PupPaDooWaB The CuPcaKe
 
 

เชงเม้ง !!

ชอบเทศกาลนี้ที่สุดเลยค่ะ

เป็นเทศกาลรวมญาติ สังสรรค์ และเสาะหาของอร่อยกินกัน

เสียแต่ว่า ไม่น่ามาจัดหน้าร้อนเลย ให้ตาย ตอนไปปักธง ทำความสะอาด และตกแต่งฮวงซุ้ยเนี่ยะ ทรมานสุดๆไปเลยแหล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าปีนี้จะร้อนขนาดไหน

พรุ่งนี้จะไปเชงเม้งค่ะ !

แล้วตามธรรมเนียม ก็ต้องมีของใช้ที่จะเผาไปให้บรรพบุรุษกัน

ปีนี้อลังการงานสร้างค่ะ เพราะปกติบ้านปั๊ปป้าจะเผาแต่กระดาษเงินกระดาษทอง แล้วก็เสื้อผ้าเชยๆ คิดว่ากงกับเน่คงจะเบื่อ

ว่าแล้วก็ไม่ยอมให้บรรพบุรุษน้อยหน้าหรอกค่ะ !!

มาดูกัน !!





บรื้นๆๆๆ มาพร้อมคนขับค่ะ ฮิๆๆ



Bentley นะเคอะ ! อย่าดูถูก อิอิอิ ชีวิตจริงไม่มีปันยา ก็ขอใช้บนสวรรค์ละกันนะคะ

ต่อด้วยนี่เลยค่ะ ยุค IT ก็ต้องมีนี่ !



Plasma TV 42 นิ้ว ! อะโหๆๆ

ดูยี่ห้อซะก่อน





Penesonic !!

ฮาแตกค่ะ

แล้วก็นี่เลย มือถือ Nokai !
คิกๆๆๆๆๆๆๆ



ต้องเผา Sim Card แถมโปรโมชั่น แล้วก็ที่ชาร์จไปด้วยมั๊ยนี่?

มาดูเสื้อผ้ากันดีกว่าค่ะ



อะฮ้าๆ Intrend สุดๆบนสวรรค์แน่ค่ะ กงกับเน่





กรุณาดูยี่ห้อ !

ต่อด้วยรองเท้าค่ะ อิ๊ๆๆๆๆ



ซิ่งมากๆ



ตบท้ายด้วยอันนี้ค่ะ เด็ดสุด เห็นแล้วน้ำตาร่วง

XL Vuitton MoNoGram MultiColor !!

คิกๆๆๆๆ



ไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวโดนบรรพบุรุษเขกหัว ฮิๆๆๆๆๆๆ




 

Create Date : 20 มีนาคม 2550   
Last Update : 20 มีนาคม 2550 0:16:50 น.   
Counter : 1321 Pageviews.  


Love Makes Me Blind !

Valentine's coming !!

ปั๊ปป้าอินเลิฟแล้วก็อินเทรนด์กับเทศกาล (โคดๆค่ะ) !!

มันกลับมาอีกแล้ว ........

เกริ่นไปงั้นแหล่ะ ไม่เกี่ยวไรกับฟามเลิฟหรอกค่ะ แต่มันเป็นโรคภัยที่คุกคามตัวอะฮั้นจนอยากจะบินไปให้หมอ ปาสกาล เปลี่ยนแก้วตาให้ เหมือนคุณชิษณุจิง จิ๊ง !!

เป็นภูมิแพ้ตัวเอง? แปลว่าอะไร? เหมือนแพ้ภัยตัวเองรึป่าว?? ตลกมากไปหน่อยมั๊ยคะ คุณปั๊ปป้า? 555

อาการของเราคือ ถ้านอนดึก ตื่นเช้า หรือนอนไม่พอหน่อยนึงเนี่ยะ มันจะมาเลยค่ะ "ไวรัส" อะไรก็ไม่รู้ ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง ....แล้วมันมาขึ้นที่ไหน?

มันมาขึ้นที่"ลูกตา" ของข้าพเจ้าค่ะ เหมือนตัวไอคอนนี้เป๊ะๆ แต่ไม่ใช่ตาแป๋วแบบนี้นะคะ ไวรัสเกาะเต็มตา เหมือนไอคอนนี้ตะหาก .... เฮ้อ !
แล้วอาการก็คือ ลืมตาไม่ขึ้น ตาบวมตุ่ย สู้แสงไม่ได้ น้ำตาไหลตลอดเวลา แล้วก็แสบตามากๆอีกตะหาก

จริงๆอาการนี้เป็นมาตั้งแต่ม.5 แล้วค่ะ แต่คราวนั้นเป็นแล้วหายไปที สองถึงสามเดือนก็จะกลับมาใหม่ แต่ล่าสุดนี่เป็นติดกันมาตลอดตั้งแต่ เดือน ตุลาคม ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน !! ไปหาหมอ ได้ยามาทีก็หาย หยุดยาก็กลับมาใหม่ แถมยายังเป็นสเตียรอยด์ ซื้อมาหยอดเองไม่ได้อีกตะหาก หนูล่ะเซ็ง......




ไปหาหมอที่รัตนินมา ถึงจะใกล้บ้าน แต่อโศกนี่รถน้อยซะทีไหน???? แถมคนที่โรงพยาบาลก็เยอะ นั่งรอทีครึ่งชั่วโมง Up !! ฮือๆๆๆๆ ทุกข์ของปั๊ปป้า







แถมหมอยังบอกอีกว่าไม่หายร้อก เพราะมันเกิดจากตัวเองแพ้ภูมิแพ้ตัวเอง

เพราะงั้นก็ต้องทนต่อไป .......

หยอดยาเข้าไปโลด !!




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2550   
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2550 19:52:43 น.   
Counter : 1187 Pageviews.  


ปั๊ปป้ามีอะไรมาอวด !!

เย้วๆๆ ไปเรียนทำขนมมาค่า ก็เลยขอเอาขนมจากที่เรียนมาอวดกันโหน่ย เพราะถ้าทำเอง รับรองไม่มีวันได้หน้าตาและรสชาติแบบนี้เป็นแน่แท้

มาดูอันแรกกันเลยดีกว่านะเคอะ

"Cookie in a Jar"
ประกอบไปด้วยคุกกี้ขนาดพี่บิ๊ก 6 ประเภทจ้า
1. Sugar-topped molasses spice cookies
อันนี้ไม่ค่อยชอบค่ะ กลิ่นเครื่องเทศและพริกไทยฉุนไปหน่อย

2. Best Chocolate chip cookiesอันนี้เลิฟมากๆๆๆๆ

3. Lemon butter biscuits

อันนี้ก็อร่อยค่ะ ชอบไส้คัสตาร์ดมะนาวที่อยู่ตรงกลางระหว่างคุกกี้มากๆ

4. Chockablock cookiesอันนี้เป็นคุกกี้ก้อนใหญ่ยักษ์ที่อัดแน่นไปด้วยผลไม้แห้ง เช่น ข้าวโอ๊ต แอพปริค็อต พรุน ฯลฯ อีกมากมายค่ะ

5. Midnight crackle
อันนี้เป็นคุกกี้ที่ให้รสชอคโกแลตแบบเข้มข้นถึงใจเลยค่ะ ไม่หวานมาก เหมาะกับผู้ใหญ่ หรือทานคู่กับนมนี่อร่อยสุดยอดไปเลย

6. Chocolate mint biscuit
อันนี้เหมาะกับทานเป็นของหวานล้างปากหลังจากมื้ออาหารคาวจิงๆค่ะ เพราะเป็นคุกกี้ที่ประกบด้วยแผ่น After Eight



อันนี้ถ่ายมาไม่หมดนะคะ เพราะโดนญาติโกโหติกาของปั๊ปป้าจ้วงกินกันไปโม้ดดด เหลือแค่นี้เองค่ะ แงๆ



อีกมุม



ต่อจากคุกกี้ในขวดโหลแล้ว ก็มาต่อกันที่ ขนมชิ้นเล็กๆ ทานง่ายๆเด้อค่า

อันนี้เป็น Maple sugar tartlet
หรือทาร์ตไส้ถั่วพีแคน ราดด้วยความหอมหวานของน้ำเชื่อมเมเปิลค่ะ



ชิ้นต่อไป โชว์ตัวหน่อยฮ่ะ มันคือ Lemon and blueberry mini cheesecake ค่า



อันนี้อร่อยมากๆ เป็นพายบลูเบอรี่มะนาวในถ้วยคัพเค้ก ซึ่งแตกต่างจากพายบลูเบอรี่ทั่วไปเพราะเอาไปอบค่ะ ไส้ครีมชีสที่อยู่ข้างบนมันจึงฟูๆและเบาๆ อร่อยซู้ดยอด !!



ส่วนอันนี้ก็คือ Chocolate and red wine cake ค่ะ
รสชาตินุ่มลึกด้วยไวน์แดง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันจะเข้ากันได้ดีกับชอคโกแลต เป็นคัพเค้กชอคโกแลตที่ดูเป็นหนุ่มสำอางม๊ากกกกก



มานุ่มลึก และมาเมากันต่อด้วย Choco-chino cakes with ganache ค่ะ อิอิ
อันนี้เป็นคัพเค้กที่มีกลิ่นของกาแฟผสมอยู่ เพราะประกอบไปด้วยกาแฟเอสเพรสโซ ส่วนหน้ากานาชนั้น ใส่ ทีอา มาเรียลงไปหน่อย เพื่อกลิ่นหอมๆ


ลำยองช๊อบค่ะ แบบนี้ เอิ๊กกกก อิอิ



อิ่มกันอ๊ะยาง??? อย่าเพิ่งอิ่มน้า ยังมีขนมรอเดินขบวนพาเหรดมาอีกเยอะจ้า

มาต่อกันที่ tiramisu นะฮ้า ~~~~ อันนี้ไม่ต้องอธิบายก็รู้ๆกันอยู่แล้วเนอะ



แช่เย็นทิ้งไว้ข้ามคืน ให้รสเหล้าและกาแฟแทรกซึมลงไปใน lady finger อู๊วววว



ต่อกันที่ .....เฮ้ออออ.....ชักจะเหนื่อยแล้วแฮะ ยังมีอีกหลายอย่างด้วยดิคะเนี่ยะ แปะเองเหนื่อยเอง



ต่อกันที่ Orange marmalade youghurt cake ค่ะ
อันนี้อร่อย ใครชอบแยม marmalade อยู่แล้วล่ะก็ แนะนำเมนูนี้เลยนะเคอะ !



ให้ดู ปั๊ปป้าทาแยมส้มลงไปที่หน้าเค้กซะเยิ้มเลยค่ะ ชอบๆ หุหุหุ



ต่อปายเป็น Double fudge brownie ค่ะ
อันนี้รสชอคโกแลตเข้มข้นมากๆ ปั๊ปป้าไม่ค่อยเลิฟ เพราะปั๊ปป้าชอบชอคโกแลตที่ออกรสนมๆหน่อย เหอๆๆ



ขม ~~~~~~~



สำลักชอคโกแลตกันต่อ ด้วย chocolate chip cupcakes ค่ะ ราดหน้าด้วย ganache



ใกล้หมดแล้วค่ะๆๆ อย่าเพิ่งอิ่มน้า



ล้างปากด้วยนี่นะ "แฮมเบอร์เกอร์" !



แหะๆๆๆๆ มันคือ คุกกี้วานิลลา สอดไส้แยมราสเบอรี่ค่ะ อันนี้ก็อร่อย ปั๊ปป้ากินรวดเดียว เกลี้ยงเลย เย เย



สุดท้ายแย้วววววววว

ทาดา~~~~~~~~~~~~

อันนี้ปั๊ปป้า Proudly presents มากๆค่ะ !!! เป็นครั้งแรกของปั๊ปป้าที่ทำอะไรอลังการแบบนี้ หุหุหุ

"Layer cake and vanilla whipped cream with Stawberries"


อันนี้ทานตอนออกจากตู้เย็นนี่สุดๆ ของสุดๆไปเลยค่ะ ขอบอก



แหะๆๆๆๆๆๆๆ จุกกันแล้วใช่มั๊ยคะ พาเหรดขนมของปั๊ปป้า อิอิอิ

งั้นเผ่นดีกว่า เดี๋ยวอ้วนกันแล้วจะมาโทษเค้า

ฟิ้ววววว~~~~~~~




 

Create Date : 29 มกราคม 2550   
Last Update : 29 มกราคม 2550 22:52:15 น.   
Counter : 1471 Pageviews.  


กรี๊ด !! โดน Tag (O_o)

ปั๊ปป้าเพิ่งโผล่หัวออกมาจากกะลาค่ะ เพิ่งจะได้พี่บี bambie และ น้องแพร +~%Chocolate Republic%~+ มาเคาะเอากบอืดๆหลุดออกมาจากในกะลาคับๆจนได้ ฮาๆๆ

เรื่องของเรื่องคือปั๊ปป้าโดนคุณ CaFe Nes Tag มาพักนึงแล้วล่ะค่ะ แต่แล้วก็นั่ง งง ง๊ง และงง ว่า มันคืออะไรฟะ? แล้วก็โดน tag ต่อมาอีกโดยพี่บีและน้องแพร สุดท้ายก็ถึงบางอ้อ !!

ถึงเวลาเอาความอุบาทตัวเองมาเปิดเผยสู่สาธารณะแล้วสิเนี่ยะ? อิอิ เอ๊...จะมีมั๊ยน้า?? ไอ้เดี๊ยนก็ใช้ชีวิตตามกรอบที่เสด็จเตี่ย และหม่อมแม่วางไว้ตลอด ไอ้เรื่องเปิ่นๆเนี่ยะ ไม่ค่อยมีกับใครเค้าหรอกเค่อะ

ว่าแล้วก็มา !!!

1. เรื่องแรกเลย เรามา Build อารมณ์เศร้าเคล้าน้ำตาของปั๊ปป้ากันดีกว่าค่ะ ใครว่าพี่เสือร้องไห้ไม่เป็น

พูดถึงไอ้เรื่องเศร้าเนี่ยะ ขอสารภาพค่ะว่าปั๊ปป้าเองก็เป็นมนุษย์บ่อน้ำตาตื้นกะเค้าเหมือนกัน แถมยังขี้งอน ขี้น้อยใจ แล้วก็ชอบเก็บนู่นเก็บนี่มาคิดให้มันเกินความจำเป็นไปซะอีกตะหาก ไอ้เรื่องบางเรื่องเนี่ยะ บางทีปล่อยๆมันไปจะดีกว่านะคะ อย่าเก็บมันมาคิดเลย เปลืองสมอง จิงๆนะ !!
ก่อนอื่นก็ขอเริ่มต้นเรื่องเศร้า (ที่ตอนนี้กลายเป็นฮา) เมื่อสมัยวัยเอ๊าะเยาะค่ะ

เรื่องมันเริ่มตอนปี 1 เพิ่งเข้ามหาลัยไปหมาดๆ เด็กสาวหน้าละมั่ง เอ๊ย ละอ่อน จากรั้วโรงเรียนหญิงล้วน เห็นอะไรก็สดใสไปโม้ดดดด โดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศนี่แหล่ะค่ะ บอกตรงๆเลยว่า การที่เราเรียนหญิงล้วนมาตลอดมันทำให้เราไม่รู้จักการวางตัวกะเพื่อนผู้ชายเลยจิงๆนะ จะบอกให่ ! และแล้วหัวใจวัยเอ๊าะก็เริ่มหวั่นไหว ไปปิ๊งหนุ่มเข้าคนนึง ซึ่งงไอ้คนๆนี้มันก็ดีกะเราทุกอย่างเลยค่ะ Take Care เราอย่างดี โทรมาหาเราก่อนซะด้วย โอ้ ! ไหนจะขับรถมารับมาส่งบ้าน ชวนไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ด้วยกัน หัวใจปั๊ปป้าพองโต โต๊ โต

แต่แล้วอย่างว่าแหล่ะค่ะ ความสุขมันมักอยู่กะเราไม่นาน ไม่รู้จะรีบไปไหนของมันเนอะ ? ผ่านเทอมหนึ่งไปได้ไม่นาน ปั๊ปป้าก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความรูสึกแปลกๆ ทำไมเวลาเราไปไหนมาไหนกัน เค้าต้องหนีบเพื่อนเราอีกคนไปด้วย(ฟะ?) ซึ่งเพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงค่ะ เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มเราที่มหาลัยเลยแหละ เวลาเรามีเรื่องอะไรกะไอ้ผู้ชายคนนี้ เราก็ปรึกษาเค้าตลอดเลย

ถึงตรงนี้ไม่ต้องเดาก็คงรู้กันแล้วใช่มั๊ยคะ แต่ขอโทดฮ่ะ ปั๊ปป้ายังคงเป็นวัยใส มองโลกในแง่ดีอยู่ (จนนกเอี้ยงมาเกาะเต็มหลังแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว อิอิ) จนเพื่อนๆในกลุ่มเค้าทนไม่ไหวแล้วล่ะ เค้าก็เลยมาบอกความจริงให้ฟังทั้งหมด อารมณ์นั้นคิดว่าหลายๆคนคงเข้าใจเนอะ มันให้ฟิลลิ่งเหมือน เลยแหล่ะค่ะ !

หลังจากนั้นพอเค้าทั้งคู่รู้เรื่อง ไอ้คุณผู้ชาย เค้าก็ตามมาง้อถึงบ้าน บอกว่าจะขอเริ่มต้นใหม่กับเรานะ เค้าจะเลิกยุ่งกับเพื่อนเราคนนั้นแล้ว ส่วนเพื่อนเราคนนั้นเค้าก็ขอโทด แต่เค้าบอกเราว่ายังไงเค้าก็ตัดใจไม่ได้.... แล้วไง...สุดท้ายเราก็ใจอ่อน คิดว่าเค้าคงไม่ทำร้ายเราไปมากกว่านี้หรอก ส่วนเพื่อนเราคนนั้นเราก็ไม่อยากทำร้ายเค้า เลยบอกเค้าไปว่า ทำไรทำไปเถอะ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเราเสียใจ

ป๊าดดดดด องค์นางเอกจากวิกผู้จัดละครทุกค่ายลงมาสิงปั๊ปป้าเจ้าค่ะ ไม่รู้ตอนนั้นทำไปได้ไง ลองมาตอนนี้สิ จะเชิญองค์ จาพนมมาลงแล้วหักงวงอัยรามันทั้งคู่ไปซักสองสามป้าป !! อิอิ
ยังค่ะ ยังไม่จบ หลังจากนั้นไอ้ผู้ชายคนนี้เค้าก็ดีกับเรามากๆ จนเราเกือบจะเชื่อใจแล้ว แต่สุดท้ายลายมันออกค่ะ

ตอนนั้นเราก็เริ่มรู้สึกได้แล้วแหล่ะค่ะ ว่าทำไมมันถึงกลับมาคุยกันได้ไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม พูดอะไรไปก็ทะเลาะกัน แถมเพื่อนเราคนนั้นก็ยังคอยหาเรื่องหนักใจมาให้เราคิดมากอีก บอกแล้วไงคะ ว่าเราชอบเก็บเล็กเก็บน้อยมาคิด แล้วยังคิดไปเองอีกตะหาก ! สุดท้ายเรื่องก็ถึงจุดที่มันเดินไปต่อไม่ได้แล้วค่ะ กลุ่มเพื่อนๆที่เลิฟก็ทนไม่ได้ สุดท้ายเลยตัดสินใจบอกเราว่า เค้าทั้งคู่ยังเหมือนเดิม เค้าแค่หลอกให้เราเชื่อใจเท่านั้นเอง เอาค้อนไปทุบอีกสามตันค่ะ แง แง แง

หลังจากนั้นเค้าทั้งคู่คงไม่เห็นหัวเราแล้วมั๊ง เค้าควงกันเดินที่คณะแบบเปิดเผยเลยค่ะ ตายดีกว่า ~~~~ คร่อก ความรู้สึกตอนนั้นเราคาดว่าหลายๆคนที่เคยเจอแบบเราคงเข้าใจนะคะ มันเสียใจสุดๆๆๆๆไปเลยแหล่ะ สุดท้ายเค้าบอกเราว่าเพราะเราขี้งอน เราเด็ก เราคิดมากเกินไป เราไม่เข้าใจเค้า

โห !! ไอ้ @##$%!$% อยากจะด่าเป็นภาษาโปรตุเกส !! จ้าๆ ชั้นผิดเอง คุณทั้งคู่ไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว คุณเกิดมาเพื่อคู่กันมากๆๆๆๆๆๆ

หลังจากนั้นหรอคะ ปั๊ปป้าก็ได้เพื่อนๆในกลุ่มนี่แหล่ะค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนแล้วก็รับฟังมาตลอด ทำให้รู้ซึ้งเลยค่ะว่ามิตรภาพมันเป็นยังไง เพราะงั้นไม่มีใครแทนที่เพื่อนได้หรอกค่ะ อันนี้ยืนยัน ส่วนเค้าทั้งคู่หรอคะ อยากรู้กันอ๊ะป่าว? ถึงไม่อยากรู้ปั๊ปป้าก็จะเล่าค่ะ อิอิ หัวเราะทีหลังดังกว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง (คืออยากให้คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกะเรามีกำลังใจสู้ต่อไปค่ะ โฮะๆๆ)
ก็มันแน่อยู่แล้วว่าไอ้คนที่มันไม่จริงใจ สุดท้ายมันก็ยังคงไม่จริงใจอยู่ดีอะค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน เค้าก็ไปปิ๊งกะรุ่นพี่สาวสวยในคณะ แล้วเค้าก็มาบอกเพื่อนเราคนนั้นว่าผู้หญิงคนนี้คือทุกอย่างที่เค้าตามหา !!! ส่วนเรากะเธอเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทที่สุดเท่านั้นเอง .....
นะ คนเรา ... ท้ายสุด เราและเพื่อนเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมค่ะ ก็บอกแล้ว มิตรภาพมันตัดไม่ขาด

ย๊าง ยาง ยังไม่จบ เรื่องนี้ยาวค่ะ (ตอนแรกนึกไม่ออกจะเขียนอะไร พอเขียนแล้วหยุดไม่ด๊ายย) หลังจากนั้นเราก็มาเจอไอ้คุณแฟนคนปัจจุบันค่ะ ตอนนี้มีความสุขมากๆๆๆๆ เราเอาข้อเสียที่ตัวเองเคยมีมาปรับ (ขอบคุณนะ ที่ตอนนั้นคุณช่วยชี้แจง หุหุ) แล้วเราก็ลัลล้า บ้าบอกันไปตามประสา ซึ่งหลังจากเราคบกับไอ้คุณแฟนไม่นาน ไอ้คนนั้นและสาวรุ่นพี่ก็เลิกกันค่ะ ทีนี้ทำไงล่ะ มันกลับมาค่ะ !!! แต่เสียจาย ถึงตอนนี้แม้แต่หางตาอะฮั้นยังไม่อยากจะชำเลืองดู ฮุๆๆๆ สุดท้ายมันกลับไปหาเพื่อนเราคนนั้นค่ะ แล้วตอนนี้เค้าก็ได้คบกัน (ยังไม่เข็ดนิ คนเรา )

แต่ก็บอกแล้ว ถึงตอนนี้ทุกคนคิดว่าไงล่ะคะ? ก็บอกแร้วววว คนไม่จริงใจมันก็ยังไม่จริงใจวันยังค่ำ ! ถึงตอนนี้เค้าจะยังคบกันอยู่ แต่ปั๊ปป้าก็แอบรู้มาว่าไอ้คุณผู้ชายมันเริ่มจะตีตัวออกห่างแล้วค่ะ เพราะไปกิ๊กกั๊กกะสาวรุ่นน้องอยู่ แถมยังมาเทียวไล้เที่ยวขื่อปั๊ปป้าซะอีกตะหาก ให้ตายก็ไม่สนใจหรอก (โว่ย) แบร่ะ สม !!

จริงๆลืมเรื่องนี้ไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้วล่ะค่ะ แต่พอได้เขียนก็เลยได้ย้อนกลับไปดูตัวเองตอนนั้น นึกแล้วยังขำ แป๊ปเดียว 4 ปี ปั๊ปป้ากลายเป็นป้าแก่ไปซะแร้ว ฮาๆๆ เรื่องนี้มันจิ๊บจ๊อยมากค่ะ ถ้าเทียบกะชีวิตที่เราต้องออกไปเจอข้างนอกอีก เนอะ แต่มองในแง่ดี มันก็ทำให้เราได้รู้ข้อเสียตัวเองนะคะ แถมยังทำให้เราหัดมองอะไรให้มันกว้างๆและเป็นกลางมากขึ้นเยอะเลย โตขึ้นเยอะเลยจากเหตุการณ์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดในครัง้นี้ ขอบคุณจิงๆ ไม่เอาแล้วนะคร้า ขอร้อง

-----------------------------------------------------------

2. หลังจากโม้เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาไปเยอะ คราวนี้เปลี่ยนโหมดกลับมาเฮฮากันดีกว่าค่ะ ไอ้เรื่องเปิ่นๆนี่ ปั๊ปป้าก็ไม่แพ้ใครหรอกค่ะ ขอบอก !
ก่อนอื่นก็ขอเริ่มจากวีรกรรมขี้โวยวายของข้าพเจ้ากันดีกว่า

ตอนอยู่มหาลัย ปั๊ปป้ามีน้องจิ๋วแก่เป็นพาหนะคู่ใจอยู่คันนึงค่ะ ไปไหนไปกัน สมบุกสมบันมาด้วยกันตั้งแต่หัดขับจนถึงปัจจุบันนี้น้องจิ๋วแก่ก็ยังอยู่ เฮ้ ! เลิฟยู จุ๊บๆๆ ซึ่งรถเก่าเนี่ยะ มันก็ตามสภาพอะค่ะ มีรงมีรวนบ้างเป็นธรรมชาติของมัน แต่มันก็รวนน้อยมากเลยนะคะ ตลอดเวลาที่ปั๊ปป้าขับมา

ทีนี้วันนั้น เรื่องมันมีอยู่ว่า ปั๊ปป้าเลิกเรียนจากที่คณะ ก็ขับรถข้ามไปสามย่าน กะไปแทคทีมกะเพื่อนๆที่ไปทานข้าวรออยู่ที่นั่น ไปถึงเหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามปกติ กินข้าว เฮฮา บ้าบอ จนเป็นเวลาสามทุ่มกว่า หม่อมแม่ก็โทรจิกกลับบ้าน เอ้า ! กลับก็กลับ ก็แยกย้ายกันกับเพื่อน แล้วก็เดินดุ่มๆกลับมาที่จอดรถคนเดียว ขึ้นรถปุ๊ป สตาร์ทรถ เตรียมบึ่ง formula 1 กลับบ้าน
แชะ แชะ แชะ ...... เหย เป็นไรนิน้องจิ๋ว? เอาใหม่ แชะ แชะ แชะ......................................................
ทำไมมัน Start ไม่ติด !!!!!!!!!!! เกิดอะไรขึ้น??? นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะเฟ้ย รถตายกลางตลาดยามวิกาล นี่คืนนี้เดี๊ยนไม่อยู่รอเค้ามาส่งปลาตอนเช้าหรอกนะฮ้า เอาไงดีๆๆๆๆๆ คิดๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายโทรไปที่อู่ โชคดีเค้ามี Hotline 24 ชม.
ตรู๊ดๆๆๆๆ...................
พี่พนักงาน : หวัดดีคร้าบ
เดี๊ยน : พี่คะ รถ Start ไม่ติดค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ติดอะค่ะ แง๊ ~~~~~~
พี่พนักงาน : ครับ ไม่ทราบว่ารถนี่ปลดเกียร์ว่างไว้รึป่าวครับ ถ้าเป็นเกียร์ว่างมันจะ Start ไม่ได้นะครับ
เดี๊ยน : ใช่ค่ะ แต่ทุกครั้งเวลาจอดข้าง ปลดเกียร์ว่างมันก็ Start ติดนี่คะ แล้วทำไมคราวนี้ไม่ติดล่ะคะ???
พี่พนักงาน : เอ่อ เกียร์มันอาจค้างอยู่ระหว่าง N กับ R อะครับ ลองเลื่อนไปที่ P แล้ว Start ใหม่นะครับ
เดี๊ยน : (ชักจะมีโมโห ! ทำไมเสียงเค้าดูชิล ชิลจังเลยนิ คิดในใจว่า มันจะเป็นไปได้ไงฟะ ขับมากี่ชาติก็ Start ติดตลอดนี่หว่า ไอ้พนักงานบ้านี่ พูดไม่รู้เรื่อง
) และด้วยสมองอันน้อยนิดยังจะพยายามเถียงเค้าออกไปอีกค่ะ ว่า ไม่มีทางอะค่ะ ขับมาตั้งนานไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้เลย
พี่พนักงาน : ลองดูครับ!
เดี๊ยน : ฮึ้ย !!!!!!!!!!! อะไรกันนักหนา ลองก็ได้ฟะ !
บรื้น~~~~~~~~~~
เดี๊ยน : ขอบคุณมากนะคะพี่
แกร๊ก !

เดี๊ยนรีบวางหู แล้วใส่กียร์หมา ขับหายไปกะความมืด ............

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าดื้อไม่เข้าเรื่องค่ะ !

-----------------------------------------------------------

3. หลังจากปล่อยไก่จนน้องไก่วิ่งไปถึงเชียงใหม่แล้ว วีรกรรมระหว่างน้องจิ๋วกับปั๊ปป้าก็ยังไม่จบลงแค่นี้ค่ะ บอกแล้ว คู่ทุกข์คู่ยาก คราวนี้เป็นกรณีพิพาทระหว่างน้องจิ๋ว และทามาก๊อตค่ะ
ช่วงปีสองปีมานี้ ทามาก๊อตจิกลับมาฮิตกันอีกครั้ง (รึป่าว?) ปั๊ปป้าก็ต้อง In trend กะเค้าค่ะ ตอนที่เค้าฮิตกันตอนโน้น แอบเลี้ยงที่โรงเรียนไม่สะใจ พอโตแล้วเลยเอามาเลี้ยงที่มหาลัยแบบโจ่งแจ้งไปเล้ย อิอิ ตอนนั้นก็ติดค่ะ เรียนอยู่ก็ปิดเสียง แล้วนั่งเล่นเกมส์เก็บตังค์ซื้อของให้น้องกุ๊กไก่มันทั้งวันทั้งคืน มันส์ซะ ! ไม่แปลกเลยว่าทำไมเกรดตอนจบถึงอุบาทว์ซะขนาดนั้น ฮาๆๆ

เล่นๆๆๆๆๆ กินข้าวก็เล่น เรียนก็เล่น เดินก็เล่น เข้าห้องน้ำก็เล่นและเด็ดกว่านั้น ขับรถก็ยังเล่นค่ะ วันนั้นกำลังขับรถกลับบ้าน ออกจากมหาลัย ขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่น โหย...วันนี้รถไม่ติดเลยแฮะ ขึ้นสะพานปุ๊ปก็เหยียบเต็มที่ มือซ้ายจับพวงมาลัย มือขวากดทามาก๊อต ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ รู้ตัวอีกที โป้ง.........

ไปจู๊บท้ายชาวบ้านเค้าเข้าให้ ซะแร้ววว รถเค้ากระโปรงเปิดเห็นหวอหมดเลยค่ะ ท้ายเค้าเยินไปใช่ย่อย แต่ไอ้จิ๋วไม่เป็นไรเลย แข็งแรงมากลูก จมูกถลอกไปจึ๋งเดียว เดี๋ยวแม่แปะๆทำลายหลักฐานให้ และแล้วก็โยนทามาก๊อตกระเด็น วิ่งปิ๊วลงไปขอโทดขอโพยพี่เค้า ซ้ำร้ายกว่านั้น ไอ้จิ๋วไม่มีประกันจ้า~~~~~
แต่โชคดีมากๆๆๆๆ ที่พี่คนนั้นเค้าใจดีอย่างแรง ปั๊ปป้าล่ะซึ้งใจ พี่เค้ามีธุระต้องรีบไป (นู๋ขอโต๊ด ) เค้าเลยขอชื่อ และบัตรนิสิตไว้ เดี๋ยวเค้าจะติดต่อกลับมา แล้วเค้าก็ขับไป

งง? ทำไมเรื่องมันง่ายขนาดนี้หว่า? แล้วพี่เค้าก็ไม่ติดต่อกลับมาเลย จนจะสอบ ปั๊ปป้าต้องใช้บัตรนิสิต เลยโทรไปถามข่าวคราวพี่เค้า แล้วก็ขอบัตรนิสิตคืน พี่เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้ประกันโทรไป Clear นะคะ แล้วก็ส่งบัตรนิสิตมาคืนให้ที่บ้าน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จะสองปีแล้วพี่เค้าก็ยังไม่โทรมาค่ะ ปั๊ปป้าโทรไปเค้าก็ไม่รับ อารายหว่า? ถ้าพี่เค้ามาอ่านเจอ Blog นี้ติดต่อมาได้เลยนะคะ ปั๊ปป้ายินดีชดใช้ค่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าเล่นทามาก๊อต ขณะขับรถ"

----------------------------------------------------------

4. ยังค่ะ วีรกรรมกับไอ้จิ๋วยังไม่โม้ดดด !! ก็บอกแร้วว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน ไอ้จิ๋วคงโอดครวญ ทำไมไม่ถนอมหนูเลย ไอ้ปั๊ปป้า !! อิอิอิ

เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เองฮ่ะ สดๆร้อนๆ เอง วันนั้นขับไอ้จิ๋วไปสยาม แล้วก็จอดไว้ที่หน้า Vanilla Industry แล้วก็ไปเดินชอปปิ้งเล่นกับเพื่อนๆ เดินไปเดินมาก็ไปปิ๊งเสื้อร้านนึง แต่ว่าตัวเสื้อมันสั้นเกินไป ก็เลยให้ที่ร้านเค้าช่วยเลาะชายเสื้อลงให้ ระหว่างนั้นก็ไปเดินเล่นรอกลับมาเอาเสื้อ พอกลับมาปรากฎว่าเสื้อยังไม่ได้ เอาไงดี เดินจนทั่วแล้ว เบื่อจัง เมื่อยก็เมื่อย สุดท้ายก็เลยขี้เกียจเดินแล้ว นั่งรอมันที่ร้านนั่นแหล่ะค่ะ
รอ ร๊อ แล้วก็รอ เกือบจะชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ เริ่มจะหงุดหงิด ซักแป๊ป โทรศัพท์ก็ดัง รับมาเป็นไอ้คุณน้อง ไอ้คุณน้องเกิดไม่สบายขึ้นมา จะให้ไปรับที่มหาลัย เอาไงดี เสื้อก็ยังไม่เส็ด น้องก็จะเป็นลมตาย ปั๊ปป้าก็เริ่มจะรนแร้ววววว พอได้เสื้อเส็ดปุ๊ป ปั๊ปป้าก็รีบใส่เกียร์หมา วิ่งจากแถวส้มตำนัวกลับไปที่รถที่จอดไว้หน้า Vanilla
วิ่งปื๊ดๆๆๆๆๆ ทำเวลาเกือบทะลุสถิติแชมป์โลก ถึงรถปุ๊ป คว้ากุญแจรถออกมา ไขโชะๆๆๆๆๆๆๆๆ
โชะ........
โชะ..
โชะ.
ไขไม่ออก??? ทำไมไขม่ายออกกกกกก อารามคนรีบๆ บวกกับเริ่มจะอารมเสีย ไอ้จิ๋วนี่เอาอีกแล้ว นี่รวนถึงขนาดไขประตูรถไม่ออกหรอ? หนอย เล่นกะใครไม่เล่น ว่าแล้ว ก็กระชากประตูใหญ่เลยค่ะ !! ฮึ้ยๆๆๆๆๆ ระหว่างที่กระชากประตูอยู่นั้น สายตาก็แว้บไปเห็นอะไรแว้บๆๆๆ
เอ๋? ทำไมที่ล๊อครถเราถึงมีเพชรฝังอยู่ด้วยแฮะ? ว่าแล้วก็หยุดกระชากและเดินไปดูทะเบียนรถ ........

กรี๊ด ..............................................................................................................................................

ผิดคัน โป๊ก !!

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า " อย่าลืมเช็คทะเบียนรถตัวเองก่อนก้าวขึ้นรถนะฮ้า"-----------------------------------------------------------

5. ผ่านมาสี่เรื่อง มีแต่เรื่องบ้าๆบอๆ ใช่ป่าวคะ? อิอิ ชีวิตปั๊ปป้ามันก็มีอยู่แค่นี้แหล่ะค่ะ ไอ้เรื่องเครียดๆมันก็มี๊ ! แต่จะเก็บมาคิดทำไมเนอะ เอาแต่เรื่องเพี้ยนๆมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า สบายใจทั้งคนอ่านและคนเล่า เนอะ อิอิ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผอ สระ อี "ผี" ค่ะ กุ๊ก กุ๊ก กรู๋

ปั๊ปป้าไม่กลัวผีค่ะ กล้าบอกเลย ไม่ได้ลบหลู่เน้อ แต่ว่าไม่เคยเจอจังๆ ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้าเจอจิงๆนี่ก็คงหัวใจวายได้นะเคอะ เพราะงั้น อย่าเจอเลยดีที่สุดค่ะ แฮ่ๆๆๆๆ ปั๊ปป้าป๊อด !!!!
มาฟังเรื่องผีๆ ในชีวิตปั๊ปป้ากันดีกว่า.....กุ๊กๆๆๆๆกรู๋
เรื่องมันมีอยู่ว่า กลางดึกสงัดคืนหนึ่ง ปั๊ปป้าและพี่สาวเพิ่งกลับเข้าบ้าน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณตีหนึ่งเศษๆ ก้าวเข้าบ้านมา ปิดประตูปุ๊ป ก็มองไม่เห็นอะไรแล้วค่ะ บ้านมืดมากๆ ถึงขนาดที่ว่าถ้าโจรเข้าบ้านนี่ร้องไห้โฮ หาทางออกไม่ได้อะค่ะ ไม่ได้โม้เน้อ !!
แต่ไอ้เราอยู่บ้านนี้มานานนม มืดขนาดไหนก็ชิน และสามารถใช้ชีวิตมืดๆในบ้านได้สบายค่ะ ถึงขนาดเคยทดสอบความแม่นยำของตัวเองโดยเอาถังคลุมหัวแล้วเดินจากข้างล่างขึ้นมาบนห้องได้โดยปลอดภัย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ฮาฮา
ถึวไหนแล้วเนี่ยะ??? อ๋อ มากุ๊กกุ๊กกรู๋กันต่อค่ะ.....หลังจากนั้น เมื่อสองพี่น้องก้าวเท้าเข้ามาในบ้านอันมืดสนิท และเงียบสงัด ทันใดนั้น เสียงประตูก็ตีกลับเข้ามา ปัง !! สองพี่น้องผงะไปชั่วครู่ ไม่มีอะไร มันคือลมเย็นๆที่พัดโชยมายามวิกาล เมื่อสองพี่น้องตั้งสติได้ ก็พยายามคลำทางในความมืดมิดไปยังกล่องเก็บกุญแจ เพื่อที่จะเก็บกุญแจบ้านตามปกติ แต่ทันใดนั้นเอง..........

พรึ่บ !!! ทันใดนั้นเอง แสงไฟบนหิ้งพระ ที่อยู่เหนือไปบนศรีษะของพี่น้องทั้งสองก็สว่างขึ้นมาท่ามกลางราตรีอันเงียบสงัด !!! "เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้" เสียงของข้าพเจ้าดังกังวาลอยู่ภายในหัว ตอนนี้มันตีหนึ่งกว่าเข้าไปแล้ว ทุกคนในบ้านก็หลับกันหมดแล้ว แล้วใครจะมาเปิดไฟหิ้งพระตอนนี้ !!!

หันมองไปรอบๆ ก็มืดสนิท ไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตใดๆเคลื่อนไหวให้เห็นกลางราตรีอันมืดมิดเช่นนี้
สองพี่น้องหันมองหน้ากัน และด้วยจิตใจที่ว่างเปล่า วินาทีนั้น สมองสั่งงานให้รีบวิ่งหนีไปจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด ตัวข้าพเจ้าเองไม่สามารถจดจำความรู้สึกของตนเอง ณ ช่วงเวลานั้นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ามั่นใจ คือ ขาทั้งสองข้างของข้าพเจ้าไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่ที่จะวิ่ง และมั่นใจว่าพี่สาวของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน เราทั้งสองต่างหัวเราะไป และเราต่างก็ช่วยกันพยุงร่างของเราทั้งสองกลับขึ้นไปบนบ้าน และพยายามข่มตานอนให้พ้นค่ำคืนอันโหดร้ายนี่โดยเร็ว

เช้าวันต่อมา ... เราทั้งสองเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้แม่ฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อที่เราพูดเลยสักคน ดังนั้น เราทั้งสองจึงต้องพิสูจน์ความจริงเมื่อคืนนี้ด้วยตนเอง ! ข้าพเจ้าและพี่สาวกุมมือกันแน่น และก้าวตัวไปอย่างเชื่องช้า เพื่อลงไปที่กล่องเก็บกุญแจเมื่อคืน มือของพี่สาวและข้าพเจ้าเย็นเฉียบ ลมเย็นพัดวูบมา แต่ทำไมเราทั้งสองคนจึงเปียกท่วมไปด้วยเหงื่อ

เราทั้งคู่ก้าวไปอย่างช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าว ........ข้าพเจ้ากลั้นใจสุดชีวิต ชะโงกหน้าไปที่กล่องเก็บกุญแจ วินาทีนั้นหัวใจข้าพเจ้าเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ตึก ตึก ตึก ....

ทันใดนั้นหัวใจข้าพเจ้าก็หยุดเต้น และรู้สึกได้ถึงแรงฟาดอย่างแรงลงมาที่ศรีษะของข้าพเจ้า พลั่ก !!!!!!



"ไอ้ ....... มีสวิตซ์ไฟอยู่หลังกล่องเก็บกุญแจก็ไม่บอก กลัวแทบตาย โธ่เอ๊ยยยยยย " พี่สาวข้าพเจ้ากล่าวขึ้น และเดินจากไป

ทิ้งข้าพเจ้านั่งเข่าอ่อน มือทั้งสองกุมที่ศรีษะของตัวเองแน่น

"เจ็บนะโว้ยยยยย ไอ้พี่เวร"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "สี่ทีนส์ยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง อย่าคิดว่าแม่นกับบ้านตัวเอง นะจ๊ะ "


จบค่ะ Tag บ้าๆบอๆของปั๊ปป้า

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.......


เหยื่อ 5 รายต่อไป มาให้ Tag ซะดี ดี๊

1. พี่บี Bambie
2. น้องแพร Chocolate republic
3. คุณ Cafe Nes
4. พี่จ๋า Bean Sprout
5. ไอ้ผีบ้า Miss Coffee LAdy

ฮาๆๆๆ แล้วจะรออ่านความลับนะคะ เย้ !




 

Create Date : 17 มกราคม 2550   
Last Update : 18 มกราคม 2550 20:52:39 น.   
Counter : 972 Pageviews.  


CoOkie in a Jar

น่ารักป่าวคะ ? อิอิอิ

อร่อยด้วยน้า ขอบอก

ทำเอง ชิมเอง ชมเอง บ้าป่าวนิ คนเรา?



ปั๊ปป้ามีโอกาสไปเรียนหลักสูตรนี้มาจาก "ร่วมโต๊ะ" ค่ะ หลังจากนั้นก็เอามาหัดทำ แล้วก็ปรับเอง จนกลายมาเป็น Cookir in a Jar กระปุกนี้

Cookie in a Jar ก็คือคุกกี้ที่แม่บ้านชาวอเมริกันทำใส่ขวดโหลเอาไว้ ให้ลูกๆล้วงหม่ำกะนมหลังกลับจากโรงเรียน เพราะงั้นคุกกี้ทั้ง 6 ชนิดนี้ จึงไม่หวานมาก เพราะทานกะนมแล้วอร่อยจิงๆ กินจนพุงกางเลย





และที่เจ๋งไปมากกว่านั้นก็คือ สามารถเก็บใส่โหลไว้ได้นานเลยค่ะ แถมถ้าเอาไป Freeze ไว้ก็เก็บไว้ได้ตั้งสองเดือนแน่ะ !!

แต่วันนี้เอาขึ้นรถไปนั่งหม่ำด้วยระหว่างทางไปพัทยา ปรากฎว่าอยู่ได้ไม่ถึงอาทิดแหล่ะค่ะ รถติด ญาติๆล้วงกินกัน เกลี้ยงเลย ฮี่ๆๆๆ ภูมิจายสุดๆ นานๆทีทำคุกกี้แล้วจะมีคนยอมกินจนหมดแบบนี้ ต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ (แม่บอกว่าเพราะทุกคนหิวตะหาก แหะๆๆๆ)



อ้าม....ป้อนจ้า




 

Create Date : 11 มกราคม 2550   
Last Update : 11 มกราคม 2550 22:27:17 น.   
Counter : 1290 Pageviews.  


1  2  3  4  

puppadoowab
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




PuPpaDoOwaB หมูอ้วนผู้ชื่นชอบการทำขนมหวานและเบเกอรี่ แต่ว่า Skill ในด้านนี้ติดลบอยู่หลายหน่วย แต่ด้วยใจรักและชื่นชม ก็จะพยายามฝึกหัดต่อไปจ้า
[Add puppadoowab's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com