Group Blog
 
All blogs
 
Beautiful Rain เธอคือสายฝนที่สวยงาม



Title : Beautiful Rain ビューティフルレイン
Writer: Daisuke Habara Episodes: 12
Director: Naruhide Mizuta, Yoshinori Kobayashi, Miyako Yasoshima
Broadcast : Fuji TV / July-Sep 2012 / Sundays 21:00-21:54




Beautiful Rain เป็นเรื่องราวความรักความผูกพันของสองพ่อลูก

คิโนชิตะ เคย์สุเกะ (Etsushi Toyokawa) ภรรยาของเขาเสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดลูกสาว เขาจึงเป็นพ่อหม้ายที่ต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพังตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกจนเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กหญิงอายุ ๘ ขวบ

คิโนชิตะ มิยุ (Mana Ashida) เป็นเด็กน่ารัก เฉลียวฉลาด นอกจากจะเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแล้ว ยังเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง



ก่อนหน้านั้นเคย์สุเกะเคยทำงานในบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่เพื่อจะมีเวลาเลี้ยงดูมิยุอย่างใกล้ชิดให้ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ เขาจึงลาออกจากบริษัทมาทำงานในโรงกลึงเหล็กที่เป็นเพียงกิจการเล็กๆ ภายในครอบครัวนากามูระ เพราะที่นี่มีบ้านให้พักอาศัยอยู่ติดกับที่ทำงานงานและบ้านของครอบครัวนาคามูระเอง แม้ว่ารายได้จะต่ำกว่าเคยได้รับ แต่เคย์สุเกะก็ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูมิยุด้วยตนเอง

ในแต่ละวัน ตอนเช้าเคย์สุเกะจะยุ่งกับการเตรียมความพร้อมให้มิยุไปโรงเรียน หลังเลิกเรียนจัดเตรียมอาหารเย็น กินข้าวด้วยกัน อยู่ด้วยกันจนถึงเวลาส่งลูกเข้านอน สองพ่อลูกอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างปกติสุขเรื่อยมา



แต่แล้วเคย์สุเกะก็เริ่มหลงลืท นั่น โน่น นี่ โดยที่มันส่งผลกระทบไปยังความรู้สึกของมิยุที่เป็นผู้รับผลของการลืมโดยตรง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงลืมในสิ่งที่ไม่ควรลืมและมันก็สำคัญต่อมิยุด้วย เคย์สุเกะเองก็สงสัยในตัวเองทำไมเขาถึงกลายเป็นคนขี้ลืมไปได้

จนกระทั่งวันหนึ่ง อุบัติเหตุในโรงกลึงที่ทำให้เคย์สุเกะหมดสติไปเพราะของ (เหล็ก) หล่นใส่หัว เมื่อถูกนำส่งโรงพยาบาล และทำ CT แสกน แพทย์จึงตรวจพบความผิดปกติและวินิจฉัยว่าเขากำลังป่วยเป็นโรคอันไซเมอร์



ใจหายโหม๊ดด ตอนเกิดอุบัติเหตุซึ่งมีสาเหตุมาจากความพลาดพลั้งของอากิโอะ (มิอุระ โชเฮ) คิดว่านั่นอาจกลายเป็นสาเหตุของการเกิดอันไซเมอร์และอาจทำให้อากิโอะต้องแบกรับความรู้สึกผิดไปตลอด แต่ที่จริงอันไซเมอร์มันเป็นโรคของมันเองและอุบัติเหตุนั่นก็ช่วยทำให้เคย์สุเกะรู้ตัวเร็วขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว โรคอันไซเมอร์จะสามารถวินิจฉัยได้ในผู้ป่วยอายุมากกว่า 65 ปี แต่กรณีของเคย์สุเกะเขาเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็ว (early-onset Alzheimer's) ที่จะเกิดขึ้นกับคนอายุน้อย



อันไซเมอร์ เป็นโรคที่รักษาไม่หาย มีเพียงยาที่ช่วยรักษาอาการของโรคเพียงเล็กน้อย แต่ไม่มียาหรือวิธีการทางการแพทย์ใดที่จะช่วยชะลอหรือหยุดการดำเนินโรคอย่างแท้จริง ปัจจุบันก็ยังไม่มีงานวิจัยใดเกี่ยวกับวิธีรักษาอันไซเมอร์ที่ได้รับการพิสูจน์ว่าจะช่วยชะลอและลดความรุนแรงของโรคได้จริง



เนื้อหาของซีรีย์ก็เป็นเรื่องของสองพ่อลูกที่ต่างคนต่างต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ ปรับตัว และเตรียมพร้อมรับมือจะอยู่กันอย่างไรในวันนี้กับโรคที่เคย์สุเกะเป็น และวางแผนจะอยู่กันต่อไปอย่างไรในอนาคต หากวันที่เคย์สุเกะไม่อาจเลี้ยงดูมิยุได้ดำเนินมาถึง อีก ๓ ปี หรือ ๕ ปี หรือโชคร้ายเร็วกว่านั้น ที่เยสุเกะจะต้องสูยเสียขบวนการคิดและสติปัญญา ไร้สามารถจะเรียนรู้หรือจดจำวิธีที่จะกระทำสิ่งต่างๆ จนไม่อาจช่วยเหลือตนเองให้ดำเนินชีวิตปกติได้ วันที่เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และจำไม่ได้กระทั่งลูกสาวสุดที่รักในดวงใจของตนเอง



สองพ่อลูกจึงเป็นศูนย์กลางดำเนินเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเอกของเรื่องจริงๆ ก็คือ มิยุ เพราะถ้าจะเล่าพลอตอย่างสั้นๆ มันคือบรรทัดแรกที่บรรยายไว้ในแหล่งข้อมูลเจ้าประจำอย่าง AsianWiki นั่นเลย

A young daughter supports her father who is diagnosed with Alzheimer's disease.

ลูกสาวตัวน้อยที่ "support" พ่อของเธอผู้ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคอันไซเมอร์

"Support" คำนี้สำหรับภาพของมิยุที่ได้เห็น มันคือการเกื้อหนุน การอยู่ใกล้ชิด และประคับประคองจิตใจ มิยุที่พยายามเป็นเด็กดี พยายามลดภาระ ด้วยการทำตนให้เป็นประโยชน์ ซ่อนความกังวลเพื่อลดความห่วงใย และยิ้มร่าเริงอยู่เสมอเพื่อเพิ่มความสบายใจ..ของพ่อ




แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนี้ได้ มิยุก็ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะความไม่เข้าใจและความเสียใจ ซึ่งไม่ว่าหนูน้อยจะบริสุทธิไร้เดียงสา หรือบางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปสักนิด แต่ทั้งหมดที่เป็นมิยุ ก็ก่อให้เกิดคาแรคเตอร์เด็กหญิงผู้เข้มแข็งคนที่ผู้ใหญ่สามารถจะวางใจได้ว่าเธอจะรับมือกับเรื่องราวต่างๆ ได้ดี ขอเพียงผู้ใหญ่อย่างพวกเขาคอยช่วยเหลือใกล้ชิดและเป็นความอบอุ่นใจให้พึ่งพิง

แนะนำตัวละคร



นิชิวากิ อากาเนะ (นาคาตานิ มิกิ) ลูกสาวคนเดียวของบ้านนาคามูระและเป็นเพื่อของเคย์สุเกะก่อนที่เธอจะแต่งงานออกเรือนไปอยู่กับสามีเมื่อหลายปีก่อน แต่แล้ววันหนึ่งอากาเนะก็หิ้วกระเป๋ากลับมาบ้าน และพักอยู่กับครอบครัวอย่างไม่มีกำหนดที่จะกลับ ไม่มีใครรู้ว่าอากาเนะมีปัญหาอะไรกันแน่เธอถึงไม่ยอมกลับไป แม้พ่อแม่ของเธอจะพยายามเลียบๆ เคียงถามไถ่ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอากาเนะจะยอมเปิดปาก



นาคามูระ โทมิโอะ (Keizo Kanie) เจ้าของโรงกลึงเหล็กนาคามูระ
นาคามูระ จิเอโกะ (Mitsuko Oka) ภรรยาของโทมิโอะ
คิโยชิ มุเนะตะ หรือ มุเนะซัง ( Denden ) คนงานในโรงกลึง
คัตสึตะ อากิโอะ (มิอุระ โชเฮ) คนงานในโรงกลึงที่อายุน้อยสุด

(เข้าใจเอาเองว่างานทำชิ้นส่วนจากเหล็กลักษณะนั้น น่าจะเรียกว่าโรงกลึง)

โทมิโอะและจิเอโกะ สองสามีภรรยา (พ่อแม่ของอากาเนะ) เป็นคนจิตใจดีด้วยกันทั้งคู่ แม้จะชอบถกเถียงกันเล็กๆ น้อยๆ แต่นั่นก็เป็นบรรยากาศทั่วไปของการเป็นครอบครัว ทั้งสองคนมีความสนิทเป็นกันเองกับลูกน้องทุกคนเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น มุเนะซัง หรืออากิโอะคุง และโดยเฉพาะกับเคย์สุเกะที่อยู่อาศัยในรั้วเดียวกันและถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของกิจการบ้านนาคามูระ




โคตะ ยูทากะ (ยาสุดะ เคน) คุณหมอเจ้าของไข้ของเคย์สุเกะ

อาราอิ โคทาโร่ ( Takagi Serai ) เพื่อนร่วมชั้นของมิยุที่โรงเรียน หนุ่มน้อยมีพื้นฐานใกล้เคียงกันกับมิยุที่ขาดแม่ ส่วนโคทาโร่นั้นขาดพ่อ แม่ของเขาเป็นเจ้าของบาร์ แม่หม้ายสาวที่ทำงานเปิดบาร์ตอนกลางคืนต้องพบปะลูกค้ามากหน้าหลายตามากินเหล้า ก็คงจะมีวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างจากคนอื่นทั่วไป รักและสนิทสนมเหมือนเป็นเพื่อนรู้ใจ โคทาโร่จึงเป็นเด็กที่มักมีความคิดสำราญใจแบบแปลกๆ ร่าเริงแจ่มใสและน่ารักมากๆ

มัตสึยามะ นาโกะ
(Riko Yoshida) ลูกสาวของเพื่อนบ้านร้านขายผักที่อยู่ในละแวกเดียวกัน เมื่อมิยุเดินออกจากบ้านจะไปไหนก็ต้องเดินผ่านทักทายสมาชิกของร้านนี้ นาโกะจึงเป็นเพื่อนเล่นต่างวัยของมิยุ และทั้งสองยังเรียนบัลเล่ต์ด้วยกันอีกด้วย




เดาเอาเองว่าเรื่องนี้ราวกับจะเขียนบทมาเพื่ออาชิดะมานะ และตั้งใจจะขาย เด็กแบบจัดเต็ม ซึ่งเด็กน้อยของเราก็ควรค่าแก่การขายออกอย่างมาก ทำไมหนูมานะถึงได้แสดงเก่งอย่างนี้ ทุกปฏิกิริยาอาการดูเนียนไปซะทุกอย่าง ในส่วนของความคิดอ่าน บางครั้งอาจจะรู้สึกสงสัยว่าเด็ก ๘ ขวบคิดได้ขนาดนี้จริงๆ น่ะหรือ แต่ในเรื่องของการแสดงเป็นธรรมชาติอย่างมาก ยิ้มแย้ม หัวเราะ โกรธ งอน วิตกกังวล แปลกใจ ตกใจ เสียใจ ร้องไห้น้ำตาสั่งได้




ถ้าเด็กแสดงได้ขนาดนี้ ผู้กำกับคงรักตาย แล้วนักแสดงผู้ใหญ่รอบตัวจะกดดันบ้างไหมถ้าหากเป็นผู้ใหญ่เองที่พลาดและสั่งเทค แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนการแสดงกับเด็กคนนี้ ผู้ใหญ่คงแทบไม่ต้องมีภาระอะไรเลยในเรื่องของความกลมกลืนและรับส่งอารมณ์ เพราะหนูมานะเธอเล่นได้ดีจริงๆ

แล้วก็ร้องเพลงได้ดีอีกต่างหาก เพลงประกอบซีรีย์ Ame ni Negai wo ได้ยินปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นเสียงของหนูมานะนั่นเอง




ตัวแค่นี้ยังแสดงได้ขนาดนี้ โตขึ้นมาฝีมือการแสดงจะแหร่มขนาดไหน ขอให้โตขึ้นมาสวยๆ นะ จะได้เป็นนางเอกสัก ๑๐-๒๐ ปีและเมื่อแก่ตัวลงก็จะยังมีหน้ามีตาเป็นนักแสดงยอดฝีมือตลอดไป แต่ตอนเป็นเด็กยังน่ารักขนาดนี้ โตขึ้นมาก็น่าจะสวยเอาเรื่องนะ อย่าไปหลงรักอะไรสายอื่นที่ทำให้หันเหไปจากอาชีพนักแสดงเสียก่อนล่ะ เพราะป้าคิดว่าหนูเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง แต่พ่อแม่ก็อย่าปล่อยให้หักโหมโกยทรัพย์เข้ากระเป๋าเกินไปก็แล้วกัน เพราะป้าเห็นรายการผลงานของหนูใน Dramawiki แล้วป้ารู้สึกเป็นห่วงจริงๆ ๓ ปีที่ผ่านมานี้ หนูทำงานคิดจำนวนเรื่องโดยเฉลี่ยต่อปีก็ยังดูค่อนข้างหนัก



ใน DramaCrazy.net คนที่เขียนรีวิวเรตให้ 100% เหมือนกันหมดทั้ง ๓ คน แต่ละคอมเมนท์ในแต่ละตอนก็ล้วนเป็นความชื่นชมไปในทางบวกทั้งสิ้น ส่วนเรตติ้งทางทีวีนั้นอยู่ที่ ๑๐.๑ % ก็คิดว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่นะสำหรับการเป็นซีรีย์ครอบครัว

โดยส่วนตัว Beautiful Rain ก็เป็นซีรีย์ที่ดูได้เรื่อยๆ ดูวันละตอนก็เพียงพอ ไม่ค่อยมีอะไรให้รู้สึกลุ้นหรืออยากดูต่อแบบหักห้ามใจไม่ไหวเหมือนการติดซีรีย์เรื่องอื่นๆ ที่พอเห็นตัวอย่างตอนต่อไปก็มักอดใจไม่ได้ขอต่ออีกนิด ไม่ได้ทั้งตอน สักพาร์ทสองพาร์ทของตอนก็ยังดี Beautiful Rain ค่อนข้างจะราบรื่นต่อความรู้สึกผิดไปจากการคาดคิดไว้แต่แรกว่านี่คงเป็นซีรีย์ที่จะกระชากกระชั้นอารมณ์ให้สะเทือนใจทำร้ายต่อมน้ำตาจนบอบช้ำ ตรงกันข้ามกลับไม่ร้องไห้เลย แค่มีน้ำตาซึมบ้างนิดหน่อยในสองสามตอนสุดท้ายเท่านั้น มั่นใจด้วยว่าไม่ใช่เพราะต่อมอารมณ์ตายด้าน แต่เป็นเพราะเนื่อเรื่องมัน "ราบรื่น" ไปสักนิด มันเป็นเนื้อเรื่องที่สวยงามง่ายไปสักหน่อย เพราะความจริงแล้วโลกใบนี้มันโหดร้ายจะตายไป (แบบว่ามองโลกในแง่ร้าย)



หากชีวิตของคนหนึ่งคน มีคนดีๆ ที่เป็นเพื่อนแท้อยู่รอบตัวอย่างเคย์สุเกะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวกับอะไรมากนัก ปัญหาเดียวของซีรีย์เรื่องนี้ที่ทำให้ส่วนตัวแล้วรู้สึกแค่ว่าเป็นซีรีย์ที่ดี ไม่อาจจะข้ามไปถึงขั้น "ประทับใจ" อย่างที่คาดหวัง นั่นเป็นเพราะทุกคนดีเกินไป สิ่งหนึ่งที่รู้สึกจากการดูซีรีย์เรื่องนี้อยู่ตลอดคือ มันเป็นความจริงที่ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย ขอเพียงไม่กี่คนที่เป็นเพื่อนแท้ เท่านั้นก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค และมีความหวังมีพลังใจจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข



มันมีแต่เพียงความทุกข์ความกังวลของเคย์สุเกะเองที่เป็นห่วงมิยุ และกลัวตัวเองจะเป็นภาระของคนอื่น แต่ไม่มีใครเลยที่สร้างความทุกข์และความเจ็บปวดให้เคย์สุเกะแม้แต่น้อยนิด ถึงจะเป็นคนอื่น แต่ทุกคนก็เหมือนเป็นญาติพี่น้องเป็นครอบครัว ขณะที่เคย์สุเกะยอมแพ้ แต่ทุกคนรอบตัวกลับพร้อมสู้ ไม่ว่าจะเป็นสองสามีภรรยานาคามูระที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือและดูแลเคย์สุเกะกับมิยุที่ก็มีส่วนช่วยเหลือดูแลมาตั้งแต่แบเบาะ



อากาเนะผู้มีประสบการณ์โดยตรงกับการเคยดูแลแม่สามีที่ป่วยเป็นอันไซเมอร์เป็นเวลานานกว่า ๓ ปี ก่อนจะเสียชีวิตไป เธอจึงรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ความยากลำบากของการใช้ชีวิตซึ่งหากโรคถึงขั้นรุนแรงและไม่มีคนปรนนิบัติใกล้ชิด ก็ต้องไปจบลงที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย อย่าว่าแต่จะเลี้ยงดูมิยุเลย ต่อไปในอนาคตเคย์สุเกะจะไม่สามารถทำได้แม้แต่การช่วยเหลือตนเอง เธอจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ใช้ความรู้สึกนำทาง ขณะที่อากาเนะชี้แนะตามเหตุและผล แต่ถึงอย่างนั้น ทุกสิ่งที่เป็นจุดยืนทางความคิดของอากาเนะ ก็เต็มไปด้วยความหวังดีที่เอื้ออาทรจากความจริงใจ มันจึงไม่ใช่การหักหาญความรู้สึก ทำลายความหวังหรือกำลังใจ แม้บางครั้งอาจจะทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดบ้างแต่มันก็คือความจริงที่ต้องยอมรับ



มุเนะซัง หากมีอะไรที่พอทำได้เพื่อช่วยเหลือเคย์สุเกะ ขอเพียงแค่เอ่ยปากเขาพร้อมจะทำ และแม้แต่อากิโอะ ชายหนุ่มที่มักถูกเรียกว่า "dumb" คนโง่ไม่รู้จักโต ก็พยายามที่จะโตและขอเป็นหนึ่งในคนที่จะช่วยประคับประคองชีวิตของเคย์สุเกะให้ยังอยู่ได้ดีและมีความสุข

"I will give my all"

แล้วไหนจะพ่อตาแม่ยายของเคย์สุเกะ สองสามีภรรยาก็พร้อมเต็มที่กับการจะเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูมิยุ และยังใจกว้างพอจะรับดูแลลูกเขยที่ป่วยเป็นโรคอันไซเมอร์ ขอเพียงเคย์สุเกะจะเต็มใจมาอยู่ด้วยกันสี่คนพ่อลูกและตายาย

คุณหมอเจ้าของไข้ ก็ดูแลคนไข้อย่างจริงใจ ไม่อาจจะให้ความหวัง แต่ก็ไม่เคยบั่นทอนกำลังใจ แม้จะไม่มีวิธีการรักษาหรือชะลออาการของโรคได้ แต่ก็จะพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อไม่ให้อาการของเคย์สุเกพัฒนาไปสู่ขั้นที่รุนแรงกว่า




ความเศร้าความทุกข์ของเคย์สุเกะคือการเป็นห่วงลูก จะทำอย่างไรกับอนาคตของมิยุ อะไรคือทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อมิยุ ควรอยู่ด้วยกันต่อไป หรือควรแยกจากเพื่อความปลอดภัยและเพื่อไม่ให้มิยุต้องเจ็บปวดเพราะอาการป่วยของเขา แต่การมีลูกที่เรียนรู้ เข้าใจ และปรับตัวเช่นมิยุ มีเพื่อนแท้รอบตัวที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ประคับประคอง นั่นจึงเป็นเหตุให้เห็นภาพของเคย์สุเกะที่น่าอิจฉาชัดกว่าเคย์สุเกะที่น่าสงสาร

คนน่าสงสารคือมิยุ เด็กหญิงที่กลัวการถูกแยกจากพ่อ เด็กน้อยอายุ ๘ ขวบจึงพยายามคิดเอง ทำเอง และตัดสินใจเอง เธอจะทำอย่างไร ปฏิเสธ ดื้อดึงเอาชนะ หรือยอมแพ้ที่จะยอมรับกับสถานการณ์ที่ต้องเป็นไป ถ้าเพียงนั่นจะทำให้ตัวเองไม่เป็นภาระและเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับพ่อ



มิยุ แปลว่าฝน และเธอก็เป็นเด็กหญิงที่ทำให้ Beautiful Rain เป็นเรื่องราวที่สวยงาม เพียงแต่คาดการณ์เนื้อหาผิดไปสักหน่อย เพราะที่คิดไว้คือ..คงจะดราม่าน้ำตาพรากก่อนจะนำมาซึ่งการเติมไฟแห่งการต่อสู้ให้ลุกโชติช่วงและทำให้รู้สึกดีกับการยังมีความทรงทำ เหมือนกับที่รู้สึกดีกับการยังมีชีวิตอยู่ (อย่างแข็งแรง) กับเรื่อง ๑ Litre of tears ซะอีก ที่ไหนได้ เคย์สุเกะในสายตาผู้เขียนเปรียบได้ว่าถึงแม้จะป่วยแต่ชีวิตก็ยังโรยด้วยกลีบกุหลาบ ยังมีโอกาสเลือกที่จะไม่ยอมแพ้และมีความสุขได้เพราะการค้ำจุนของผู้คนรอบข้าง หนังเรื่องนี้จึงจรรโลงใจในแง่ของน้ำใจไมตรี การยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาในชีวิตของตนเอง ....สวยงามที่สุด แต่ราบรื่นไปนิด




ดังนั้น ถ้าเรื่องนี้ไม่มีนักแสดงที่ชื่นชอบอย่างมิอุระ โชเฮ คาดว่ามันคงจะน่าเบื่ออยู่บ้างเหมือนกัน เพราะนอกจากหนูมานะ ไม่มีนักแสดงอื่นที่คุ้นเคยเลยสักคน Etsushi Toyokawa ที่เล่นเป็นพ่อ-เคย์สุเกะก็เคยเห็นแค่ในหนัง Love Letter เท่านั้น (เว้นแต่จะเคยเห็นเรื่องอื่นด้วยแต่จำไม่ได้) และก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้อินลึกไปกับตัวละครเหมือนตอนดู Flower Shop Without Rose หรือ Shiroi Haru ที่จะว่าเป็นเพราะชอบหรือไม่ชอบนักแสดงก็คงไม่ใช่หรอก เพราะก็เพิ่งรู้จัก โคตาริ ชินโงะ ครั้งแรกในเรื่องนั้น ส่วนฮิโรชิ อาเบะ การรับบทพ่อใน Shiroi Haru ก็คงไม่ใช่เหตุผลว่าชอบอาเบะจาก Kekkon Dekinai Otoko เพราะเป็นเรื่องห่างไกลกันคนละแนวและสองคนนี้ก็ไม่ใช่ทั้งคนหล่อและคนโปรดในสายตา เป็นเรื่องของความรู้สึกกับคาแรคเตอร์ตัวละครมากกว่าที่ไม่มีจุดพลิกผัน ความสะเทือนใจ แต่ค่อยๆ รับรู้การป่วยเบาๆ เป็นระยะๆ ค่อยๆ ซึมซับความเป็นคุณพ่อแสนดีที่นุ่มนวลอ่อนโยนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ก็เลยพลอยรู้สึกเฉยๆ อย่างเสมอต้นเสมอปลายตามไปด้วย



ส่วนเจ๊มิกิ นี่เป็นเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จกับการดูซีรีย์ของเจ๊จนจบเรื่อง เพราะเรื่อง Jin หมอทะลุศตวรรษ ภาคแรกก็ยังค้างอยู่ตอนที่ ๑๐ ส่วนMerry Christmas in Summer ขนาดว่าเล่นเป็นนางเอกของ ทาเคโนะอุจิ ยูทากะ ก็ยังดูไม่จบ (แต่จะยังกลับไปดูยูทากะให้จบในวันหนึ่งวันใด) เรื่องนี้บทบาทก็เหมาะสมกับทั้งวัยและหน้าตา ประกอบกับได้อานิสงฆ์จากความนิยมในตัวเด็กน้อยมาด้วย จึงได้มีประวัติจบเรื่องกันสักเรื่อง



เกี่ยวกับโชเฮ เพราะเขาเป็นนักแสดงระดับตัวประกอบ บทบาทก็เป็นตัวประกอบที่ค่อนข้าง "ทั่วไป" ไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษนัก ส่วนฝีมือก็บอกไม่ได้ว่าเจ๋งมากน้อยแค่ไหน เพราะบทที่โชเฮได้รับมันก็ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกันในแต่ละเรื่อง บทเพื่อนพระเอกในคาแรคเตอร์นายแจ่มใสที่ไม่ค่อยจะมีสาระน่ะค่ะ แต่ด้วยถูกชะตากับหนุ่มคนนี้เป็นการไร้เหตุผลส่วนตัว ซีรีย์เรื่องไหนที่ไม่มีนักแสดงหลักๆ เป็นคนที่ชอบ ถ้าเพียงมีโชเฮเป็นตัวประกอบ แค่นั้นก็พอเพียงจะช่วยประคับประคองกันไปตลอดรอดฝั่ง เพราะเรื่องนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปนักกับโชเฮ ใน Tumbling โชเฮใน Hungry โชเฮใน Tokyo Zenryoku Shojo และสุดท้ายที่ยังไม่เห็นบทบาทแต่เดาว่าไม่น่าจะต่างด้วยเหมือนกันคือ โชเฮใน Cleopatra na Onnatachi นอกจากบทบาทจะไม่ค่อยมีความต่างแล้ว ทรงผมและสีผมของฮีก็แทบจะไม่มีความต่างกันเลยสักเรื่อง มีแต่ Tumbling ที่ยาวมากกว่าปกตินิดหน่อยเท่านั้น ช่างเป็นผู้ชายที่จำเจจริงๆ แต่ก็ชอบนะ




Dad's disease does not hurt me.
What's difficut and painful is being separated from dad.

............

There may be some worrisom , painful
sadtime ahead that may bring you to tears

All those times I want you to remember coming here
you are not alone you are the most loved person in the world
if you remember that i'm certain you can hang in there.

.............

it's alright
i will remember everything for you.
Because even if you forget me.
I wont forget you.
Besides , won't you always be my dad ?.



ใครชอบดูซีรีย์ที่มีเด็ก และใครชอบอาชิดะ มานะ การได้ติดตามเฝ้าดูเด็กน้อยที่น่ารักคนนี้ไปตลอด ๑๒ ตอน สำหรับตัวผู้เขียนเองถึงมันไม่ใช่ซีรีย์ระดับประทับใจ ก็ยังรู้สึกคุ้มค่า และปรารถนาจริงๆ ว่า หากในสักวันหนึ่งที่ชีวิตต้องประสบกับความยากลำบาก วันนั้นคงจะได้เห็นน้ำใจของเพื่อนแท้ และมันคงไม่ยากเกินไปนักที่จะก้าวเดินต่อไป
































ขอบคุณ : Dramawiki , Asianwiki , Dramacrazy.net (ดูซีรีย์ออนไลน์)


Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2556 12:17:30 น. 4 comments
Counter : 9499 Pageviews.

 
ช่วงแรกๆที่อ่าน แล้วพบว่าเป็นเรื่องของพ่อ
ที่มีภาระต้องเลี้ยงลูกวัย8ขวบและกำลังจะเป็นอัลไซเมอร์
ก็คิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นดราม่าหนักแหงมๆ
แต่พออ่านไปๆคุณprysang บอกว่าไม่เสียน้ำตาสักหยด
เพราะซีรีส์มันไม่ได้เศร้าอะไรอย่างนั้น อ้าว!พลิกล็อกไปซะนี่
กลับกลายเป็นว่าเป็นเรื่องความสวยงามของกำลังใจ
การช่วยเหลือเกื้อกูลกันของคนในสังคม
เหมือนกับจะบอกว่าชีวิตไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิดกลัวกันไปหรอกนะ
ความมีน้ำใจ การไม่ทอดทิ้งกันของคนในสังคมยังมีอยู่นะ
จะว่าไปที่ซีรีส์มาเล่นเรื่องคนเป็นอัลไซเมอร์นี้
จะทำให้เป็นดราม่าหนักนี้ได้เลยนะคะ
เพราะโรคนี้ผู้ทุกข์หนักไม่ใช่ตัวคนไข้ แต่เป็นผู้ดูแลค่ะ
แล้วแถมในเรื่องนี้ก็ให้ผู้ที่ทำหน้าที่นี้อายุแค่8ขวบอีกด้วยค่ะ
แต่ดีแล้วล่ะค่ะ ที่ซีรีส์ฉีกแนวออกมาหาทางออกแบบนั้น
ซึ่งทำให้คนดูได้เห็นทางออกอีกทางหนึ่งของปัญหา
ที่สามารถพบเจอได้ในสังคม(เรื่องSocial Support)ซึ่งเป็นสิ่งที่สวยงาม
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเด็กญี่ปุ่น ความคิดถึงโตเกินวัย
มะนาวเลิกแปลกใจแล้วค่ะ หลังจากที่ได้ดูเมะเรื่องUsagi Dropอ่ะค่ะ
เพราะเมื่อก่อนยอมรับว่าเมื่อเทียบกับมาตรฐานเด็กไทยที่ได้พบเจอ
หรือจากที่ตัวเองถูกเลี้ยงดูมา มันไม่สามารถทำอย่างที่เด็กญี่ปุ่นทำได้เลยค่ะ
ตอนนั้นก็เลยดูไปขวางไปว่าญี่ปุ่นนำเสนอเรื่องเด็กให้เก่งเกินจริงไปค่ะ
ทั้งความคิด(ที่เป็นผู้ใหญ่เกินวัย)และการกระทำ(ที่ดูประสีประสามากเลย)
แต่พอได้เห็นหรือได้รับรู้จากการดูหนัง ซีรีส์ และแอนิเมะหลายๆเรื่องเข้า
ก็พบว่ามีการนำเสนอเรื่องเด็กไปในแนวทางนี้ทั้งนั้น ยิ่งUsagi Dropนี้
เรียกว่าเป็นการลบล้างอาการขวางในการนำเสนอเรื่องเด็กไปจนหมดสิ้นค่ะ
เพราะรินอายุแค่6ขวบเอง แต่ทำไมถึงได้รู้ประสีประสามากขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นถ้าได้ดูเรื่องนี้ มะนาวก็คงไม่แปลกใจแล้วค่ะ
ว่าทำไมหนูมิยุ อายุแค่ 8ขวบ ถึงได้เป็นผู้ใหญ่เกินวัยขนาดนั้น
แล้วยิ่งมาเจอการแสดงของหนูมานะเข้าไปอีก
ก็คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะคะ เพราะฝีมือของน้องหนูระดับรางวัลการันตี
ซึ่งคิดว่าคนดูๆแล้วก็คงต้องเชื่อค่ะว่าหนูมิยุดูแลพ่อได้จริงๆ
แค่ดูจากคำพูดของหนูมิยุ ที่คุณprysang แปะให้อ่าน
แม๊!อะไรมันจะลึกซึ้งได้ขนาดนั้น(ความคิดหนูโตจิงจิ๊ง) ^_^

ปล.เย้ๆดีใจจังคุณprysang หวนคืนวงการแล๊ว(^___^)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.25.163 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:20:10 น.  

 
@ คุณมะนาว เพราะซีรีย์มันไปไม่สุดน่ะค่ะ ที่เรื่องยังไม่เศร้ามากเพราะว่ายังไปไม่ถึงจุดที่พ่อป่วยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นขั้นเริ่มป่วยและเตรียมการ จะเอาอย่างไรกับชีวิตในระหว่างนี้และอนาคตของลูกรัก อะไรที่ต้องคำนึงถึงและทางเลือกแบบไหนจะดีที่สุด

เพราะถ้าป่วยจนขั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในอีกประมาณ 5-7 ปีหลัง คงดราม่าหนักอย่างคุณมะนาวว่าแน่ๆ

เรื่องความคิดและการกระทำของเด็กญี่ปุ่น เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นดังเช่นคุณมะนาววิเคราะห์ แต่ prysang เห็นเด็กญี่ปุ่นแค่ในละคร ก็เลยไม่มีอะไรมาช่วยลดความแปลกใจในขณะที่ดู อย่างตอน มิยุ พูดถึงเรื่อง difficult and painful นั่นเป็นคำพูดที่จับหัวใจ พร้อมกับความสงสัย เด็กตัวแค่นี้ รู้จักพูดเรื่องความเจ็บปวดในจิตใจจริงๆ น่ะเหรอ เช่นเดียวกับที่หลายๆ ครั้ง ที่พ่อมีอาการลืม มิยุได้ปกปิดความรู้สึกของตัวเองและแทนที่ด้วยยิ้มร่าเริงเป็นความหมายว่า "มันไม่เป็นไร" เลยรู้สึกว่าโอ้..เด็กรู้ประสีประสาจริงๆ มันผิดไปจากความเข้าใจของเราว่าเด็กน่ะย่อมใสซื่อและค่อนข้างจะซื่อตรง

เรื่องนี้หนูมานะ มีทุกอารมณ์จริงๆ ค่ะ เก่งมากๆ ทำให้อยากดู Mother อยู่เหมือนกัน



โดย: prysang วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:00:38 น.  

 
ถ้าคุณprysang ได้ดูMother นะคะ
คุณprysangจะรู้เลยว่าเรนะในMother นั้น
ไม่ได้ต่างจากมิยุในBeautiful Rain เลยค่ะ
ปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกยังไงก็หยั่งงั้น
เรนะในMother แทนที่ความรู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่
ไม่มีใครเป็นที่พึ่งด้วยรอยยิ้มที่กลบเกลื่อนให้ร่าเริงเสมอเหมือนมิยุค่ะ
แล้วเรนะก็อายุเพียง7ขวบเองค่ะอายุน้อยกว่ามิยุซะอีกค่ะ
และเรนะเธอก็ไม่ได้ใส่ซื่อและไม่ได้ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองด้วยค่ะ
ถ้าคุณprysangได้ดูจะรู้เลยว่าคำพูดแต่ละประโยคของเธอ
มันไม่ใช่เด็ก7ขวบพูดเลยค่ะ มันลึกซึ้งเกินกว่าเด็ก7ขวบจะพูดอย่างนั้นได้ค่ะ
แต่ถ้าพิจรณาจากสภาพแวดล้อมที่ทั้งมิยุและเรนะเผชิญ
มันคงหล่อหลอมให้ทั้งมิยุและเรนะความคิดโตเกินวัยได้ค่ะ
มะนาวเคยอ่านเรื่อง"ไล่ตงจิ้นลูกขอทาน"เรื่องนั้นยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ
ไล่ตงจิ้นอายุเพียงแค่2ขวบเองค่ะ แต่สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ที่พิการได้ค่ะ
แถมบอกว่าเป็นเรื่องจริงด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณprysangเคยอ่านไหมคะ
เรื่องไล่ตงจิ้นอ่ะค่ะ มันเป็นเหมือนกับการสนับสนุนสมมติฐานที่ว่า
สภาพแวดล้อมนั้นสามารถทำให้เด็กเข้มแข็งหรืออ่อนแอได้อ่ะค่ะ
แหะๆมะนาวคุยอะไรก็ไม่รู้นะคะ ดูเลื่อนเปื้อนน่าดูเลยใช่ไหมคะ
พอดีกว่านะคะ เด๋วจะรู้สึกว่า มะนาวดูรู้ประสีประสามากเกินไปค่ะ(^___^)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.191.132 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:41:59 น.  

 
ผมร้องตั้งแต่ตอนแรกครับซึ้งมากมาย


โดย: chocobor IP: 171.6.105.123 วันที่: 25 พฤษภาคม 2556 เวลา:16:01:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.