Group Blog
 
All blogs
 
All about my Sibling ครอบครัว 5 พี่น้อง มากปัญหาวุ่นวาย แต่ได้ความรู้สึกดีงาม

Title: 若者たち  Wakamonotachi 2014 / All about my sibling.
Genre: Family    Episodes: 11
Broadcast network: Fuji TV   9 July - 24 Sep 2014  Wednesday 22:00
Theme song: Wakamonotachi by Moriyama Naotaro


เห็นซีรีส์เรื่องนี้อยู่แว่บๆ ใน Dramawiki จำไม่ได้แล้วค่ะว่าตอนนั้นตามเช็คผลงานของใคร ถ้าไม่ใช่ อาโออิ ยู  เพราะเพิ่งดูหนังที่เธอแสดงเรื่อง About her brother จบไปในช่วงนั้น  ก็คงจะเป็นพ่อยอดชายนาย เอตะ

ตอนนั้นยังหาซับไทยไม่ได้  เพิ่งมาเจอว่าในคลิปซีรีส์ออนไลน์ใช้ชื่อ  Wakamonotachi ไม่ใช่ All about my sibling มิน่าล่ะ ถึงหาซับไม่เจอ  รู้สึกขอบคุณนะคะ สำหรับแฟนๆ ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ยังคงทำงานแปลซับซีรีส์ดีๆ ให้มีโอกาสได้รับชมกัน 

ครอบครัวซาโตะ ที่พ่อแม่เสียชีวิตไปหมดตั้งแต่ลูกชายคนโตยังเรียนอยู่ช่วงมัธยมปลาย  เขาจึงต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และด้วยวุฒิการศึกษาที่จบเพียง ม. ต้น จึงต้องยึดอาชีพใช้แรงงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง ในการการทำมาหาเลี้ยง และส่งเสียน้องๆ ให้ได้เล่าเรียน 



และต่อไปนี้คือห้าพี่น้องเรียงตามลำดับอาวุโส และปัญหาวุ่นวายของพวกเขา

ซาโตะ อาซาฮิ อายุ 29 ปี  (Tsumabuki Satoshi)  ทำผู้หญิงท้องก่อนแต่ง หลังจากที่ชายหนุ่มบ้านๆ หัวโบราณ เคยประกาศต่อหน้าน้องๆ ว่า เรื่องพรรค์นั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถยอมรับได้  (ฺฮา) แต่ ซาวาเบะ อาซุส (Aoi Yu) ผู้หญิงที่เขาคบหาอยู่ก็เกิดตั้งท้องขึ้นมา  โดยที่อาซาฮีนั้นยังไม่รู้อะไรอื่นเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย นอกจากที่เธอขายข้าวกล่องและชอบดูกีฬามวยปล้ำเหมือนกันกับเขา การจะรับผิดชอบอยู่กินกับใครสักคน คงต้องเช็คประวัติความเป็นมา และผลที่ได้รู้ประกอบกับความไม่พร้อม ที่เธอท้องก็ชักไม่แน่ใจ ..ไม่อยากจะยอมรับ

ซาโตะ  ซาโตรุ อายุ 28 ปี ( Eita) เคยหนีออกจากกบ้าน  ก่ออาชญากรรมฉ้อโกง และถูกตัดสินจำคุก ไม่มีพี่น้องคนไหนมารับเขาในวันถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ แต่มีหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคือ ยาชิโระ ทาคาโกะ (Nagasawa Masami) ที่มารอเพื่อจะตราหน้าว่าเขาเป็น "ฆาตกร" ที่ฆ่าแม่ของเธอ คนที่ซาโตรุได้หลอกลวงโกงเงินไป  

แม้ว่าซาโตรุจะมีเหตุให้ไม่ยอมรับอาซาฮิในฐานะพี่ชาย แต่บ้านหลังนั้นเป็นของพ่อ ย่อมเป็นบ้านของเขาด้วยเช่นกัน คนเราจะไปไหนต่อไหนอย่างไร สุดท้ายก็ต้องกลับมาหา "บ้าน"  



ซาโตะ  ฮิคาริ  อายุ 25 ปี ( Mitsushima Hikari)  นางพยาบาล ที่รับผิดชอบคลุกคลีอยู่ในส่วนงานกุมารแพทย์ เธออ่อนโยน รักเด็ก แต่กลับไม่มีคนรักที่จะสามารถเปิดเผยได้ ละคิดถึงเรื่องการแต่งงานมีครอบครัวที่ดีอย่างที่อาซาฮีหวัง เพราะเธอนั้นเป็นชู้กับสามีคนอื่น  ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นที่ไหนไกล แต่เป็นคุณหมอ มาซาโอมิ ชินโจ (Yoshioka Hidetaka)  อดีตเพื่อนบ้านใกล้ชิด ที่คอยช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กันอีกแล้ว แต่ยามใดมีปัญหาอาซาฮิจะวิ่งไปหา หวังปรึกษาพึ่งพาเหมือนเช่นเคยเป็น  แต่เขาไม่คิดเลยว่า หลังจากไว้วางใจฝากฝังน้องสาวให้ช่วยดูแล เพราะเธอได้ทำงานที่ รพ.เดียวกัน  เขากับเธอจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นชู้รัก

อยากจะบอกว่าบทบาท "ฉันรักผัวเขา" นี้ ฝีมือการแสดงความเจ็บช้ำกล้ำกลืนของอาคาริช่างคู่ควรจริงๆ 


ซาโตะ  ฮารุ  อายุ 23 ปี  หนุ่มนักฝักที่ หลังจากเรียนจบแล้ว ก็ไม่ได้คิดทำงานอะไรเป็นหลักแหล่งมั่นคง เพราะเขานั้นทั้งรักและใฝ่ฝันจะเป็นนักแสดง ฮารุเป็นผู้นำกลุ่มละครเวทีที่เขารวมตัวกับเพื่อนๆ หวังจะทำฝันให้เป็นจริงโดยการปลุกปั้นคณะละครขึ้นมาเป็นอาชีพ 


ซาโตะ ทาดาชิ  อายุ 18 ปี  (Nomura Shuhei) การมีพี่ชายติดคุก เป็นเรื่องน่าอับอายหนึ่งที่ทำให้ฮารุถูกกลั่นแกล้ง และเขาก็หนีปัญหาด้วยการออกจากโรงเรียน   เขาตกหลุมรักและคบหากับ นากาฮาระ คาซุมิ (Hashimoto Ai) แต่ที่สุดแล้วก็เป็นแค่การหลอกลวงหาเงินของเธอเท่านั้น  ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดทาดาชิสนิทกับฮารุมากที่สุด  เมื่อเขาบอกเล่ากับพี่ชาย ฮารุจึงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ และเขาก็พบว่า คาซุมิ มีลักษณะเหมาะกับการจะเป็นนักแสดง เขาจึงให้เธอมาลองเล่นละครแทนแฟนสาวของฮารุที่ยอมแพ้แก่ความฝันที่มันยากจะเป็นจริงและวางมือไป  ฮารุได้ค้นพบพรสวรรค์ของคาซุมิ  และคาซุมิเองก็ได้พบความฝันของตัวเอง การแสดงคือสิ่งที่เธอชอบ  ความหลงใหลทุ่มเทต่อการแสดง ทำให้ทาดาชิ ที่แม้จะเคยโดนหลอกแต่ก็ยิ่งรักยิ่งชอบ ทาดาชิมากกว่าเดิม

 แต่ปัญหารักสามเส้า เราสามคน หนึ่งหญิง สองพี่น้อง ความหึงหวง ทรยศ ก็ทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้น




ไม่รู้สึกว่าต้องคาดหวังอะไรเลย  หลังจากได้เห็นรายชื่อนักแสดงก็เชื่อว่ามันจะเป็นซีรีส์ที่น่าติดตาม  โดยเฉพาะสองคนแรกอย่างเอตะ และ มิตซุชิมะ ฮิคาริ ที่เคยประชันบทบาทสุดรันทดด้วยกันมาแล้วในซีรีส์ขมขื่นประทับใจเรื่อง Even so I will be living on  (Soredemo, Ikite Yuku หรืออีกชื่อ Still, Life Goes On) Best Drama ของ  Television Drama Academy Awards ครั้งที่ 70 ปี 2011 



พี่ชายคนโต อาซาฮี รักน้องสาวมาก  ไม่อยากเห็นฮิคาริต้องเจ็บปวดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงไม่อาจหักหาญห้ามปราม  แต่ซาโตรุนั้นตรงกันข้าม เขาต่อต้านเรื่องนี้อย่างแข็งกร้าว   ผลก็คือ  มีซีนหนึ่งที่เอตะได้พุ่งปราดเข้าไปตบหน้าฮิคาริอย่างแรง  ทำให้เรานึกถึงอีกซีนในเรื่อง Even so , I will be living on ที่เอตะถีบฮิคาริวซะเต็มเท้า ภาพยังชัดเจนติดตา เป็นดราม่าคู่ขวัญในใจเราเลยนะ  อยากให้เล่นด้วยกันบ่อยๆ 


"อย่าได้ให้เขาต้องมาทำอะไรแบบนี้อีก"   คำพูดประโยคนั้นของซาโตรุ ที่เอ่ยขึ้นหลังจากโดดถีบพี่ชายกระเด็น  และตบน้องสาวซะตัวเซ  มันเป็นซีนสะท้านใจมาก อาจไม่มีอะไรเลยที่จะฉุดรั้งฮิคาริได้ในความสัมพันธ์ที่เธอกล้ำกลืนยอมรับเพราะความรักที่มีต่อคุณหมอชินโจ แต่ถ้อยคำของพี่ชายคนรอง ที่ตอกย้ำภาพของความจริงตรงหน้าที่ว่า  อาซาฮี  พี่ชายที่ทุ่มเทเลี้ยงดูเธอมาหวังจะให้เธอมีชีวิตที่ดี  เขาต้องอดทนและเจ็บปวดแค่ไหนกับการกระทำที่ผิดศีลธรรมของเธอ  ผู้ชายหัวโบราณที่มักจะโวยวายโผงผางออกมา ผู้ชายที่ชอบจะสั่งสอนน้องๆ ของตัวเอง แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่อยากให้น้องสาวเสียใจ  แย่ยิ่งกว่านั้นอาซาฮีกลับไม่ยอมแยกแยะผิดถูก ยอมก้มหัวและทำในสิ่งที่ซาโตรุไม่คิดว่าควรจะทำ ทั้งหมดก็เพื่อฮิคาริ  ความรักของพี่ชาย  อาจเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยฮิคาริให้เลือกเดินในหนทางที่ถูกต้องได้



เป็นเรื่องน่าประทับใจ  โดยเฉพาะฉากที่  ซาโตรุ อยู่กับ ฮิคาริ ลำพังสองคน พี่ชายที่บอกให้เธอปลดปล่อยมันออกมา  ในที่สุดฮิคาริที่ไม่ต้องการจะร้องไห้ก็ซบหน้าลงกับเข่าขอเขาแล้วปล่อยโอ   เอตะ กับ ฮิคาริ เล่นฉากนี้ได้ดีมาก 



ถัดจากนักแสดงคู่นั้น ก็ต้องเป็นนักแสดงคู่นี้   อาโออิ ยู  เป็นนางเอกคนโปรดอันดับต้นๆ ในใจเราอยู่แล้ว ได้มาเล่นกับขุ่นพี่ ซาโตชิ ที่หล่อเหลาเอาเรื่อง แม้ว่าตีนกาจะมาเยือนไม่น้อย แถมคาแรคเตอร์ยังบ้านๆ เป็นกรรมกรใช้แรงงานสังขารโทรมเหงื่อแลดูซอมซ่อสุดๆ  ..แต่ฮีก็ยังหล่อ (มันช่วยไม่ได้จริงๆ ) เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน  น่ารักน่าเอ็นดู 







ที่ไม่ได้คาดไว้ แต่ถูกอกถูกใจกับการปะทะฝีมือ  คือ  ซาโตชิ กับ เอตะ  เวลาเล่นด้วยกัน แล้วดูเข้าขากันดีจัง   อาซาฮีเป็นคนโผงผาง ใจร้อน ชอบพูดจาสั่งสอนน้องๆ แต่ถ้าถูกย้อนก็ไม่เคยจะเถียงชนะ   และแล้วก็จะลงเอยด้วยการใช้กำลัง อาซาฮีเป็นคนชอบมวยปล้ำมาก  จึงมักใช้ท่ามวยปล้ำต่างๆ ในการจัดการน้องๆ  อีกทั้งยังชอบย้ำพูดย้ำเตือนน้องๆ ด้วยการลำเลิกบุญคุณ มันตลกดีที่เพื่อจะสั่งสอนแล้ว อาซาฮีจะเริ่มต้นลำเลิก เพียงขึ้นประโยคแรก  น้องๆ จะรู้เลยว่าประโยคต่อไปเขาจะพูดอะไรต่อ ถึงกับจดจำล้อเลียนประโยคคำพูดของพี่ชายรับส่งกันได้เป็นทอดๆ 


จากคาแรคเตอร์ดังกล่าว อาซาฮี อาจดูเหมือนคนไม่น่าเคารพสักเท่าไร ความตรงไปตรงมาของเขา บางครั้งก็เหมือนคนซื่อๆ โง่ๆ  ความคิดความอ่านการมองโลก ซาโตรุถึงกับว่าพี่ชายเป็นคน "โลกแคบ"  แถมยังเป็นพวกไร้ศักดิ์ศรี  เพราะแม้จะได้ชื่อว่าเป็นคนที่เลี้ยงดูส่งเสียน้องๆ แต่อาซาฮีก็มี "ความลับ" ที่มีแต่เพียงซาโตรุเท่านั้นที่รู้  และด้วยเหตุนั้น  เขาจึงไม่อาจยอมรับอาซาฮีในฐานะพี่ชายและหนีออกจากบ้านไป  เราชอบเนื้อเรื่องส่วนนี้มาก เมื่อเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผย ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับได้จริงๆ  แต่อาซาฮีที่ถูกน้องๆ รุมประนามกลับเอ่ยประโยคนนี้ 

"ฉันไม่มีความคิดที่จะรู้สึกผิด  หรือ ขอโทษพวกแกหรอกนะ" 

มันเป็นละครที่ทำให้เราค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร  ขอร้องไห้ให้กับอาซาฮี ในหลายประเด็นของการเป็นพี่ชายคนโต  และขอซาบซึ้งกับซาโตรุ ที่ค่อยๆ สัมผัสถึง เริ่มสำนึกและเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่พี่ชายทำ เขาคืนคนที่รับไม่ได้และหนีไป แต่อาซาฮีคือคนที่แบกรับไว้ทุกอย่าง  หลายเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ซาโตรุเริ่มเข้าใจและยอมรับ  และในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยเรียก "อาซา-โอนิ" (โอนี แปลว่าพี่)   

"ถ้าผมไม่หนีออกจากบ้านและอยู่กับเขา ชีวิตผมคงดีกว่านี้"




"ฉันรู้สึกว่าพี่ชายของคุณต้องการคุณ  ความสัมพันธ์ของคุณกับพี่ของคุณเหมือนแสงสว่างและเงา

"ผมเป็นแสงสว่างเขาเป็นเงาใช่ไหม"

"เปล่า...คุณเป็นเงาต่างหากน่ะ แสงสว่างน่ะบางทีก็ไม่รู้จะส่องไปทางไหนถ้าไม่มีเงา"

มีใครคนหนึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ของ อาซาฮี กับซาโตรุ ไว้เช่นนั้น  ไม่มีใครเข้มแข็งอยู่ได้ตลอดไป แม้แต่พี่ชายคนโตอย่างอาซาฮีในยามหมดแรงหรือเหนื่อยล้าเขาก็ต้องการจะพึ่งพาใครสักคน คนที่จะช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบ แบ่งปันความเจ็บปวด และผลักดันเขาให้ลุกขึ้นสู้ 

อาซาฮีผู้ชายที่บุคลิกไม่น่าเป็นคนน่าพึ่งพา ไม่น่าเคารพนับถือ  แต่กลับเป็นคนที่พึ่งพาได้ และได้รับความเคารพนับถืออย่างที่สุด  รักเอตะ แต่ว่าชอบบทของซาโตชิมากที่สุดในเรื่องค่ะ  เป็นบท "พี่ชายที่แสนดี" ที่มีเสน่ห์ดึงดูดความรู้สึกมาก



ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วจะกล่าวว่าเป็นการชุมนุมดารายอดฝีมือก็คงจะไม่โอเวอร์มากไปนัก  เพราะไม่ว่าจะเป็น ซาโตชิ,  เอตะ, ฮิคาริ , อาโออิ-ยู , มาซามิ   ต่างก็มีประสบการณ์ผ่านงานแสดงมามาก ต่างก็เป็นนักแสดงนำตัวเด่นๆ กันทั้งนั้น  แม้แต่นางเอกน้องใหม่อย่าง ฮาชิโมโตะ อาอิ  ก็ฝากฝีมือการแสดงในเรื่องนี้เอาไว้ไม่น้อย โอเวอร์แอคติ้งในการแสดงออกทางอารมณ์มันก็มีอยู่บ้าง ซึ่งก็เห็นได้เป็นปกติของตัวละครในซีรีส์ญี่ปุ่นที่มักจะตะโกนโหวกเหวก ครอบครัวซาโตะนี่ก็สุดจะเอะอะมะเทิ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขัดใจอะไร  เนื้อหาของละครก็ทำดีมาก ได้อ่านรีวิวในพันทิปพบลิงค์นี้  Wakamonotachi 2014 - สุขและทุกข์ของชีวิตนั้น คือความงดงาม  และคิดว่าคำวิจารณ์นี้แหละ ถูกใจใช่เลย เห็นด้วยอย่างแรง 

"  ความสัมพันธ์ของห้าพี่น้องและคนรอบข้าง ที่มีทั้งความผิดพลาดในอดีต ความลับที่ไม่อยากเปิดเผย  ความทุกข์ที่เก็บซ่อนไว้ในใจ ผ่านเรื่องราวของสังคมญี่ปุ่นในระดับคนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเรื่องราวอันดูเหมือนว่าจะไม่น่าบันเทิงใจนี้ กลับร้อยเรียงออกมาได้อย่างงดงาม มีแง่มุมอันลึกซึ้ง และมีบทพูด ที่ซื่อ ๆ แต่กินใจ และเมื่อรวมกับพลังการแสดงอันสุดยอดของดาราทุกคน นี่คือละครแนวหลายชีวิต ที่ผมเชื่อว่า ใครที่ได้ดูจะต้องรักและประทับใจอย่างแน่นอน (แอบเสียน้ำตาไปหลายฉาก)" 



"แกน่ะกำลังวิ่งหนีอยู่ไม่ใช่เหรอ    อย่าโทษคนอื่นเวลาที่แกหยุดเดินไปข้างหน้า

แกยังไม่พยายามเลย     เลิกทำเหมือนกับว่ามันหมดหวังซักที

ก่อนที่แกจะหาข้ออ้าง ลุกขึ้นมาสู้กับฉันให้สุดแรงก่อนสิ

สู้กลับถึงแม้จะดูน่าสมเพช  ต่อให้แกต้องเจ็บปวดทรมาน โดนหยาม โดนหัวเราะ 

ถ้าแกทนกับเรื่องนั้นไม่ได้  ชีวิตนี้แกไม่มีวันทำอะไรสำเร็จหรอก"


คำพูดนี้มาจากซีนที่ฮาซาฮีสั่งสอนฮารุท่ามกลางสายฝน แต่อารมณ์นี่สะท้อนไปถึงน้องๆ ทุกคนที่ยืนกางร่มยืนดูอยู่  โดยเฉพาะซาโตรุ  ยังมีอีกหลายซีนที่รู้สึกอินมาก แล้วร้องไห้ไปก็ไม่น้อย  แต่ไม่ใช่เพราะรู้สึกระทมทุกข์ปวดร้าวใจไปกับพวกเขานะคะ  มันเป็นน้ำตาของความซาบซึ้ง อิ่มเอมใจเสียมากกว่า    ในความสัมพันธ์ครอบครัว-พี่น้อง  ไม่ได้รักกันดูดดื่ม ดีกันหวานชื่น ไม่ได้มีชีวิตราบรื่นสวยหรู  ตรงกันข้ามมันเต็มไปด้วยปัญหาน้อยใหญ่  ความขัดแย้งทะเลาะกัน มีสาระบ้างไร้สาระบ้าง   แต่มันจะมีช่วงเวลา ที่พี่น้องกัน ไม่มีวันตัดกันได้ขาด พี่น้องกันจะยอมรับไม่ว่าเรื่องดีเรื่องเลว และพี่น้องกันจะช่วยเหลือ  เคียงข้าง  ร่วมสุขร่วมทุกข์   นั่นแหละเรื่องราวของ All about my sibling  ที่ทำให้เราได้ย้อนมองถึงความสัมพันธ์พี่น้องของตัวเอง  เจือจางทัศนคติในแง่ไม่ดี ลบบางความรู้สึกที่ค้างคา  เพราะบางสิ่งบางอย่างที่ได้เรียนรู้จากซีรีส์เรื่องนี้  







เมื่อเป็นเรื่องราวของคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ  อาโออิ ยู ที่รับบทแม้ค้าขายข้าวกล่อง  หรือ มาซามิ ที่เป็นสาวสาวไร่กับบุคลิกแลดูกร้านชีวิต จึงไม่ได้มีโอกาสแต่งหน้าตาให้สวยงานอะไร ดูหน้าเพียวๆ เสื้อผ้าพื้นๆ กับสภาพเหนื่อยๆ โทรมๆ    ซาโตชิก็โทรม  ยิ่งเอตะด้วยแล้ว .. ซอมซ่อจริงๆ  นี่แหละคือความเป็นซีรีส์ญี่ปุ่น .. ไม่หล่อไม่สวยไม่แคร์ เอาแค่สมจริงตามบรรยากาศ แต่กระนั้น รอยยิ้มของอาโออิ-ยู ก็ยังเป็นรอยยิ้มละลายใจอยู่ดีล่ะนะ 

ดูแล้วคงหายคิดถึง เอตะ ไปสักพัก ..

เป็นซีรีส์ดีงาม ที่อยากแนะนำให้หาโอกาสรับชมกันนะคะ 











Create Date : 09 พฤษภาคม 2558
Last Update : 9 พฤษภาคม 2558 17:58:32 น. 1 comments
Counter : 4139 Pageviews.

 
ดูจบไปรอบหนึ่งแล้ว มาอ่านรีวิว อยากดูอีกเลย สนุกมาก ชอบวิวของ โตเกียวสกายทรี รอบๆโตเกียวด้วยค่ะ


โดย: ทำไมต้องล็อกอิน วันที่: 21 กรกฎาคม 2558 เวลา:14:04:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.