 |
| |
| เรื่อง - ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ | Friday, 12 October, 2012 0:29 AM | |
 |
| |
|
| |
 หลังจากเปิดตัว ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด และ ฮอนด้า ซีวิค E85 ไปก่อนแล้ว ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก็เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ CNG รถยนต์พลังงานทางเลือกรุ่นที่ 3 ของฮอนด้า และเป็นรถ CNG รุ่นแรกจากโรงงานฮอนด้า อีกด้วย แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยตามการตกแต่ง S CNG และ V CNG เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ล่าสุดจัดทดสอบแบบกลุ่มไปเช้า - เย็นกลับ เส้นทางกรุงเทพฯ - พัทยา ระยะทางรวมประมาณ 300 กิโลเมตร
CNG มาตรฐานฮอนด้า
เมื่อดูจากภาพประกอบที่เป็น Slide Presentation จะเห็นว่า ฮอนด้า ได้ปรับปรุงโครงสร้างของรถใหม่เพื่อรองรับการติดตั้ง CNG ซึ่งจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 80 กิโลกรัม เพิ่มคานขวางรูปตัว X ที่โครงสร้างด้านหลังเบาะหลัง เสริมจุดยึดบริเวณแพล็ตฟอร์มเพื่อความแข็งแรง ปรับปรุงช่วงล่างใหม่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังโดยเปลี่ยนสปริงใหม่ ปรับช๊อคแอ็บซอร์เบอร์ใหม่ เปลี่ยนเหล็กกันโคลงหลังใหญ่ขึ้น และปรับระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าเพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้น |
| |
 |
| |
เครื่องยนต์ปรับปรุงด้วยการเปลี่ยนวาล์วและบ่าวาล์ว รวมทั้งหัวเทียนเพื่อให้เหมาะสมกับการจุดระเบิดด้วย CNG เปลี่ยนท่อร่วมไอดีใหม่แบบมีช่องสำหรับทางเข้าแก๊ส ไม่ได้ใช้วิธีเจาะท่อร่วมเดิม การจ่ายแก๊สควบคุมด้วยกล่อง ECU ของระบบแก๊สโดยเฉพาะ พร้อมสวิตช์สลับระบบเชื้อเพลิงและดูสถานะของแก๊ส ติดตั้งอย่างเรียบร้อยบนแผงคอนโซลฝั่งขวาของผู้ขับ
ช่องเติมแก๊สออกแบบให้อยู่บริเวณเดียวกับช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง การใช้งานจึงสะดวกเหมือนรถยนต์ทั่วไป ไม่ต้องเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อเติมแก๊ส ถังแก๊สความจุ 65 ลิตร เติมแก๊สได้ประมาณ 13-14 กิโลกรัม วางในห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ยึดอย่างแน่นหนากับตัวถัง มีแผ่นปิดเรียบร้อยสวยงาม
สวิตช์ควบคุมและแสดงสถานะระบบแก๊ส ติดตั้งบนแผงคอนโซลฝั่งขวาผู้ขับ มีไฟ 5 ดวงกับปุ่มสลับเชื้อเพลิง ถ้าใช้น้ำมันเบนซินไฟดวงขวาบนจะเป็นสีแดง และเมื่อกดปุ่มสลับเชื้อเพลิง ไฟจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม และไฟสี่ดวงด้านซ้ายสำหรับบอกปริมาณแก๊สในถังจะสว่างขึ้น และเมื่อเข้าโหมด CNG แล้วไฟดวงขวาบนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อแก๊สใกล้หมดไฟสีเขียวบอกปริมาณแก๊สดวงสุดท้ายจะกะพริบ และเมื่อแก๊สหมดจะสลับไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยอัตโนมัติ ไฟดวงบนขวาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมเสียงสัญญาณเตือน ผู้ขับต้องกดปุ่มสลับเชื้อเพลิงเพื่อยืนยันอีกครั้ง เสียงสัญญาณเตือนจึงจะเงียบ |
| |
 |
| |
CNG อืดลงบ้างแต่ก็คุ้ม
ตามสเปคระบุว่า ถ้าใช้น้ำมันเบนซินจะมีกำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 14.7 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบต่อนาที และ เมื่อสลับเป็น CNG จะมีกำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิด 12.9 กก.-ม. ที่รอบเท่าเดิม แรงม้าลดลงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แรงบิดลดลงประมาณ 12.5 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเยอะโดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าแรงบิดไม่สูงอยู่แล้ว แต่จากการขับใช้งานทั่วไปตั้งแต่ออกจากศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้าบางชัน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเสรีไทย และบนทางยกระดับบูรพาวิถี ก็ยังสามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติ เพียงแต่จะเร่งถึงความเร็วที่ต้องการได้ช้าลงบ้างเท่านั้น
อัตราเร่งที่อืดลง ก็ไม่ต่างอะไรกับการขับรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแล้วผู้ขับต้องการให้ประหยัด ย่อมต้องค่อยๆ กดคันเร่งเพิ่มความเร็ว อัตราเร่งก็จะช้าลงบ้าง และพยายามไม่ใช้ความเร็วสูงเกินไป เหมือนช่วงแรกที่น้ำมันเชื้อเพลิงราคาแพงแล้วยังไม่มีพลังงานทดแทน หลายคนถามหาวิธีการขับรถให้ประหยัด เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมการขับโดยไม่บ่นว่าอัตราเร่งอืด
|
| |
 |
| |
เมื่อมีทางเลือกใหม่อย่าง CNG ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง ก็กลับมาขับแบบเดิมหรือขับตะบี้ตะบันกว่าเดิม เพราะไม่ได้ตั้งใจจะลดการใช้พลังงานอย่างจริงจัง แค่จะลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเท่านั้น จึงรู้สึกอึดอัดเมื่อเครื่องยนต์ที่ใช้ CNG มีสมรรถนะด้อยลง โดยลืมไปว่าถ้าขับรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแล้วต้องการความประหยัด ก็ต้องค่อยๆ เหยียบคันเร่ง ทำให้อัตราเร่งอืดลงเหมือนกัน ลองคิดดูว่าถ้าเปลี่ยนพฤติกรรมการขับใหม่ เน้นความประหยัดกับรถที่ใช้พลังงานทางเลือกอย่าง CNG จะช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้แค่ไหน และที่สำคัญ เป็นการลดการใช้พลังงานของประเทศอีกด้วย
ในการทดสอบครั้งนี้คงวัดเรื่องอัตราสิ้นเปลือง CNG ไม่ได้ เพราะขับออกมาจากศูนย์ฝึกอบรมแค่ 6 กิโลเมตร ไฟบอกปริมาณแก๊สก็ดับไป 1 ดวงแล้ว คาดว่าจะเติมแก๊สมาไม่เต็ม ก็เลยขับแบบสบายๆ ให้ช่างภาพนิ่งและช่างวีดิโอถ่ายทำกันอย่างเต็มที่ ลองสลับเชื้อเพลิงที่ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ไม่พบอาการสะดุดหรือวูบแต่อย่างใด การสลับเชื้อเพลิงทำได้เนียนดี
ช่วงที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็รู้สึกว่าอัตราเร่งดีขึ้นจริงๆ แต่ช่วงที่ใช้ CNG ก็ไม่ได้อืดถึงขนาดต้องลงไปเข็น ลองหาข้อมูลในเวบบอร์ดของผู้ที่ใช้รถรุ่นนี้ บางคนเติม CNG 150 บาท สามารถขับได้กว่า 250 กิโลเมตร คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรประมาณ 50-60 สตางค์ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเร่งที่อืดลงไปบ้างก็นับว่าสุดคุ้ม |
| |
 |
| |
ช่วงล่างเน้นนุ่มนวล
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นประมาณ 80 กิโลกรัม ไม่ส่งผลมากนักถ้าขับและนั่งกันแค่ 2 คนด้านหน้า แต่ในการทดสอบครั้งนี้นั่ง 4 คน เมื่อนั่งด้านหลัง 2 คนจะมองออกว่าด้ายท้ายยุบลงไปและด้านหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย แต่จากการขับด้วยความเร็วปกติก็ไม่รู้สึกว่าจะบังคับควบคุมรถยากแต่อย่างใด มีบางจังหวะที่ลงคอสะพานดุๆ โดยไม่ลดความเร็วก็จะมีอาการยวบบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงกับยันหรือยุบจนสุดระยะของช่วงล่าง
ขับบนทางยกระดับลอยฟ้า ใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถยังคงขับได้นิ่งและมั่นคง แต่ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้นไปแถวๆ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเริ่มมีอาการวูบบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะลมค่อนข้างแรง พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้ายังเบาไปนิดจึงรู้สึกหวิวๆ รวมทั้งยางหน้าแคบไปหน่อย 175/65 R15 ต้องใช้สมาธิมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงจัด ระบบเบรกไม่มีปัญหาเพราะมีทั้ง ABS และ EBD เป็นตัวช่วย |
| |
 |
| |
ฮอนด้า ซิตี้ CNG ติดตั้งตามมาตรฐานจากโรงงาน ทางเลือกใหม่ของความประหยัด ใช้งานในเมืองได้คล่องแคล่ว ออกต่างจังหวัดใช้ความเร็วตามกฎหมายช่วงล่างรองรับได้สบาย สมรรถนะเพียงพอกับการใช้งานและเร่งแซง เด่นสุดๆ กับความประหยัด รองรับด้วยสถานีบริการ CNG กว่า 400 แห่งทั่วประเทศ รุ่น S CNG ราคา 659,000 บาท และ V CNG ราคา 706,000 บาท ได้สิทธิ์คืนภาษีรถคันแรก มั่นใจด้วยการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร •
ขอบคุณ: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง |
หลังจากเปิดตัว 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [
