ในบรัสเซลส์จะมีสถานีรถไฟใหญ่อยู่ 3 สถานีครับ นั่นคือ Gare du Midi (South Station), Gare du Nord (North Station) และ Gare Central (Central Station) ทั้ง 3 สายนี้จะมีรถไฟไปยังเมืองต่างๆ รวมถึงประเทศใกล้เคียง อีกทั้งยังเป็นสถานีรถไฟใต้ดินด้วยครับ
ผมมาเริ่มที่ Gare du Midi เพื่อหาซื้อตั๋วรถไฟไป Antwerp สำหรับวันพรุ่งนี้ก่อนจะออกเที่ยวในวันนี้ครับ
รูปปั้นเด็กฉี่ Manneken Pis ตั้งอยู่ระหว่างถนน Rue de l'Etuve ตัดกับถนน Rue du Chene (อยู่ห่างจากกรองด์ปราชไปเพียง 4 ช่วงตึก) สำหรับรถไฟใต้ดิน ให้ลงที่สถานี Bourse/Beurs แล้วเดินออกทางถนน BD.Anspachlaan จะเจอป้ายบอกทางไปครับ
สินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับการ์ตูนจะเจอได้มากมายตามแนวถนนระหว่างรูปปั้น Manneken Pis กับกรองด์ปราชเลยล่ะครับ
มองเห็นปลายยอดแหลมๆนั่นไหมครับ นั่นแหละคือ ยอดของศาลาว่าการ (Hotel de Ville) ที่อยู่ในบริเวณกรองด์ปราช เดินไปเพียง 4 ช่วงตึกจาก Manneken Pis ครับ
Grote Markt (กรองด์ปลาช) หรือ Grand Place คือจัตุรัสกลางเมืองบรัสเซลส์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นจัตุรัสที่สวยงามและมีเสน่ห์อีกแห่งของยุโรปครับ และ UNESCO ยังได้ประกาศให้กรองด์ปราชเป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ปี 1998 โดยในสมัยคตวรรษที่ 14 กรองด์ปราชเป็นตลาดกลางเมืองที่ปราชาชนออกมาซื้อหาอาหารกัน ดังนั้นถนนรอบๆกรองด์ปราชจึงมีชื่อบอกถึงสินค้าที่ขายอยู่ในถนนสายนั้น เช่น Rue des Bouchers (ถนนขายเนื้อ) Rue du Marche aux Fromages (ถนนขายเนยแข็ง) Rue du Marche aux Poulets (ถนนขายไก่) เป็นต้น
การ์ตูนที่โด่งดังของเบลเยี่ยมก็คือ Tin Tin (แต็งแต็ง) ผลงานของ George Remi ที่ใช้นามปากกาว่า Herge โดย Tin Tin เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ได้เดินทางไปผจญภัยทั่วโลก ตั้งแต่อเมริกา อียิปต์ ทิเบต รัสเซีย ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกใต้น้ำ และดวงจันทร์ คู่หูของ Tin Tin คือสุนัขสีขาวที่ชื่อ Snowy
เมื่อก้าวเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ สิ่งแรกที่พบคือ รูปหล่อบรอนซ์ของ Tin Tin ขนาดเท่าตัวคนโดยมี Snowy อยู่ข้างๆ มีจรวดสีแดงสลับขาวอันเลื่องชื่อ
เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนจะเจอ Tin Tin ในชุดอวกาศสีส้ม และชั้นนี้นี่เองที่เป็นนิทรรศการแสดงพัฒนาการของTin Tin
ในพิพิธภัณฑ์นี้นอกจาก Tin Tin ยังมีเรื่องราวของการ์ตูนอีกหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็น Gaston Lageffe, Spirou & Fantasio รวมไปถึงสเมิร์ฟ (The Smurfs) ที่บ้านเราน่าจะรู้จักกันดีครับ
การเดินทาง เริ่มต้นจากสถานี Termini ที่เป็นเหมือน หมอชิต+หัวลำโพง ของกรุงเทพ เพราะตรงสถานีนี้ จะเป็นศูนย์รวมการขนส่งไม่ว่าจะเป็นรถไฟหรือรถยนต์ ใครจะนั่งรถไฟไปยังเมืองต่างๆ หรือประเทศต่างๆก็ต้องมาเริ่มที่ Roma Termini นี้เหมือนกันครับ
จุดที่รถ shuttle bus จะมาจอดและรอรับผู้โดยสารไปยังสถานีรถไฟครับ
สำหรับสนามบิน Ciampino เป็นสนามบินรองของโรม ที่รองรับสายการบินโลวคอสต์อย่าง Ryan Air และ EasyJet เป็นหลักเลยล่ะครับ อารมณ์ก็ประมาณสนามบินดอนเมืองบ้านเรานี่เอง
พอใกล้เวลา boading ผู้โดยสารแทบจะทุกคนรีบมาจับจองเข้าแถวกันแล้วล่ะครับ เพราะ Ryan Air ยังคงใช้ระบบเก้าอี้ดนตรี ที่ใครขึ้นเครื่องก่อน ก็มีสิทธิจับจองที่นั่งก่อนครับ
Shuttle bus ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ก็มาจอดที่จุดแรก คือสถานี Gare du Midi ที่เป็นสถานีรถไฟใหญ่ เป็นที่รวมทั้งสถานีรถไฟไปเมืองต่างๆ (และประเทศต่างในยุโรป) รวมทั้งรถไฟใต้ดินในเมืองบรัสเซลด้วยครับ
ศาสนจักรวาติกันมีรายได้หลักจากการสนับสนุนทางการเงินขององค์กรคริสต์ศาสนานิกายโรมันแคธอลิคทั่วโลก เงินรายได้นี้เรียกว่า "Peter's Pence" นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการลงทุนต่างๆ ภายใต้การบริหารของหน่วยงาน The Patrimony of the Holy See ค่าธรรมเนียมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์รายได้จากการจำหน่ายหนังสือ สิ่งพิมพ์ ดวงตราไปรษณียากร ของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว
สำหรับในส่วนโบสถ์ซิสทิน (Sistine Chapel) จะมีภาพวาดบนฝาผนังที่เป็นผลงานของไมเคิลแองเจโล่และศิลปินอื่นๆอีกนับสิบท่าน ภาพที่สำคัญๆบนเพดานได้แก่ Adam and Eve, Last Judement เป็นต้น หอสวนซิสทินนอกจากมีศิลปะอันงดงามแล้ว ยังใช้เป็นสถานที่เลือกพระสันตปาปาองค์ใหม่อีกด้วยครับ
ตรงกลางของ Saint Peter's Square จะมีเสาโอบิลิสตั้งหระหง่าน ปลายยอดตกแต่งด้วยไม้กางเขน สัญลักษณ์ของคริสตจักร
เดินออกมาทางถนน Via Della Conciliazione พร้อมกับมุมสวยๆของ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
ถนนด้านหน้าของจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ Via Della Conciliazione จะทอดยาวมาจนถึง Saint Angelo Castle ที่เป็นปราสาททรงกลมสูงริมแม่น้ำ Tiber สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ Hadrian เพื่อใช้เป็นที่เก็บพระศพของพระองค์เองและสมาชิกในครอบครัว ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นที่ตั้งกองทหารรวมไปถึงที่คุมขังนักโทษ
จนถึงในสมัยสมเด็จพระสันตปาปานิโคลัสที่ 3 (Nicholas III)ได้มีการสร้างทางเชื่อมระหวางปราสาทนี้กับวิหารเซนต์ปิเตอร์ เพื่อใช้เป็นทางหนีหากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพระสันตปาปา ทำให้เราสามารถมองเห็นกำแพงทอดยาวไปถึงตัววิหารเซนต์ปีเตอร์ ปัจจุบันปราสาทนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Museo Nazionale di Castel Sant' Angelo)
ด้านข้างของปราสาท (ทางไปวาติกัน) บนถนน Via Della Conciliazione ก็จะมีตู้ Tourist Information ที่สามารถหาซื้อ Roma Pass ได้ครับ
เนื่องจากผมเพิ่งใช้ Roma Pass ไปเพียงครั้งเดียว (ที่โคลอสเซียม) เลยได้ใช้ประโยชน์เข้าที่นี่ได้ฟรีครับ
นั่งรถไฟใต้ดินต่อมาอีก 2 สถานี (ยังอยู่บน metro สาย A เช่นกัน) จะถึงสถานี Barberini-Fontana di Trevi เพื่อไปชมน้ำพุเทรวี น้ำพุชื่อดังที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องแวะเวียนมาที่นี่
Piazza Navona สำหรับจัตุรัสนาโวนาเป็นจัตุรัสวงรียาวที่สร้างอยู่บนสนามกีฬาโบราณของจักรพรรดิโดมีเชียน ปัจจุบันนอกจากจะเป็นจัตุรัสที่รวมรวมผลงานศิลปะของศิลปินหน้าใหม่ๆที่มาโชว์ผลงาน ยังเป็นย่านของเก่าและมีคาเฟ่น่านั่งหลายๆร้าน ด้านข้างคือ โบสถ์ San Luigi dei Francesi ที่เป็นโบสถ์ประจำชาติฝรั่งเศสในกรุงโรม
น้ำพุตรงกลางของจัตุรัสคือ Fountain of th Four Rivers
ยังมีน้ำพุอีก 2 อัน นั่นคือ Fountain of Neptune ผลงานของ Giacomo della Porta ทางทิศเหนือ สำหรับทางทิศใต้คือ Fountain of Moor ออกแบบโดย Giovanni Lorenzo
Fountain of th Four Rivers น้ำพุที่อยู่กลางจัตุรัสนาโวนา มีรูปปั้นเทพเจ้าประจำอยู่ 4 ด้าน อันเป็นตัวแทนของแม่น้ำสายสำคัญ 4 สายในแต่ละทวีป คือ 1)แม่น้ำดานูบ (Danube) ทีไหลผ่านยุโรปตะวันออก ด้วยรูปปั้นเทพเจ้ากำลังพยุงเสาหินให้นิ่ง 2)แม่น้ำคงคา (Ganges) ในอินเดีย ด้วยรูปปั้นเทพเจ้าที่ดูผ่อนคลาย 3)แม่น้ำไนล์ (Nile) ในอียิปต์ ด้วยรูปปั้นเทพเจ้ามุดหัว และ 4)แม่น้ำ Rio de la Plata ในอเมริกาใต้ ด้วยรูปปั้นเทพเจ้าหัวล้านหมุนวน
เมื่อเดินมาตามถนน Via del Fori Imperiali จากทางด้านซ้ายของ อนุสาวรีย์กษัตริย์วิกเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 (Monument of Victor Emanuel II) เราก็จะเข้าสู่บริเวณซาเมืองเก่าแก่สมัยโรมัน และถนนเส้นนี้จะนำเราไปสู่หนึ่งในสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ระดับโลกนั่นคือ โคลอสเซียม
Roman Forum เป็นซากเมืองปรักหักพัง จัตุรัสเก่าแก่ของชาวโรมันที่เป็นศูนย์กลางการค้า การเมืองที่มีอดีตยาวนานนับพันปี สร้างในสมัยจักรพรรดิออกัสตัส ซึ่งปกครองจักรวรรดิโรมันเป็นคนแรก ซึ่งนับว่าพระองค์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าเมืองจากก้อนอิฐให้เต็มไปด้วยหินอ่อน
ด้านหลังตึกสูงสีขาวก็คือ อนุสาวรีย์กษัตริย์วิกเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 (Monument of Victor Emanuel II) ด้านหน้าก็คือซากเมืองเก่าโรมันนั่นเอง