การดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย
การดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย
จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ข้อมูลจากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยอาจารย์ทันตแพทย์หญิงขวัญชนก อยู่เจริญ ได้ให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปากหรือทันตสุขภาพของบุตรหลานในครอบครัวว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ปกครองทุกคนซึ่งคงอยากจะให้บุตรหลานมีสุขภาพฟันและช่องปากที่ดีมีฟันสวยไว้ใช้งานเมื่อโตขึ้น ซึ่งก็ไม่ยากเพียงแต่ต้องอาศัยความรู้ที่ถูกต้องและความตั้งใจจริงของผู้ปกครองที่จะสละเวลาให้บุตรหลานในด้านนี้อย่างจริงจัง

โรคฟันผุในเด็กเกิดขึ้นได้อย่างไร
สาเหตุของการเกิดฟันผุในวัยเด็กก็เช่นเดียวกับในผู้ใหญ่โดยมีเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุและเมื่อเด็กทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบแบคทีเรียก็จะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรด ซึ่งจะทำลายเคลือบฟันและเนื้อฟันเป็นผลให้เกิดฟันผุขึ้น
ดังนั้นหากเด็กทานอาหารหรือขนมที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบบ่อย ๆ เช่นเด็กที่รับประทานจุบจิบตลอดวันก็จะมีโอกาสฟันผุสูงกว่าเด็กที่ไม่ค่อยได้ทานอาหารเหล่านี้และขนมแป้งและน้ำตาลที่เหนียวติดฟัน ก็จะทำให้ฟันผุมากกว่าขนมหวานที่ไม่ติดฟัน เช่นทอฟฟี่ที่เหนียวติดฟัน ขนมปังกรอบเคลือบน้ำตาล เยลลี่เคลือบน้ำตาลนอกจากนี้ขนมหวานที่เป็นของ เหลวจะทำให้ฟันผุมากกว่าน้ำหวาน

การปรับพฤติกรรมรับประทานของลูกเพื่อให้ฟันไม่ผุ
ผู้ปกครองหลายท่านอาจสงสัยว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ลูกรับประทานขนมหวานก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องมีทัศนคติที่ตรงกันก่อน และทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นเพราะหากผู้ปกครองชอบรับประทานรสหวาน ชอบรับประทานจุบจิบลูกก็จะถูกเลี้ยงมาให้เคยชินกับรสหวานและรับประทานจุบจิบไม่เป็นมื้อเหมือนผู้ปกครองนั่นเอง
ผู้ปกครองควรพิจารณาเลือกซื้อขนมที่เหมาะสมให้ลูกรับประทานได้คือ ไม่ควรมีรสหวานและไม่เหนียวติดฟัน นอกจากนี้ควรหัดให้รับประทานเป็นมื้อไม่รับประทานจุบจิบตลอดวัน เช่น หากลูกขอรับประทานขนม ก็อาจให้ทานหลังมื้ออาหารและให้แปรงฟันหรือบ้วนปากหลังจากรับประทานขนมแป้งและน้ำตาลทันทีทุกครั้งซึ่งหากผู้ปกครองฝึกให้ลูกปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่ยังเล็กลูกก็จะปฏิบัติและติดเป็นนิสัยไปจนโต

การดูดนมขวดทำให้ฟันผุจริงหรือ
จากการศึกษาพบว่านมเพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดฟันผุและนอกจากนั้นนมยังมีส่วนประกอบของแคลเซียมและฟอสเฟตทำให้มีคุณสมบัติในการลดการสูญเสียแร่ธาตุและส่งเสริมการสะสมกลับของแร่ธาตุที่ผิวฟันได้แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดฟันผุในเด็กเล็ก มักเกิดจากการเลี้ยงลูกด้วยนมขวดอย่างผิดวิธีได้แก่ความถี่ในการให้นมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเด็กอายุ 1 ขวบเด็กต้องการนมเพียง 3 ครั้งเท่านั้น และสามารถเลิกรับประทานนมมื้อดึกได้แล้วโดยเด็กจะนอนหลับจนถึงเช้า แต่คุณพ่อ คุณแม่มักคิดว่าลูกยังต้องการนมมื้อดึกอยู่หรือกลัวลูกจะผอมเกินไปจะปลุกให้ลูกขึ้นมารับประทาน หรือพยายามเอานมใส่ปากให้ลูกดูดซึ่งในช่วงเวลาที่เด็กนอนนี้อัตราการไหลของน้ำลายจะต่ำทำให้ไม่สามารถชะล้างนมออกจากช่องปากซึ่งนมที่ค้างอยู่ในช่องปากลูกนี้ จะเป็นอาหารอย่างดีของแบคทีเรียซึ่งจะส่งผลให้เกิดฟันผุขึ้น นอกจากนี้ควรให้นมตามเวลาคือตามเวลาอาหารที่เหมาะกับอายุของเด็ก ไม่ควรให้ตามความต้อง การของเด็กเพราะการที่เด็กร้องไม่ได้ หมายความว่าเด็กต้องการนมเสมอไป
การให้นมขณะนอนหลับไม่ควรให้ลูกดูดนมเวลานอนเพราะจะทำให้เด็กเคยชินกับการเข้านอนพร้อมขวดนมจะทำให้เด็กติดเป็นนิสัย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดฟันผุขึ้นได้
การผสมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งในนม หรือการให้เด็กดูดขวดที่บรรจุของเหลวรสหวาน เช่น น้ำผลไม้ น้ำหวานผู้ปกครองบางท่านมีความเข้าใจว่า การเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงในนมจะทำให้ลูกได้ประโยชน์ มากขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดเพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์มากขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกมีโอกาสฟันผุสูงขึ้นและจะทำให้ติดนิสัยรับประทานหวานเมื่อลูกโตขึ้นด้วย และจากการศึกษาพบว่าหากให้เด็กทารกดูดของเหลวที่มีรสหวานจากขวดเด็กจะมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารหวานเมื่อเด็กโตขึ้นและจะมีฟันผุมากกว่าเด็กทารกกลุ่มที่ไม่ได้รับของเหลวที่มีรสหวานจากขวด

เลี้ยงลูกด้วยนมขวดอย่างไร ฟันจึงไม่ผุ
ให้นมเป็นมื้อตามเวลา ไม่ควรให้ลูกดูดนมก่อนนอนทั้งในช่วงนอนกลางวันและนอนกลางคืน
ไม่ควรผสมน้ำตาล น้ำหวาน หรือน้ำผึ้งในนม
ไม่ควรใส่น้ำหวานในขวดให้ลูกดูด
ไม่ควรให้ลูกถือขวดนมเองควรให้ผู้ใหญ่ถือให้โดยอุ้มเด็กตั้งขึ้น
หลังจากให้นมดูดแล้ว ควรทำความสะอาดช่องปากให้ลูกทุกครั้ง
เมื่อเด็กเริ่มนั่งได้ (อายุประมาณ 6 เดือน)ให้ลูกฝึกดื่มนมจากถ้วย โดยให้เริ่มฝึกจากน้ำเปล่าก่อนโดยใช้ถ้วยหัดดื่มที่มีหูจับสองข้าง เมื่อลูกเริ่มดื่มน้ำจากถ้วยได้เก่งแล้วก็เริ่มหัดดื่มนมจากถ้วย ในระยะแรก ให้เริ่มใส่นมในถ้วย จากปริมาณน้อยๆก่อนเด็กอาจทำหกเลอะเทอะบ้าง แต่หากผู้ปกครองมีความตั้งใจจริง อดทนและฝึกอย่างต่อเนื่องลูกก็จะสามารถเลิกนมขวด และดื่มนมจากถ้วยได้ในที่สุด

การทำความสะอาดช่องปาก
แนะนำให้ผู้ปกครองทำความสะอาดช่องปากเด็กตั้งแต่แรกคลอดเพื่อให้เด็กเกิดความเคยชินกับการมีสภาพช่องปากที่สะอาดคุ้นเคยกับการทำความสะอาดตั้งแต่ยังเล็กและร่วมมือในการแปรงฟันอย่างดีเมื่อเด็กโตขึ้นซึ่งการทำความสะอาดสามารถทำได้โดยให้ผู้ปกครองอุ้มเด็กนอนหงายหรือให้เด็กนั่งตักในที่มีแสงสว่างเห็นชัด และใช้ผ้ากอซหรือผ้าอ้อมสะอาดชุบน้ำต้มสุก ห่อนิ้วมือที่ถนัดและค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปทำความสะอาดในช่องปากทั้งในบริเวณสันเหงือก กระพุ้งแก้ม และลิ้นแนะนำให้ผู้ปกครองทำความสะอาดช่องปากด้วย วิธีนี้ วันละ 2 ครั้งเช้าและเย็นหลังรับประทานนม





Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:39:26 น.
Counter : 543 Pageviews.

0 comment
การดูแลฟันทารกน้อย
การดูแลฟันทารกน้อย

สำหรับการเลี้ยงลูกนั้น นมแม่จะมีผลดีต่อสุขภาพในช่องปากของทารก โอกาสเกิดฝ้าขาวในปากจะน้อยกว่าการเลี้ยงด้วยนมขวด แต่หากจำเป็น ต้องเลี้ยงด้วยนมขวด ควรปฏิบัติดังนี้

1 ให้ทารกดูดน้ำตามหลังดูดนมขวด เพื่อชะล้างคราบนมที่ตกค้างในปาก โอกาสเกิดฝ้าขาวในปากจะลดลง

2 ไม่ปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนม เพราะจะทำให้เกิดปัญหาฟันผุลุกลาม อย่างรวดเร็ว

การทำความช่องปากทารก

ทารกอายุ 6 - 7 เดือน ฟันหน้าเริ่มขึ้น ควรใช้ผ้านุ่มสะอาดพันปลายนิ้วชุบ น้ำต้มสุกเช็ดเหงือกและฟัน เช้า - เย็น เพื่อทำความสะอาดและเป็นการฝึก ให้เด็กคุ้นเคยกับการทำความสะอาดช่องปาก ต่อไปเด็กจะยอมรับการ แปรงฟันได้ดี เด็กวัย 6 เดือนขึ้นไป อาจให้รับประทานฟลูออไรด์เสริมเพื่อ ให้ฟันแข็งแรง แต่จะต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์เท่านั้น

เด็กวัยขวบครึ่ง ฟันกรามน้ำนมเริ่มขึ้น ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม แปรงฟันให้เด็ก โดยยังไม่ต้องใช้ยาสีฟัน



Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:38:46 น.
Counter : 417 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]