Group Blog
 
All blogs
 
Book Reviews และเมื่อโดน Tag

Review Books

กลับมาแล้วค่ะ หลังจากหนีไปพักร้อนอยู่เชียงใหม่ถึง 1 อาทิตย์ ลั่นหล้าร่าเริงมากค่ะ ดูได้จาก report นี้

และขอขอบคุณทุกท่านที่ส่ง SMS มาอวยพรปีใหม่ให้นะคะ ได้รับแล้วค่ะ แต่ฉันส่ง SMS ให้ใครไม่ได้เลย มันขึ้นบอกว่า "connection has some problem, please try again.!" พยายามตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธ.ค. จนถึงคืนวันที่ 1 ม.ค. ก็ส่งให้ใครไม่ได้ ยกเว้นเบอร์โทรลึกลับ 2 เบอร์ ที่ดันส่งได้ซะงั้น ใครก็ไม่รู้ แต่ SMS มาอวยพรปีใหม่ (^^)

ตั้งใจจะเอา หัวขโมยแห่งบารามอส มาอ่าน แต่เนื่องด้วยเห็นว่าหนังสือคินดะอิจิหาอ่านยากกว่า เพราะไม่ค่อยได้อยู่ติดร้าน ก็เลยกลายเป็นว่าทริปนี้คว้าแต่หนังสือประเภท J-book

คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมบนเกาะโกะกุม
ผู้เขียน : อ. โซโคมิโซะ เซซิ
ความคิดเห็น : สนุกมาก คินดะอิจิบทเยอะสมใจ

ถ้าฉันบอกว่า L คนผมยุ่ง ตาแพนด้า เดินหลังค่อมน่ารัก มันก็ช่วยไม่ได้ฉันจะบอกว่าคินดะอิจิน่ารัก ! ถ้าเจอหนุ่มใส่กางเกงฮากามะ ที่บ่งบอกการต่อต้านสังคมและดื้อรั้น ผมยุ่งเหยิง พูดติดอ่างเวลาตื่นเต้น เฉลียวฉลาด สุขุม จะไม่น่ารักไปได้อย่างไร นิยายของอ. โซโคมิโซะ เซซิ บรรยายบรรยากาศ และหญิงสาวได้สวยสดงดงามทุกครั้ง เรียกว่าอธิบายด้วยคำง่ายๆไม่กี่คำ เราก็รู้สึกว่าหญิงสาวในเรื่องเธอช่างงดงามเสียจริง (เหมือนแนว JRR Tokein) คราวนี้มาแบบคนเดินเรื่องคือคินดะอิจิคนเดียวเลยค่ะ เราเลยได้ชมการแสดงความสามารถและบุคลิกของคินดะอิจิได้อย่างเต็มอิ่ม อย่างน้อยแฟนคินดะอิจิก็ได้รู้ข้อมูลเล็กน้อยของคินดะอิจิมากขึ้น คือ คินดะอิจิเคยไปเรียนอเมริกา ถูกเกณฑ์ไปรบสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และรูปหล่อ .... (^^) ส่วนเนื้อหาของนิยาย เป็นเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นที่เกาะแห่งหนึ่งทันทีที่คินดะอิจินำข่าวร้ายมาให้ว่าทายาทของตระกูลคิโตได้สิ้นชีพเสียแล้ว แม้จะรู้ว่าเป้าหมายของการฆาตกรรมคือใคร แต่คินดะอิจิก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งมันได้ คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเพราะโชคชะตา หรือเพราะความหลงผิดของผู้งมงายกันแน่ ?! ไม่ spoil ค่ะ ต้องหามาอ่านเอง (^^)

แต่ขอ spoil เล็กๆ กับตอนจบที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ตอนที่คินดะอิจิชวนสาวงามแห่งตระกูลคิโตใหญ่ซานาเอะไปโตเกียวด้วยกัน .... หมายความว่าไงฟ่ะ ? ไปปิ๊งปั๊งกันตอนไหน ? ทั้งเรื่องแทบจะไม่พูดกันเลยนะ ? บางทีอ.เซชิอาจจะไม่อยากให้คนอ่านเข้าใจผิดว่าคินดะอิจิเป็นเกย์ก็ได้ ?! (โสดมานาน แถมไม่เคยทำท่าสนใจผู้หญิง)

คินดะอิจิ ตอน เจดีย์สามเศียร
ผู้เขียน : อ. โซโคมิโซะ เซซิ
ความคิดเห็น : น่าผิดหวังเป็นที่สุด


อ.เซชิอาจจะกินยาลืมเขย่าขวด หรืออาจจะอยากเขียนอะไรตามสมัย(ยุค 70s)นิยมบ้าง ? เขียนเหมือนไม่ได้วางพล็อตหรือวางตัวฆาตกรมาก่อน จะว่ากันไปแรงจูงใจของฆาตกรอ่อนมาก ถ้าว่าเหตุผลเพื่อปกป้องใครคนหนึ่ง หรืออยากช่วยใครสักคน หรือไถ่โทษให้ใคร ฯลฯ จริงอยู่ว่าเป็นการฆาตกรรมที่ไม่วางแผนล่วงหน้า แต่มันฟังดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเก็บหลักฐานได้หมดจด แถมยังไปป้ายความผิดให้คนที่อยากช่วยซะงั้น มาจับได้ก็ตอนจบเพราะเสร่อทำขอชิ้นใหญ่หล่นแค่ชิ้นเดียว แถมยังระบุเจ้าของได้ชัดแจ้ง อ่านแล้วแทบอยากทึ้งผมตัวเองเชียว ! เออ.... จริงอยู่ว่าตอนนี้อ.เซชิเน้นเรื่องรักโรแมนติก แต่อ่านแล้วไม่รู้ว่าโรแมนติกด้วยเลยสักนิด กับความรักที่เกิดขึ้นบทเตียง แล้วเติมรักกันบนเตียงอย่างดุเด็ดเผ็ดมันเอากันทั้งเรื่องแม้ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ทำให้ดูเหมือนนางเอกและพระเอกของเรื่องเป็นพวกเซ็กซ์จัด ส่วนนางเอกติดใจลีลาบนเตียงของพระเอกแล้วกลายมาเป็นความรัก (-__-)” ก็คงจะดีกว่านี้ถ้าทะลุเป็นแนวติดเรทอีโรติกไปเลย แต่มันน่าเบื่อตรงที่มันต้องรักษาระดับเรทไม่ให้ถึง R หรือ X เพราะฉะนั้นฉากสัปดนหรือลีลารักบนเตียงเลยกลายเป็นแค่ทำบรรยายทื่อๆ ซะงั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยค่ะ

นอกจากความไร้เหตุผลและไม่สมจริงของพล๊อตเรื่องแล้ว การเล่าเรื่องโดยให้คินดะอิจิเป็นบุคคลที่ 3 ทำให้บทพี่แกโผล่ออกมาน้อยมากจนแทบไม่ควรใช้ชื่อว่าเป็นคดีของคินดะอิจิด้วยซ้ำไป แถมสุดท้ายมีเรื่องผีเข้ามาแจมซะอย่างงั้น (เฮ้อ... จะดีกว่านี้ถ้าเป็นเรื่องผีไปเลย) การเดินเรื่องที่เชยกึ่ม ทำให้นึกถึงหนังไทยสมัยมิตร-เพชราเป็นพระเอก-นางเอก พลิกดูชื่อคนเขียนหลายรอบเผื่อว่าจะมีใครมาแอบเขียนแทนไม่ใช่อ.เซชิ ทนอ่านเพราะนึกว่าจะซ่อนมุขเด็ดๆ เอาไว้ แต่สรุปแล้ว ไม่มีอะไรในก่อไผ่จริงๆ แถมอ.เซซิไม่รู้ไปแค้นอะไรพวกเกย์มาแต่ปางไหน (เล่ม 1 ตอนคดีฆาตกรรมในตระกูลอินุงามิยังเห็นดีๆ อยู่) เขียนแช่งชักหักกระดูกพวกเกย์ได้หนักมาก (ตอน นรกสำหรับพวกรักร่วมเพศ)

ใครเป็นแฟนคินดะอิจิ เล่มนี้พลาดไป คุณก็ไม่ได้พลาดอะไรไปหรอกค่ะ แต่ทำให้รู้ว่า ถ้าวิธีเขียนแบบเล่าเรื่องโดยให้คินดะอิจิเป็นบุคคลที่ 3 ล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้เห็นการคลี่คลายคดีของคินดะอิจิเลยค่ะ

รักในโลกพิศวง
ผู้เขียน : ฮิงาชิโนะ เคโงะ
ความคิดเห็น : น่าเบื่อเป็นบ้า



เรื่องรัก 3 เส้าของชายหนุ่มที่ไม่คว้าโอกาสเมื่อผ่านเข้ามา แต่กลับดันทุรังไม่ยับยั้งชั่งใจเพื่อให้สิ่งที่หลุดมือไปกลับมาเป็นของตัวเอง หญิงสาวผู้ไม่เคยจัดการปัญหาความรักให้ชัดเจน แม้จะผ่านพ้นจุดแตกหักไปแล้ว และชายผู้พิการที่ไปได้สาวในสเปคเพื่อนเป็นแฟน กว่าจะหาแฟนได้ยากพอดู พอหาได้ ดันได้คนที่เพื่อนรักปิ๊งเข้าให้ ซวยจนไม่รู้จะว่ายังไง ทั้ง 3 คนไม่มีใครยอมถอยจากจุดยืนของตนเอง จนเกิดโศกนาฏกรรมความรัก ทั้ง 3 คนอยากกลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่จะทำอย่างไรเมื่อความทรงจำอันเจ็บปวดไม่อาจะลืมได้ ?!

เนื่องจากรำคาญความสัมพันธ์รักสามเส้าที่เหมือนติดล็อค ทำให้ไม่มีพัฒนาการของเนื้อเรื่อง ประเด็นเขาแค่อยากจะเสนอเรื่องวิทยาการโลกเสมือนจริงจัดแต่งความทรงจำกันใหม่ได้เท่านั้นแหละค่ะ แต่ดันใส่เรื่องความรักที่ไร้พัฒนาการเข้ามาเยอะมาก เปิดฉากมาทีไรก็ปัญหาเดิมๆ ซ้ำซาก ผู้หญิงก็ไม่เลือกใครสักที ผู้ชายก็ไม่ยอมเลิก อีกคนก็ไม่เลิกตื้ออยู่นั่น จนช่วงระลึกความทรงจำน่าเบื่อมากๆ แต่ช่วงค้นหาความทรงจำยังพอทนได้ ไม่ได้เลวร้ายมาก แต่อ่านหนเดียวก็เกินพอ


CHAT รักหนุ่มรถไฟ
ความคิดเห็น : ก็สนุกดี


นึกไม่ถึงว่าหนังสือมันจะเล่นเอากระทู้บนหน้า webboard มาแปะให้อ่านกันดื้อๆ แบบนี้เลย (-__-) เริ่มเรื่องงงๆ แต่ก็เดินเรื่องได้ไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ ดูไม่ค่อยลุ้นมากเหมือนตอนดูละคร (ที่ฉันชอบมาก) อุปสรรคมันไม่ได้ยากมาก และดูสาวเจ้าดูจะมีใจให้เจ้าหนุ่มอาคิบะเคย์มากน่าดู ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงได้ซาบซึ้งกันนักจนออกมาได้หลายเวอร์ชั่น เห็นคำนำหน้าเล่มบอกว่า แค่ช่วงต้นๆ เท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง แต่ตอนกลางๆ ถึงท้ายเรื่อง แต่งเอาเอง (*_*) เอ... แล้วความรักของหนุ่มรถไฟตัวจริงจะสมหวังไหมนะ ? แต่อ่านดู ชอบความเห็นที่ 273 ค่ะ ประเภทสาวแกร่งแอบเพ้อน้อยใจ ว่าเวลาเธอเจอพวกโรคจิตทีไร เธอจัดการปัญหาเองทุกทีไม่พึ่งพาพวกผู้ชาย เพราะแบบนี้ถึงหาแฟนไม่ได้หรือเปล่า ? ฮือ.... หัวอกเดียวกันเลย

ต่อ Entry หน้า review กันเรื่อง manga แล้วกัน




Tag

เค้าบอกว่า เมื่อโดน tag ให้ tag ตาม แล้ว tag ต่ออีก 5 คนค่ะ อู้ย.... tag ตามแล้วไม่เท่าไหร่ แต่จะไป tag คนอื่นต่อนี่ ลำบากใจค่ะ นานๆ โผล่หน้าไป blog ชาวบ้านเขาสักที (ไม่มี net ติดเองที่บ้านก็เงียะ) จัดว่าเป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่หรือเปล่านี่ ? (แหม.... แค่เป็นคนคุ้นคนยากแค่นั้นเอง)

Tag คือ การที่เอาบอกเรื่องของเราที่คนอื่นไม่รู้ 5 ข้อค่ะ ..... ฉันก็มานั่งคิดนอนคิด เพราะเรื่องของเราที่คนอื่นไม่รู้ มันเยอะจัด บอกไปจะดีไหมนะ ? หลังจากคัดแยกตระแกรงร่อนแล้ว ก็ได้ 5 ข้อดังนี้

1. ห้ามจับคอ
เวลาถูกใครจับคอ จะรู้สึกสยดสยอง สยึมกึ๋ย ขนลุกขนพอง ขนแขนลุกฟู่ๆๆๆๆ (เป็นที่ขบขันของผู้ได้พบเห็น) เหตุจากความหลัง ตอนป.3 เคยโดนเพื่อนล้อเล่นด้วยการบีบคอ บีบชนิดที่ว่า เกือบจะได้เห็นภพ ‘โลกนี้และโลกหน้า’ แล้วเชียว (ดีที่สมัยนั้นยังไม่มีการ์ตูนเรื่อง อินุยาฉะ ไม่งั้นจะมุดหัวลงไปดูสุสานท่านพ่อของอินุยาฉะ ^^”) ด้วยความที่เราตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะเล่นแบบนี้ เลยทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้มันบีบคอจนเกือบหมดลม ชะรอยมันจะเห็นเราใกล้ตายเลยปล่อยมือ พร้อมหัวเราะบอกว่า ‘ล้อเล่น’ คุณเอ๋ย.... เลือดงี้พุ่งซ่านขึ้นสมองเลย ฮือๆๆๆ เหลือเป็นความรู้สึกสยดสยองมาจนทุกวันนี้เวลาใครจับคอ

2.สมบัติชิ้นแรกที่ใช้เงินเก็บออมซื้อ คือ หนังสือการ์ตู
จำได้แม่นตอนนั่งนับเศษเงิน ถ้าสมบัติที่ใช้เงินอดออมตัวเองซื้อจริงๆ คือ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง “ฮิเมโกะ จอมแก่นแก้ว” (ห้ามเดาอายุ ^^;) ตอนนั้นเริ่มอ่านโดราเอมอนและคำสาปฟาโรห์แล้วล่ะ แต่ทั้ง 2 เรื่อง ป๊าและม๊าจะซื้อให้ สมัยนั้น ฮิเมโกะ ก็ดังใช่ไหมล่ะ ? จำความรู้สึกได้ดีว่า อยากอ่านมาก แต่แม่ไม่ซื้อให้ เลยแอบเอาเงินเก็บไปซื้อเอง รวมหัวกับเพื่อนรุ่นพี่ เพื่อนปั่นจักรยาน เราซ้อนท้าย ข้ามเขา 3 ลูกไปซื้อหนังสือการ์ตูนบ้านอาม่า (เว่อร์! แต่บ้านนอกมากจริงๆ และสมัยนั้นยังปั่นจักรยานไม่เป็น) ได้มา 1 เล่ม เป็นปลื้มซะไม่มี อ่านกันจนเปื่อย ! แต่จนแล้วจนรอด ป่านนี้ยังไม่รู้ว่า ฮิเมโกะจอมแก่นแก้วจบยังไง เพราะมีหลายภาคเหลือเกิน ทั้งภาคตบตีริษยา ภาคติดเกาะ ภาคแข่งยิมนาสติก (การ์ตูนกีฬาเรอะ ?) แต่ละคนแต่งตัวหรูหราฟูฟ่า (ตามสมัยยุค 80s) ชิงรักหักสวาทกันน่าดู แต่..... ตัวละครทุกตัวยังเป็นแค่เด็กประถม ?!

3. ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว (แต่ยากเยอะเลย)
ระดับภาษาอังกฤษของฉันเป็นที่ amazing ต่อผู้ได้พบเห็น โดยเฉพาะชาวต่างชาติ มักถามว่า ฉันจบมาจากต่างประเทศหรือเปล่า ? หรือคนไทยด้วยกันถามว่า ทำไมเก่งภาษาอังกฤษจัง เพราะ...... ความพยายามขวนขวายในการตบตีกับฝรั่ง เอ๊ย...ผูกมิตรกับฝรั่ง และความดันทุรังอ่านนิยาย Y บนอินเตอร์เนทอ่ะดิ๊ ... เมื่อก่อนก็เหมือนคนไทยทั่วไป ประมาณว่า กลัวฝรั่งจับกิน กลัวคนไทยด้วยกันหัวเราะเข้าใส่เวลาพูดภาษาอังกฤษผิดๆ ถูกๆ แต่เรื่องชาย Yoshiki เราสู้สุดใจขาดดิ้น แรงบันดาลใจคือ J-rock จริงๆ เมื่อก่อนก็นั่งๆ อ่านบน net แหละค่ะ สมัยนั้นฮิต Mailing List ฝรั่งคุยกันเรื่องชาย Yo ชอบวีนแตกใส่แฟนๆ ฉันก็ทนไม่ได้ ไปนั่งแก้ตัวให้ชายโยทั้งๆ ที่ภาษาอังกฤษด๊อกด๋อย ครั้งแรกที่เขียนไป ใช้เวลาเป็นชั่วโมงต่อ 1 เมลล์ ก็เลยกลายเป็นลูกติดลูกพันมาเรื่อยๆ จนถึงขั้นแปลบทความไทยเป็นอังกฤษ หรือแปลอังกฤษเป็นไทย เขียน fanfic J-rock เป็นภาษาอังกฤษได้ 4 – 5 เรื่อง โอย.... มานั่งนึกดูตอนนี้เขินมากๆๆๆๆ ซากอารยธรรมคาดว่ายังคงว่อนอยู่ใน net นี่แหละ แต่การคบพวกเด็กเก๋าโจ๋ขาร๊อคฝรั่ง ทำให้ฉันติดศัพท์แสลงและไวยากรณ์ภาษาอังกฤษวอดวายหมด ให้จับมานั่งเขียนเรียงความภาษาอังกฤษจะแกรมม่าและไวยากรณ์ผิดตรึม (ฮา) อ้อ... สมัยนั้นที่กล้าแปลบทความและเขียนนิยายภาษาอังกฤษเพราะมีเพื่อนๆ ชาวต่างประเทศช่วยเป็น beta reader และแก้ไขแกรมม่าให้น้อ ขอบคุณคุณ Dragonfly, MountainDew, Vanilla Mint และ Lady7 ไม่รู้ลืม (คิดถึงจัง)

4. ยามที่คลั่งไคล้ Idol
มีช่วงชีวิตหนึ่ง ก็หลงไหล Idol แบบมัวเมาเหมือนกัน (เราก็มีชีวิตวัยรุ่นเหมือนกันนี่นะ ?!) คนแรกที่เป็นหนูลองยาเลยคือ Yoshiki (จะพ้นใครไปได้ ?) หลับและตื่นคิดถึงเขาทุกวัน จนดร.กะทิมาโปรด เลยเขียนจม.ไปพร่ำพรรณาความห่วงหาอาลัยถึงชายโย 1 ฉบับ ฝากดร.กะทิไปค่ะ เพราะตอนนั้นดร.กะทิบอกว่าจะรวบรวมไปให้ชายโย อ่า... คือตอนนั้นเป็นห่วงชายโยน่ะค่ะ Hide เพิ่งเสีย กลัวชายโยจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีแฟนๆ ไปอีก เค้าเป็นคนที่มีแนวโน้มฆ่าตัวตายมากด้วย (หยุดเอาหัวฟาดคอมพ์ 3 ที เพราะนึกถึงตอนนี้แล้วเขินมาก!) ยังๆๆๆๆ ยังไม่พอ สมัยคลั่ง Dir en grey ฉันต้องส่งของขวัญไป Happy Birthday สมาชิกในวงทุกคนถึงญี่ปุ่น มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ส่งมาม่าต้มยำกุ้งให้ ตัวมาม่าไม่กี่ตังส์ แต่ค่าส่งเกือบ 200 บาท ทั้งๆ ที่ฝากเพื่อนที่ไปญี่ปุ่นไปหย่อนไปรณีษย์ญี่ปุ่นให้ มันกลับมาแล้วบ่นกระปอดกระแปดว่า ค่าส่งจากเมืองไทยถูกกว่านะเฟร้ย! คิดๆดู ป่านนี้คงเป็นลาภปากพวก Staff a knot ไปแล้ว (ฮา!)

ปล. คนที่รู้ดีคือเจ้าเรียวตะ สมัยนั้นมันต้องนั่งฟังฉันพร่ำเพ้อถึงพวก J-rock เป็นภาษาอังกฤษง่อยทุกครั้งที่เจอหน้า ... (-__-)” นึกดูแล้วก็น่าสงสารเจ้าเรียวตะ สมัยนั้นฉันคงดูเหมือนคนบ้าในสายตามันจริงๆ (อาการหนักมาก)

5. ติดนาฬิกาและหมวกอย่างแรง
ชีวิตนี้ ไปไหนโดยขาดนาฬิกาไม่ได้ เหมือนชีวิตขาดเข็มทิศ หรือ ไปไหนโดยขาดหมวกไม่ได้ เหมือนเปลือยกายเดินกลางแดด (เว่อร์) นาฬิกาคิดว่าเป็นเพราะชาติที่แล้วทำบุญร่วมกับนาฬิกามา ชาตินี้เลยติดมาก จำได้ว่า เอานาฬิกาของพ่อมาใส่ไปโรงเรียนตั้งแต่ป.2 จนพ่อต้องซื้อนาฬิกาให้ใส่ เวลาใส่เรือนไหนก็เรือนนั้น มีแฟชั่นกี่แบบไม่สน ของฉันต้องเป็นแบบเข็มนาฬิกา หน้าตาโบราณหน่อย นั่นแหละสเปคเลย ส่วนหมวกนั้น เพราะตอนเด็กเส้นเลือดในจมูกเปราะ แดดแรงนิดแรงหน่อย เลือดกำเดาก็ไหลโจ๊กอยู่นั่นแหละ เลยโดนแม่บังคับใส่หมวก พอโตแม่ก็ยังให้ใส่ บอกว่าแดดเมืองไทยแรง เดี๋ยวหน้าเป็นฝ้า แปลกนะ คนไทยไม่ค่อยใส่หมวก เพราะใส่หมวก เลยโดนทักว่าเป็นคนต่างชาติบ่อยด้วย (^^):::

จบแล้วค่ะ เขียนแล้วลบหลายรอบ เพราะหลายเรื่อง ถ้าเปิดเผยไป ไม่แค่ฮา อาจจะโดนโจทก์เก่าตื้บ! (มีหลายคดีติดตัว) เอาเป็นว่า แค่ชิวๆ ก็พอนะคะ

ส่วนคนที่อยาก Tag ต่อ ขอไปนอนคิดก่อนนะคะ (^^);

ปล. อยากเขียนเรื่องความจำสั้น โดยเฉพาะหน้าคนและชื่อคน เอาเป็นว่า ใครที่เคยเจอฉันแล้วฉันทำเหมือนจำไม่ได้ ไม่รู้จัก ไม่พูดด้วย ครือ.... จำไม่ได้จริงๆ นะคะ (>_<) อาจจะคุ้นๆว่าเคยเห็นหน้า แต่จะจำไม่ได้ว่าเราเคยพบกันเมื่อไหร่ ที่ไหน หรือคุณชื่ออะไร ? ไม่ได้ลืมนะคะ แค่จำไม่ได้เท่านั้นเอง บอกเอาไว้ชาวบ้านเขาจะไม่นึกว่าเราเป็นคนหยิ่งหรือเย็นชา (^^)

ปล. 2 รูปที่ link ไป DA ใน entry ที่แล้ว แก้ไขแล้วนะคะ เผอิญมันติด Mature filter ค่ะ ไม่คิดเหมือนกันว่า รูปแบบนี้ติดไปได้อย่างไร ? แก้ไขแล้วค่ะ ได้ไม่ได้ รบกวนช่วยแจ้งอีกทีนะคะ


Create Date : 10 มกราคม 2550
Last Update : 10 มกราคม 2550 17:43:43 น. 3 comments
Counter : 683 Pageviews.

 



แวะมาอ่านความลับจ้า เราเองก็โดน Tag เหมือนกัน ^^"


โดย: Malee30 วันที่: 10 มกราคม 2550 เวลา:19:43:46 น.  

 
๕๕๕

เป็นอีกรายที่โดนแท็กนะคะ

เราอ่านคินดะถึงเล่ม ๕ เองแหละ แหะๆ

เล่มอื่นๆ ว่าจะหายืมมาอ่านอยู่ค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 มกราคม 2550 เวลา:17:23:14 น.  

 
ตามมาอ่าน tag ค่ะ >,.<

คินดะอิจิยังไม่เคยอ่าน แต่ว่าจะไปลองหามาอ่านบ้าง ช่วงนี้บ้าหนังสือของแดนบราวน์ อ่านแล้วมึนดี = =

ภาษาอังกฤษฉันพื้นฐานแย่ ตอนนี้ก็ยังแย่ แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องที่สนใจจะมีความพยายามอ่านมากมาย มีทั้ง Dictionary Online ทั้งที่เป็นหนังสือเป็นผู้ช่วย ประมาณว่าถ้าอยากรู้ต้องรู้ให้ได้ ถึงจะรู้แบบแปลเอง ตีความไม่ค่อยตรงกับเจ้าของงานก็เหอะ จะเรียกว่าดันทุรังดีไหมนะ


ว่าแต่ ผมอยู่ทรงรึยังค๊ะตอนนี้


โดย: boulevard IP: 61.90.252.13 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:18:01:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pride
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฮู้.... กว่าจะใช้ blog เป็น (คิดว่านะ) ต่อไปนี้ จะพยายาม update เรื่อยๆก็แล้วกัน ส่วนเนื้อหา .... คาดว่าจะจับฉ่าย ส่วนของ Let's talk ก็เรื่องสัพเพเหระ , secret window ก็จะเป็นเอ่อ.... อะไรที่มัน Y หรือ Homo นะ เพราะชอบอ่านการ์ตูน Y นิ เพราะฉะนั้น ไม่ชอบอย่า click เข้าไป ส่วน comic talk ก็เป็นการ์ตูนที่กำลังอิน หรือกำลังอ่านอยู่ค่ะ
Friends' blogs
[Add Pride's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.