บันไดมนุษย์ images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

ทริปเวียดนาม วันที่สี่ Dec 5: Sapa trekking

วันนี้ผมมีนัดไปเดินสำรวจหมู่บ้านชาวเขา โดยที่จอง Trip นี้กับโรงแรมที่ผมพักในราคาคนละ $9 โดยที่เค้าไม่ได้เป็นคนนำไปเอง แต่ส่งไปในกับอีกที่หนึ่ง แต่ผมก้ไม่ได้ถามว่าโรงแรมที่จัด trip ไปนั้นเท่าไร คิดว่าไม่น่าจะต่างกันมาก

โรงแรมที่จัดนำทัวร์สำรวจหมู่บ้านครั้งนี้ จริงๆถ้าจองทัวร์กับที่นี่อาจจะถูกกว่าก็ได้ ไม่แน่ใจ


อันนี้เป็นแผนที่เมืองซาปาครับไม่เกี่ยวกับทัวร์นี้


การเดินทางครั้งมีนัดกันตอน 9 โมงเช้า รวมไกด์ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้แล้วมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน รายละเอียดของการเดินทางคือ เดินไปหมู่บ้าน Lao Chai และหมู่บ้าน Ta Van ใช้เวลา 1 วันไม่ได้ค้างแรมที่ไหน ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชม พักกินข้าวกลางวันระหว่างทาง นอกจากนี้เค้ายังมีทัวร์แบบ 2 วัน 1 คืน หรือมากกว่านั้นก็มีครับ จะพัก home stay กับชาวเขา สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยสนใจที่จะพัก home stay เนื่องจากว่าอาจจะไม่ได้พิศสมัยกับวิธีชีวิตพวกเค้ามาก

แผนที่การเดินทางวันนี้


แต่ถึงจะเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสั้น สภาพอากาศในวันนี้ก็ยังไม่ดี อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มอุปสรรค ทดสอบความอดทนให้กับพวกเราอีกด้วย

ต้นทางของการเริ่มต้นปกคลุมไปด้วยหมอกหนา


ข้างทางเป็นที่ของชาวเขา เอาไว้ปลูกผัก


อากาศที่ยังคงหนาว เต็มไปด้วยละอองน้ำ ไม่สามารถที่จะแลเห็นถึงสิ่งแวดล้อมข้างหน้าได้


เมฆหมอกในครั้งนี้ ก็มิอาจทำให้เสน่ห์ของการเดินทางลดลง


ไม่แน่อีกหน่อยจะมีเส้นทางปูนให้เดินก็ได้


ดอกไม้ก็สามารถขึ้นมาให้ชมได้เหมือนกันแฮะ


ใช่ว่าจะเดินกันสบายๆงานนี้ เส้นทางเฉอะแฉะ และลื่นเดินลงเขานั้นทำให้ต้องระวังในแต่ละก้าวเหมือนกัน


บางครั้งก็มีต้นไม้สูงๆให้ชมด้วย


แต่ละคนระมัดระวังในการเดินแต่ละก้าวเป็นอย่างยิ่งแถวนี้


พบหมูที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ตามทางที่เดินไปด้วยครับตลกดี


ในบางครั้งจะพบกับเด็กชาวเขา จะเอาไม้ไผ่มาขายใช้เป็นไม้ค้ำยันระหว่างการเดินทาง อันนี้สำหรับบางคนช่วยได้ครับ มีหลายคนในกลุ่มที่อุดหนุน


เนินเขาที่พวกเราเดินลงผ่านมา


พื้นที่เนินเขาถูกเปลี่ยนไปเป็นนาขั้นบันได ต้นไม้ใหญ่หายไปถูกเปลี่ยนไปเป็นแหล่งทำมาหากิน


นาขั้นบันได สิ่งที่เมืองไทยไม่มี


อยากจะเห็นตอนที่มีต้นข้าวขึ้นจังเลย


ทั้งเนินเขามีแต่ขั้นบันได


เมื่อพวกเราเดินทางผ่านพ้นบรรดาเหล่าที่นาทั้งหลาย เราก็รู้สึกว่าอากาศจะเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องถอดเสื้อกันหนาวที่มีอยู่ออกเกือบทุกคน ทั้งนี้เกิดจากความเหนื่อยและร้อนจากการเดิน เสื้อกันหนาวหลายหลากสีสันกับเป็นสิ่งไร้ค่าเกินความจำเป็น ซ้ำยังเพิ่มภาระให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก

บางช่วงของเส้นทางเราก็พบกับเส้นทางน้ำที่เอาไว้หล่อเลี้ยงพื้นที่ด้านล่าง


น้ำตกสายน้อย


จากแม่น้ำสายน้อยรวมเป็นสายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


ลงสู่พื้นสักพักเพื่อที่จะเดินขึ้นเขาบ้าง


พวกเราต้องเดินข้ามสะพานสลิงสีแดงนี้


ประปาภูเขา ใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นท่อส่งน้ำจากลำธารสู่พื้นที่เกษตรกรรม


เป็นการประยุกต์เอาน้ำมาใช้ตำข้าวให้เป็นแป้ง


เครื่องมือช่วยตำข้าวของชาวม้ง พลังงานจากน้ำทั้งนั้นไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเลย


ได้พบโรงเรียนอยู่บนภูเขาด้วย แต่วันนี้ไม่มีการเรียนครับ


สภาพห้องเรียน


พวกเราพักกินข้าวเที่ยงที่นี่ ที่ๆเต็มไปด้วยเหล่าชาวม้งมาขายของให้กับนักเดินทาง


อาหารเที่ยงคือ ขนมปังกับไข่เจียว ใส่แตงกวา มะเขือเทศ ไม่มีใครบ่นกับอาหารมื้อนี้ครับ เพราะว่ากว่าพวกเราจะเดินมาถึงที่นี่ก็ปาเข้าไป 01.30 หิวมากๆ


อีกรูปของการประยุกต์ใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นท่อน้ำ


จากที่พักกินข้าวเที่ยงพวกเราก็ต้องข้ามสะพานกันอีกแล้ว


โบสถ์คริสต์แห่งเดียวของชาวม้งหมู่บ้าน Lao Chai ปรกติแล้วชาวม้งไม่ได้นับถือศาสนายกเว้นแต่ที่นี่ ศาสนาคริสต์ถูกนำเข้ามาที่นี่ ตอนที่ฝรังเศสเข้ามายึดครองเวียดนาม


อีกหน่อยที่หมู่บ้านด้านล่างจะมีไฟฟ้ามาถึงครับ


ชาวม้งเค้าใช้น้ำมาปั่นกระแสไฟฟ้าครับ


แอบถ่ายนักเรียนชาวม้งที่หมู่บ้าน Lao Chai


ชิงช้าของชาวม้งที่หมู่บ้าน Ta Van ที่นี่เค้ามี Home stay อยู่หลายหลังเลยครับ


หลังจากที่พวกเราผ่านหมู่บ้าน Ta Van แล้วก็เป็นอันสิ้นสุดทริป 1 วันสำหรับพวกที่อยู่มากกว่า 1 วันก็จะค้างกันที่นี่ ส่วนพวกเรานั้นมีรถตู้มารับกับไปที่ Sapa รถมารออยู่แล้วไม่ต้องเสียเวลารอเลย

รองเท้าที่ผ่านการลุยมากสำหรับวันนี้


คืนนี้นั่งจิบเบียร์ยี่ห้อ Lao Cai ดีกรีแค่ 3.5% เอง ขวดใหญ่มาก


สรุป

  • ผมมีอันต้องเสียเวลาอย่างมากในการต้องล้างรองเท้าที่เต็มไปด้วยโคลน จากการเดินทัวร์หมู่บ้านในวันที่อากาศหม่นหมอง

  • เส้นทางอันนี้ไม่ยากมากสำหรับผู้ที่จะสนใจ แต่ว่าจะยากยิ่งถ้ามีฝน หรือเหมือนกับผม เพราะว่าจะต้องเดินลุยโคลน บางช่วงพวกเราต้องเดินไปตามแนวของนาขั้นบันได

  • พวกที่ไม่ชอบเลอะ หรือไม่อาจจะเลอะได้ในกรณีใดๆก็ตามควรจะหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่อากาศแย่ๆ

  • จะเห็นว่าผมเน้นเรื่องอากาศมาก เพราะว่าคนไทยไม่ค่อยคุ้นกับอากาศที่หนาว ฝนตก ชื้นแฉะในเวลาเดียวกัน แค่เครื่องกันหนาวงานนี้ไม่พอครับ มันต้องมีอุปกรณ์กันฝนด้วย

  • คำพูดที่ผมใช้บ่อยที่สุดกับชาวม้ง "No thank you" พูดจนเมื่อยเลย

  • ถ้าอากาศนี้กว่านี้หรือมาในฤดูร้อนคงจะสวยกว่านี้ครับ




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2549    
Last Update : 17 ธันวาคม 2549 15:49:27 น.
Counter : 2854 Pageviews.  

ทริปเวียดนาม วันที่สาม Dec 4: Lao Cai – Sapa (All day in Sapa)

แล้วก็มาถึงเช้าที่รอคอย รถไฟมาถึงที่สถานี Lao Cai ตอนตี 5.30 สำหรับผู้ที่เดินทางไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ตื่นจะมีคนมาแคะปลุกให้ตื่นเพราะเป็นสถานีปลายทางแล้ว นอนต่อไม่ได้ สำหรับผมแล้วตื่นนอนก่อนที่เค้าจะปลุกอีก ที่จริงก็คือนอนไม่ค่อยจะหลับไม่ชินกับการนอนบนรถไฟ ผมจึงมีเวลาล้างหน้าแปรงฟันบนรถไฟก่อนลง ไม่มีของมาขายบนรถไฟเที่ยวนี้นะครับ

สถานีรถไฟ Lao Cai


เมื่อถึงที่แล้วก็มีพวกคนเวียดนามคอยมาถามว่าจะไปซาปา กับเค้าไหมเยอะไปหมด ผมถามราคาค่อยรถจากชาวเวียดนามที่นอนห้องเดียวว่าเค้าไปซาปาจ่ายเท่าไหร่ เค้าว่า 25,000 สำหรับรถตู้ ผมไม่มีกลวิธีที่จะคัดเลือกผู้ประกอบการรถตู้ว่าควรจะไปกับคนไหนหรอกครับ ผมก็แค่ถามราคาว่าคนละเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ 25,000 ผมก็ไม่เอาก็เท่านั้น

รถตู้คันที่ผมนั่งไปซาปา


ที่รถตู้นี้ไม่มีคิว แล้วแต่ว่าคนขับจะไปแย่งชิงผู้โดยสารมาได้มากน้อยขนาดไหน รถที่ผมนั่งนั้นฝีมือไม่ค่อยดีครับโชคร้ายมาก รถไฟรอบที่ผมนั่งหามาได้แค่ 3 คนเค้าก็เลยยังไม่ไปซาปารอรถไฟอีกรอบที่จะมาถึงก็ประมาณตอน 6.30 ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้นะครับ เห็นว่าเค้าไม่ได้โกงอะไร เมืองไทยก็ทำแบบนี้ ไม่เกือบเต็มก็ไม่ไป และก็ไม่ได้มีแค่คันผมคันเดียว ยังมีอีกเยอะที่ไม่ได้ไป รู้อย่างนี้น่าจะรวมกันไปดีกว่าแฮะ ซักพักเมื่อมีรถไฟคันใหม่มาก็ได้คนเพื่มครับ ก็ได้ไปตอน 6 ครึ่งกว่าๆ (รีบไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไร)

รถตู้ที่มารอนั่งท่องเที่ยว


ใช้เวลานั่งรถตู้ ฝ่าสายหมอกหนาๆ ประมาณ 1 ชม. หมอกหนาจริงๆเพราะว่ามองไม่เห็นวิวข้างทางเลย ได้แต่หวังว่าหมอกจะจางไปเร็วๆ จะได้เห็นวิว แต่ก็ไม่เห็นจนมาถึงที่ซาปาครับ

โรงแรมที่ซาปานั้นผมไม่ได้จองไปเข็ดแล้ว ไปหาที่นั้นเองดีกว่ากะว่าจะไป Walk in สักหน่อยแต่เอาเค้าแล้วก็ไม่ได้ทำ ผมโชคอีกว่าตอนที่อยู่ในรถนั้นไปคุยกับคนเวียดนามถูกคอเข้า พอดีเค้าก็มาเที่ยวซาปาด้วยเหมือนกัน เค้าก็เลยบอกว่าไปพักที่โรงแรมเดียวกับเค้าสิ ไม่แพงหรอก ผมก็เลยตัดปัญหา เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อใจกันก็ว่าได้ยังไงก็เข้าไปดูโรงแรมก่อน ไม่เอาก็ค่อย Walk in ก็ได้

ที่รถตู้ที่ผมนั่งจะมีเด็กรถตู้ด้วย ไม่รู้ทำไมพอตอนแรกเค้ารู้ว่าผมยังไม่มีที่พัก เค้าก็บอกว่าเค้านะเป็น Center ของ Agency นะเค้าติดต่อให้ได้ผมเบื่อกับคำพูดแบบนี้มากผมก็เลยบอกว่า “No, thank you” แล้วไม่มองหน้าอีกต่อไป เค้าคงจะรู้ได้ว่าผมคงจะไม่เอาจริงแน่นอนก็เลยไม่ได้ตื้อ

เมื่อรถตู้มาถึงซาปาเค้าจะจอดให้คนลงที่จัตุรัสดาวแดง (อันนี้ผมเรียกเอง) พวกนายหน้าหาลูกค้าก็จะกรูเข้ามาถามเรื่องที่พัก เผอิญผมจะไปโรงแรมเดียวกับคนเวียดนามนั้นอยู่แล้วก็เลยรอดตัวไป มันเหมือนสงครามแย่งนักท่องเที่ยวมากเลย

โรงแรมที่ผมพักราคาถูก บริการดี


ชื่อโรงแรมที่ผมพัก


ที่อยู่ของโรงแรม


โรงแรมที่ผมตามคนเวียดนามไปอยู่ห่างจากที่เค้าปล่อยลงจากรถตู้ประมาณ 5 เมตรเองครับ ราคาค่าห้อง $4 ขึ้นไปดูห้องก็ ok มีน้ำอุ่น แอร์ไม่ต้องหนาวอยู่แล้ว อย่างอื่นก็ Ok ราคาไม่แพงเอาเลยดีกว่าถูกแล้วก็ดี แต่ว่าวิวอาจจะไม่ดีเท่าพวกแพงๆ แต่ก็มีหน้าต่าง ไม่ได้เล็กๆนะครับ

หลังจากได้ห้องแล้ว ก็ถึงเวลาไปหาอาหารเช้า คราวนี้หาพวกข้างทางไม่มีแฮะ เลยไปได้ร้านอาหารร้านหนึ่งในเมือง มีราคาและ Menu ให้ดูก่อนที่หน้าร้านด้วย ราคาก็ไม่ได้แพงเลยครับ เมื่อกินข้าวผัดรสชาติเวียดนาม ราคาก็ประมาณที่เมืองไทย

ร้านอาหารเช้า


บรรยากาศภายในร้าน


ทดลองกิน Spring roll ที่ซาปา


หมอกลงจัดที่ซาปา


อากาศที่ซาปาวันนี้ตกลงก้อเต็มไปด้วยหมอก ละอองน้ำ ไม่ได้จางหายไปเลย มันยิ่งทำให้ความหนาวเย็นเพิ่มมากขึ้น ลมและน้ำเมื่อมาปะทะกันแล้ว ต้องพึ่งเสื้อที่กันลมกันน้ำด้วย ไม่งั้นต้องซื้อเสื้อกันฝน หรือร่มแน่นอน สภาพอากาศแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินสำรวจเมืองมาก หนาวเย็น มองเห็นได้ไม่ค่อยจะไกล ตกลงก็คือผมก็ไปไหนไกลไม่ค่อยจะได้ มองไม่เห็นจริงๆ ได้แต่ถ่ายรูปรอบๆ เดินดูตลาด เข้าร้านโน่น ออกร้านนี้ ใช้เวลากับร้านอาหารค่อนข้างมากสำหรับวันนี้ (ดีกว่าอยู่เฉยๆที่โรงแรม สำหรับผมนะ)

ร้านค้าที่ซาปากับวันที่หมอกลง


มืดมนจริงๆวันนี้


สภาพบ้านเมืองของชาวซาปามีลักษณะเป็นร้านเล็กๆขายอาหาร ขายของที่ระลึก ไม่ก็ทำเป็นโรงแรม มีชาวเขา ชาวเมืองอาศัยอยู่รวมกัน บ้างก็ซื้อของกันเอง บ้างก็ขายแก่นักท่องเที่ยว

ตลาดขั้นบันได


ตลาดขั้นบันได 2


รายการโทรทัศน์ในโรงแรมที่ผมพักมีอยู่ 2 ช่องไม่มีภาษาอังกฤษเลย แต่เปิดเอาไว้ขจัดความเงียบและดูข่าวพายุที่พัดเข้าเวียดนามช่วงนั้น มีเรื่องน่าสนใจอยู่ว่ามีช่วงที่เป็นละคร เดาว่าเป็นหนังฮ่องกง ทางนั้นเค้าจะพากย์ภาษาเวียดนามทับไปเหมือนบ้านเรา เพียงแต่ว่าเค้าใช้คนเพียงคนเดียว คือมีแค่เสียงเดียว ไม่ว่าตัวละครในโทรทัศน์จะเป็นใครก็ตาม ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนชรา ฟังดูก็ตลกดีครับ

โบสถ์ที่ซาปากับวันมัวๆ


จัตุรัสดาวแดง


รถจักรยานขายข้าวโพดแถวโบสถ์


แม่ค้าขายไข่ปิง มันเผา เกาลัด


ของว่างยามที่ไม่มีอะไรทำที่ร้าน Mimosa แต่ราคาไม่ถูก


อาหารกลางวัน ส่วนใหญ่จะสั่งแต่ก๋วยเตี๋ยว


คืนนี้ผมตัดสินใจเลือกร้านอาหารที่อยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่ง ผมต้องเดินฝ่าสายหมอกไปตามถนนสายหลัก มีเพียงผู้คนไม่กี่คนเท่านั้นเป็นผู้ร่วมเดินทาง อาจจะเป็นเพราะว่าอากาศที่แสนจะทรมาณ น่าเศร้าโศกให้กับผู้อาศัยอยู่หรือผู้มาเยือน ทำให้เขาเหล่านั้น พึงพิงความอบอุ่นอยู่ในห้องก็เป็นได้

มื้อเย็นทดลอง Pizza รสชาดไม่เลวครับ มีหลายหน้าให้เลือก


ได้ลองเบียร์ Local ด้วยดีกรีแค่ 4% เองครับ


อากาศหนาวครับ จนที่ร้านอาหารต้องมีถ่านให้ความอบอุ่น


สรุป
• ระยะทางจาก Lao Cai – Sapa 100 Km ค่ารถตู้ 25,000 vng เสียราคาเดียวกันหมดต่างชาติหรือเวียดนาม แต่รถแบบอีกไม่ทราบจริงๆ
• อย่าไปจองรถตู้จากฮานอยครับ เพราะพวกนี้จะบวกเพิ่มอยู่แล้ว โรงแรมขี้โกงที่ผมนอนที่ฮานอยคิดคนละ $5 แพงโคตรแต่ผมไม่ได้จองไป
• ตอนที่ไปอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบนี้ $1 US ~ 16,000 vng ~ 36.5 Baht , 1 Baht ~ 438 vng
• ควรจะนั่งรถตู้แถวหน้าน่า เพราะอาจจะเกิดอาการจะอ๊วกได้ถ้าเป็นคนเมารถง่ายๆ เส้นทางคดเคี้ยว แต่ไม่ชัน
• ตลาดสดที่นั้นก็คล้ายๆที่ฮานอย หรือบ้านเรา ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้ผมแปลกใจแต่อย่างใด
• ผมชอบขอน้ำร้อนที่โรงแรมมากินกับชาในห้อง ชานี่ ผมเตรียมมาเอง จริงๆที่ห้องก็มีให้






 

Create Date : 15 ธันวาคม 2549    
Last Update : 15 ธันวาคม 2549 23:33:08 น.
Counter : 837 Pageviews.  

ทริปเวียดนาม วันที่สอง Dec 3: Hanoi all day

ตื่นนอนตั้งแต่ 7 โมงเช้าครับท่าน รีบทำธุระส่วนตัวเพื่อที่จะลงไปตกลงเรื่องตั๋วรถไฟที่จะไป Lao Cai คืนนี้ (ตอนนี้อยากจะรีบไปจากโรงแรมนั้นให้เร็วที่สุด) ใช้เวลาในการคุยนานมาก เหนื่อยมากด้วย และรู้ว่าถูกโกงราคาค่าตั๋วรถไฟด้วย แต่ว่ากลัวจะไม่ได้ตั๋วรถไฟคืนนี้ก็เลยตกลงราคาไป ซึ่งทางโรงแรมขี้โกงให้ราคาตั๋วรถไฟไป Lao Cai เที่ยวละ $22 ผมไม่อยากจะยอมเลยแต่ Ok ให้มันจบๆไปเลยวันนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะได้รีบออกไปเที่ยว

แต่เมื่อต้องจ่ายเงินรู้ไหมว่า อัยพวกนี้มันบอกต้องจ่ายค่า VAT อีก 10% ทั้งค่าตั๋วรถไฟไปกลับ และค่าห้องอีก ไม่จ่ายก็ไม่ยอม ผมฉุนมากเลย ไม่มองหน้าไม่คุยกับอัยพวกนี้อีกเลยถ้าไม่จำเป็น เสร็จจากการจ่ายเงินอันสุดทนแล้ว และต้องรอเอาตั๋วรถไฟจากพวกที่โรงแรมตอนเย็นอีกครับ (ตอนนั้นตั้งความหวังว่าคงจะไม่โกงอีกนะ) ผมก็ออกไปหาข้าวเช้าแถวโรงแรม

เดินไปเรื่อยๆก็ได้ร้านอาหารข้างทาง มีลักษณะเป็นก๋วยเตี๋ยว สื่อสารกันไม่ได้ได้แต่ชี้นิ้วเอา อาหารอาหร่อยดีครับในความรู้สึกผมนะ ค่าอาหารมื้อนั้นจ่ายไปคนละ 4,000 vng ไม่รู้ว่าถูกโกงอีกหรือเปล่า แต่ไม่ได้ต่อราคานะครับวัดใจไปเลย

ป้าขายก๋วยเตี๋ยวริมทาง สื่อสารกันด้วยภาษามือ


เฝอมื้อนี้ถูกปากครับ ราคาไม่แพงแต่เนื้อน้อย มีผักเยอะ


ทานข้าวเช้าเสร็จก็รีบไปเก็บของและ Check out ออกจากห้อง เอาของฝากที่โรงแรมไว้ (หวังว่าของจะไม่หายนะ) แล้วก็เริ่มเดินตามแผนที่จากหนังสือ Lonely Planet ครับ

แผนที่การเดินทางวันนี้


แม่ค้าขายของที่เวียดนาม บ้างก็ขนของด้วยจักรยาน บ้างก็หาบมาขาย สถานที่วางขายทำได้ทั่วไปตามฟุตบาท ไม่มีเขตแดน


ผมเริ่มต้นที่ทะเลสาบคืนดาบครับ เข้าไปดูวัดข้างใน หลังจากนั้นก็เดินไปตามย่าน OLD Quarter

ร้านอาหารบริเวณห้าแยก ตรงที่ข้ามถนนยากมากครับ แรกๆ งง มาก ไม่รู้จะข้ามไง ตอนหลังเดินผ่าเข้าไปเลย แต่ก็ต้องดูรถเหมือนกันนะครับเวลาข้ามถนน


สะพาน Huc ใช้ข้ามไปที่วัด Ngoc Son บริเวณทะเลสาบ Hoam Kiem


ภายในวัดครับ ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย


อีกรูปสำหรับภายในวัด


Martyrs' Monument เพื่อผู้ที่จากไปในสงครามเวียดนาม


อากาศที่ฮานอยวันนี้ไม่ร้อน ออกจะหนาวด้วยซ้ำ มีเมฆมากเนื่องจากอิทธิพลพายุทุเรียน ร้านค้าที่ย่านนี้เค้ารวมกันเป็น Cluster ดีผมชอบนะเวลาไปหาซื้ออะไรก็ง่าย ราคาก็ได้ดีเพราะมีการแข่งขัน ที่ผมเห็นก็มีขายกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า สมุนไพร่ ป้ายหลุมศพ ทำเหล็กสังกะสีต่างๆ และอีกเยอะจำไม่หมด

มีโอกาสได้ไปสัมผัสตลาดสดที่ย่าน OLD Quarter อาหารก็คล้ายๆกับที่ตลาดคนไทย และมีโอกาสได้แวะไปชิมพวกขนมหวาน อร่อยดีผมชอบอีกแล้ว ราคาก็ 5,000 vng อันนี้ไม่น่าจะโกงนะ

แม่ค้าขาย Spring roll ที่ตลาด


ถ่ายไม่ชัด แต่เป็นรูปที่เค้าขายน้ำครับ


ขนมหนาวหน้าตาคล้ายๆของเราเลย


มีทั้งแบบร้อนและเย็น เค้าใส่แก้วให้แบบนี้


ส่วนใหญ่ใช้จักรยานและมอเตอร์ไซด์ วุ่นวาย เสียงแตรมาก จะข้ามถนนก็ยาก


โบสถ์ St. Joseph คนที่นี่หลายคนนับถือศาสนาคริสต์


สามารถเดินเข้าไปดูด้านในได้ คนไม่ค่อยเยอะดี


อีกรูปภายในโบสถ์


พักกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารสวยๆ แถวทะเลสาบ พักที่ร้านนี้นานหน่อยเนื่องจากเดินมาเมื่อยแล้วเหมือนกัน อาหารที่ร้านนี้ถ้าเป็นอาหารจานเดียวก็อยู่ที่ 20,000-30,000 vng ครับ ร้านพวกนี้จะมีเมนูให้ดูก่อน ผมก็เลย วางใจได้ว่าไม่ถูกโกงราคาแน่นอนคราวนี้

อาหารยามบ่าย


สามารถออกไปนั่ง Chill Chill นอกชานได้ที่ร้านนี้



ช่วงบ่ายผมได้ไปสัมผัสห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งของเวียดนาม แต่ผมเทียบเค้าเหมือนกับห้างพาต้าของบ้านเราครับ เพราะว่าเห็น Lift แก้วคล้ายๆกัน เดินสักพักก็ไปเดินเล่นที่ OLD Quarter ต่อและก็ไปจองตั๋วรอดู Water puppet ในรอบ 16.00 น ผมซื้อบัตร first class ในราคา 40,000 vng ครับ

ร้านกาแฟแถวทะเลสาปบรรยากาศดีครับ


ห้างของเค้าไม่หรู เอาไว้เข้าห้องน้ำ กับซื้อของที่ Super


สำหรับหุ่นกระบอกน้ำ ผมว่าก็ Ok สำหรับการศึกษาวัฒนธรรมของเวียดนามนะครับไปดูไม่เสียหาย แต่ฟังไม่รู้เรื่องนะครับเค้าพูดเป็นภาษาเวียดนามล้วนๆเลย

ตั๋วดู Water puppet first class ราคา 40,000 vng


เมื่อดูเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเย็นที่ร้านข้างถนนอีกแล้ว ราคาก็ไม่ค่อยแพงอีกนะครับ ซึ่งกินอาหารมื้อนี้ผมได้น้องๆชาวเวียดนามมาคอยช่วยครับ เค้าก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรอกครับ แต่เค้าตั้งใจช่วยผมแน่นอน

อาหารเย็นก็คือ Spring roll ข้างถนน


อันนี้ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว แต่เป็นหัวไชเท๊า กับผัก


เมื่อได้เวลาที่ผมต้องกลับโรงแรมขี้โกง เพื่อจะต้องไปอาบน้ำและไปเอาตั๋วรถไฟ สรุปก็ได้ตั๋วรถไฟมานะครับ แต่ก็ไปลุ้นอีกทีว่าจะได้ตรงตามห้องที่ผมจองหรือเปล่า

ผมคุยกับทางโรงแรมเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เค้าเรียก taxi ให้เพื่อที่จะพาผมไปส่งที่สถานีรถไฟ ค่าtaxi 15,000 vng ไม่แพงอย่างที่ผมคิดเลยครับตอนแรกที่ผมถามทางโรงแรมเค้าบอกว่า 30,000 ด้วยซ้ำ

เมื่อผมหลุดจากโรงแรมได้ผมสบายใจสุดๆครับบอกไม่ถูกทีเดียวเลย ที่สถานีรถไฟคนข่อนค้างเยอะทีเดียว มีทั้งนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติและชาวเวียดนาม ผมไปถึงสถานีตอน 2 ทุ่ม รถไฟออก 9.20น ทำให้มีเวลาไปนั่งกิน ชา กาแฟ หน้าสถานีก่อน ประตูทางเข้าไปที่ขบวนรถไฟเปิดให้เข้าตอนประมาณ 8.30 รถไฟที่ผมจะไปคือ SP1 ขึ้นที่ Platform 6 เดินเข้าไปหาไม่ยากเลยสบายมาก ตั๋วเค้าจะบอกว่าอยู่ตู้ไหน เตียงไหน ไม่หลงแน่นอน

สถานีรถไฟ คนเวียดนามใช้กันเยอะ


เดินกันไปที่ platform ที่ 6


ภายในห้องที่มี 4 เตียง ตอนกลางคืนต้องปิดห้องด้วย


เพื่อนร่วมห้องผมเป็นชาวเวียดนามใจดี ช่วยสอนภาษาเวียดนามที่จำเป็นให้ เช่น เรื่องตัวเลขราคา ราคาเท่าไร และก็เลยถามต่อว่าเค้าซื้อตั๋วมาเท่าไร $16 เองครับผมซื้อตั้ง $24(รวมVatแล้ว) แหนะ คุยกันจนถึง 10.30 ก้อขอตัวไปนอนครับ รอวันฟ้าใหม่ที่ Lao Cai

สรุป

  • ถ้ากินอาหารข้างทางเค้าจะไม่มีน้ำมาให้ ต้องไปสั่งต่างหาก บางร้านก็ไม่มีขายด้วยซ้ำ
    • ค่ารถไฟ Hanoi – Lao Cai ที่ผมซื้อเที่ยวละ $24 ไปกลับก็ $48 จริงๆถ้าสามารถให้คนเวียดนามซื้อแค่เที่ยวละ $16
    • ผมจอง soft sleeper, 4 berth A/C SP1/2
    • ซื้ออาหารข้างทางกินต้องระวังถูกโกงครับ เพราะว่าแม่ค้าคุยกันไม่รู้เรื่อง
    • เดินเล่นที่ย่าน Old Quarter ใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็หมดครับ ไม่รวมพวกนักถ่ายรู้นะครับ
    • ผมใช้ห้องน้ำฟรีที่ห้างสรรพสินค้า และที่ Water puppet theater ส่วนห้องน้ำแถวทะเลสาบราคา 1,000 vng
    • ราคาตั๋วของหุ่นกระบอกน้ำมี 2 แบบ first class 40,000 vng และ second class 20,00 vng เริ่มแสดงช่วงบ่ายๆ ไปซื้อบัตรไว้ก่อนก็ได้ครับเพราะช่วงเย็นทัวร์จะมาลง คนเยอะ
    • ถ้าจะถ่ายรูปที่หุ่นกระบอกน้ำนั้นต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ผมว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายครับ ไม่มีใครตรวจหรอกครับแน่นอน




     

    Create Date : 14 ธันวาคม 2549    
    Last Update : 14 ธันวาคม 2549 23:30:57 น.
    Counter : 1055 Pageviews.  

ทริปเวียดนาม วันแรก Dec 2: Bangkok – Hanoi

วันแรก: อุปสรรค และกลโกง
วันนี้เป็นวันที่จะต้องออกเดินทางไปเที่ยวเวียดนามแล้ว ทริปนี้ได้วางแผนมานานหลายเดือนแล้ว โดยที่จุดประสงค์ของการไปเวียดนามครั้งนี้คือการไปพิชิตยอดเขา Fansipan ที่สูงที่สุดในแถบอินโดจีน การเตรียมตัวไปครั้งนี้หนักไปทางอุปกรณ์กันหนาว และชีวิตที่ใช้ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ Sapa เมืองที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ฉะนั้นอุปกรณ์ที่ผมเตรียมไปที่อาจจะไม่เหมือนคนอื่นก็คือ ถุงนอน และเสื้อผ้าอุปกรณ์กันหนาวที่เหมาะสำหรับการไปเดินป่า

เช้าวันนี้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย เหมือนกับว่าจะแค่อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ไปไหน ตื่นมาก็ดูการ์ตูนเหมือนปกติ ทำอะไรเหมือนวันหยุดธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น ผมมานั่งคิดถึงอารมณ์นี้ก็รู้ว่า เป็นเพราะต้องลางานไปหลายวันและก็ยังเป็นห่วงงานอยู่ ก็เลยเหมือนกับว่ายังไม่อยากไปไหน อยากอยู่เมืองไทยทำงานมากกว่า แต่ทำไงได้ละทุกอย่างถูกจองไว้แล้ว ยังงัยก็ต้องไปละ

ก่อนวันเดินทางผมได้ message จาก Airasia ว่า flight ที่ผมจะไปเลื่อนออกจากเวลา 17.35 ไปเป็นเวลา 19.45 ซึ่งผมก็ไม่ชอบให้มันเลื่อนไปอย่างนี้หรอกครับเพราะไม่อยากจะไปถึงดึกเกินไป นี่ยังดีนะเดี๋ยวนี้ทาง Airasia ยัง message มาบอก ทำให้ผมไม่ต้องไปรอที่สนามบินนานเกินไป ผมเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอน 5 โมงเย็นก่อนเครื่องออก 3 ชม. เนื่องจากไม่เคยมาสนามบินแห่งนี้มาก่อนก็เลยอยากจะลองมาเดินดูก่อน แต่แล้วอุปสรรคก็เริ่มต้นทดสอบการเดินทางครั้งนี้

หน้า Counter check-in ของ Airasia คนของเค้าช่วยเหลือผมดีมากครับขอยกย่อง


ตอน Check in ที่ counter ของ Airasia นั้น Passport ของคุณแฟนนั้นจะหมดอายุภายใน 5 เดือนนี้ ทางสายการบินเค้าบอกไม่อยากให้ไปกลัวว่าจะไปมีปัญหาที่ Immigration ที่เวียดนาม ทางสายการบินก็ช่วยเหลือดีนะครับ อันนี้ขอยกย่องจากใจเลย คือนั้นกรณีนี้เค้าแนะว่า 1.ให้ทำเรื่องเลื่อนตัวออกไปก่อนได้ภายใน 3 เดือน 2.เปลี่ยนไปประเทศที่ต้องการ passport มีอายุไม่ถึง 6 เดือนก็ได้เช่น จีน หรือ มาเก๊า

แต่ก็ไม่ได้ใช้ทั้ง 2 ทางหรอกเพราะว่าคุณแฟนเค้ามี passport 2 เล่มก็เลยให้ที่บ้านเอาอีกเล่มมาให้ ก็เลยรอดตัว ได้ไปเวียดนามจนได้

จอแสดงตารางการบิน


ภายในอาคารผู้โดยสาร


ก่อนไปก็กินข้าวที่ Food center ชั้นล่างก่อน


รอขึ้นเครื่อง แสงไฟแถวนี้ไม่สว่างเลย


เครื่องออกจริงตอน 2 ทุ่มใช้เวลาเดินทาง 2 ชม ก็มาถึงสนามบินฮานอย ผ่าน Immigration รับกระเป๋าก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่แล้วกลโกงอย่างแรกของเวียดนามก็เริ่มขึ้น

มีคนมารับผมด้วยที่สนามบินทั้งๆที่ผมไม่ได้ติดต่อให้ทางโรงแรมมารับเลย ผมก็คิดมาจากไหนเนี่ยไม่ไปด้วยดีกว่าอาจจะพาเราไปไหนก็ไม่รู้ ผมจึงหันไปหารถ taxi คันละ $10 ดีกว่า

ผมบอกให้ taxi ไปส่งที่ โรงแรม Prince hotel ซึ่งจองเอาไว้ทาง internet ตั้งแต่เมืองไทยแล้ว แต่เอาเข้าจริง taxi พาไปโรงแรมไหนก็ไม่ทราบครับคนละเรื่องเลยมารู้อีกทีว่าชื่อโรงแรม sunflower hotel (จำให้แม่นๆเลยนะว่าโกงสุดๆ)

คนของทางโรงแรมบอกผมตอนไปถึงว่าโรงแรมที่ผมจองนะเต็มแล้วพักที่เค้านะแหละแล้วราคาที่เท่ากัน ผมเห็นว่ามันเกือบ 5 ทุ่มแล้วคงจะไม่มีปัญญาไปหาโรงแรมใหม่แน่เลยไม่เคยมาเวียดนามมาด้วย เอาก็เอาโรงแรมนี้ เพราะว่าขึ้นไปดูห้องแล้วก็ OK ราคาก็ $10 เท่ากับที่จะต้องจ่าย ผมก็ทั้งเหนื่อย เบื่อ เซ็งมากก็เลย แต่ยังงัยคืนนี้ก็พักที่นี่แหละ พรุ่งนี้ต้องไปรบกับอัยพวกนี้อีก

ห้องพักราคา $10 US


ภายในห้อง


คืนแรกนี้ตื่นมากลางดึกอีกทีเนื่องจากขาเป็นตะคริว ก็เลยต้องลุกขึ้นมายืนคลายกล้ามเนื้อ สงสัยเป็นเพราะหนาว

สรุปว่า การเดินทางไปเวียดนามถึงตอนกลางคืนต้องระวัง taxi สนามบินด้วย พวกนี้จะพานักท่องเที่ยวไปโรงแรมที่ทำ contact ไว้แล้ว ไม่สนอะไรทั้งสิ้น ทางที่ดีให้รถของทางโรงแรมมารับดีกว่า แล้วโรงแรมพวกนี้เค้าจะอ้างอะไรก็อย่าไปเชื่อ มั่วๆทั้งนั้น

นามบัตรของโรงแรมขี้โกง



สถานที่โรงแรมขี้โกง




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2549    
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 21:12:45 น.
Counter : 1210 Pageviews.  

1  2  

ลานสน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ตราบที่ยังมีความฝัน ตราบนั้นก็ยังเดินหน้าสู้ต่อไป
Custom Search
Friends' blogs
[Add ลานสน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.