ชำแหละ/รีวิวหนังสือ/อ่านแล้วบอกต่อ
Group Blog
 
All blogs
 

กันต์นัทธ์รำพัน : ชีวิตจริงยิ่งว่านิยาย

ชีวิตจริงมันยิ่งกว่านิยาย เมื่อได้รู้ว่านางเอกนางหนึ่ง สวย เริด เฉิด หยิ่ง ทิ้งแฟนตำรวจยศพันโทไป ด้วยเพราะตำรวจนายนั้น "หนี้เยอะ" เรื่องอะไรนางจะต้องมาชดใช้ "หนี้อะไรที่ไม่ได้ก่อ" ว่าแล้วก็พลันหันหัวเข็มเบนกลับไปหากิ๊กอีกคนที่เป็น "สต๊อก" ของนาง และหมายหมั้นปั้นมือหมายจะวางแผนแต่งงาน "อีกครั้ง"

แรกเริ่มเดิมทีที่กันต์นัทธ์ได้ยินเรื่องนี้ ในใจยังนึกสงสารนางเอกนางนี้ที่นางคงเป็นคนที่มีนิสัย "ขี้เหงา" และคงมีความรู้สึก "ขาด" อะไรบางอย่างในชีวิต สังเกตได้จากการที่นางมักโพสเฟซถึงกิจวัตรประจำวันของนาง เพื่อเช็คเรตติ้งยอด like และ comment ที่มีเข้ามาใน Status ของนาง แม้กระทั่งในเวลาที่นางได้รับบาดเจ็บจากการโดนมีดบาด นางยังห่วงถ่ายรูปในยามที่เลือดสดๆ ไหลอาบนิ้วของนางเพื่ออัพเฟซมากยิ่งกว่าการปฐมพยาบาล First Aid เสียอีก 


นางยังเล่าด้วยความภาคภูมิใจเมื่อครั้งยังคบกับนายตำรวจยศพันโทในขณะที่ซุกกิ๊กในสต็อกไว้ด้วยว่า ชายทั้งสองไม่รู้หรอกว่านางมีคนในสต๊อก เพราะเมื่อตอนที่นางอัพ status กับตำรวจพันโทให้ชาวบ้านชาวช่องให้รับรู้เรื่องของนางอยู่นั้น แต่ก็มีเพียงกิ๊กในสต๊อกของนางเท่านั้นที่ "ไม่รู้" นั่นก็เพราะนางซ่อนไว้ และนางก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้กับตำรวจพันโท ยามที่นางจะอัพรูปไปเที่ยวกับหนุ่มอีกคน OH MY GOD !! นี่ นางสับรางได้เก่งกว่าผู้ชายบางคนซะอีกนะเนี่ย

แต่สิ่งหนึ่งที่กันต์นัทธ์รู้สึกชื่นชมนางเอกนางนี้คือ นางรู้จัก "รัก" โดยที่ไม่ "หลง" ในยุคที่หญิงชายเท่าเทียมกัน คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากอยู่ร่วมกับผู้ชายที่มี "หนี้เยอะ" ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะดู perfect ก็ตาม นางไม่หลงไปกับความ perfect จอมปลอมนั้น นางรู้จักถอย, ชิ่ง และ จบ ความสัมพันธ์ได้อย่างฉลาดและประนีประนอมที่สุด ด้วยประโยคที่โพสขึ้นบนเฟซว่า "จบนะ เลิกอย่างเป็นทางการ จากกันด้วยดี ต่อไปจะได้ยังคุยกันและเป็นเพื่อนกันได้" และ บลา บลา (จำไม่ได้) สิ่งที่สัมผัสได้ คือ นางฉลาด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความฉลาดแบบแปลกๆ นั่นแหละ

แปลกยังไง ก็แปลกตรงที่สมัยนี้เรื่องการ "คบซ้อน" เหมือนจะกลายเป็นเรื่องเกือบจะปรกติไปแล้ว เห็นได้จากสื่อหลายๆ สื่อก็มักจะนำเสนอเรื่องแบบนี้อย่างเสมอไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย มันเหมือนกับว่า ในเมื่อผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้ หรือ ใครๆ เขาก็ทำกัน ในสมัยนี้

ใครที่เป็นอย่างนี้ถามหน่อยเถอะ ว่า "มีความสุขไหม" ถ้ากำลังมีความสุขอยู่ ช่วยตอบหน่อยเถอะว่ามันมีความสุขยังไง

เพราะอยากจะเปรียบเทียบกับคนอีกประเภทหนึ่งที่เขาเรียกกันว่า "หลงรักหัวปักหัวปำ" หรือ "รักจนโงหัวไม่ขึ้น" ว่ามันดีกว่ากันยังไง

หึ หึ หรือว่าในยุคที่ทุนนิยมกำลังแผ่ขยายสยายปีกอยู่นี้ นี่คือหลักการทางเศรษฐศาสตร์ที่คนยุคนี้สมัยนี้นำมาใช้ในการตัดสินใจเลือกคู่ครอง?






 

Create Date : 11 กันยายน 2557    
Last Update : 11 กันยายน 2557 11:39:46 น.
Counter : 3752 Pageviews.  

กันต์นัทธ์รำพัน : อยากลาออกจากงานประจำ กำลังมองหาอาชีพใหม่สำหรับตัวเอง

อยากลาออกจากงานประจำ กำลังมองหาอาชีพใหม่สำหรับตัวเอง

มองคนขายผัดไท
คนขายต้องยกตะหลิว 10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผัดไท 1 ห่อ
วันหนึ่งขายผัดไท 150 ห่อ
ดังนั้นต้องยกตะหลิว ทั้งหมด 1,500 ครั้ง/วัน !!!
OH MY GOD !!! งานแบบนี้ฉันทำไม่ได้แน่   

มองคนขายเสื้อผ้าแฟชั่น
เสื้อ 1 ตัว กำไรตัวละ 50 บาท เดือนหนึ่งฉันอยากได้กำไร เดือนละ 20,000 บาท (อย่างต่ำ) ต้องขายเสื้อให้ได้เดือนละ 400 ตัว/เดือน หรือหมายถึงต้องขายให้ได้ ประมาณวันละ 13-15 ตัว/วัน
โอ้ !! แม้จะมีลุ้น แต่ฉันคงขายไม่ได้แน่ แล้วไหนจะค่าเช่าที่ และค่าเงินเดือนตัวเอง หักแล้วฉันน่าจะเหลือแค่หมืนหรือไม่ถึงหมืน ถ้างั้นฉันทำงานประจำดีกว่า 

มองนักเขียน
ดูแล้วน่าสบาย ได้ทำงานอยู่บ้านไม่ต้องลงทุน ค่าต้นฉบับ 20,000 - 30,000 บาท/เรื่อง ถ้าเขียนได้เดือนละเรื่องหรือมากกว่าหนึ่งเรื่องก็ได้เงินใช้ง่ายๆ
1 เรื่อง ประมาณ 180-200 หน้า หมายความว่า ต้องเขียนวันละ 6 - 10 หน้า
แต่...ในความเป็นจริง ฉันเขียนได้เพียงวันละ 1 หน้าก็เก่งแล้ว 

.... ถ้าคิดได้แบบนี้ คุณก็ทำงานประจำไปเถอะ แล้วถ้าใจคุณรัก คุณขยัน คุณสามารถทำงานไม่ประจำเสริมไปกับงานประจำได้ คุณอาจเหนื่อยหน่อย แต่คุณก็จะสามารถหารายได้ถึง 2 ทาง

จำไว้เลยว่าคนที่เขายิ่งใหญ่ได้ เขาทำมากว่าที่คุณคิด
เขาผัดไท มากกว่า 100,000 ครั้ง
เขาขายเสื้อ มากกว่า 100,000 ตัว
เขาเขียน มากกว่า 10,000 หน้า
แม้แต่โรงงานผลิตชิ้นส่วนชิ้นเล็กๆ ให้โรงงานอุตสาหกรรม เขายังต้องผลิดมาแล้วมากกว่า 1,000,000 ชิ้น

ดังนั้นถ้าขายของได้ 100 ชิ้น แล้วบอกว่าไม่รวยสักที น่าเบื่อ แล้วเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น ก็จงรู้ไว้เลยว่าคุณจะเปลี่ยนอย่างนี้ไปอีกเรื่อยๆ

คราวนีี้ยังคิดอยากจะลาออกอีกหรือเปล่า... 




 

Create Date : 03 กันยายน 2557    
Last Update : 3 กันยายน 2557 13:51:24 น.
Counter : 3627 Pageviews.  

กันต์นัทธ์รำพัน : คนขายผัดไท



กันต์นัทธ์ไปซื้อผัดไทเจ้าหนึ่งที่อยู่หน้าปากซอยบ้าน
มีราคาขายดังนี้ ผัดไท - หอยทอด ธรรมดา 35 บาท พิเศษ 40 บาท

เห็นราคาในขณะที่ยืนรอคนขายผัดไทมือเป็นระวิงอยู่ คนขายผัดไทร้านนี้มีกันอยู่สองคนผัวเมีย (กันต์นัทธ์เข้าใจเอาเองว่าเป็นผัวเมียกัน ซึ่งในความจริงเขาอาจเป็นพี่น้องกันก็ได้)

ตัวผู้หญิงทำหน้าที่บริการ คือ บริการตักเครื่องให้ผู้ชายที่เป็นคนผัก และรวมไปถึงบริการลูกค้าที่นั่งอยู่ภายในร้าน

ส่วนตัวผู้ชายทำหน้าที่ผัด ผัด ผัด และผัด ทั้งผัดไท และหอยทอด ด้วยท่าทางคล่องแคล่วและชำนิชำนาญราวกับจอมยุทธที่กวัดแกว่งดาบได้ได้คล่องฉันใดฉันนั้น

ในหนึ่่่งกระทะ หมายถึงการผัด ผัดไท หรือ หอยทอด 1 รอบ (ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคนจะสั่งอะไร) จะใช้เวลารอประมาณ 10-15 นาที คนผัดจะกวัดแกว่งตะหลิวประมาณ 5-10 ครั้ง/ห่อ

ในระหว่างที่รอกันต์นัทธ์แอบไปเห็นถาดไข่ เราจึงแอบคิดเล่นๆ (ทำไมต้องแอบว๊าาา) ว่า...

ไข่ 1 ถาด มี 30 ฟอง ในร้านนี้มี 5 ถาด = 30 x 5 = 150 ฟอง

ดังนั้นจึงน่าคิดได้ว่าร้านผัดไทหอยทอดนี้น่าจะขายได้วันละ 150 ห่อ

ขายห่อละ เออ เอาเบสิคขั้นต่ำคือ ห่อละ 35 บาท = 150 x 35 = 5,250 บาท

คือ วันหนึ่งร้านนี้จะขายได้ ห้าพันกว่าบาท Smiley

ยัง ยัง ยังไม่ได้หักต้นทุน ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซื้อของ

กันต์นัทธ์ลองคิดคร่าวๆ นะ
ค่าซื้อของมาทำผัดไทยหอยทอดก็น่าจะประมาณ 50% ก็ตีไป 2,500 บาท
ค่าเช่าที่ขายของ 500 บาท
ค่าน้ำค่าไฟค่าเบ็ดเตล็ด 200 บาท

ค่าใช้จ่ายต่อวันรวมแล้วก็ 3,200 บาท

สุดท้ายแล้วก็เป็นค่าแรงตัวเองและกำไร เท่ากับ 2,050 บาท

เป็นไง ถ้าขายได้อย่างนี้รวยหรือเปล่า 55 ตอนแรกกันต์นัทธ์คิดว่าน่าจะรวยเละเลยเพราะ ถ้าคิดเอาส่วนต่างที่ได้คือตีไป 2,000 บาท คุณด้วย 30 วัน (คือถ้าขยันมาทำงานไม่มีวันหยุดเลยอ่ะนะ) ก็จะได้เดือนละ 60,000 บาท

แต่ !!! ในเมื่อได้กำไรวันละ 2,000 บาท ทำไมพ่อค้าแม่ค้าถึงไม่รวยกันสักที

ก็คือ ส่วนต่าง 2,000 บาทนี้ ถ้าหักค่าแรง 2 คน คนละ 300 บาท (เอาคิดค่าแรงขั้นต่ำไปเลย เอ้า!) ก็จะเป็นคาแรง 600 บาท เหลือกำไร 2,000 - 600 = 1,400 บาท

แล้ววันรุ่งขึ้นล่ะ เหลือเงินที่เป็นกำไรจริงๆ เพื่อเอามาใช้ลงทุนใหม่แค่ 1,400 บาทเอง ทั้งที่ต้องเอามาใช้ซื้อของทำผัดไทตั้ง 2,500 บาทแนะ
เป็นไง ... ถ้าเงินไม่พอแล้วทำไง ... ก็ต้องไปกู้เงินเขามาน่ะสิ แล้วกู้ใครได้ ก็ต้องกู้พวกที่ออกดอกร้อยละ 20 ไง ง่ายดี

ที่นี้ก็จะเข้าสู้ระบบทำงานใช้หนี้จ่ายดอกทุกวัน ...
ถ้าไม่มีจ่ายให้มัน มันทำไงรู้ไหม... มันบุกไปถึงบ้านเลย ถ้าหามาให้มันไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดมันก็จะพังบ้าน...
อันนี้เรื่องจริงนะคะ

ทีนี้พอคิดได้ดังนี้กันต์นัทธืจึงพอเข้าใจชีวิตแม่ค้าเลยค่ะ ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้

ออ.. แถมท้ายนิดนึง นึกดูเล่นๆ นะ ผู้ชายที่ขายผัดไทวันหนึ่งผัด 150 ห่อ ต้องกวัดแกว่งตะหลิว ประมาณ 8 ครั้ง โดยเฉลี่ย ....

OH MY GOD ... ชายผู้นั้นต้องกวัดแกว่งดาบ เอ้ย ตะหลิวถึง 1,200 ครั้ง ต่อวัน

โอ๊ะ มิน่าล่ะ ชายผู้ผัดผัดไทถึงได้มีร่างกายกำยำ ล่ำสัน น่าฟัดยิ่งนัก อิ อิ (จ๊วบ)




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2557    
Last Update : 14 สิงหาคม 2557 14:21:48 น.
Counter : 3338 Pageviews.  

กันต์นัทธ์รำพัน : ขอทานสูบบุหรี่


 เมื่อวานกันต์นัทธ์ได้มีโอกาสขึ้นสะพานลอยหน้าห้างแห่งหนึ่ง สิ่งที่สังเกตุเห็นคือ สะพานลอยแห่งนี้มีขอทาน 2 คน

 ขอทาน 2 คนนี้ เป็นผู้ชายอยู่ตรงมุมทางเลี้ยวขึ้นสะพานคนละด้าน

 คนที่ 1 มีสภาพเหมือนเคยถูกน้ำร้อนลวก หรือ ถูกไฟไหม้มาก่อน และ ขาขางหนึ่งขาด ขอทานคนนี้กันต์นัทธ์เห็นนั่งอยู่ตรงนี้ประจำ (เหมือนเป็นเจ้าถิ่นไปแล้ว) กันต์นัทธ์ก็ให้เงินบ้างไม่ให้บ้างแล้วแต่อารมณ์

 ส่วนขอทานคนที่ 2 ขอทานคนนี้กันต์นัทธ์ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นขอทานที่มีแขนขาครบ ดูสกปรก ท่าทางเมาๆ นั่งสูบบุหรี่อยู่ อารมณ์กันต์นัทธ์ประมาณว่า แม่ม แกจะมาขอทานเขากินแล้วยังจะมาสูบบุหรี่อีกเนี่ยนะ แบบนี้แล้วใครจะให้

 กันต์นัทธ์มาเล่าเรื่องนี้ให้คนในออฟฟิศฟัง ทุกคนต่างลงความเห็น "เออ ไอ้ขอทานคนที่สองนี่ ทำตัวอย่างนี้แล้วใครจะสงสาร คนให้ทานเขาให้เพราะเขาสงสาร ทำตัวอย่างนี้แม้แต่อาชีพขอทานก็ยังทำไม่ได้เลย เพราะไม่ทำตัวให้น่าสงสาร"

 กันต์นัทธ์เคยเจอขอทานบางคน (ซึ่งจริงๆ ไม่น่าเรียกว่าขอทาน) ในขณะที่กำลังซื้อกับข้าวอยู่หน้าห้างเดียวกันนี่แหละ อยู่ก็มีชายคนหนึ่ง (ดูน่าจะแก่แล้วด้วย) แต่งตัวมอมแมา ดูเมาๆ เดินเข้ามาขอตังค์จากคนซื้อของแถวนั้นเอาดื้อๆ เลย กันต์นัทธ์ก็ยังเคยให้ไป 10 บาทเลย ประมาณว่า 'เอาวะให้มันไปเถอะ 5 บาท 10 บาท ดีกว่ามันไปปล้นใครเขากิน' แบบนี้ก็มีเหมือนกันค่ะ

 คนในออฟฟิศเล่าให้ฟังว่า เคยไปเจอขอทานนอนขอทานอยู่กลางทางเท้า เนื้อตัวเละเป๊ะ ช้ำเลือดช้ำหนอง เขาบอกว่าแบบนี้เขาไม่ให้ เพราะของแบบนี้มัน make ขึ้นมาได้ เพราะถ้าเป็นของจริงคงมานอนกลางทางอย่างนี้ไม่ได้หรอก แผลต้องอักเสบ ต้องปวด ต้องมีหนอน มีแมลงวันมาตอมแล้ว (ก็ว่ากันไป 55)

 ทั้งหมดนี้ก็เล่าสู่กันฟังค่ะ ในใจกันต์นัทธ์คิดไปถึงว่าทำไมบ้านเมืองเราถึงต้องมีขอทาน ทำไมต้องมีคนจน ทำไมต้องมีการรับจ้างอุ้มบุญ (ตอนนี้กำลังเป็นกระแส) เหตุและผลทั้งหมดอยู่ที่แผนพัฒนาประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นปัญหาช้างระดับชาติ หรือ เป็นเพราะบุญกรรมของแต่ละคนกันแน่




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2557    
Last Update : 14 สิงหาคม 2557 13:15:05 น.
Counter : 3446 Pageviews.  


กันต์นัทธ์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




กันต์นัทธ์ แปลว่า ผูกพันด้วยความรัก






แจกฟรี !! e-book

 รวม ฟรี !! E-BOOK 
Friends' blogs
[Add กันต์นัทธ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.