Group Blog
 
All Blogs
 
กัวลาลัมเปอร์ เที่ยวใกล้ๆง่ายนิดเดียว # 4 ตึกแฝดเปโตรนัส รอบเมือง KL

ตื่นเช้ามากับวันอาทิตย์ ที่ภายในห้องพักของ Tune Hotel ไม่มีโทรทัศน์ ผมเลยรู้สึกเหงาๆหูนิดหน่อย แถมมานอนแปลกถิ่นอีก จากที่ปกติ ผมเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ก็เลยตื่นเช้ากว่าปกติอีกครับ

โปรแกรมของวันนี้ ก็คงจะเป็นการเก็บตกกัวลาลัมเปอร์ทั้งหมด โดย hi light คงจะเป็นการขึ้นตึกแฝดเปโตรนัสครับ ไมรู้เป็นอะไรครับ ชอบมากกับการไปเดินเล่นบนตึกสูงๆเนี่ย 55

การไปชมตึกแฝดเปโตรนัส ก็ต้องมีการทำการบ้านไปนิดหน่อยครับ เพราะการขึ้นชมตึก จะมีการจำกัดจำนวนผู้ชมในแต่ละวัน ดังนั้น การจะได้ขึ้นไปชม เราต้องไปรอคิวแต่เช้าเพื่อซื้อตั๋ว โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 8.30 แต่ผมไปตั้งแต่เช้า ถึงตึกก็ประมาณ 7.00 กว่าๆ ก็เจอคนมารอคิวเยอะมากแล้วล่ะครับ

สำหรับการเดินทางมาตึกแฝดก็ไม่ยากเลยครับ ใต้ตัวตึกจะเป็นสถานี KLCC (ย่อมาจาก Kuala Lumpur City Center ครับ) ของรถไฟสาย Putra LRT จากโรงแรมที่พักของผม (Tune Hotel) เลือกมาได้ 2 ทางครับคือ

ตั้งต้นที่สถานี Sultan Ismail (รถไฟฟ้า Star line) ค่าโดยสาร 1.2 RM นั่งไปสองสถานีลงที่สถานี Masjid Jamek เพื่อเปลี่ยนไปใช้รถไฟ Putra Line (1.6 RM) แล้วลงที่สถานี KLCC เลย (เส้นนี้ถือว่าอ้อมนิดหน่อย)

หรือจะนั่งโมโนเรล ที่สถานี Medan Tuanku ไปอีกหนึ่งสถานีลงที่ Bukit Nanas แล้วเดินไปตึกแฝดก็ได้ครับ (เพราะมองเห็นตึกแฝดอยู่รำไร) แต่จะต่อรถไฟ Putra Line ที่สถานี Dang Wangi ก็ได้ครับ แล้วสุดท้ายก็ลงที่สถานี KLCC เช่นกัน (เส้นนี้ดูใกล้กว่า แต่เปลี่ยนรถไฟไกลไปหน่อย)

ที่จริงจะเดินจากโรงแรมไปตึกแฝดก็พอไหวนะครับ (เพราะผมเดินเล่นตอนขากลับมาแล้ว) แต่วถ้าเดินตอนกลางวัน ได้เอาเหงื่อแลกเป็นปี๊ปแน่ๆครับ เพราะอากาศในกัวลาลัมเปอร์ร้อนมากๆๆ



เมื่อออกจากสถานี ผมแนะนำให้เดินออกมาด้านนอกจะหาทางเดินเข้าตัวตึกง่ายกว่าครับ เพราะด้านหน้าของตึกจะมีประตูเปิดให้คนที่จะไปเข้าคิวจองตั๋วขึ้นตึกแฝดอยู่หาได้ไม่ยากเลย

เมื่อเข้ามาในตึก ตรงบริเวณส่วนเชื่อมระหว่าง 2 ตึก เราจะเห็นป้ายบอกทางให้ลงบันไดเลื่อนไปอีกชั้นครับ เพื่อไปบริเวณจองตั๋ว

โดยจะเริ่มให้ขึ้นชมตึกตั้งแต่ 9.30 ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ โดยในวันศุกร์ช่วงเวลาละหมาดใหญ่ประจำสัปดาห์ (บ่ายโมง-บ่ายสองครึ่ง ก็จะปิด)

แต่เริ่มจำหน่ายตั๋วกันตั้งแต่ 8.30 ครับ สำหรับ packageก็จะมีให้เลือก 2 แบบ ก็คือ

-ขึ้นไปชม Skybridge (ทางเชื่อมต่อระหว่างตึกตรงชั้นที่ 41 และ 42) อย่างเดียว จะเสีย 10 RM โดยมีเวลาขึ้นไปประมาณ 10 นาทีครับ

-อีกรูปแบบคือ ขึ้นไปยัง Skybridge และขึ้นไปบน Observation desk เป็นส่วนสังเกตุการณ์บนยอดของตึก แบบนี้จะเสีย 40 RM และใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ ซึ่งผมว่าคุ้มกว่า 38 RM ที่ขึ้น KL Towerมากๆ



นี่ขนาดผมมาถึงใต้ตึกเพื่อจองตั๋วประมาณ 7 กว่าๆ (ของวันอาทิตย์)นะเนี่ยครับ คนยังมารอกันเยอะแล้ว





พอใกล้ๆ 8.00 น.ก็จะมีเจ้าหน้าที่เริ่มมาแจกบัตรคิว พร้อมกับถามจำนวนตั๋วที่เราจะซื้อ พร้อมกับเขียนใส่กระดาษให้เราถือไว้พร้อมกับบัตรคิวครับ ส่วนการเลือก Package ให้เราไปตัดสินใจเลือกเอาด้านหน้าได้อีกที สำหรับค่าตั๋วสามารถจ่ายได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสดครับ ขนาดผมมารอตั้งแต่ 7 โมงเช้า ยังได้บัตรคิวลำดับที่ 97 แล้ว



สำหรับรอบที่จะขึ้นไปชมตึกแฝดของทั้ง 2 package ครับ ผมตัดสินใจเลือก package ที่สอง ในรอบ 17.15 ครับ เพราะเป็นช่วงโพล้เพล้ ที่ยังมีแสงอาทิตย์อยู่ ทำให้มองเห็นวิวตอนกลางวัน และอีกส่วนนึงก็กำลังจะหมดแสงอาทิตย์ ทำให้ได้ชมวิวในเวลากลางคืนไปด้วยในคราวเดียวกันเลย



การจัดการด้านรอคิวซื้อตั๋วดีเลยล่ะครับ วันที่ผมไป มีการแจกบัตรคิวไปประมาณ 250 ใบได้ครับ ที่สำคัญนักท่องเที่ยวบางคน (โดยเฉพาะฝรั่งนี่ล่ะ) ยังไม่ทราบนะครับ ว่าต้องมารอคิวเนี่ย เพราะผมเห็นหลายคนมาช่วงบ่ายๆแตตั๋วก็หมดไปตั้งแต่ช่วงสายๆแล้ว (มีบาคนจะมาซื้อตั๋วต่อจากผมซะอีกนะ55 รู้ยังงี้ซื้อเอาไว้สองสามใบทำเงินไปแล้วนะเนี่ย)



กว่าจะซื้อตั๋วเสร็จก็เปิดเวลาห้างเปิดพอดี ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ เจอ KFC เข้าก็เลยวิ่งใส่ก่อนเลย มื้อนี้เป็นเมนู Nasi Lemak ของเขาครับ (คงเหมือนบ้านเราที่มีเมนูข้าวยำไก่แซบ) set นี้จ่ายไป 5.6 RM ได้ข้าวพร้อมน้ำ(ส้ม) ตามสไตล์แด๊กด่วนครับ ที่จริงตรงบริเวณที่รอคิวก็มีร้าน 7-11 นะครับ แต่พอดีผมไปคนเดียวเลยไม่มีคนคอยเดินซื้อเสบียงให้น่ะ T_T



สำรวจด้านหลังของตึกแฝดหน่อยครับ เป็นสวนสาธารณะ





จัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะเป็น City tour ภายใน KL ครับ โดยผมขอนั่งย้อน Putra line ไปลงที่สถานี Pasar Seni (1.6 RM) ซึ่งสถานีจะอยู่ใกล้ Central Market และบริเวณ Chinatown ครับ



สถานี Pasar Seni จะใกล้ๆกับสถานีรถไฟ Kuala Lumpur ครับ ซึ่งสถานี Kuala Lumpur เมื่อก่อนจะเหมือนเป็นศูนย์รวมรถไฟ การเดินทางต่าง (เหมือนสถานี KL Sentral ในปัจจุบันน่ะครับ) แต่ด้วยการคมนาคมที่มีการตัดรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เลยย้ายศูนย์กลางคมนาคมไปยังสถานี KL Sentral แทน ปัจจุบันสถานีรถไฟ Kuala Lumpur เลยมีสถานะเป็นสถานีรถไฟหนึ่งของสาย Kommuter ไป แต่สภาพตัวอาคารยังคงอนุรักษ์ไว้อยู่ครับ



สำหรับแผนเที่ยวของผม จะลงที่ทางออกด้านขวา เพื่อตรงไปยัง Central Market กันก่อนครับ



Central Market หรือตลาดกลาง ผมเห็นโฆษณาในนิตยสารบนเครื่องแอร์เอเชียตลอด ก็เลยนึกอยากมาเดินดูครับ ตลาดกลางนี่ก็เป็นตลาดเก่าแก่แห่งหนึ่งของกัวลานะครับ แต่เดิมที่นี่เคยเป็นตลาดขายผักผลไม้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1888 โดยด้านหน้าจะมีต้นไม้อายุมากๆ เหลืออยู่เป็นร่องรอยของประวัติศาสตร์





ปัจจุบันตลาดกลาง จะเป็นตลาดรวบรวมสินค้างานฝีมือทั้งหลายของมาเลย์ อารมณ์ก็ประมาณว่าเป็นตลาดจตุจักรของบ้านเราน่ะเองครับ แต่มี 2 ชั้น และติดแอร์เดินเย็นสบาย ถึมแม้พื้นที่อาคารไม่ใหญ่มากมายอะไร แต่ก็มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกครับ (แต่ราคาดูแล้วก็ไม่ถูกเท่าไหร่ครับ) ข้อดีอีกอย่างก็คือ บริเวณลานกว้างมักจะมีการแสดงของมาเลย์มาโชว์ให้ชมฟรีอยู่เรื่อยๆครับ





เดินตากแอร์ให้เหงื่อพอหายดีแล้ว เดินออกมาด้านนอกตามเส้นทางถนน Jalan Sultan กันครับ



เดินไปไม่ไกล มองทางขวามือไว้ จะเจอป้ายนี้ครับ ถนน Jalan Petaling (ที่จริง Jalan นั่นก็แปลว่า ถนน นะครับ) หรือ Petaling Market หรือ KL chinatown นั่นเองครับ จุดเด่นก็จะเป็นบรรดาแผงลอยที่มีสินค้าขายหลากหลายชนิด รวมทั้งพวกของที่ระลึกด้วย ที่สำคัญ สามารถต่อรองราคาได้อีกด้วยล่ะครับ





ใครที่คิดจะฝากท้องไว้ที่นี่ก็หาอาหารทานได้ไม่ยากครับ ตามสไตล์ chinatown ใครเบื่อเนื้อ เบื่อไก่ ตามสไตล์เมืองแขก จะมาหาหมูทานในแถบนี้ก็ได้นะครับ



เดินมาจนสุดตลาดมองทางขวา ก็จะเห็นสถานีรถไฟ Pasar Seni ครับ



ไม่ไกลกันนั้น (มองเห็นไกลๆ) จะเป็นจุดรวมสถานี่น่าสนใจในด้านประวัติศาสตร์ของมาเลยเซียครับ ผมพลาดไปนิดที่เดินตามเส้นทางของรถไฟฟ้า ตรงไปสะพานบนถนน Jalan Kinabalu (ที่จริงมันก็ตรงที่สุด) แต่ว่าเหมือนเขาจะไม่ได้ทำทางไว้สำหรับคนเดินเท่าไหร่น่ะครับ

ภาพจากบนสะพาน

ผมแนะนำให้เดินข้ามมาทางสถานีรถไฟ Kuala Lumpur ดีกว่าครับ เพราะมีทางเดินสำหรับคนเดินเท้าที่ร่มรื่นกว่า เดี๋ยวเราจะมุ่งหน้าไปยังมัสยิดกลางแห่งชาติ ที่เห็นยอดแหลมมาแต่ไกลครับ



เดี๋ยวนึกภาพไม่ออกครับ

(ใครจะโหลดแผนที่ขนาดเท่าของจริงอันนี้ไปที่ earthguide.com.my ได้เลยครับ)



อาคารหลังคารูปดาว 18 แฉกที่เห็นคือ มัสยิดเนการ่า (Negara Mosque) ซึ่งถือว่าเป็นมัสยิดแห่งชาติครับ สำหรับหลังคาที่ออกแบบให้มี 18 แฉก นั้น หมายถึง รัฐต่างๆของมาเลเซียทั้ง 13 รัฐ ส่วนอีก 5 แฉกที่เหลือ จะหมายถึงหลักปฏิบัติห้าประการของศาสนาอิสลามครับ ส่วนตัวเสาสูงที่ขนาบข้างก็มีความสูงถึง 73 เมตรครับ







สามารถเข้าชมด้านในมัสยิดได้ฟรีนะครับ แต่จะงดให้เข้าในช่วงที่มีพิธีละหมาดเท่านั้นเอง สำหรับผมไมได้เข้าไปชมเพราะเข้าชมมัสยิดสีชมพูมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะที่จริงมัสยิดต่างๆ ด้านในจะค่อนข้างเรียบง่าย โปร่งโล่ง สำหรับทำพิธี เพื่อให้จุคนได้เยอะ ด้านในเลยไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ จะเน้นสถาปัตยกรรมด้านนอกซะเป็นส่วนใหญ่ครับ



ทัศนีภาพด้านนอกมัสยิดครับ มองเห็น KL Tower มาแต่ไกลเลย



เดินออกมาจากมัสยิดเนการ่า ไปตามถนน Jalan Hishamuddin จะมีตึก อาคาร สถานที่ที่เป็นประวัติศาสตร์ของมาเลเซียไปตลอดเส้นถนนเลยล่ะครับ



ทางด้านซ้าย อาคารสีขาวก็คือ สถานีรถไฟเก่าของกัวลาลัมเปอร์ครับ





ด้านตรงกันข้ามก็จะเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของรถไฟ KTM ครับ





เดินไปเรือยๆจะเจออาคารเก่าๆไปตามทางครับ เป้าหมายของผมก็คือ เดินไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมาเลเซ๊ยครับ ตามแผนที่ บอกว่าเดินจากจุดสถานีรถไฟเก่านี่ไปอีกประมาณ 5 นาที






ระหว่างทาง ทางด้านขวามือที่เป็นสวนสาธารณะ เจอรถถังมากมายมาจอดกันทำไมเอ่ย คงไม่ได้มีปฎิวัติอะไรอย่างบ้านเราหรอกนา O_o





เห็นคนเข้าไปถ่ายรูป ทหารมีสีหน้านยิ้มแย้ม คงไม่ได้เกิดเรื่องร้ายๆแน่ครับ (เดี๋ยวมีเฉลยช่วงท้ายๆครับ) ถือว่าได้มาชมอาวุธยุทโธปกรณ์ของประเทศเพื่อนบ้านไปด้วยเลยนะเนี่ย



พอเหงื่อเริ่มซึมได้ที่ก็มาถึงแล้วครับ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาเลเซีย (National Museum)



พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาเลเซีย ตั้งอยู่บนถนน Jalan Damanasara ที่อยู่ด้านหลังของสถานี KL Sentral นั่นเองครับ (ทางฝั่งโรงแรม Le Meridien) โดยอาคารจะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ยอดแหลมชี้ขึ้นฟ้าสไตล์มาเลย์





สำหรับค่าเข้าชม ชาวต่างชาติจะอยู่ที่ 5 RM ครับ หนังสือบางเล่มยังบอกว่าผู้ใหญ่ 2 RM อันนี้เป็นราคาของชาวมาเลย์เขานะครับ



ภายในจะจัดห้องออกเป็น 4 ส่วนครับ โดยไล่เริ่มความเป็นมาของมาเลเซียตั้งแต่ในอดีตตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์





ไล่มาจนถึงช่วงยุคเหมืองแร่เฟื่องฟู เรื่อยมาจนถึงยุคการปลูกยางปาล์ม ไปจนถึงช่วงอังกฤษเข้ามายึดครอง








อย่างช่วงเหลืองแร่เฟื่องฟูนี่ ก็คล้ายๆกับภาคใต้บ้านเรานะครับ เพราะวัฒนธรรมก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่



จนมาถึงห้องสุดท้าย ที่พูดถึงยุคสร้างชาติขึ้นอีกครั้งหลังได้รับเสรีภาพ รวมไปถึงการจัดแสดงที่เกี่ยวกับหมวก เครื่องแต่งกาย และสุลต่านในอดีตท่านต่างๆ



เมื่อเดินมาถึงด้านนอกก็จะมีการจัดแสดงยานพาหนะ ตั้งแต่ในอดีต มาจนถึงการสร้างรถยนต์ที่เป็นแบรด์ของมาเลย์เองอย่าง Proton รวมไปถึงการแสดงบ้านเรือนแบบมาเลย์แท้ๆให้ได้ชมครับ






ขากลับผมขอนั่งรถไฟย้อนกลับก็แล้วกันครับ มองเห็นสถานี KL Sentral มาแต่ไกล (ทางโรงแรม Le Meridien กับ Hilton)



ต้องข้ามสะพานไปครับ อันนี้ภาพจากบนสะพาน จะเห็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (เผื่อใครจะตั้งต้นที่ KL Sentral แล้วเดินมาให้ออกมาทางโรงแรม Le Meridien ได้เลยครับ)





ปาดเหงื่ออีกเหมือนเคยครับ กว่าจะมาถึง KL Sentral









เดี๋ยวผมจะนั่งรถไฟ ย้อนกลับไปที่สถานี Musjid Jamek ครับ โดยเลือกใช้รถไฟฟ้า Putra line ไปอีก 2 สถานีครับ (1.3 RM)



แป๊ปเดียวก็มาถึงครับ ผมขอเก็บสถานที่ต่างๆบริเวณนี้หน่อยครับ ก่อนจะกลับมามัสยิดจาเม็กเป็นที่สุดท้ายก่อนกลับเลย เพราะว่าตัวมัสยิดอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย



เห็นทางเดินเข้าตลาด(นัด) ก็เลยเดินตามไปด้วย เห็นป้ายมัสยิดอินเดีย เลยตามเข้าไปเลยครับ





ไม่แน่ใจว่าใช่ที่นี่รึเปล่านะครับ ป้ายด้านหน้าก็ไม่มี



ด้านในก็เป็นอาคารชุมชมคนอินเดียเลยล่ะครับ เห็นแขกโพกตัว สินค้าจากตะวันออกกลางก็มีขายทั่วไปอีกด้วยครับ






เดินมาบนถนน Jalan TuankuAbdul Rahman ก็มาเจอโรงภาพยนตร์เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1921 อย่าง Colliseum ครับ



เดี๋ยวเราจะเดินข้ามไปยัง Merdeka Square ครับ



ทางด้านขวามือเราจะพบกับ Fountain Scrupture เป็นน้ำพุรูปทรงห้อมข้ามหม้อแกงลิง



ก่อนจะถึงจตุรัสด้านซ้ายมือ จะเจออาคารผมไม่แน่ใจว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สิ่งทอ รึเปล่า ??



มองเห็นจตุรัสเมอร์เดก้าด้านหน้าแล้วครับ



ด้านซ้ายมือจะเป็น อาคารศาลาว่าการเมืองหลังเก่า






วันนี้รู้สึกว่าจะมีคนมาที่จัตุรัสมากเป็นพิเศษครับ




ขนาดหญ้ายังโดนเหยียบซะเลี่ยนเลย



วันนี้เป็นแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ประชาชนน่ะเอง ประมาณว่า แสดงความพร้อมของกองทัพมาเลยเซียเลยขนทั้งรถถัง ทั้ง ฮ. รวมถึงกำลังพลหลายๆส่วนมาโชว์ครับ แต่กว่าผมจะมาถึงงานก็เริ่มที่จะเลิกแล้วล่ะครับ

จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdaka Square) หรือจัตุรัสแห่งเอกราช ในภาษามาเเลย์ merdaka แปลว่า เอกราช เป็นสนามปาดัง (กีฬาชนิดหนึ่ง) สำหรับจัดงานเฉลิมฉลองสำคัญต่างๆ (ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงเหมือนสนามหลวงของบ้านเราน่ะครับ) บริเวณโดยรอบจะประกอบไปด้วยอาคารที่ถูกก่อสร้างขึ้นในยุคอาณานิคมไม่ว่าจะเป็นศาลาว่าการเมืองเก่า อาคารศุลต่านอับดุลซาหมัด ฯลฯ

บริเวณนี้จึงใช้เป็นสัญลักษณ์ในการะประกาศอิระภาพ เมื่อมีการชักธงยูเนี่ยแจ็คลงจากยอดเสา (ที่เคยสูงที่สุดในโลก) ความสูง 100 เมตรลง แสดงความไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1957 (แต่การประกาศอิสระภาพอย่างเป็ฯทางการเกิดขึ้นที่มะละกานะครับ)



อาคารที่เห็นคือ อาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด จะอยู่ตรงข้ามสนามปาดัง (จัตุรัสเมอร์เดก้า) เป็นอาคารสถาปัตยกรรมมัวร์ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1894 จุดเด่นของอาคารนี้ก็คือ หอนาฬิกายอดโดมปลายแหลมด้านหน้า ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของพระราชินีวิคตอเรียนแห่งอังกฤษ ครั้งเมื่อทรงเสด็จมาเปิดอาคารหลังนี้ในปี 1897ครับ หอนาฬิกานี้มีความสูงถึง 41.2 เมตร จนหลายคนจะเรียกว่า บิ๊กเบนแห่งมาเลยเซีย เลยล่ะครับ






ร้อนได้ที่ เตรียมตัวแวะสถานที่สุดท้ายละกันครับ



มัสยิดจาเม็ก (Jamek Mosque) เป็นมัสยิดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 อยู่คู่กับกรุงกัวลาลัมเปอร์มาตั้งแต่ต้น เพราะบริเวณของมัสยิด ตั้งอยู่บริวเณจุดบรรจบของแม่น้ำกลัง (Sungai Klang) และแม่น้ำกอมบัค (Sungai Gombak) อันเป็นจุดที่เริ่มต้นของชุมชนชาวมาเลย์ที่มาตั้งหลักปักฐานจนกลายมาเป็นเมืองกัวลาลัมเปอร์ครับ






สำหรับตัวมัสยิดเป็นสถาปัตยกรรมกการก่อสร้างที่คล้ายกับมัสยิดโมคุลในอินเดียครับ







แม้มัสยิดจะมีอายุมามากกว่าร้อยปีแต่ก็ยังคงมีสภาพไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักครับ ภายในยังสงบ ยังมีคนแวะเวียนเข้ามาทำพิธีอยู่เรื่อยๆ ไม่ก็เข้ามานั่งพัก ที่จะเปลี่ยนไปก็คงเป็นอาคารโดยรอบของมัสยิดมากกว่าครับ ที่ปัจจุบันกลายเป็นตึกอาคารระฟ้าไปเสียเกือบหมดแล้ว



อากาศในกัวลาก็ยังคงร้อนเหมือนเคยครับ ร้อนมากจนไม่อยากเดินต่อเลยขอยอมแพ้แค่นี้ล่ะครับขอไปสูดแอร์ในห้าง Suria ดูหนังรอเวลาขึ้นบนยอดตึกแฝดดีกว่าครับ

สถานีรถไฟฟ้า Jamek ที่อยู้ติดมัสยิดครับ ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว





จากสถานี Jamek ไปยังสถานี KLCC ใช้รถไฟ Putra line ค่าโดยสาร 1.6 RM

ออกจากสถานี สามารถใช้ทางเชื่อมเดินเข้ามายังห้างได้เลยครับ เพราะเป็นเวลาเปิดทำการของห้างแล้ว แถมผ่านร้านขนมปัง ที่เคยดังในบ้านเราอีกด้วย



หนังจากดูหนังไปรอบหนึ่งฆ่าเวลา ก็ยังไม่ถึงเวลาขึ้นยอกตึกซะที เลยถือโอกาสมาเก็บภาพตอนกลางวันซะหน่อยครับ



ไม่รู้จะทำอะไรเลยมานั่งรอหน้า 7-11 ตรงข้ามศูนย์นักท่องเที่ยวของตึกแฝด (ที่มาจองตั๋วน่ะแหละครับ) พร้อมกับคิกกาบู๊โซดาและ Hot dog คู่นี้ก็ 5.2 RM แล้วนะ (กินMcDonal มื้อกลางวันไป 8.45 RM เพิ่มเงินอีกนิดจะอิ่มกว่าไหมเนี่ย)



พอได้เวลาก็มารอรับคิว โดยเจ้าหน้าที่จะแยกคนที่ซื้อตั๋วรอบต่างๆว่าเป็นแบบ package ใด เพราะจะมี 2 ระดับที่ขึ้นไม่เหมือนกัน ด้วยบัตรแถบสี แล้วจะพาแต่ละกลุ่มไปนั่งชมวีดีโอแนะนำ รวมไปถึงการก่อสร้างตึกตั้งแต่ต้น






เมื่อชมเสร็จก็จะเตรียมตัวขึ้นลิฟท์ โดยก่อนขึ้น จะรับฝากของกระจุกจิกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นร่ม กระเป๋าถือที่ใบใหญ๋เกินไปหรือเป้ไว้ที่ รปภ.ด้านล่างก่อนนะครับ





ตึกแฝดเปโตรนัส เป็นตึกแฝดที่มีความสูง 451.9 เมตร แต่ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 3 ปี (1993-1996) โยได้มีการระดมวิศวกรและคนงานให้ทำงานกันตลอด 24 ชม. ครองสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกอยู่เกือบสิบปีก่อนจะเสียตำแหน่ให้ตึก 101 ในไทเปไป (ค.ศ.2007)

โครงสร้างของตึกประกอบไปด้วยแผ่นเหล็ก ที่มีพื้นที่รวมถึง 214,000 ตารางเมตร ออกแบบให้เป็นรูปสามเหลี่ยนแฉกสลับกับครึ่งวงกลมรวม 8 คู่ เมือมองจากด้านบนจึงคล้ายรอยหยัก



ตึกทั้งสองจะมีทางเชื่อม (Skybridge) เชื่อมต่อกันอยู่ที่ชั้น 41 และ 42 ที่ความสูง 170 เมตร สำหรับตัวึกจะมีทั้งหมด 88 ชั้น แต่เราสามารถขึ้นไปได้สูงสุดเพียง Observatiion desk บนชึ้น 86 ครับ

ไม่นานนักก็มาถึง Skybridge สำหรับวันนี้ผมมาที่ชั้น 42 ครับ



สำหรับคนที่ซื้อ package A ราคา 10 RM จะขึ้นมาเฉพาะ skybridge นี้ครับ โดยจะมีเวลาบนนี้ประมาณ 10 นาทีครับ



ภาพจาก skybridge ทางด้านหน้าครับ



และด้านหลัง




สำหรับ package B ที่ขึ้นไปยัง observation desk ด้วย เมื่อครบสิบนาทีเจ้าหน้าที่จะเรียกรวม เพื่อเตรียมตัวต่อลิฟท์

สำหรับใครที่คิดว่าจะมั่วขึ้นไปเห็ฯทีจะยากนะครับ เพราะป้ายแถบสีที่รับมาตั้งแต่ทีแรกน่ะแหละ จะเป็นตัวแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวครับ ลักไก่ลำบาก






โดยจะขึ้นลิฟท์ไปยังขึ้น 83 ก่อนจะต่ออีกตัวไปยังชั้น 86



ภาพจากมุมด้านบนครับ



ผมชอบมุมนี้ที่สุดเลยล่ะครับ เป็นมุมที่ตึกแฝด ขนาบข้างประชันความสูงกับ KL Tower






สำหรับ observation desk บนชั้น 86 นี้ เราจะมีเวลาประมาณ 20 นาทีครับ สำหรับการเดินชมและถ่ายรูป ซึ่งก็ถือว่าเยอะพอสมควรเลยล่ะครับ สำหรับคนที่ไปคนเดียวอย่างผม ยังคิดว่ามันนานมาไปเลยนะ





ภาพจากอีกฝั่งครับ





เทียบกับ KL Tower ที่อยู่ไม่ไกลครับ



ขาลงมาจากตึกครับ ฝนปรอยๆ ตอนแรกว่าจะลงไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะซะหน่อย ฟ้าฝนไม่เป็นใจไปซะนี่



มื้อเย็นขอเป็น KFC ก็แล้วกันครับ เพราะผมอยากจะลองรสชาติของที่นี่ว่าเหมือนบ้านเรามั้ย 55 ดูแล้วก็ไม่แพงนะครับ ชุดนี้ 13.40 RM ได้ไก่ตั้ง 3 ชิ้นแน่ะ (บ้านเราไก่ก็ชินละ 35 บาทเข้าไปแล้ว) แถมยังมีน้ำโคลสลอร์ กับมันบดอีก ที่สำคัญที่นี่ใช้มือเปิบกันนะครับไม่มีช้อนส้อม รสชาติไก่ก็ไม่ต่างจากบ้านเรานักครับ แต่ที่ต่างก็คือ น้ำจิ้มครับ นอกจากซอสมะเขือเทศ เขาจะมีซอสพริกสองแบบครับ คือ ซอสพริกปกติกับซอสพริกคล้ายๆน้ำจิ้มไก่บ้านเรา เอาเป็ฯว่าถ้าใครติดซอสพริกหวานๆของ KFC เมืองไทย ที่นี่ไม่มีหรอกนะครับ



ยังมีแรงดูหนังได้อีกเรื่องครับ ก่อนกลับ เพราะค่าตั๋วหนังเขาก็ไม่ได้แพงบ้าเลือดอย่างบ้านเราเลย เรื่องละ 13 RM เองครับ (บ้านเราจะทะลุ 200 บาทอยู่แล้ว)



ขากลับ ไม่ลืมภาพตึกแฝดยามค่ำคืน ที่ผมว่า สวยกว่ากลางวันตั้งเยอะนะ





มุมไกลบ้าง



ขากลับ ช่วงเวลาใกล้ๆสี่ทุ่ม ผมมองจากแผนที่แล้ว เห็นว่าโรงแรมกับตึกแฝดเปโตรนัส ก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่นี่นา ก็เลยลองเดินกลับดูครับ เพราะถ้าใช้รถไฟ ก็ต้องเดินไปต่อสถานีเหมือนกัน ชักจะเบื่อการต่อสถานีนี่แหละครับ

ก็เดินไปตามถนน Jalan Ampang ครับ มองเป้าหมายเป็นสถานีรถไฟฟ้าโมโนเรล Bukit Nanas เอาไว้ ระหว่างทางจะเจอศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวมาเลเซียด้วย






เมื่อเจอสายรถโมโนโรลก็เดินตามรางไปเลยครับ (มันก็แค่สถานีเดียว) ไปตามถนน Jalan SultanIsmail นั่นเอง






ระยะเวลาเดินก็ 30 นาทีได้ครับ ดีที่เป็นกลางคืน เลยไม่ร้อนเท่าไหร่ ไม่อยากคิดถึงตอนกลางวันเลยครับ ว่าจะร้อนขนาดไหน

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3

ค่ารถไฟฟ้า Ismail -> Jamek 1.2 RM
ค่ารถไฟฟ้า Jamek -> KLCC 1.6 RM
อาหารเช้า @ KFC 5.6RM
ตั๋วขึ้นตึกแฝดเปโตรนัส 40 RM
ค่ารถไฟฟ้า KLCC -> Pasar Seni 1.6 RM
เข้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ 5 RM
ค่ารถไฟฟ้า KL Sentral ->Jamek 1.3 RM
ค่ารถไฟฟ้า Jamek -> KLCC 1.6RM
กลางวัน @ McDonald 8.45 RM
รองท้องหน้า Family Mart 5.2 RM
ดูหนัง 2 เรื่อง 2x13 = 26 RM
มื้อเย็น @ KFC 13.40 RM

รวม 110.95 RM


Create Date : 05 สิงหาคม 2554
Last Update : 5 สิงหาคม 2554 7:16:35 น. 5 comments
Counter : 26156 Pageviews.

 
ชอบรีวิวของคุณมากๆๆๆเลยค่ะ เดี๋ยวจะขอเดินทางรอยรีวิวเลยนะคะ ติดตามรีวิวของคุนมาตลอดเลยค่ะ


โดย: Kate IP: 27.130.128.56 วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:22:00:42 น.  

 
รูปสวยมากๆๆ เลยค่ะ...ถ่ายได้เก่งจริงๆ แล้วก็เล่าได้ละเอียดมากเลย นึกถึงตอนที่ตัวเองไปเลย อยากกลับไปอีกครั้ง คิดถึง KL


โดย: โดนัท IP: 202.44.135.34 วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:1:25:40 น.  

 
รูปสวยมากค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลค่ะ


โดย: ถูกใจ IP: 61.90.120.163 วันที่: 24 เมษายน 2556 เวลา:11:41:31 น.  

 
ข้อมูลเยี่ยม ภาพแจ่มเลยค่ะ


โดย: นุช IP: 192.99.14.34 วันที่: 6 พฤษภาคม 2559 เวลา:7:56:47 น.  

 
ข้อมูลเยี่ยม ภาพแจ่มเลยค่ะ


โดย: นุช IP: 192.99.14.34 วันที่: 6 พฤษภาคม 2559 เวลา:8:03:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prapasawat
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




Friends' blogs
[Add prapasawat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.