พระภิกษุณี

เริ่มนำเอาบทความธรรมะเก่า ๆ ที่เคยเขียนไว้ตั้งนานแล้ว ซึ่งได้พิมพ์ลงในวารสารเพื่อนไทย ซึ่งเป็นวารสารรายไตรมาส จัดทำโดย สมาคมนักเรียนไทยในสาธารณรัฐเยอรมนี ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาอัพลง Blog น่ะค่ะ



พระภิกษุณี

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๔๗ ค่ะ เพื่อนไทยฉบับที่แล้วได้พูดถึงเรื่องของมิตร คำสัญญา
และการคาดหวัง ซึ่งอ่านดูแล้ว ยังไม่จบดีค่ะ
ในฉบับที่ส่งทางกองบอกอไปยังมีต่ออีกค่ะ แต่เนื่องจากเนื้อที่จำกัด
ทางกองบอกอก็บอกให้มาต่อในฉบับต่อไป
แต่สำหรับฉบับนี้เนื้อหาส่วนมากจะพูดถึงเกี่ยวกับผู้หญิง
ดังนั้นในคอลัมภ์ธรรมะอบรมใจ จึงขอกล่าวถึงบทบาทของผู้หญิงในพุทธศาสนาบ้างค่ะ
ส่วนเรื่องของมิตรกับคำสัญญา การคาดหวังกับการรอคอย อาจได้ลงต่อในฉบับหน้า
หรือไม่ถ้าเพื่อน ๆ คนใดสนใจอยากอ่านต่อ
ก็ส่งจดหมายอิเลคโทรนิคไปขอได้ที่กองบอกอค่ะ


"ผู้หญิงบรรลุธรรมได้หรือไม่" อาจเป็นคำถามที่เคยได้ยินกันมาบ่อย ๆ
และยังค้างคาใจหลาย ๆ ท่านมาเนิ่นนานหลายยุคหลายสมัย ใครจะบรรลุธรรมแล้วหรือไม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องซึ่งสามารถรับรู้ได้เฉพาะตน เฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการทราบว่าใครบรรลุแล้วหรือยัง น่าจะมาดูที่พฤติกรรม
การปฏิัติธรรมของแต่ละท่านมากกว่า ผู้ที่ได้ศึกษาเรื่องราวในพระสูตร พระไตรปิฎกมา
จะพบว่า บทบาทของสตรีมีมากมายมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ไม่ว่าจะเป็น พระภิกษุณี
อุบาสิกา หรือ ฆราวาสทั่วไป ล้วนมีส่วนช่วยในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น
ดังนั้นบาทบาทของท่านเหล่านี้จึงน่าสนใจ น่าศึกษา น่าติดตาม
น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในที่นี้จะขอเล่าประวัติคร่าว ๆ
ของพระภิกษุณีบางรูป และอุบาสิกาบางท่านที่น่าสนใจ


นับตั้งแต่ในสมัยพุทธกาลที่ปรากฏมีพระภิกษุณี
ซึ่งในสมัยปัจจุบันพระภิกษุณีสายหินยานหรือสายเถรวาทไม่มีสืบต่อแล้ว
จะมีก็แต่ทางสายมหายาน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจ อย่างที่บอกไป
ควรพิจารณาถึงวัตรปฏิบัติหรือพระจริยวัตรของท่านเหล่านั้นต่างหากที่น่าศึกษา
น่าปฏิบัติตาม ซึ่งในคอลัมภ์ธรรมอบรมใจในเพื่อนไทยฉบับนี้
จะเริ่มด้วยประวัติโดยย่อของพระภิกษุณีที่น่าสนใจแต่ละท่าน
โดยเริ่มจากพระภิกษุณีรูปแรก



พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี ทรงเป็นพระน้านาง และพระมารดาเลี้ยงของพระพุทธเจ้า
เพราะทรงดูแลเจ้าชายสิทธถะมาตั้งแต่แรกเกิด เป็นผู้ทรงตำแหน่งเอตทัคคะด้านรัตตัญญู
(มีความเป็นเลิศด้านประสบการณ์) ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะ
ในการเป็นผู้รู้ราตรีนาน และทรงเป็นสตรีคนแรกที่ทูลขอการอุปสมบทเป็นพระภิกษุณี
ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งภิกษุณีสงฆ์ในที่สุด


พระนางยโสธรา หรือ พระนางพิมพา พระชายาของเจ้าชายสิทธถะ
พระภิกษุณีผู้ทรงตำแหน่งเอตทัคคะด้านอภิญญา


พระนางเขมาเถรี เดิมทรงเป็นพระชายาของพระเจ้าพิมพิสาร
ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ครั้นเมื่ออุปสมบทเป็นภิกษุณีแล้ว
ทรงมีความเชี่ยวชาญในการเทศนาธรรม
ได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่ามีความเป็นเลิศทางด้านปัญญา


กุณฑลเกสีเถรี เดิมเป็นธิดาของเศรษฐีที่หลงรักนายโจรหนุ่ม ครั้นแต่งงานกับนายโจร
กลับถูกปอกลอกและลวงไปฆ่า เธอใช้สติปัญญาเอาชีวิตรอดมาได้
นับจากนั้นได้เที่ยวจาริกไปแสวงหาความรู้ความชำนาญในเชิงปรัชญา
ครั้นได้พบพระสารีบุตร จึงได้บวชเป็นพระภิกษุณี
และได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า
มีความเป็นเลิศในการเรียนรู้ธรรมะได้อย่างรวดเร็ว


ปฏาจาราเถรี นางมีประสบการณ์ความทุกข์อย่างสาหัสจากพลัดพรากสามีและบุตรที่รัก
ได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์จนได้เข้าสู่ทางธรรม นางจึงเป็นภิกษุณีที่
ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในความทรงจำพระวินัย



อุบาสิกาที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในด้านต่างๆ มี ๑๐ ท่าน
แต่ในที่นี้จะขอยกมาเพียงบางท่านเท่านั้น คือ


นางวิสาขา เป็นมหาอุบาสิกาในครั้งพุทธกาล เดิมเป็นธิดาเศรษฐี
มีศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนามาตั้งแต่เด็ก เพราะมียายที่นับถือพุทธเช่นกัน
ครั้นแต่งงานมาในตระกูลของเศรษฐี
ก็สามารถน้อมนำให้ครอบครัวของสามีหันมานับถือพุทธศาสนาได้
ได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า มีความเป็นเลิศในการถวายทาน และสนับสนุนคณะสงฆ์
นอกจากนี้แล้ว นางวิสาขายังมีลักษณะของเบญจกัลยาณี คือความเป็นหญิงงาม ๕ อย่าง คือ
ผมงาม เนื้องาม (เหงือกและริมฝีปากแดงงาม) ฟันงาม ผิวงาม และวัยงาม (งามทุกวัย)


นายขุชชุตตรา หรือ นางอุตตราค่อม เป็นคนรับใช้ของนางสามาวตี
มีหน้าที่ซื้อดอกไม้มาประดับบ ้านแต่ยักยอกเงินไปกึ่งหนึ่งเสมอ
ครั้นได้ฟังคำสอนจากพระพุทธองค์ นางจึงกลับใจได้บรรลุโสดาบัน
และสามารถแสดงธรรมให้แก่นายหญิงคือนางสามาวตีพร้อมข้าทาสบริวาร
จนนางได้บรรลุโสดาบันเช่นกัน พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่า
นางมีความเป็นเลิศในการแสดงธรรม


นางสิริมา ถือกำเนิดในเมืองราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ
นางสาลวตีผู้เป็นมารดาเป็นโสเภณี นางสิริมามีความงามยิ่งนัก
ดำเนินอาชีพเช่นเดียวกับมารดา ครั้นได้ฟังคำสอนจากพระพุทธองค์ ก็ได้บรรลุโสดาบัน
มีศรัทธาถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ ๘ รูปทุกวัน
พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งเมื่อได้รับบาตรจากนาง ก็เกิดความลุ่มหลงจนเป็นไข้ใจ
ต่อมานางสิริมาถึงแก่กรรมลง
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ร่างของนางสอนธรรมแก่พระภิกษุในเรื่องความไม่เที่ยง
จนท้ายที่สุด พระภิกษุหนุ่มรูปนั้น หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นในความงาม


นางสุชาดา เป็นธิดาพราหมณ์ที่ได้ถวายพระกระยาหารหรือข้าวมธุปายาส (คือ
ข้าวสุกที่หุงด้วยนมโค บางครั้งอาจมีน้ำผึ้งและเนยเป็นส่วนผสม)
แด่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนที่จะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ได้เสด็จไปเยี่ยม และแสดงธรรมโปรด จนนางได้บรรลุโสดาบัน
จนได้เป็นอุบาสิกาคนแรก หรือรุ่นแรกที่ถึงพระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนา
พระพุทธองค์จึงทรงยกย่องนางสุชาดาในตำแหน่งเอตทัคคะ
ว่าเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่ายผู้ถึงพระรัตนตรัยก่อนอุบาสิกาทั้งปวง



นอกจากนี้ยังมีฝ่ายอุบาสิกา
และพระภิกษุณีอีกหลายท่านที่นอกจากจะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว
ยังมีความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ ท่านเหล่านั้นซึ่งไม่ได้กล่าวถึงไว้ในที่นี้
ล้วนมีบทบาทในการช่วยงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น


ปัจจุบันนี้ แม้เวลาจะล่วงเลยมาจนเกินกึ่งพุทธกาลแล้วก็ตาม
ก็ยังพบเห็นว่ามีสตรีอีกหลาย ๆ ท่าน ที่ยังคงดำรงตนช่วยงานพระพุทธศาสนาอยู่
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าสตรีเพศก็มีความสามารถช่วยงานเผยแผ่ธรรมะได้เท่าเทียมกับบุรุษเพศ
และบางครั้งจะพบว่า เรื่องบางเรื่อง ปัญหาบางประการ
สตรีสามารถเข้าไปแก้ไขได้สำเร็จดีกว่าบุรุษเสียด้วยซ้ำไป


แต่อย่างไรก็ตามคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ อย่างน้อยการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ซึ่งไม่ว่าจะเกิดมาเป็นหญิงหรือเป็นชายก็ตาม
นอกจากนี้การที่ได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา
ซึ่งเป็นหนทางที่ถูกต้องที่ทำให้คนเราได้บรรลุและหลุดพ้น นับได้ว่าไม่เสียชาติเกิด
ดังนั้นช่วงเวลาที่เหลือ จึงไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปโดยเสียโอกาส จึงควรหาเวลา
เริ่มฝึกฝนตัวเองด้วยการฟังธรรมะ ศึกษาธรรมะในพระไตรปิฎก ให้เกิดความเข้าใจในธรรมะ
แล้วชีวิตเราจะประสบแต่ความสุข พ้นจากความทุกข์
เริ่มต้นจากการเข้าใจและยอมรับในธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ
โดยเฉพาะธรรมชาติของคนที่วุ่นวาย นั่นเอง.


รสธรรม
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๖



หมายเหตุ เพื่อน ๆ สามารถหาอ่านประวัติของพระภิกษุณีและอุบาสิกาเพิ่มเติมได้ที่

//www.84000.org/one/2/index.shtml
//www.84000.org/one/4/index.shtml





Create Date : 15 สิงหาคม 2548
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 2:42:09 น. 4 comments
Counter : 615 Pageviews.  

 
มาอ่านค่ะ...
มีเพื่อนเคยพูดถึงภิกษุณีรูปนึงที่อยู่ที่อเมริกานะคะ
รู้สึกว่าจะบวชมาจากศรีลังกาค่ะ


โดย: uggie* วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:9:36:32 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณ uggie*
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

ในสมัยนี้ไม่มีภิกษุณีทางสายเถรวาทหรือหินยานแล้วค่ะ
ครูบาอาจารย์ท่านก็รับรองมาว่า ไม่มีเหลือแล้วค่ะ

ทายาททางธรรมทางสายเถรวาทที่จะช่วยกันสืบต่อจรรโลงพระพุทธศาสนา
เหลืออยู่เพียงสามขาเท่านั้น
คือ ภิกษุ อุบาสก และ อุบาสิกา ค่ะ

แต่ที่เห็น ๆ ภิกษุณีอยู่ คงเป็นจากทางสายมหายานค่ะ

รสาเคยไปที่หมู่บ้านพลัมที่ฝรั่งเศส เป็นวัดเวียดนามนิกายมหายาน เป็นวัดของท่านติช นัช ฮันห์ พระเวียดนาม ที่นี่เห็นมีภิกษุณีอยู่หลายรูปค่ะ
แต่ไม่ใช่ทางสายเถรวาทเด็ดขาดค่ะ

ภิกษุณีที่คุณ uggie* พูดถึง ถึงแม้ว่าจะบวชมาจากศรีลังกาก็ตาม
คงไม่ใช่ทางสายเถรวาทแน่นอนค่ะ




โดย: รสา รสา วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:16:10:33 น.  

 
หน้าอ่านมากๆคะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: เสาวรัตน์ อนุมาศ IP: 203.155.117.16 วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:14:04:14 น.  

 
ขอบคุณค่าคุณเสาวรัตน์ อนุมาศ




โดย: รสา รสา วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:3:05:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

รสา รสา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add รสา รสา's blog to your web]