BlogGang.com : : prapasawat

Group Blog

All Blogs

Bali day1 วันเดินทาง พัก Oasis Kuta

Trip บาหลีครั้งนี้ ฉุกคิด และมีเวลาเตรียมตัวน้อยจริงๆครับ เหตุหนึ่งที่เกิดทริปบาหลีขึ้นมาก็เพราะความเครียดเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็คือ ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ผมต้องเข้ารับการศึกษาหลักสูตรหนึ่ง ซึ่งคงจะไปไหนไม่ได้

เรียกว่า ซื้อตั๋วก่อนเดินทางเพียงสิบวันเองครับ แถมมีเวลาทำการบ้านน้อยมากๆ แถมยังมีโจทย์ (ความอยากเฉพาะตัว) ที่อยากไปเปิดซิง Universal Studio Singapore ซะอีก เลยเลือกบินกับ Singapore Airline เพราะต้องไปต่อเครื่องที่ Changi Airport เลยทำให้ทริปนี้ ต้องขึ้นๆลงๆเครื่องหลายตุ๊บหน่อย ไปกันเลยดีกว่าครับ

มา start กันที่สุวรรณภูมิเลย วันนี้สบายๆครับ เลือกไฟลท์เที่ยง เลยไม่ต้องตื่นเช้ามากมาย เพื่อรีบมา เสียแต่ว่าแต่ต้องไปรอต่อเครื่องที่สิงคโปร์ 3 ชม.

ยักษ์เฝ้าประตู โดนย้ายจากผู้โดยสารขาเข้าด้านใน ออกมา Lobby check in ซะแล้ว

ตรงนี้ขอชมครับ ว่า ดีที่มีกล้องให้เห็นแถวตรวจหนังสือเดินทาง เพราะผู้โดยสารจะได้บริหารเวลาถูกครับ

ในฐานะสมาชิกบัตร King Power คงต้องแวะ Lounge ซะหน่อยครับ ไม่ได้มาตั้งแต่ ต.ค.ปีที่แล้ว ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง

เดินไปตามทางคองคอร์ด B เลยครับ ถึงตรงทางแยกก็เลี้ยวซ้าย ก็จะเจอ

สำหรับของว่าง น้ำดื่ม ชา กาแฟ ยังคงมีครบครัน

สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ห้องน้ำครับ เมื่อก่อนเราต้องเดินอ้อมไปข้างหลังเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ปัจจุบัน ได้เจาะประตูเชื่อมกับห้องน้ำด้านหลังแล้ว โดยไม่ต้องเดินออกไปนอก Lounge อีก

สำหรับอาหาร วันนี้มีผัดหมี่ฮ่องกง ซึ่งถือเป็น อาหารคาว ให้บริการซะด้วย ถือว่าเป็นการพัฒนาที่น่ายินดียิ่ง

เตรียมเดินทางกันดีกว่าครับ

ตุ๊บแรก SQ 975 BKK-SIN 12.40-16.05 (เวลาสิงคโปร์ไวกว่าไทย 1 ชม.)

อาหารมื้อแรก สำหรับมื้อกลางวันบนเครื่องครับ เป็นพะแนงไก่ หลังจากหิวหน้ามืด เพราะผู้โดยสารแน่นมาก แล้วที่นั่งที่ผมแถม 44 ดันเป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่อาหารจากด้านหน้ามาหมดตรงแถว 43 พอดี ยังไม่พอ แถว 43 ดันกลายเป็นเด็กกับพ่อแม่ฝรั่งที่ เดี๋ยวเอาโน่น ขอนี่ แถมรถเข็นของแอร์ด้านหลัง ก็มาหยุดที่แถว 45 ดังนั้น แถวที่ผมนั่งจึงยังไม่มีอาหารใดๆมาบริการ

คิดดูนะครับ เครื่องขึ้น 12.40 โดยประมาณ แต่กว่าจะเตรียมเสิร์ฟ ก็บ่ายโมงไปแล้ว ในขณะที่แถวหน้า และหลังกำลังทานอาหาร ย่อมมีกลิ่นหอมโชยมา ไหนจะแอร์ สจ๊วต ลุงเพอเซอร์ (ต้องเรียกลุงครับ เพราะท่าทางจะแก่กว่าพ่อของผมมากๆ ผมเผ้าก็แทบจะไม่เหลือแล้ว) เดินผ่าน เดินผ่าน ใครเคยอ่านเรื่อง กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ จะเข้าใจนะครับ แต่ว่าความที่เป็นคนไทย ขี้เกรงใจ เราต้องนิ่งเงียบครับ แต่คุณฝรั่งข้างๆนี่สิครับ สติแตกเลย วีนใส่ครับ จนน้องแอร์คนดี ต้องยกอาหาร(ที่เหลือแต่ไก่) มาเสิร์ฟซะที

สำหรับ in flight entertaintment ก็มีหนังหลายเครื่องครับ เสียแต่ว่ายังเป็นรุ่นเก่า จะ rewind pause ก็ไมได้เลย ต้องดูหนังแบบ ปล่อยผ่านไป แถมกว่ากัปตันจะปล่อยหนังฉาย ก็บินไปตั้งนานแล้ว เลยทำให้ผมดูหนังที่มีความยาวแค่ 95 นาที อย่าง The Rebound ไม่จบ.. ทั้งๆที่บินไปสิงคโปร์ตั้ง 2 ชม.นะ

แต่ก็ไม่แคร์ครับ เอาไว้แก้ตัวกับเที่ยวหน้า บ่นมาก มาถึง Changi เลย

ปล. เราควรจะเรียกว่า ชางกี หรือ ชางฮี กันแน่เนี่ยครับ

ไฟลท์ต่อไป ไปบาหลี ทุ่มตรงครับ เลยมีเวลาสำรวจ Terminal 2 ตั้ง 3 ชม.แน่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆนี่เยอะนะครับ สมกับที่ Changi Airport พยายามที่จะเป็น Hub สำคัญแห่งหนึ่งของเอเชีย ว่าแล้วก็อยากย้อนกลับมาดูบ้านเราน่ะครับ ว่ามีอะไรบ้างเนี่ย

เก้าอี้นวดเท้านี่พบได้หลายจุดเลยล่ะครับ ที่สำคัญ ฟรี.. ทั้งฆ่าเวลา และฆ่าความเครียดได้ดีจริงๆ

สิ่งหนึ่งที่สิงคโปร์เพียรพยายามทำ นั่นก็คือการปลูกป่า ในเมืองจึงมีต้นไม้มากมาย ดังนั้น ในสนามบิน จึงมีสวนต้นไม้เล็กๆอยู่นี่ไม่ต่างกันครับ

สำหรับคนที่มีเวลารอต่อเครื่องมากกว่า 6 ชม. ผมแนะนำให้ไปติดต่อเคาเตอร์ท่องเที่ยวในสนามบินได้เลยครับ (ที่ terminal 1 กับ 2) เพราะมีบริการ Day Tour ฟรี สำหรับคนมาต่อเครื่องด้วย เท่าที่เห็น จะมี 2 เส้นทางให้เลือกครับ คือ City tour ชมแถบใจกลางเมือง raffle avenue, city hall ฯลฯ กับอีกเส้นทางเป็น Culture tour ชม China town , Little India แวะพิพิธพันธ์ ทั้งสองเส้นทางนี้ ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.ครับ

ของว่างยามบ่ายครับ พายแอปเปิ้ล กับมิ้นช็อกโกแล๊ตปั่น

ไปกันต่อครับ

ตุ๊บ 2 SQ 948 SIN-DPS 19.00-21.30

อาหารมื้อที่ 2 บนเครื่องครับ มีเนื้ออบทานคู่กับข้าว และหมี่ผัดไก่ ของผมเมนูแรก แต่พอได้ลองชิมหมี่ผัด ผมว่าอร่อยน่าทานกว่ามากๆ 55 นี่ละมั้งครับ ที่เรียกว่า ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่น่ะ 55

เครื่องก็เป็นรุ่นเก่า เหมือนตุ๊บแรกครับ ขัดใจมาก เพราะกรอดูหนังบนเครื่องไม่ได้ คราวนี้ดู The Spy Next Door หนังเฉินหลง ก็เกือบจะจบพอดี เครื่องลงซะแล้ว..

สามทุ่มครึ่งก็มาถึงบาหลีครับ
คิวต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองนี่ก็ยาวเหยียดครับ เจ้าหน้าที่น้อยมากๆ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นช่วงกลางคืนหรือเปล่า แต่เท่าที่เห็น ก็ยังมีเครื่องลงอีกนะครับ แต่จัดคนทำงานน้อยจัง

หลังผ่าน ตม. ยังมีเรื่องให้หงุดหงิดกับศุลกากรครับ คือ ผมถือกระเป๋าล้อลากมา ทั้งๆที่ปกติ ไปเที่ยวใกล้ๆยังงี้จะใช้เป้ใบใหญ่มากกว่า เลยโดนค้นกระเป๋าครับ ก็แปลกใจตรงที่ว่า เห็นถามว่า คนไทยใช่มั้ย ก็บอกว่าใช่ ใช่งั้นก็ขอดูกระเป๋าหน่อย เออเนอะ งงซะ

ภายนอกสนามบินช่วงสี่ทุ่มกว่าๆครับ คนขับรถ taxi นั่งรอเต็มไปหมด ก็คงต้องเลือกใช้บริการ taxi นี่แหละครับ

เมื่อเดินออกมาให้มองทางซ้ายไว้นะครับ จะมีเคาเตอร์บริการ taxi พร้อมกับราคาด้านหลัง (ที่เป็นมาตรฐาน) สำหรับ taxi เดินทางจากสนามบิน ซึ่งผมอยากถ่ายรูปเอาไว้มากๆ แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสครับ จำได้แต่เพียงจากสนามบินไปหาด Kuta ราคา 55,000 RP (แต่ขากลับ กดมิเตอร์มาสนามบินถูกกว่านี้มากกว่าครึ่ง) แต่ระหว่างทางไปกด ATM จะมีคนขับ taxi เยอะแยะเลยล่ะครับที่เสนอตัวไปส่ง เราก็ต่อรองราคาได้เอง ผมเลยได้ taxi คันนึง ไปส่งที่ราคา 50,000 RP

โรงแรมที่พัก คือ The Oasis Kuta Hotel ครับ อยู่บนถนน Bakung Sari ซึ่งเป็นตรงกลางระหว่าง Kuta Square กับ Kuta Sidewalk พอดี จะเดินไปไหนก็สะดวกครับใกล้ๆทั้งนั้น

Lobby แบบนี้เพิ่งเคยเห็นครับ idea ดีเหมือนกัน เจาะพื้น ทำเป็นที่นั่งรับแขกกันเลย

ห้องพักใหญ่พอสมควรครับ เตียงนอน และเตียงนอน+นั่งเล่น ชมวิวของสระน้ำ

ห้องน้ำที่นี่ แยกระหว่าง ห้องน้ำ กับห้องอาบน้ำครับ คนละด้านกันเลย

ฝักบัวเก่ามาก ยังดีที่น้ำแรงมากๆครับ

ระเบียงด้านนอก ยามค่ำคืน

ที่ชื่อ The Oasis เพราะว่าโรงแรมนี้ จะมีสระน้ำขนาดใหญ่ ยาวกว่า 50 เมตรได้ครับ (แต่ลึก1.20 เมตรเท่านั้น) อยู่ตรงกลางอาคารทั้ง 4 เลย คือเป็นอาคาร Lobbyและห้องอาหาร กับอาคารที่พักอีก 3 อาคาร เป็นแนวยาว เสียอย่างเดียวคือ เก่าไปหน่อยครับ

ห้องอาหาร ถ่ายช่วงเช้าครับ

สระน้ำ

อาหารเช้า มีไม่มากครับ อาหารร้อน 3 อย่าง ไล้กรอก(หรือเบคอนสลับวันกัน) กับข้าวสวย แล้วก็อาหารร้อนอีกอย่างสลับกันระหว่างหมี่ผัดกับข้าวผัด

อีกด้านจะเป็นขนมปัง คอร์นเฟล็กซ์ น้ำผลไม้ นม

ราคาที่ได้คือ 4 คืน 216 เหรียญครับ (ก็คืนละไม่ถึง 2,000บาท) จองผ่าน agoda เห็นราคา walk in แล้วก็ไม่ใช่เล่นครับ เริ่มที่ 65 USD ต่อคืน

แถมภาพบรรยากาศ Kuta ยามดึกซะหน่อยครับ

Kuta Square

ประตู่ สู่ Kuta beach

หาอะไรทานตอนเที่ยงคืน พอดีว่าหลายๆร้านปิดหมดแล้ว เลยฝากท้องที่ Flabjacks ครับ นอกจากเมนูของหวานน่าทานเยอะแยะ ยังมีของรองท้องหนักๆอย่างไส้กรอก

หมดแรงไปไหนแล้วครับ เตรียมแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ดีกว่า

Create Date : 24 พฤษภาคม 2553

Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 10:53:46 น.

Counter : 2513 Pageviews.

7 comment

Share
Tweet