“ชาติซ้าย” สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพฯ เป็นประธานการเคลียร์ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง “บัวขาว ป.ประมุข” หรือ นายสมบัติ บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง กับ ค่ายป.ประมุข พร้อมด้วย “รองเสือ” สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมาก ติดตามทำข่าวอย่างคับคั่ง

นายกสมาคมกีฬามวยไทยอาชีพ แจ้งว่า สาเหตุที่การประชุมในรอบแรก เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา เคลียร์กันไม่ยุติ เนื่องจากทางบัวขาวต้องการให้ทางค่ายป.ประมุข ถอนฟ้อง ร้อยโทธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม นักกายภาพบำบัดส่วนตัว ในคดีทางแพ่ง ซึ่งผลสรุป ทางค่ายก็ยินดีถอนฟ้องทุกอย่าง ขณะสาเหตุอีกประการที่ทำให้เรื่องยังไม่จบก็ คือ สัญญายกร่างของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทางที่ประชุมได้มีมติให้กลับไปทบทวนสัญญากันอีกครั้ง เพื่อที่จะมาข้อสรุปกัน ในวันนี้ (31 พ.ค.)

นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายค่ายป.ประมุข กล่าวว่า ทางค่ายยังยืนยันข้อตกลงสัญญาเดิม คือ แบ่งค่าตัวให้ค่าย 40 % นักมวย 60 % ค่าโฆษณาต่างๆ นอกเหนือจากการขึ้นชก แบ่งให้ค่าย 25 % นักมวย 75 % ส่วนการรับงานให้ทั้ง 2 ฝ่าย เซ็นสัญญารับทราบ จึงจะมีการขึ้นชก ขณะที่กรณี ร้อยโทธีรวัฒน์ ทางค่ายยินดีถอนฟ้อง เนื่องจากค่ายคิดว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างจบ

ด้าน ดร.เทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายส่วนตัวของบัวขาว กล่าวว่า จะขอแบ่งตามสัญญาเช่นเดิม ส่วนกรณีการรับงานที่นอกเหนือจากการขึ้นชก ซึ่งหมายถึง การโชว์ตัวรายการทีวี หรือการแสดงภาพยนตร์ และอื่นๆ ทางบัวขาวขอเป็นเรื่องส่วนตัว รวมทั้งจะขอใช้ชื่อจริง "สมบัติ บัญชาเมฆ" แทนชื่อ "บัวขาว ป.ประมุข"ด้วย จากนั้น ทนายส่วนตัวของบัวขาว กล่าวถึงประเด็นเรื่องรายละเอียดสัญญาว่า สัญญาที่ร่างไว้นั้น ในอนาคตอาจทำให้มีความวุ่นวายระหว่าง นักมวย กับ ค่าย เกิดขึ้นอีก ซึ่งเป็นการตัดปัญหา จึงอยากจะขอให้ทางค่ายเป็นฝ่ายโอนความรับผิดชอบในการรับงานขึ้นชกในรายการต่างๆ ให้เป็นของบัวขาวเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งประเด็นดังกล่าว ทำให้ทางประธานในที่ประชุม รวมทั้งค่ายป.ประมุข ถึงกับออกอาการเซ็ง เนื่องจากทำให้การประชุมยื้ดเยื้อ ไม่สามารถหาบทสรุปที่ชัดเจนได้ ต่อจากนั้นมีการปะทะวาทะกันนานพอสมควร 

จนในที่สุดบัวขาวทนไม่ไหว ยกมือขอในที่ประชุม เพื่อเปิดเผยถึงความในใจ ว่า "สาเหตุทุกอย่างนั้นมาจากผลประโยชน์ ซึ่งผมยอมรับว่าเรื่องได้เกิดขึ้นก็เพราะผมเอง ที่สร้างมันขึ้นมา ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ ผมอยากประกาศในที่นี้ว่า ผมจะขอยุติเส้นทางการชกมวยไว้เพียงเท่านี้ ส่วนบุญคุณทุกอย่าง ผมก็คิดว่าได้ทดแทนบุญคุณไปหมดแล้ว ส่วนการเซ็นสัญญาขึ้นทะเบียนเป็นนักมวยใหม่ จะไม่มี และ ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งผมจะขอจบทุกอย่างไว้ตรงนี้"

บัวขาว กล่าวอีกว่า "ก็ต้องขอโทษแฟนมวยสำหรับการตัดสินใจ ผมต้องขอบคุณแฟนๆ ที่คอยสนับสนุนผมมาโดยตลอด ในระยะเวลาที่ผ่านมา การประกาศครั้งนี้ ผมไม่ได้คิดเพียงเสี้ยววินาที แต่ผมคิดมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ส่วนในอนาคตผมจะไปทำอะไรต่อ ก็อยากให้ติดตามกันต่อไป แต่ขอยืนยันว่า จะยังคงช่วยเหลือวงการมวยต่อไป ถ้ามีใครติดต่อมาให้ร่วมงานที่เกี่ยวกับมวย ผมก็ยินดี แต่ตอนนี้ก็ขอกลับบ้าน สอนมวยให้เด็กๆ ที่ค่ายบัญชาเมฆก่อน ซึ่งบอกว่า กระแสตอบรับดีมากๆ ผมจะหันไปเป็นผู้สร้างบ้าง โดยใช้ประสบการณ์ทั้งหมดถ่ายทอดไปยังเด็กๆ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีนักมวยฝีมือดีมาประดับวงการ" บัวขาว ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม