายไป

มีอีกเรื่องที่อยากเล่า คือ การกินเนื้อหมา
ไม่แน่ใจว่าเล่าดีหรือไม่ เพราะบางคนไม่ชอบ
หรือด่าคนกินเนื้อหมา ทั้งที่เป็นความเชื่อกับวัฒนธรรม
ของท้องถิ่นที่นิยมกินกัน ตอนปลายฝนต้นหนาว




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2552    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 23:27:56 น.
Counter : 410 Pageviews.  

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - กินเลือดงู

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - กินเลือดงู

ที่ปาดังเบซาร์ (Padang Besar) จะมีร้านขายงูอยู่หลายร้าน
โดยจะมีการเชือดสด ๆ ให้ลูกค้ากินเลือดกับดีงูผสมเหล้าโรง
หรือเหล้าขาวที่มีดีกรีกว่าห้าสิบดีกรีขึ้นไปให้ลูกค้ากิน
เคยถามเหล้าขาวว่า กินแล้วมันดีตรงไหน
ก็ได้คำตอบว่า ถ้ากินเลือดงูหรือดีงูแล้ว
ตอนหัวค่ำตาที่ฝ้าฟางหรือมองไม่ชัดเจน
จะมองเห็นชัดแจ๋วขึ้นมาได้หลังจากกินเลือดงูแล้วประมาณหกชั่วโมง
เลยแซวแกว่า สงสัยเหล้าขาวจะกินมาก ถึงตาหรี่เล็กเหมือนตางูเห่า

แกเลยหัวเราะแล้วเล่าว่า จริง ๆ เป็นความเชื่อของคนจีนแต่โบราณ
ว่าการกินสารพิษบางอย่างก็เพื่อขับพิษบางอย่าง
หรืออย่างนิยายกำลังภายในที่กินพิษเพื่อล้างพิษ
กอปรกับปาดังเบซาร์ในสมัยก่อน หยูกยาก็หายาก
และงูเงี้ยวเขี้ยวขอก็มากในสมัยนั้น
อาหารการกินก็หายากส่วนหนึ่ง
การได้กินงูก็เลยเป็นอาหารเสริมกับความสนุกตื่นเต้นเร้าใจได้ส่วนหนึ่ง

แกเลยพาไปดูพิธีกรรมการฆ่างูและกินเลือดงูกับดีงูให้ดู
ตอนแรกคนขายงูจะให้ชี้ตัวงู
หรือเลือกเอางูที่ขังรวมอยู่ในกรงเหล็ก
(แปลกอย่างหนึ่งงูที่ขังรวมกันแล้วมักจะไม่กัดกันเลย
คล้าย ๆ กับรู้อนาคตของมัน และเจ้าของมักจะไม่ให้อาหารด้วย
เพราะธรรมชาติงูอดได้นานมากด้วยส่วนหนึ่ง)
ถ้าไม่เลือกงูแล้ว คนขายก็จะใช้เหล็กขอเกี่ยวงูขึ้นมาแล้วบอกราคาขาย
ถ้าคนซื้อตกลงว่าจะเอางูตัวนี้แล้ว

คนขายก็จะจัดการเอาเชือกฟาง(พลาสติดสีต่าง ๆ)
มัดคองูแบบเงื่อนกระตุกเบ็ดให้แน่น
แล้วแขวนคนงูลงมาประมาณหนึ่งคืบจากปากงู
นำเชือกมัดไว้กับห่วงหรือไม้ราวมัดให้แน่น
แล้วพยายามยืดตัวงูให้ตรง
เอาน้ำราดทำความสะอาดตัวงูก่อน (บางเจ้าก็ไม่ทำ)
แล้วเอาเหล้าขาวราดหรือผ้าชุบเหล้าขาวเช็ดตรงปลายหางงูเห่า
ให้สูงขึ้นมาประมาณหนึ่งนิ้วหรือสองนิ้ว
เมื่อดูว่าสะอาดดีแล้วก็จะเอามีดคม ๆ กรีดปลายหาง
โดยพยายามจับให้แน่น บางเจ้าก็ใช้สองคนช่วยกัน
เอามีดคัตเตอร์เป็นหลัก มีดโกนหนวด หรือมีดผ่าตัด แล้วแต่ความถนัด
รองเลือดงูใส่แก้วเหล้า งูเห่าแต่ละตัว
ตัวหนึ่งๆ เลือดไม่มากนักไม่เคยเกินกว่าหนึ่งส่วนสามของแก้วน้ำ
แล้วเอาเหล้าขาวผสมลงไปคนๆ กับช้อนชาให้คนซื้อดื่ม
คนซื้อบางคนก็ยังไม่ดื่มก่อนก็มีจะรอผสมดีงู

คนขายก็จะเอามีดกรีดตรงปลายหางขึ้นไปแล้วแยกหนังออก
จะเห็นเนื้อสีขาวคล้ายเนื้อไก่มาก
ช่วงนี้ก็จะเห็นตับไตไส้พุงของงู
เมื่อแหวะเจอดีงูอันเล็ก ๆ สี่ดำขนาดเล็กกว่าเม็ดลำใย
ก็จะใช้กรรไกรตัด หรือบางเจ้าก็ใช้มีดตัดลงใส่ถ้วยเหล้า
แล้วใส่เหล้าคน ๆ ให้คนซื้อกินต่อไป




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2552    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 23:26:19 น.
Counter : 381 Pageviews.  

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-กระปุกออมสิน

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-กระปุกออมสิน

เคยตั้งคำถามและสงสัยว่า
ทำไมการขายหมูขายไก่ของชาวบ้าน
จึงมักจะพูดว่า เป็นการทุบกระปุกออมสิน
เหล้าขาว ได้ให้คำตอบว่า

จริง ๆ แล้วการเลี้ยงดูไก่บ้านหรือหมูบ้าน
กว่าจะได้ขายจริง ๆ ก็หลายเดือนเช่นกัน
คิดค่าใช้จ่าย ค่าเวลา ค่าเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้
ค่าเสี่ยงภัยว่า จะตายก่อนกำหนดหรือถูกลักขโมยก่อนกำหนด
ก็ยังไง ๆ ก็แทบจะไม่คุ้มเท่าไรนัก
แต่พอชาวบ้านได้ขายหมูขายไก่ออกไป
ก็จะได้เงินก้อนส่วนหนึ่งซึ่งมากกว่ารอให้มีการสะสม
จำนวนมากน้อยก็ไม่ใช่สำคัญมากนัก
เพราะส่วนมากชาวบ้านก็ไม่ค่อยมีเงินเก็บเงินออมเท่าไรอยู่แล้ว

เหล้าขาวเล่าว่าในการขายหมูบ้านออกไป
ก็มีการโกงกันในเรื่องน้ำหนักระหว่างคนขายกับคนรับซื้อหมูเป็น
คนขายพอจะขายหมู ถ้าทราบวันล่วงหน้า
ก็จะเริ่มขุนหมูให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
ให้อาหารอย่างดีหรืออาหารเพิ่มน้ำหนัก เช่น พวกรำละเอียด ข้าวปลายหักต้ม
ก็สามารถเพิ่มน้ำหนักได้ส่วนหนึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่มากนัก
เพราะถ้าหมูมีอายุมากแล้ว ยังไงอัตราแลกเนื้อก็ต่ำอยู่ดี
(อาหารที่หมูกินเข้าไป แล้วแปลงออกมาเป็นน้ำหนักหมู)
แต่ถ้าทราบล่วงหน้าวันสองวัน ก็จะให้หมูกินดีอยู่ดีกินตลอด
ในช่วงก่อนหน้าคนรับซื้อหมูเป็นมาจับหมูไปขาย
แต่จะเพิ่มน้ำหนักได้อีกส่วนก็คือ การอาบน้ำให้หมู
เพราะน้ำที่ไปเก็บตามตัว ตามขนหมู
ก็จะทำให้หมูมีลำตัวชุ่มชื้นก็สามารถเพิ่มน้ำหนักได้ส่วนเช่นกัน

คนรับซื้อหมูเป็นก็จะมีวิธีการลวดลายคือ
บอกว่าจะมาตอนเช้า ๆ เพื่อรีบพาหมูไปส่งโรงเชือด
ก็จะมาตอนสาย ๆ ของวันนั้น
เพราะรอให้หมูย่อยอาหารและขับถ่ายก่อนให้เสร็จก่อนจับหมู
หรือรอให้หมูเริ่มตัวแห้งแล้วในช่วงบ่ายที่อากาศค่อนข้างร้อน
แต่ถ้านัดตอนเย็น
ก็มักจะมาแต่หัวรุ่ง ซึ่งเป็นช่วงคนเลี้ยงหมูมักจะขุนหมูไม่ทัน
หรืออาบน้ำให้หมูได้ไม่ทัน เพราะไม่กล้าอาบน้ำให้หมูต่อหน้าคนรับซื้อ
ทำให้น้ำหนักหมูจะเพิ่มได้ไม่มากนักในช่วงนี้

พอมาถึงก็มักจะติโน่นตินี่ ในตัวหมูที่จะซื้อ
เช่น ไม่สมบูรณ์ กินข้าวมาก่อน อาบน้ำมาก่อน
ขอหักค่าน้ำหนักที่กินข้าวอาบน้ำก่อน
ขอค่าตาชั่งบ้าง ค่าเด็กจับหมูขึ้นรถบ้าง
หมูราคาถูกบ้างในตอนนี้
หมูน่าจะพิการ เป็นโรคบ้าง เสี่ยงเวลาชำแหละเนื้อบ้าง
มันหมูมากไปบ้าง ชำแหละแล้วจะได้เนื้อน้อยกว่าที่คาดไว้
หาคนเข้าหุ้นซื้อหมูยากบ้าง
(ตามชนบท หลาย ๆ ครัวเรือนมักจะเข้าหุ้นกันซื้อหมูหนึ่งตัวมาฆ่า
แล้วมาตกลงแบ่งกันว่า ใครชอบส่วนไหนมาก ส่วนไหนน้อย
แล้วมาหารเฉลี่ยราคาหมูกัน เพื่อซื้อร่วมกันจะถูกกว่าซื้อตามใจชอบในตลาด)
สุดท้ายก็ จ่ายเงินในราคาที่คนซื้อหมูคิดว่าไปทำได้กำไรมากกว่าชาวบ้าน
ขณะเดียวกันชาวบ้านก็พอใจในราคานั้น
เพราะถือว่าได้ทุบกระปุกออมสิน
มีเงินใช้เป็นก้อนแล้วส่วนหนึ่ง




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2552    
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 20:22:23 น.
Counter : 266 Pageviews.  

ชีวิตชายแดนที่ปาดังเบซาร์-เถ้าแก่เหล้าขาว

เถ้าแก่เหล้าขาว

ในการกล่าวต่อไปจะขอใช้คำว่า เหล้าขาว แทน เพราะปาดังฯ เรียกแกชื่อนี้
ด้วยความเคารพ ไม่ใช่การลบหลู่แต่อย่างใด เพราะจริง ๆ แกเป็นเพื่อนรุ่นพี่
ที่ให้ความรักเอาใจใส่และสนิทสนมกับผมมาก ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ที่ดีงาม
หรือไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วยก็จากแกมากมาย ยังระลึกถึงแกทุกวันนี้ แม้ว่าแกจะ
ถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้วก็ตาม ก็ขอให้ดวงวิญญาณแกเป็นสุขเป็นสุขเถิด)

เหล้าขาวเคยเล่าให้ฟังในช่วงหนึ่งว่า
บ้านเดิมแกอยู่ที่ดินลาน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
(ตอนนี้เป็นอำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา)
ก่อนจะย้ายมาทำมาหากินที่ปาดังเบซาร์

สมัยก่อนปี พ.ศ.2510 ที่ดินลาน
เป็นที่ที่กันดารมาก ทางเข้าออกเป็นดินลูกรังขรุขระลำบาก
แต่เป็นที่ชุมชนของคนงานทำเหมืองแร่ดีบุก
มีหลายเชื้อชาติหลายภาษามากมาย
มีทั้งไทย แขก จีน ฝรั่ง เขมร ลาว พม่า จำนวนมาก
ที่มุ่งมาทำมาหากินกับการทำเหมืองแร่ดีบุก
จนเป็นที่ตั้งข่าวลือปนข่าวจริงว่า
ใครมีเด็กสาวที่กำลังเติบโตเป็นสาว
ถ้าไม่ให้รีบแต่งงานแต่งการ
อาจจะได้เป็นนางก่อนนางสาว
คืออาจจะโดนฉุดไปเป็นภริยา หรือถูกข่มขืนเป็นต้น
บางครอบครัวเลยต้องย้ายลูกสาวไปอยู่กับญาติที่อื่นห่างไกลออกไป
เคยพบครอบครัวหนึ่ง พี่น้องหน้าตาไม่เหมือนกันเลย
แม้ว่าจะคลอดจากมารดาคนเดียวกัน (ไม่ระบุว่าบิดาคนเดียวกันหรือไม่)

วันที่แกย้ายออกจากดินลาน
เพื่อมุ่งหน้ามาทำมาหากินที่ปาดังเบซาร์
แกต้องขายหมูออกไปทั้งหมด
เรียกภาษาชาวบ้านว่า ทุบกระปุกออมสิน
แต่ก็มีเจ้าหนี้มาทวงหนี้หน้าบ้านแก
ทั้งที่แกแทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รวมทั้งค่ารถยนต์โดยสาร
ที่จะพาแกและครอบครัวเดินทางมาที่ปาดังเบซาร์

เมื่อแกมาถึงปาดังเบซาร์แล้ว
อาชีพที่ง่ายที่สุดและหางานทำได้เร็วที่สุดคือ
กองทัพมด ในส่วนของการขนส่งสินค้าระหว่างชายแดน
ในช่วงนั้นจะมีเจ้าใหญ่ ๆ ไม่กี่เจ้า
แต่ที่ดังกว่าเพื่อนคือของ ขี้หมู
ที่มีรถบรรทุกสินค้าวิ่งจากหาดใหญ่มาปาดังเบซาร์
และจากปาดังเบซาร์ไปหาดใหญ่เป็นประจำ
งานแรกเริ่มของเหล้าขาวคือ การแบกขนสินค้า
ก่อนพัฒนาเป็นขับรถจักรยานขนส่งสินค้า
ในเวลากลางคืนก็จะใช้ธูปไหว้เจ้าปักหน้าแฮนด์รถจักรยาน
จุดไฟให้ก้านธูปติดไฟ จะเห็นสีแดงเป็นจุดเล็ก ๆ
ไว้สังเกตกันว่าข้างหน้ามีใครขับมา
หรือขับตามหรือขับสวนทางกันหรือไม่

ในช่วงแรก ๆ ที่แกยังไม่มีรายได้มากมาย
เพราะต้องเลี้ยงดูทั้งภริยาและลูก ๆ ที่ยังเล็กอยู่
ก็อดไม่ได้ที่จะกินเหล้า แต่กินได้แต่เหล้าขาว
ซึ่งถือกันว่าเป็นเหล้าชาวบ้าน เกรดต่ำสุด
เพราะคนที่ปาดังเบซาร์ มักจะซื้อเหล้านอกราคาถูกมาก
คือ เฮนเนสซี่ วีเอสโอพี นำมากินเป็นเหล้า
เหมือนเหล้าวิสกี้ธรรมดาทั่วไป เช่น ผสมน้ำ ผสมโซดา

ต่อมา เหล้าขาวก็เริ่มผันตนมาเป็นคนเดินเบอร์
คือ รับฝากแทงเบอร์ เขียนเบอร์ หรือ แทงเบอร์ม้าแบบขูด
แต่ที่ได้หลัก ๆ คือ หวยไทย กับ หวยมาเลย์
เมื่อทำงานนาน ๆ เข้า ๆ ก็เริ่มเข้าใจกระบวนการ
และวิธีการทำงานในการรับแทง การอั้นเบอร์รับแทง
ตลอดจนปั้วที่ส่งต่อกรณีรับแทงหวยที่ได้มา

เมื่อขี้หมูตาย แกก็เริ่มหุ้นกับเพื่อน ๆ รับแทงหวย
จนกลายเป็นเจ้ามือและคนรับแทงหวยมาเลย์รายดัง
ไม่ถืงกับเป็นรายใหญ่ในปาดังเบซาร์ เพราะแกอั้นจำนวนเงิน
ส่วนที่เกินกว่านั้นจะส่งต่อเข้าไปให้เจ้ามือในมาเลย์
ในช่วงนั้นแกก็เริ่มขายหวยและปล่อยกู้ส่วนหนึ่ง
แล้วเริ่มเปลี่ยนจากการกินเหล้าขาวมากินเฮนเนสซี่แทน
พวกคนที่เคยรู้จักแกมาก่อน ก็มักจะแซวแกว่า
อ๋อเดี๋ยวนี้พัฒนามากินเหล้าฝรั่งแทน

บางครั้งในตอนเย็นวันใกล้วันหวยออกวันรุ่งขึ้น หรือ
วันเสาร์อาทิตย์จะออกติดกันเลยสองวัน
แกมักจะเข้ามาที่ทำงานแล้วพูดว่ามีใครจะฝากประจำบ้าง
(หมายถึงแทงเบอร์มาเลย์บ้าง)
เพราะโอกาสถูกค่อนข้างยากต้องแทงสี่เบอร์
แต่ถ้าได้ก็เป็นจำนวนเงินมากอยู่
(ไว้มีโอกาสจะกล่าวถึงรายละเอียดต่อไป)




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2552    
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 15:57:09 น.
Counter : 391 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

yokel
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฺBlog แรก ๆ ที่เริ่มทดลองสร้างและเริ่มใช้งานใน http://www.pantip.com งานเขียนที่มีขึ้นก็แล้วแต่อารมย์และความว่างในการเขียน เพื่อเก็บไว้ในกล่องความทรงจำก่อนที่จะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Friends' blogs
[Add yokel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.