All Blog
ลองดูครั้งแรก...กับนิยายที่แต่งเป็นเรื่องแรกของชีวิตตตตต (๗)

ตอนที่ 7


เช้าวันนี้เฟื่องฟ้าตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปหาป้าแดงในครัวตามเคย หน้าที่ใหม่ของหญิงสาวคือการเป็นลูกมือช่วยป้าแดงทำกับข้าวและงานบ้านเล็กๆน้อยๆ เฟื่องฟ้ามีความคิดว่าในเมื่อเธอเองก็ไม่ได้ทำงานอะไร ออกจะว่างเกือบทั้งวันดังนั้นเธอเต็มใจทำงานเหล่านี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของป้าโดยป้าไม่เคยต้องออกปาก


หลังจากช่วยงานป้าแดงเสร็จแล้ว เฟื่องฟ้าก็ว่างอีกครั้ง แล้วก็เป็นปัญหาให้มานั่งคิดวางแผนว่าวันนี้เธอจะทำอะไรดี


สำรวจแถวนี้ให้ทั่วอีกดีกว่า


ตัดสินใจได้แล้วก็ออกเดินไปรอบๆบ้าน เฟื่องฟ้าไปพบจักรยานเก่าๆวางพิงอยู่ที่เล้าไก่ ยางมันแบนแต๊ดแต๋ทั้งสองข้างเลย ท่าทางคงถูกวางอยู่ตรงนี้มานานหลายเดือนแล้ว คนพบจักรยานตรงกลับไปหาป้าแดงที่อยู่ในบ้าน ถามไถ่จนได้ความมาว่าจักรยานคันนี้เดิมทีเป็นของสาธิต แต่เดี๋ยวนี้เด็กหนุ่มมีมอเตอร์ไซด์ไว้ใช้แล้วจึงจอดเอาไว้เฉยๆ


                งั้นก็เข้าทีเลยสิ! หญิงสาวได้ความคิด จูงจักรยานออกมาจากตรงนั้น ปัดฝุ่นและทำความสะอาดมันอย่างดี ตั้งใจว่าจะเอามันไปซ่อมเสียหน่อยเธอจะได้มีพาหนะเอาไว้ไปไหนมาไหนบ้าง


“จักรยานเป็นอะไรหรือครับ
เสียงทักที่แจ่มใสนั้นทำให้เฟื่องฟ้าต้องเหลียวหลังไป แล้วก็ได้เห็น ‘เพื่อนใหม่’ คนเมื่อวานเดินตามเธออยู่ด้านหลังนั่น ชายหนุ่มยิ้มแต้เข้ามา ทำเอาเฟื่องฟ้าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ก็เขาลืมไปแล้วหรือไง ว่าก่อนจากกันเมื่อวานต่างฝ่ายต่างอยู่ในอารมณ์ใด แต่ช่างเถอะ ในเมื่อเขายิ้มมา เฟื่องฟ้าก็ยิ้มให้ เพราะเธอไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นนี่นา


“ยางรั่วน่ะ สองข้างเลย ฉันว่าจะเอาไปซ่อม”


“อ้อ” ชายหนุ่มส่งเสียงรับรู้


“แล้วพี่รัตน์ล่ะ จะไปไหน


“ไม่ไปไหนหรอก ผมเพิ่งจะไปดูเขาดำนามา นี่คุณเฟื่องว่าจะไปร้านปะยางใช่มั้ย? ผมไปเป็นเพื่อน”


“อย่าเลย รบกวนพี่รัตน์เปล่าๆ” เฟื่องฟ้าว่า ติดจะเกรงใจตามนิสัยส่วนตัว แต่อีกฝ่ายดูไม่ใส่ใจ


“ไม่เป็นไรหรอก งานผมเสร็จแล้ว” ว่าแล้วก็ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มถือวิสาสะเข้ามาจูงจักรยานแทนเฟื่องฟ้า เล่นเอาหญิงสาวชักมือหลบมือใหญ่ๆของเขาเกือบไม่ทัน


“ขอบคุณนะ” เธอเอ่ยเบาๆ
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนชวนคนเดินข้างๆคุยต่อ


“เดี๋ยวปะยางเสร็จแล้วคุณเฟื่องจะไปไหนต่อหรือครับ หรือว่าจะกลับบ้าน


คนถูกถามทำท่านิ่งคิด จริงๆแผนการที่วางไว้ไม่ได้เป็นความลับอันใด เพราะงั้นไม่เสียหายหรอกที่จะบอกเขา


“ก็...วันนี้ว่าจะไปวัดห้วยน้ำขาวน่ะพี่รัตน์ ฉันจะไปหาพ่อ”


“อ้อ! คงไม่รังเกียจนะ ถ้าผมจะเสนอตัวไปเป็นเพื่อนอีก”


“ไม่หรอก ว่าแต่...พี่รัตน์จะไปยังไงล่ะ
นพรัตน์หัวเราะเบาๆ ก็ไม่รู้ว่าคุณเฟื่องคนนี้แก ’ซื่อ’ จริงหรือแกล้ง ’ซื่อ’ กันแน่


“ก็จักรยานคุณเฟื่องนี่ไงครับ ผมพ่วงคุณซ้อน”
เฟื่องฟ้าทำท่าเหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง ชายหนุ่มเห็น ยิ้มกริ่มก่อนเอ่ยว่า


“หรือว่า…คุณจะพ่วงแล้วผมซ้อนก็ได้นะ แต่บอกไว้ก่อน ผมตัวหนัก”


ย่ะ! ดูก็รู้ คนคิดนึกค่อนในใจอย่างหมั่นไส้ ก็รูปร่างออกจะถึกขนาดนั้น!


“สรุปเอายังไงครับเขาถามยิ้มๆ


“ก็…เอาอย่างที่พี่รัตน์พูดก็ได้”
ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ครึ้มอกครึ้มใจที่เหตุการณ์เป็นไปอย่างที่อยากให้เป็น เดินไปด้วยกันเขาก็ชวนหญิงสาวคุยไปตลอดทาง ไม่ได้กลัวคนข้างๆจะนึกรำคาญบ้างเลยจริงๆ


เสียงมอเตอร์ไซด์ที่ดังกระตึกๆมาด้านหลังทำให้คนทั้งคู่หันไปมอง นพรัตน์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนบนมอเตอร์ไซด์ แต่ไม่ทันไร ยิ้มชายหนุ่มหุบฉับ


เวรกรรม! ซวยแล้วไหมล่ะ ไอ้เปี๊ยก!
เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามใบหน้าเมื่อนายบุรุษไปรษณีย์ชะลอความเร็วลงยามเข้ามาใกล้


“เฮ้ย! ว่าไง ไอ้นพ สบายดี


“เอ่อ...เอ่อ...นพก็...สบายดี” คนตอบ แอ้มแอ้มสุดแสนตะกุกตะกัก


“เออไว้ว่างๆจะไปนั่งคุยที่บ้าน ไปล่ะนะวันนี้ ข้ารีบ” เจ้าเปี๊ยกตะโกนบอกขณะที่เริ่มบึ่งรถห่างออกไป หารู้ไม่ ชายหนุ่มรีบเป่าปากโล่งใจทีเดียว


เฮ่อ! ค่อยยังชั่ว โชคดีนะที่มันรีบ
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า ปาดเหงื่อที่ทยอยกันผุดขึ้นมาเมื่อตะกี้


“คนเมื่อกี้ เขาพูดแปลกๆนะคะ” เสียงใส ปารภขึ้นมาอย่างแปลกใจ แต่ผู้ชายที่อยู่ข้างๆนี่สิ! เหงื่อแตกมาซิก


เอาแล้วไหมล่ะ โธ่! พระเจ้า ช่วยด้วยเฮอะ


“ฮะๆ งั้นเหรอครับ


“ค่ะ คุยกับคนหนึ่ง แต่กลับถามว่าอีกคนหนึ่งสบายดีมั้ย พิลึกจัง”


“ฮะๆๆ” ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าหัวเราะไปแกนเหลือเกิน “ฮะๆ...คนบ้านนอกก็แบบนี้แหละครับ”


“ค่ะ” คุณเฟื่องพยักหน้าหงึกหงักทำนองว่าเข้าใจ คนที่รอดตัวไปลอบถอนใจมาดังเฮือก นึกๆดูก็น่าโมโหไอ้เปี๊ยกนัก ไม่น่ามาเจอมันตอนนี้เลย ความเกือบแตกไปเสียแล้ว ดีนะเนี่ยที่เจ้าหล่อนไม่นึกสงสัยอะไรมาก แต่แล้ว…คนมีความลับกลับนึกอะไรได้อีกว่า


จะมาโล่งใจตอนนี้มันเร็วไป!


ใช่! เพราะปัญหาใหญ่อีกเรื่องก็คือ เขายังไม่รู้ว่าจะเจอใครที่ร้านปะยางจักรยานอีกหรือเปล่า


เฮ้ย! เอาไงดีวะไอ้นพ?


กำลังคิดไปวุ่นวาย เสียงอ่อนๆของคนที่เดินข้างกายก็ดังขึ้น


“ทุ่งนาที่นี่ เขียวขจีดีจังเลยนะพี่รัตน์ เป็นของใครหรือ


“อ้อ! ที่นาแถบนี้ส่วนมากก็เป็นของ…” เกือบหลุดคำว่า ‘บ้านผม’ ต่อออกไป โชคดีเพียงไหนที่กลืนคำนั้นลงไปทัน เค้นคำตอบใหม่ขึ้นมาแทน “ของย่าคุณนั่นแหละครับ”


“หรือคะ ฉันไม่เคยรู้เลย”


“ครับ” นพรัตน์ตอบ เขาสังเกตจากน้ำเสียงของคุณเฟื่อง ท่าทางเจ้าหล่อนสนใจอยากรู้เต็มที่


“ท่านเป็นคนขยันครับ มีที่นาอยู่เยอะแยะ สมัยก่อนท่านทำเอง ตัวท่าน พ่อคุณแล้วก็ป้าแดงช่วยกันสามคน แต่ตั้งแต่ที่น้าเดือนเสียท่านก็เลิก ป้าแดงเองก็ทำคนเดียวไม่ไหว เดี๋ยวนี้ท่านก็เลยแบ่งที่นาให้คนอื่นเขาเช่าทำน่ะครับ”


“หรือคะ?” เฟื่องฟ้าว่า ตั้งใจฟังตาแป๋ว ความกระตือรือร้นอยากรู้ทำให้ลืมคิดไปสนิทใจว่าเหตุใด ‘เพื่อนใหม่’ อย่างเขาถึงรู้เรื่องราวของย่าเธอมากมายนัก นพรัตน์หัวเราะท่านั้นของหญิงสาว


“คุณเฟื่องอยากดูที่นาที่เป็นของย่าคุณมั้ยล่ะครับ


“ค่ะ” คนถูกถามตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับพ่อหรือย่าเลย ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้รู้เรื่องพวกนั้น


“คือ...ความจริงร้านปะยางก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่นะครับ คุณเฟื่องนั่งพัก ชมวิวรอผมอยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะเอาจักรยานไปฝากไว้ให้เขาซ่อม แล้วกลับมาพาคุณไปดู ดีไหมครับ


“ให้ฉันรออยู่คนเดียวน่ะหรือเฟื่องฟ้าถาม เสียงเหมือนจะตกใจอยู่น้อยๆ


“ทำไมล่ะครับ คุณไม่ต้องกลัวหรอก ผมรับรองว่าแถวนี้ปลอดภัย แล้วผมก็ไปไม่นานด้วย ร้านอยู่ใกล้ๆนี่เอง”
เฟื่องฟ้าทำตาโต รีบพูด


”ใครบอกว่าฉันกลัว”


อ้าว! ก็เมื่อกี้เล่นถามอย่างงั้น ยังจะมาปากแข็ง บอกไม่กลัว เอ้อ! ผู้หญิง


“ครับ ไม่กลัวก็ดีแล้ว งั้นเดี๋ยวผมมา” พูดจบนพรัตน์ก็จูงจักรยานจากไป ปล่อยคุณเฟื่องให้ยืนเก้กังห้ามเขาไม่ทันอยู่ตรงนั้นแหละ


เฟื่องฟ้ายืนรอนั่งรออยู่ตรงนั้นมาครู่ใหญ่ๆแล้ว เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นเขามาสักที รอบตัวเธอตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยนอกจากท้องนาอันเวิ้งว้างและค่อนข้าง...สงบเงียบ... ไม่ๆ คำนั้นอาจฟังดูดีไป จริงๆเธออยากเรียกมันว่าค่อนข้างเปลี่ยวมากกว่า


บ้าจริง ไหนบอกว่าไปแป๊บเดียว เฟื่องฟ้าสีหน้าเครียด นึกดูเธอก็น่าจะไปกับเขาด้วย คิดแล้วก็ออกจะโมโห อีตาพี่รัตน์นั่นแหละบ้าที่สุด ปล่อยผู้หญิงยืนอยู่คนเดียวอย่างนี้น่ะ!


เฟื่องฟ้าหลับตาลง สูดลมหายใจยาวๆรวบรวมสติ ปลอบใจตัวเองว่า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว... แต่...ไอ้เวลาที่พยายามจะนึกอะไรที่เป็นการ ‘หลอกตัวเอง’ เนี่ย มันอาจจะยากเสียกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีกมั้ง เพราะงั้นยังไงๆผู้หญิงที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวก็ปอดแหกอยู่ดี


เฟื่องฟ้าตัดสินใจสาวเท้าออกเดินไปตามทางที่ชายหนุ่มไปทันที… แต่เดินไปได้สองสามก้าวเท่านั้นเธอก็เห็นคนที่เธอรออย่างกระสับกระส่ายเมื่อกี้ขี่จักรยานมาพอดี


“นี่! พี่รัตน์รอเขาปะยางจนเสร็จเลยหรือไง ไหนบอกฉันว่าจะเอาไปฝากไว้แล้วรีบกลับมาไงล่ะคนถูกทิ้งไว้แว้ดใส่เขาทันทีที่เข้ามาใกล้


“คือพอดีเขาบอกว่ายางมันไม่ได้รั่ว แค่แบนเฉยๆ ผมก็เลยรอเขาสูบลมจนเสร็จ”


“แล้วทำไมมันนานนักเล่า!” หญิงสาวพูด ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงดังแค่ไหน


“แต่ผมว่าผมไปไม่นานนะ”


“นาน


“ผมขอโทษ” คนถูกอาละวาดกล่าวเบาๆ มองสีหน้าหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าซีดมาก แม้เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ไปนานเกินสิบห้านาทีแน่นอน แต่...คุณเฟื่องคงจะกลัวมากตอนที่เธออยู่ตรงนี้คนเดียว


“เห็นคุณบอกว่าคุณอยู่ได้ ไม่กลัวอะไร ผมก็เลยวางใจ” นพรัตน์กล่าวต่อ กระแสเสียงติดจะเสียใจและรู้สึกผิด
เฟื่องฟ้ารู้สึกตัว ค่อยสงบลง


“ก็…ก็...ไม่ได้กลัวนี่ แค่อยู่ตรงนี้นานๆ มันร้อน ก็เลยหงุดหงิด”
โธ่! เอาอีกแล้วนะแม่คนฟอร์มเยอะ แก้ตัวมาได้น้ำขุ่นๆ ตอนแรกก็นึกสงสารนะ แต่ฟอร์มจัดแบบนี้มันน่าสงสารมั้ยเนี่ย?


“ขอโทษจริงๆครับ…คุณคงร้อนมาก”


“อืม” คนฟอร์มจัดทำเสียงอยู่ในลำคอ นพรัตน์แกล้งเงียบ ทำท่าจ๋อย ตีหน้าสลด…
ทำเอาเฟื่องฟ้าใจแป้วไปเลย


เฮ้ย! เธอวีนหน่อยเดียวเอง ไหงซึมขนาดนี้ล่ะ แค่นั้นเองความรู้สึกผิดก็เกาะกุมหัวใจหญิงสาวทันที


“เอ่อ...พี่รัตน์ ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่” คนที่เคยแว้ดๆเสียงอ่อนลง แต่ชายหนุ่มยังทำท่าสลด


“ไม่เป็นไรครับ สมควรแล้วล่ะ” เขาว่า


“โกรธฉันหรือ


“ไม่ครับ คุณเฟื่องต่างหากที่ควรจะโกรธผม” นั่น! ทำเสียงเศร้าด้วย…


“เฮ้ย...ฉันขอโทษพี่รัตน์ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อารมณ์ชั่งวูบเอง อย่าโกรธกันเลยนะ”
นพรัตน์แอบยิ้มอยู่ในใจ...แต่ภายนอกน่ะ


“แต่คุณเฟื่องโกรธผม…มาก” ยังเล่นลูกไม้ต่อเนื่อง ตั้งใจเน้นคำว่า ‘มาก’ เป็นพิเศษเชียว


“ไม่ ฉันไม่โกรธพี่รัตน์แล้ว”


“แต่ผมก็ยังผิดอยู่ดี” เสียงเศร้า สำนึกผิดสุดๆ


“ไม่หรอก”


“ผิด...”


ฮึย! เฟื่องฟ้าชักหมั่นไส้ คนอะไรงอนเป็นผู้หญิง เดี๋ยวขอโทษอีกทีถ้าไม่เลิกงอนจะโกรธจริงๆแล้วนะ!


“ไม่ผิดหรอก ฉันไม่ได้โกรธพี่รัตน์แล้ว”


“แน่นะครับ”
เออแน่ะ! อย่างกับรู้ว่าเธอคิดอะไร?
“ใช่”
“ค่อยยังชั่วหน่อย” นพรัตน์พูด ยิ้มกว้างประจบเฟื่องฟ้า


เอ้อ! ซะงั้นแหละ บทจะง่ายก็ง่ายเป็นปอกกล้วยเข้าปากลิงเลย


”งั้นเราไปดูที่กันเลยดีมั้ยครับคนเพิ่งหายงอนวกกลับมาเข้าเรื่งเก่าได้โดยไม่มีสะดุด ส่วนคนที่สะดุดน่ะ...ก็คนที่อยากดูตอนแรกไง


“ไม่เอาแล้วล่ะค่ะ”


“ทำไมล่ะครับ
เฟื่องฟ้ายิ้มหวาน ใจอยากตอบไปเหมือนกันว่า


ก็หมดอารมณ์เพราะทะเลาะกับนายเมื่อกี้นี้แหละ แต่เธอจะทำอย่างนั้นได้ยังไง จริงมั้ย...


“ตอนนี้ฉันอยากไปหาพ่อมากกว่าแล้วล่ะค่ะ”


“อ้าว! งั้นหรือครับ ตกลงครับ งั้นซ้อนเลยเดี๋ยวผมจะพ่วงไป” เขาว่า เสียงใส อารมณ์แจ่มเชียว เฟื่องฟ้าลงนั่งซ้อนท้ายจักรยาน แล้วก็ปั่นไปเรื่อยๆ ปากก็ชวนเธอคุย เขาถามคำเดียวเฟื่องฟ้าก็ตอบคำเดียว เขาถามสามคำเธอก็ตอบเขาคำเดียว ถามสิบคำก็ตอบคำเดียวอีก ในที่สุด ‘ตาพี่รัตน์’ นี่ก็คงรู้สักทีว่าเฟื่องฟ้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากจะพูดคุย เขาเลยหยุดจ้อ แต่...เงียบไปพัก กลับโก่งคอร้องเพลงลูกทุ่งออกมาได้


เฮ้อ! ผู้ชายติ๊งต๊อง

นพรัตน์เอาจักรยานไปจอดไว้ข้างศาลาการเปรียญของวัดห้วยน้ำขาวก่อนเอ่ยชวนเฟื่องฟ้าให้เดินตามเขามา


“เดี๋ยวเราไปไหว้พระประธานในโบสถ์กันก่อนนะครับ แล้วค่อยไปไหว้พ่อคุณเฟื่องกัน”
เฟื่องฟ้าแค่พยักหน้าเออออ ไม่ทันใส่ใจฟังว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไร เพราะมัวแต่สนใจทัศนียภาพในวัดแห่งนี้อยู่หรอก ชายหนุ่มก้าวนำหญิงสาวเข้าไปในพระอุโบสถ ก่อนจะไปหยุดนั่งลงตรงหน้าพระพุธรูปองค์ใหญ่ เฟื่องฟ้าเองก็ตามไปนั่งพับเพียบหน้าพระประธานด้วย มองขึ้นไปที่พระพักตร์ขององค์พระแล้วรู้สึกจิตใจสงบ เฟื่องฟ้าประนมมือขึ้นมา ค่อยๆหลับตาลงแช่มช้า… สำหรับนพรัตน์เอง ชายหนุ่มก็ทำกิริยาเช่นเดียวกันกับเธอ หากแต่...เขาไม่ได้หลับตา เขากำลังผินหน้า มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างพิจารณา


ผมตรงยาวสลวยที่ทิ้งตัวล้อมดวงหน้ารูปไข่ดูละมุนละไมจนอยากแอบสัมผัส ยิ่งสีผมที่ดำขลับยิ่งขับผิวผ่องนวลเนียนยิ่งนัก อีกขนตายาวงอนเป็นแพนั่น รวมทั้งปากสีชมพูเรื่อๆดูสวยอิ่มได้รูป ทุกอย่างดูงดงามหมดจดในดวงหน้าที่ดูเหมือนจะตราตรึงเข้าไปในห้องหัวใจของเขาเสียแล้ว


นพรัตน์ระบายยิ้มออกมา…นึกไม่ถึงว่า นี่เขาจะกลายเป็นพวก ‘ถ้ำมอง’ ไปเสียแล้ว...


เฟื่องฟ้าก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาก่อนก้มลงกราบกับพื้นสามครั้ง


“คุณไหว้พระนาน อธิษฐานเยอะหรือครับนพรัตน์ถามยิ้มๆ


“ฉันไม่ได้อธิษฐานอะไรเลยค่ะ ฉันสวดมนต์”
ชายหนุ่มทำหน้าคาดไม่ถึง


”หืม คุณสวดมนต์


“ค่ะ” คนถูกถามตอบชัด


”คุณเป็นคนแปลก”


“ไหว้พระแล้วสวดมนต์นี่หรือคะ แปลกเฟื่องฟ้าเลิกคิ้วถาม


“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง ไหว้พระแล้วไม่อธิษฐานต่างหากที่แปลก”


“แสดงว่าทุกครั้งที่ไหว้พระพี่รัตน์ต้องอธิษฐาน


“ไม่ครับ ผมไม่ค่อยขออะไรจากพระท่านเท่าไหร่” ชายหนุ่มบอก


“แล้ว...ถ้าฉันไม่ขอบ้างเนี่ย มันแปลกตรงไหนหรือคะ


คนถูกย้อนอมยิ้ม


“ผู้หญิงส่วนใหญ่ไหว้พระแล้วต้องอธิษฐานขอนู้นขอนี่ แต่คุณไม่ทำ”


“แล้วพี่รัตน์ไปรู้ใจผู้หญิงได้ไงว่าเขาต้องอธิษฐาน


“ผมเป็นผู้ชาย…เคยจีบผู้หญิง” เขาตอบ


“คงจีบจนเชี่ยวเลยล่ะสิ” เฟื่องฟ้าว่า อมยิ้มนิดๆ


“ก็พอตัวครับ”


โธ่! ตาขี้คุย หญิงสาวหัวเราะเบาๆ แต่ที่เขาพูดมาก็คงจะจริงเหมือนกัน เพราะเขาก็ดูหล่อเหลา คมเข้มเอาการอยู่ จีบใครคงทำให้สาวๆใจละลายได้ไม่ยาก  


หลังจากกราบพระแล้วนพรัตน์ก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางต่อ คราวนี้เขาพาหญิงสาวเดินเข้าไปในป่าช้า เฟื่องฟ้ามองไปรอบๆ บรรยากาศชวนหนาวๆร้อนๆอยู่ใช่ย่อย นี่ขนาดกลางวันนะ หากเป็นตอนเย็นหรือกลางคืนล่ะเธอคงต้องขนหัวลุกแน่ นพรัตน์พาเฟื่องฟ้ามาหยุดหน้าเจดีย์องค์หนึ่ง สภาพของเจดีย์ก็เก่าตามกาลเวลา แต่รู้ได้ไม่ยากหรอกว่าเจดีย์องค์นี้ได้รับการดูแลขัดถูอย่างดี และ...รูปเล็กๆที่ติดอยู่บนเจดีย์คือบุคคลที่เฟื่องฟ้าคิดถึงที่สุดในยามนี้


“ย่าคุณกับป้าแดง มาทำความสะอาดเจดีย์ของน้าเดือนเสมอ” นพรัตน์เล่า
หญิงสาวทรุดตัวลงนั่ง พนมมือขึ้น บอกกล่าวอยู่ในใจ


พ่อจ๋า… พ่อสบายดีใช่มั้ย สิบแปดปีที่ผ่านมานี่หนูเคยทำแต่จุดธูปไหว้รูปของพ่อ แต่วันนี้...หนูมาหาพ่อ มากราบอัฐิของพ่อแล้ว หนูรู้ว่าตัวเองคงไม่ใช่ลูกที่กตัญญูมากนักเพราะหนูเพิ่งจะคิดถึงพ่อก็เมื่อตอนที่หนูมีความทุกข์ พ่อจ๋า…อย่าโกรธหนูเลยนะ ตอนนี้หนูกลับมาอยู่บ้านเราแล้ว ต่อไปหนูจะมาหาพ่อให้บ่อยขึ้น….
เฟื่องฟ้าลดมือลง ทรงตัวลุกขึ้น หันไปพูดกับชายหนุ่ม


“ไปกันเถอะค่ะ”
นพรัตน์ยิ้ม เดินนำคุณเฟื่องออกไปจากตรงนั้น เขาเดาว่าที่เจ้าหล่อนใช้เวลาอยู่ที่เจดีย์ของพ่อตัวเองนิดเดียวคงเพราะเจ้าหล่อนกลัวบรรยากาศในป่าช้า ท่าทางคุณเธอเป็นพวกขี้กลัวขึ้นสมอง เดินหลุดออกมาจากบริเวณของป่าช้าสีหน้าเฟื่องฟ้าค่อยดีขึ้น มองดูไปทั่วๆบริเวณวัดเห็นต้นไม้เยอะแยะมากมาย ก็เอ่ยกับนพรัตน์ว่า


“วัดที่นี่ปลูกต้นไม้เยอะจังนะคะ”


“ทางวัดเขาตั้งใจจะทำให้เป็นสวนสมุนไพรในวัดน่ะครับ เอาไว้ให้คน โดยเฉพาะเด็กๆที่นี่เขาจะได้ศึกษากัน”


“ดีจังนะคะ”


“ครับ เป็นการอนุรักษ์ไม้สมุนไพรของไทย ปลูกเอาไว้คนอื่นจะได้รู้จัก อย่างต้นนั้น คุณเฟื่องรู้จักมั้ยครับ


คนพูดชี้มือไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีดอกและผลรูปร่างแปลกตามาก


เฟื่องฟ้าส่ายหัวดิก


“เขาเรียกว่าต้นลาสะครับ”


“อ้อ! ที่ตามพุทธประวัติบอกว่า พระพุทธเจ้าก็ทรงประสูติที่ใต้ต้นสาละใช่มั้ยคะ


“ครับ…ถูกต้อง”


“เป็นอย่างนี้นี่เองหรือต้นสาละ ฉันเพิ่งเคยเห็นชัดๆนะคะเนี่ย” หญิงสาวว่าเมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ


“เขายังบอกกันอีกนะครับ ว่าถ้าใครตั้งจิตอธิษฐาน แล้วยื่นมือเข้าไปที่ใต้ต้นสาละ หากว่าดอกสาละร่วงหล่นลงมาใส่มือแล้วล่ะก็ คำอธิษฐานจะเป็นจริง”


“เอ…ทำไมวันนี้เราถึงคุยกันกันแต่เรื่องอธิษฐานอะไรนี่ล่ะคะ


คนถูกถามหัวเราะ


“อือ...ไม่รู้เหมือนกันนะครับ อาจเพราะบรรยากาศพาไป ว่าแต่คุณเฟื่องจะไม่ลองอธิษฐานดูบ้างเหรอครับ


”ก็ฉันไม่รู้จะอธิษฐานอะไรนี่” หญิงสาวบอก


“งั้นผมเสนอให้คุณลองอธิษฐานเรื่อง...ความรัก”


เฟื่องฟ้าก้มหน้า รู้สึกสะท้อนใจขึ้นมาหนักหน่วง


“ตอนนี้…ฉันไม่มี”


“หืม? หมายความว่า...คุณไม่มีคนมาจีบหรือครับ
ประโยคโพล่งๆนั่นคำคนถูกถามหน้าหงิก


ตาคนบ้า! ถามอะไรทุเรศจริง


“คนมาจีบน่ะมี แต่ฉันไม่ได้รักใครต่างหากล่ะหญิงสาวสวนออกมา อารมณ์กรุ่นๆ และไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าน่ะดีใจสุดๆที่ได้ยินอย่างนั้น


นพรัตน์รู้สึกว่าตัวเองบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้เลย ที่จริงเขาไม่อยากจะยิ้มมากขนาดนี้หรอก เพราะมันออกนอกหน้าไปหน่อย แต่...ทำไงได้ ตอนนี้กล้ามเนื้อทุกมัดบนใบหน้ามันไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจการสั่งงานของสมองเสียแล้วนี่ คนคิดพยายามอย่างเต็มที่ ในที่สุดเขาก็สามารถยุติรอยยิ้มที่กว้างแทบจะถึงใบหูได้


“พี่รัตน์ ฉันเห็นว่าที่แม่น้ำหน้าวัดมีท่าน้ำด้วย ตรงนั้นมีปลาหรือเปล่าคะ


“มีสิครับ แต่ไม่ค่อยมากนักหรอกนะเพราะเป็นปลาแม่น้ำ มันอยู่ไม่ประจำที่ กินอาหารเสร็จมันก็ออกหากินต่อไปเรื่อยๆตามลำน้ำน่ะครับ”


“อ่อ เป็นปลาอะไรบ้างหรือคะคนช่างสงสัยซักต่อไปอย่างใคร่รู้


“ก็มีหลายชนิดนะ พวกปลาตะเพียน ปลาสังฆวาส ปลาสวาย พวกนี้น่ะครับ”


“จริงหรือคะ งั้นไปดูกันเถอะค่ะ” เฟื่องฟ้าทำท่ากระตือรือร้นอยากที่จะไป แต่ว่านพรัตน์กลับพูดเบรกเธอไว้


“ผมว่า...เอาไว้คราวหลังดีกว่า วันนี้เราควรจะกลับได้แล้ว ฝนทำท่าจะตก”
คนถูกห้ามแหงนหน้ามองท้องฟ้า เห็นจริงอย่างที่เขาพูด


“ก็ได้ค่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมาดูมัน” หญิงสาวบอกไว้ อย่างมั่นใจที่สุด


ชายหนุ่มขี่จักรยานมาจอดที่หน้าปากทางเข้าบ้านของย่าแต๋ว แล้วเขาก็ขอตัวเดินกลับ แต่เฟื่องฟ้ารีบรั้งเขาไว้ บอกว่าเธออยากจะให้เขาขี่จักรยานไปถึงบ้านเขาเองก่อนแล้วเดี๋ยวเธอจะเป็นคนขี่กลับมานี่เอง เขาจะได้ไม่ต้องเดินให้เหนื่อยด้วย มันดูเป็นความคิดที่มีน้ำใจดีและสุดแสนจะเข้าท่า แต่ว่า...จะทำได้ยังไง นพรัตน์ปฏิเสธเสียงแข็ง บอกว่าบ้านอยู่ใกล้ๆ เดินไปแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ว่าแล้วเขาจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลังเลย


ชายหนุ่มก้าวเดินอย่างเร่งรีบเพราะไม่อยากจะเปียก จวนจะถึงบ้านอยู่แล้วแต่ฝนดันเทลงมาตัดหน้าจนได้ ชายหนุ่มเลยเปียกจริงๆ แต่ฝนที่เทลงมาก็ไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์เสียลงไปแม้แต่น้อย เพราะวันนี้เขามีความสุขจนล้นใจเลยนี่นา





Create Date : 03 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 22:47:56 น.
Counter : 492 Pageviews.

1 comments
  
พี่รัตน์น่ารักจัง
แต่ถ้าหนูเฟื่องรู้ว่านี่คือนายนพตัวจริงจะว่ายังไงน้า

รออ่านตอนต่อไปจ้า
โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:53:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parinnada
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



แนะนำตัว
New Comments