Group Blog
 
All blogs
 
*** มารู้จัก ตัณหา กันเถอะ ***






สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่าน พระสารีบุตรเถระ


ความรู้จักตัณหา


พระสารีบุตรเถระได้แสดงธรรม หลักปฏิจจสมุปบาท

คือธรรมะที่อาศัยกันเกิดขึ้น ต่อจากคราวที่แล้ว คือ

ชาติมีเพราะเกิดภพ

ภพมีเพราะเกิดอุปาทาน

อุปทานมีเพราะเกิดตัณหา



และจึงถึงตอนที่ท่านพระสารีบุตรได้แสดงอธิบายว่า

สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ก็คือรู้จัก ตัณหา

เพราะอุปาทานมี จึงเกิด ตัณหา

ตัณหาแปลว่า ความทะยานอยาก ความดิ้นรนของจิตใจ

หรือที่เรียกสั้นๆว่า ความอยาก

ความรู้จักตัณหา คือ

รู้จัก รูปตัณหา คือ ตัณหาในรูป


สัททตัณหา คือ ตัณหาในเสียง


คันธตัณหา คือ ตัณหาในกลิ่น


รสตัณหา คือ ตัณหาในรส


โผฏฐัพตัณหา คือ ตัณหาในสิ่งที่ถูกต้องสัมผัส


ธรรมตัณหา คือ ตัณหาในธรรมารมณ์



รู้จักเหตุแห่งตัณหา

ก็คือ รู้จักว่า ความเกิดแห่ง ตัณหา มีขึ้น เพราะ

ความเกิดขึ้น แห่ง เวทนา

รู้จักความดับแห่งตัณหา คือ รู้ว่า ความดับแห่ง ตัณหา

คือ ความดับแห่ง เวทนา

รู้จักทางปฏิบัติแห่งตัณหา คือรู้ว่า มรรค มีองค์ 8

เป็นทางดับแห่ง ตัณหา

ตัณหาเป็นเหตุให้มีภพใหม่

ไปกับนันทิ ความเพลิน

ราคะ ความติดใจยินดี

มีความอภินันท์ คือเพลิดเพลินยินดียิ่งๆ ในอารมณ์นั้นๆ

ได้แก่

กามตัณหา

คือ ตัณหาในกาม

คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่น่ารักน่าใคร่ ปรารถนาพอใจทั้งหลาย

ภวตัณหา

คือ ตัณหาในภพ

คือความอยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่

วิภวตัณหา

คือ ตัณหาในวิภพ

คือไม่อยากเป็นนั่น ไม่อยากเป็นนี่



รู้จักตัณหา ก็คือ รู้จักตัณหาในอายตนะภายนอกทั้ง 6

หรือในอารมณ์ ทั้ง 6

ศัพท์ธรรมะ เรียกอายตนะภายนอก ก็คือ อารมณ์ทั้ง 6

อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ( โผฏฐัพพะ ) และเรื่องราวต่างๆ


อายตนะ แปลว่า ที่ต่อ หรือ ต่อกัน

อายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย มานะ คือ ใจ

อายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และเรื่องราว

เมื่อ อายตนะ ภายในและภายนอกมาต่อกัน ก็จัดเป็นคู่

คือ ตากับรูป ก็ต่อกัน

หูกับเสียงก็ต่อกัน

กลิ่นกับจมูกก็ต่อกัน

ลิ้นกับรสก็ต่อกัน

กายกับโผฏฐัพพะก็ต่อกัน

มานะหรือใจก็ต่อกับเรื่องราว

ฉะนั้นเมื่อต่อกันจึงเรียกว่า อายตนะ



เมื่อมีอายตนะภายนอก ก็ต้องมี อายตนะภายใน

หรือที่เรียกว่า ประตู หรือ ทวารทั้ง 6

ที่เรียกว่า ประตูนั้น คือประตูของ อะไร อะไรที่จะเข้าไป

ก็ตอบว่า เป็นประตูสำหรับอารมณ์ทั้ง 6 เข้าไป

เข้าไปสู่อะไร

ก็ตอบว่า เข้าไปสู่ จิต หรือที่เรียกว่า วิญญาณ

ตัณหาเกิดจากกระแสอารมณ์ผ่านทวารเข้าสู่จิต

เมื่อารมณ์ คือ รูปเข้าไป ก็เกิดตัณหาในรูป

เมื่อารมณ์ คือเสียงเข้าไป ก็เกิดตัณหาในเสียง

เมื่อเป็นอามรณ์ที่รักใคร่ปรารถนา ก็เกิดเป็นกามตัณหา

ลักษณะของตัณหา

เมื่อรวมความเข้ามาแล้ว

ก็เป็นความอยากที่จะดึงเข้ามาเป็นของเราอย่างหนึ่ง

หรือเป็นความอยากที่จะผลักออกไปให้พ้นตัว

เมื่อไม่ปรารถนาหรือไม่ต้องการ อย่างหนึ่ง

หรือทำลายไปให้หมดสิ้น อีกอย่างหนึ่ง

อาการของความอยากดังกล่าวนี้

จึงมีลักษณะที่ดิ้นรน

กระสับกระส่าย

กระวนกระวาย

จิตใจเคลื่อนไหวขยับเขยื้อน ไปในอารมณ์ทั้งหลาย

ด้วยอาการต่างๆดังกล่าวอยู่เสมอ

จิตใจก็ไม่สงบไม่อยู่กับที่ เคลื่อนไหวกระสับกระส่าย

ดิ้นรน กวัดเกว่ง ไปด้วยอาการดังกล่าวไปเรื่อยไม่มีหยุด

เช่นได้ครอบครองสิ่งนี้ก็ไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้

ก็ยังอยากได้ในสิ่งอื่นอีกเป็นสิ่งที่ 2 3 4 5 ไปเรื่อยๆ

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ จิตก็สงบ

พอเกิดตัณหาอีก จิตก็กระสับกระส่ายอีก


เพราะฉนั้นเมื่อดูกระแสจิตอย่างละเอียดแล้ว

ก็จะเห็นว่า

อันกามก็ดี อันตัวเราก็ดี

ย่อมบังเกิดขึ้น และดับไป อยู่ในอามรมณ์นั้นๆ

ติดต่อกันเรื่อยๆตลอดไป

กามและตัวเราของเราบังเกิดขึ้นในสิ่งที่ 1 แล้วก็ดับไป

กามของเราบังเกิดขึ้นในสิ่งที่ 2เกิดขึ้นแล้วดับไป

เพราะฉะนั้น จึงตรัสแสดงว่า เป็นไปเพื่อ ภพใหม่อยู่เสมอ

ภพ คือ ความเป็น ความเป็นเราของเรา

คือตัวเราบังเกิดขึ้นใหม่ในสิ่งนั้นๆอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีหยุด สงบแล้วบังเกิดสิ่งโน้น

สงบ แล้วบังเกิดสิ่งนี้ ก็เป็นอยู่ดังนี้

ทั้งมีความติดใจมีความเพลิดเพลินยินดียิ่งๆขึ้นไป

ในอารมณ์นั้นๆอยู่เรื่อยๆ

อาการดังนี้เป็นอาการ ที่เรียก ว่า ตัณหา

มีอยู่ในจิตใจของสามัญชนทั่วไป เพราะ

ความอิ่มในตัณหานั้นไม่มี

ความอยากอย่างใดอย่างหนึ่ง

ก็จัดเป็นตัณหาทั้งนั้น

ตัณหานั้นเป็นข้อที่อยู่คู่โลก

และย่อมมีอยู่ในสัตว์โลกทั้งหมด

เพราะฉะนั้นต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลก

ต้องเป็นไปอยู่ในโลก

สิ้นตัณหาเมื่อใด ก็เป็น โลกุตตระ

คือ พ้นโลก เหนือโลก

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ตัณหาต้องการจะได้

ต้องการจะเป็น

ก็รวมอยู่ในคำเดียวว่า ทุกข์ คือ ทุกขอริยสัจ


พระพุทธเจ้าจึงทรงชี้ให้เห็น ว่า

ตัณหารวมอยู่ใน ข้อทุกข์ ไว้เป็น ข้อสำคัญ

ตัณหาเกิดขึ้นเพราะ เวทนา

ดับ เวทนาได้ ก็ดับ ตัณหาได้

การจะดับได้ก็เพราะ ปฏิบัติในมรรคมีองค์ 8








Create Date : 02 ธันวาคม 2549
Last Update : 27 เมษายน 2556 21:43:48 น. 0 comments
Counter : 851 Pageviews.

รักดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




นามแฝง ชื่อ รักดี

ชอบดอกไม้ รักหมา

ไม่รังเกียจแมว

ไม่อาลัยในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

อยู่กับปัจจุบัน

และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

ไม่กังวลหรือเป็นทุกข์

กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง












Friends' blogs
[Add รักดี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.