All Blog
ท้องผูกหลังคลอด


คุณแม่ที่เคยท้องผูกขณะที่ตั้งครรภ์คาดหวังว่าเมื่อคลอดเจ้าตัวน้อยแล้ว อาการท้องผูกนั้นจะหายไป แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทุกคนค่ะ คุณแม่บางคนยังคงมีอาการท้องผูกต่อเนื่องไป เรามาดูกันค่ะว่ามีสาเหตุจากอะไร


ทำไมหลังคลอดจึงท้องผูก
จากการรวบรวมสถิติพบว่าคุณแม่ที่มีอาการท้องผูกขณะตั้งครรภ์สามารถมีอาการท้องผูกต่อไปหลังคลอดบุตรแล้วถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่เห็นได้ชัดมีหลายประการค่ะ

1. สาเหตุที่พบได้บ่อยๆก็คือ อาการเจ็บจะแผลที่คลอด ทำให้ไม่กล้าเบ่ง ไม่ว่าจะเป็นการคลอดทางธรรมชาติหรือโดยการผ่าตัดหน้าท้อง คุณแม่บางคนอาจจะมีความเจ็บมากขึ้นจากริดสีดวงทวารด้วยนะคะ

2. คุณแม่ที่คลอดโดยการผ่าตัดหน้าท้อง อาจจะมีอาการท้องผูกไปสัก 1-2 อาทิตย์ เพราะลำไส้อาจจะคืนสภาพมาทำงานปกติได้ช้าอันเป็นผลเนื่องมากจากการผ่าตัด

3. ยาที่ได้รับเพื่อระงับความเจ็บปวดจากการคลอดบางชนิดอาจจะทำให้มีอาการท้องผูกได้ อันนี้ควรปรึกษาแพทย์ค่ะ หรือถ้าไม่แน่ใจ ถ้าไม่มีอาการเจ็บปวดอีกต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องทานยาอีก

4. ยาวิตามินที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กจะทำให้มีอาการท้องผูกได้

ทำอย่างไรดี

การแก้ปัญหาก็ไม่ยากจนเกินไปค่ะ ถ้าสังเกตว่าสาเหตุที่ทำให้ท้องผูกเป็นอย่างไร ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายขึ้น

1. กินอาหารที่มีกากมากขึ้น เช่น ผักและผลไม้

2. ดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้มากๆ ประมาณ 7-10 แก้วต่อวัน น้ำที่ดื่มเข้าไปจะทำให้อุจจาระนิ่มลงและถ่ายง่ายขึ้น

3. ไม่ควรกลั้นอุจจาระเพราะกลัวเจ็บแผล อดทนนิดนึงนะคะ ส่วนใหญ่แล้วการถ่ายอุจจาระจะไม่ทำให้แผลที่เย็บเอาไว้นั้นแยกออกค่ะ

4. ออกกำลังกายด้วยการเดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณคลอดโดยการผ่าตัดหน้าท้อง การเดินจะเป็นการกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นและเป็นการกระตุ้นการขับถ่าย

5. หากทำวิธีการข้างต้นแล้วไม่ได้ผล คุณอาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับยาถ่าย โดยส่วนใหญ่แพทย์จะให้ยาถ่ายชนิดที่ทำให้อุจจาระนิ่มลงถ่ายได้ง่าย (stool softener)

keyword: ท้องผูกหลังคลอด ท้องผูก ไม่ถ่าย constipation post partum
vv



Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 21:40:39 น.
Counter : 2838 Pageviews.

0 comment
เครื่องวัดคุณภาพครอบครัว

บทความจากหนังสือหนังสือก่อนจะถึงวันนั้น
โดย รศ.ดร.นวลศิริ เปาโรหิตย์


เราทุกคนต่างก็เกิดมาในครอบครัวเหมือนๆ กัน แต่ทำไมบางครอบครัวดูจะมี คุณภาพ มากกว่าครอบครัวอื่น
บางครอบครัว พ่อแม่ลูก มีลักษณะคล้ายบุคคลแปลกหน้าที่ถูกจับมารวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน

บางครอบครัวมีแต่ความไม่เข้าใจกัน อยู่ใกล้กันเฉพาะกายแต่ใจห่างกันสุดขั้ว
แต่บางครอบครัว แม้จะทะเลาะกันอยู่บ้าง ก็ยังดูรักใคร่กันดี
ครอบครัวที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผู้เขียนนี้ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกสาววัยรุ่น และลูกชายวัย 10 ขวบ ทั้งสี่กำลังเผชิญกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว นั่นคือ ลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งจะอายุได้ 5 ขวบ กำลังน่ารัก เพิ่งจะจากไปด้วยอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด ทั้งครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียน้องนุชสุดท้องไปในครั้งนี้ แต่ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกพยายามที่จะช่วยกันปลอบโยนประคับประคองและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ความเข้มแข็งที่ฉายอยู่ในแววตาของพวกเขา ดูเหมือนจะเป็นเครื่องยืนยันกับผู้เขียนว่า ทั้งสี่ชีวิตจะสามารถฝ่าฟันความทุกข์ในครั้งนี้ไปด้วยกันได้ในที่สุด

นี่แหละคือครอบครัวที่มี "คุณภาพ" ครอบครัวหนึ่ง
อะไรคือเครื่องแสดงถึงการเป็นครอบครัวที่มีคุณภาพ
ผู้เขียนได้รวบรวมความคิดเห็นของนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ที่ได้กล่าวถึงตัวบ่งชี้ ของคุณภาพครอบครัวไว้ได้ 10 ประการคือ

1. พ่อแม่คือ แม่แบบ ของลูก
พ่อแม่ของครอบครัวคุณภาพ จะมีลักษณะคล้าย ตัวแบบ ให้ลูกๆ ของพวกเขา เป็นตัวแบบในการสร้างวินัยให้ลูกๆ คือ เขาจะไม่ ตึง หรือ หย่อน เกินไป เขาจะปกครองลูกด้วยความเข้าใจ และใช้เหตุผล เด็กๆ ที่เติบโตจากบ้านเหล่านี้จะรู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเอง พ่อแม่ไม่ตามใจลูกจนเหลิงหรือบีบบังคับให้เด็กกลายเป็นบอนไซ ของพ่อแม่ แต่จะคอยกำกับดูแลลูกๆ คอยเป็นหางเสือให้ลูก เพราะเขาเข้าใจดีว่า เด็กๆ แม้จะต้องการอิสระบ้าง แต่เขาก็ต้องการให้พ่อแม่เป็นทิศทางให้เขา พ่อแม่เหล่านี้จะรู้สึกว่า การมีลูกคือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของชีวิต

2. พ่อแม่คือ ผู้พร้อมรับฟังลูก
พ่อแม่จะรับฟัง ให้โอกาสลูกได้พูดแสดงความคิดความรู้สึก
พ่อแม่เหล่านี้จะไม่มีการวางตัวเป็นพระพุทธรูปที่แตะต้องไม่ได้ เขาจะพยายามเป็นเพื่อนกับลูก รับฟังและให้โอกาสลูกได้พูดได้แสดงออก เพราะเขาเชื่อว่า เด็กทุกคนมีความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง การให้เด็กได้มีโอกาสแสดงออกทางความรู้สึกและความคิดจะทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คิดเป็น กล้าแสดงออก และมีความเชื่อมั่นในตนเอง คนที่ขี้กลัวขาดความเชื่อมั่น มักจะเป็นบุคคลที่ถูกปิดกั้นในความคิดจากพ่อและแม่ของเขาในวัยเด็กเสมอ

3. พ่อแม่จะสื่อภาษาเดียวกับลูก
ผู้ใหญ่และเด็กจะมองโลกในแง่มุมที่ต่างกัน รวมทั้งภาษาที่เด็กใช้ก็จะแตกต่างกับของผู้ใหญ่ การพูดภาษาเดียวกันกับลูกหมายความถึงการใช้สำนวนภาษาที่เด็กวัยนั้นจะเข้าใจได้ นอกจากนี้ พ่อแม่เหล่านี้จะรู้ว่า เด็กก็คือเด็ก เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ ดังนั้นการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่อาจต้องทำหลายๆ ครั้ง บางทีต้องพูดเป็นร้อยเป็นพันครั้งก็มีก่อนที่เด็กจะรับรู้และเข้าใจ เพราะพ่อแม่คุณภาพเข้าใจดีว่า การทำซ้ำๆ บ่อยๆ เป็นหัวใจของการเรียนรู้

4. พ่อแม่มีเวลาให้ลูกเสมอ
ความต้องการของเด็ก ไม่สามารถจำกัดอยู่เฉพาะช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และจะทำเป็นตารางไว้ไม่ได้ ดังนั้น พ่อแม่จะพยายามหาเวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด จะไม่มีข้ออ้างว่า งานยุ่ง ธุรกิจรัดตัว เพราะเขารู้ว่าเวลาที่จะอยู่กับลูกเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเมื่อผ่านช่วงนี้ของชีวิตไปแล้ว เขาจะไม่สามารถหาช่วงอื่นของชีวิตมาทดแทนความขาดในช่วงวัยเด็กของลูกได้เลย

5. พ่อแม่ทำความผิดพลาดได้
พ่อแม่จะให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่คือมนุษย์ธรรมดาที่ทำผิดพลาดได้ และเมื่อพ่อแม่ทำผิด เขาจะยอมรับในความผิดพลาดนั้น ทำให้ลูกรู้ว่าชีวิตที่แท้จริงมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เด็กๆ จะกล้าคิดกล้าทำเมื่อทำผิดพลาดขึ้นก็จะกล้ายอมรับ และเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข เด็กๆ จะไม่ถูกตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตของพวกเขา

6. พ่อแม่จะไม่ใช้เด็กมาเติมความ ฉลาด ทางใจของพ่อแม่
พ่อแม่จะไม่ใช้ลูกมาเติมความ ฝัน หรือเติมความ ขาด ในชีวิตของตัวพ่อแม่เอง แต่จะช่วยประคับประคองลูก ให้งอกงามและเติบโตในทิศทางที่ลูกเลือก เด็กมีอิสระที่จะมีชีวิตที่สมบูรณ์ของตัวเขาเอง เพราะไม่ต้องคอยมาเป็นแพะรับบาปในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ชีวิตของพวกเขาจึงพัฒนาได้เต็มศักยภาพ

7. มีการทะเลาะกันในครอบครัว
ครอบครัวคุณภาพ ก็เหมือนกับครอบครัวอื่นๆ คือมีความไม่ลงรอยเกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก แต่เมื่อมีการทะเลาะกันขึ้น ทั้งครอบครัวจะจับเข่าคุยกัน เพราะเขาเข้าใจว่าเหตุที่เกิดกับคนหนึ่งในครอบครัว จะมีผลกระทบถึงทุกคนด้วยเสมอ แต่การคุยกันเป็นการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่การจิกตีด่าทอ หรือกล่าหาคนหนึ่งให้อีกคนหนึ่งฟัง ปัญหาจึงมีการแก้ไขให้ลุล่วงไปด้วยความร่วมมือกันของสมาชิกทุกๆ คน

8. มีทั้งสุขและทุกข์เกิดขึ้นกับครอบครัว
ครอบครัวคุณภาพไม่ใช่ครอบครัวที่แม่แต่ความสุข สมาชิกเจอทั้งสุขและทุกข์เหมือนกับครอบครัวอื่นๆ แต่เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์วิกฤติ ทุกชีวิตจะร่วมมือกันแก้ไขผนึกกำลังกันและปรับตัวได้ในที่สุด

9. สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการ ให้ กับครอบครัว
สมาชิกในครอบครัวทุกคน ตั้งแต่พ่อลงมาถึงลูกๆ รู้จักในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง ทุกคนมี งาน หรือ ภาระหน้าที่ ที่จะทำให้แก่ครอบครัว และมีส่วนร่วมกันในความสำเร็จหรือผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครอบครัว

10. มีอารมณ์ขัน ทุกคนหัวเราะให้กันและกันได้
สมาชิกมีจิตใจเมตตา โดยเฉพาะในความผิดพลาดของผู้อื่นและตนเอง สามารถหัวเราะให้แก่กันและกันได้เสมอ ให้อภัยและไม่ติดใจจดจำ ที่บ้านมีบรรยากาศแห่งความสบายๆ ไม่เครียด เด็กๆ ไม่ต้องมีชีวิตอยู่กับความกลัวและความหวาดระแวงว่า เมื่อไรพ่อแม่จะมาระเบิดอารมณ์เอากับพวกเขาอีก คล้ายชีวิตเดินอยู่บนเส้นด้าย ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะขาดลงมา

รอบครัวคุณภาพไม่ใช่ครอบครัว เพอร์เฟค ไม่มีใครมีครอบครัว เพอร์เฟค ทุกครอบครัวล้วนมีจุดเด่นจุดอ่อนในตนเอง แต่ครอบครัวคุณภาพจะมีการปฏิบัติตัวของพ่อแม่ลูกที่ต่างออกไปจากครอบครัวที่ไม่มีคุณภาพ เห็นง่ายๆ ก็คือความยืดหยุ่น และความสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งกระทบของชีวิตในครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสมาชิกทุกคนมีพื้นฐานของความรักและความพยายามที่จะเข้าใจกันและกันเท่านั้น




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 21:39:54 น.
Counter : 538 Pageviews.

0 comment
ความเป็นพ่อแม่ที่ดี

บทความจากหนังสือชุดวิชาเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี


ตามปกติ ชายหญิงที่สมรสกันแล้วย่อมมีความต้องการจะมีลูก เป็นโซ่ทองคล้องใจ ลูกจะทำให้พ่อแม่รู้สึกว่าเป็นชีวิตครอบครัว ที่สมบูรณ์ แต่การจะเป็นพ่อแม่ที่ดีนั้น พ่อแม่จะต้องมีความรู้ใน การเลี้ยงดูพอสมควร นอกจากนี้พ่อแม่ควรรู้ว่าตนเองมีบทบาท สำคัญต่อลูกทั้งชายและหญิงในการสร้างบุคลิกภาพของลูกฉะนั้น

ความจำเป็นของเด็กที่ต้องมีพ่อแม่ได้แก่

* เด็กชายจะได้มีโอกาส เห็นแบบอย่างความรับผิดชอบของ พ่อแม่ เพื่อเขาจะได้ เลียนแบบและปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับพ่อแม่ เมื่อเขาเติบโตขึ้น

* เด็กชายจะได้มีโอกาสพูดคุยกันอย่างผู้ชายกับพ่อ โดยไม่รู้ สึกกระดากอายในสิ่งที่ตนสงสัย

* พ่อแม่จะเป็นแบบอย่างในด้านความเข้มแข็งบึกบึน ซึ่งจะ ก่อให้เกิดความศรัทธาแก่ลูกทั้งชายและหญิง

* เด็กหญิงจะได้มีโอกาสรู้จักบทบาทของผู้ชาย และปรับตัว ให้เข้ากับบทบาทผู้ชายได้
ทำนองเดียวกัน เด็กจำเป็นต้องมีแม่เนื่องจากเหตุผลหลาย ประการ เช่น

* ดูแลให้ลูก ๆ ได้ปฏิบัติตามแบบแผนที่สมควร เช่น กิน นอน เล่น หรือพักผ่อน

* ฝึกฝนกิริยามารยาทที่ดีงามตามแบบอย่างของวัฒนธรรม ที่ดี เช่น มารยาทที่แสดงต่อผู้ใหญ่ มารยาทในการรับประทาน อาหาร มารยาทในการพูดจา เป็นต้น

* สอนให้รู้จักรักษาความสะอาดของร่างกาย และเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

* สอนให้รู้จักรักษาทรัพย์สมบัติของครอบครัว การใช้จ่าย เงินทอง การประหยัด

* อบรมศีลธรรม จริยธรรมต่าง ๆ

* ให้ความรู้ต่าง ๆเกี่ยวกับเพศหญิงแก่ลูกสาวให้สมควรแก่วัย

เนื่องจากแต่ละครอบครัวส่วนมากพ่อ ซึ่งเป็นหัวหน้า ครอบครัว จะต้องออกไปประกอบอาชีพนอกบ้าน และใช้เวลา อยู่นอกบ้านมากกว่าในบ้าน ฉะนั้นลูก ๆ จึงมักมีเวลาอยู่กับแม่ มากกว่าอยู่กับพ่อ ชีวิตประจำวันในครอบครัวจึงมีแม่รับภาระ ส่วนใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ที่ดีจึงควรทำตัวให้เป็นเพื่อนของลูก พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กวัยต่าง ๆ นอกจากนี้ควรเป็น คนใจเย็น มีอารมณ์ขัน จิตใจอ่อนโยน และจัดบ้านให้เป็น ระเบียบเรียบร้อยน่าอยู่

จากที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่าการเป็นพ่อแม่ที่ดีนั้น ทั้งพ่อ และแม่ต้องมีความอดทน และปฏิบัติต่อลูกด้วยความรัก ความ เอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ สิ่งต่าง ๆที่พ่อแม่ได้ปฏิบัติต่อลูกในวัย เด็ก จะหล่อหลอมให้เด็กมีบุคลิกภาพในทางดีหรือไม่ดีก็ได้การ อบรมเลี้ยงดูสั่งสอนก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตประจำวัน ในครอบครัว

นอกจากนี้ผู้เป็นพ่อแม่ควรได้มีการปลูกฝังคุณลักษณะต่อไป นี้แก่ลูก

1. ความร่าเริงแจ่มใสวัยเด็ก ควรเป็นวัยที่ร่าเริงแจ่มใส ความ ร่าเริงของเด็กจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเด็กมีสุขภาพดี ไม่มีความกดดัน ทางจิตใจ และถ้าเด็กได้มีโอกาสอยู่กับคนที่มีหน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใสเด็กก็จะเลียนแบบ หรือรับคุณลักษณะเช่นนี้มาด้วย

2. ความกระตือรือร้น คุณสมบัติข้อนี้ เด็กก็อาจจะเลียนแบบ จากบุคคลที่ใกล้ชิดได้ เพราะตามธรรมชาติแล้วเด็กจะไม่ชอบอยู่ นิ่ง ๆ อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา ถ้าพ่อแม่ได้ใช้คุณสมบัติตาม ธรรมชาติข้อนี้กับเด็กแล้วจะทำให้เขาเพิ่มความกระตือรือร้นยิ่ง ขึ้น นอกจากนี้ สิ่งใดที่พ่อแม่ทำแล้วลูก ๆ สามารถช่วยได้ ก็ควร ให้ลูกมีโอกาสทำสิ่งนั้นด้วย จะทำให้เขารู้สึกภูมิใจยิ่งขึ้น

3. อารมณ์ขัน การมีอารมณ์ขันเป็นสิ่งที่ควรฝึกให้เกิดกับเด็ก เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ความหงุดหงิด เมื่อพบกับความยาก ลำบากต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เด็กควรได้รับการปลอบโยนใน บางสถานการณ์ และชี้ให้เห็นว่า เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ควรเคร่ง เครียดเกินไป และพยายามให้มองโลกในแง่ดี

4. ความกล้า เป็นหน้าที่ของบิดา มารดาที่จะต้องฝึกเด็กให้เป็น คนกล้า เช่น กล้าที่จะเผชิญกับปัญหา กล้าที่จะยอมรับผิดในสิ่งที่ ตนเองทำผิด กล้าที่จะกระทำในสิ่งที่ถูกที่ควร กล้าที่จะยอมรับ ในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้เป็นพ่อแม่ควรยกย่องหรือชมเชย หรือ แสดงออกในการให้กำลังใจลูก เมื่อลูกแสดงความกล้าออกมา แม้จะเป็นการแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะทำให้ เขามีความมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น

5. ความไม่เห็นแก่ตัว โดยมากเด็กเล็ก ๆ มักจะเห็นแก่ตัว และ ถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ ทั้งนี้เพราะเด็กนั้นยังช่วยตัวเองไม่ได้จึงต้อง ได้รับความเอาใจใส่ และความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เสมอ นิสัย ดังกล่าวถ้าไม่มีการช่วยเหลือหรือแก้ไขก็จะทำให้เป็นนิสัยที่ถาวร กับเด็กได้ ฉะนั้น พ่อแม่ควรส่งเสริมให้เด็กรู้จักแบ่งของเล่น ของ รับประทานให้กับผู้อื่นบ้าง หรือชี้ให้ลูกเห็นและสนใจในผู้อื่นด้วย แทนที่จะสนใจตนเองตลอดเวลา นอกจากนี้ ถ้าเด็กได้รับคำยกย่อง ชมเชย ก็จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจ อาการของคนเห็นแก่ตัวก็จะ ลดลงไปได้

6. ความเห็นอกเห็นใจความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ควรเป็น คุณลักษณะพื้นฐานที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ควรอบรมให้มีขึ้น กับเด็กทุกคน เพราะถ้าสมาชิกของสังคมรู้จักเห็นอกเห็นใจ คน อื่นแล้ว ชีวิตในสังคมย่อมจะสงบสุข

7. ความเชื่อมั่นในตนเอง เด็กที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองมัก จะเป็นคนมีปมด้อย รู้สึกหวาดหวั่นที่จะพูดหรือแสดงออก หรือ คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ พ่อแม่ควรสนับสนุนให้ลูกเกิด ความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเอง โดยการชมเชยในสิ่งที่ลูกพยายามทำ ได้ พยายามพูดย้ำถึงความสามารถของลูกที่มีอยู่และสนับสนุน ให้เขาได้แสดงออก ไม่ควรเปรียบเทียบกับเด็กที่เก่งกว่าตลอด เวลาให้โอกาสลูกในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังอย่างสนใจ เป็นต้น

การจะสร้างคุณลักษณะทั้ง 7 ประการดังกล่าวแล้ว ต้องขึ้นอยู่ กับวิถีชีวิตของสังคม และขึ้นอยู่กับสภาพบรรยากาศของครอบครัว ด้วย โดยเฉพาะพ่อแม่ซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อการ มีคุณลักษณะที่ดีของลูก



Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 21:38:33 น.
Counter : 431 Pageviews.

0 comment
Fitness for Mom
หลังเลิกงานวันนี้ คุณแม่แบบไหนกันบ้างค่ะ กลับบ้านไปรับลูก ไปช้อปปิ้ง ฯลฯ แต่สำหรับ Audrey ไปฟิตเนสค่ะ ตอนแรกๆ ที่ไปก็ยอมรับว่าเห่อตามคนอื่นๆ แต่พอเล่นไปเล่นมา ตัวเลขแคลอรีที่ละลายไปตอนที่วิ่งบนลู่ก็ดึงดูดให้อยากไปเล่นทุกวัน รู้สึกท้าทายเวลาลองทำท่าโยคะใหม่ๆ เทรนด์แฟชั่นชุดออกกำลังกายก็โดนใจยิ่งกว่าชุดอื่นๆ...

ถ้าคุณแม่ Modern Mom เห็นด้วยกับ Audrey แสดงว่าคุณแม่กำลังเข้าข่าย fitnessaholic แบบ Audrey แล้วล่ะค่ะ
รู้หรือเปล่าว่า

ข้อดีของการออกกำลังกาย นอกจากสุขภาพของแม่จะแข็งแรงสดใส คลอดลูกง่ายแล้ว ลูกในครรภ์ก็จะแข็งแรงขึ้นด้วย สารอะดรีนาลินหรือสารสร้างความสุขจะหลั่งออกมาทำให้ทั้งแม่และลูกมีความสุขสดใสจนถึงหลังคลอดเลยล่ะค่ะ

Get start
What : คุณแม่ท่านหนึ่งได้ปรึกษากับ Audrey ว่า ก่อนตั้งท้องเธอไปเต้นแอโรบิกที่ฟิตเนสใกล้บ้านแทบทุกวัน พอตั้งท้องขึ้นมา แล้วไม่ได้ออกกำลังกาย เธอหงุดหงิดมากค่ะ Audrey เลยต้องบอกเธอไปว่าเชยมากเลย ยุคนี้คนท้องเขาออกกำลังกายที่ฟิตเนสกันได้แล้ว เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายเท่านั้น
When : ตั้งท้อง 3 เดือนขึ้นไป และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนออกกำลังกาย
Where : หากคุณแม่เลือกฟิตเนสทั่วไปควรปรึกษาครูฝึกก่อนว่ามีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการออกกำลังกายแม่ท้องหรือไม่ แต่ครูฝึกส่วนใหญ่จะถูกสอนเกี่ยวกับการออกกำลังกายสำหรับแม่ท้องมาบ้างแล้ว หรือปรึกษาโรงพยาบาลที่ฝากท้องอยู่ว่ามีคอร์สออกกำลังกายหรือไม่
Why : คุณหมอ Bradley Goldberg สูตินรีเวชที่อเมริกายืนยันว่า การออกกำลังกายระหว่างท้องมีประโยชน์อย่างยิ่ง และควรทำจนเป็นกิจวัตร โดยคุณแม่สามารถปฏิบัติเองที่บ้านได้ แต่หากเลือกไปฟิตเนสก็จะยิ่งดีเพราะมีอุปกรณ์ครบครัน มีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ และการอยู่ในบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยคนที่ชอบออกกำลังกาย ก็จะยิ่งทำให้คุณแม่รักการออกกำลังกายมากขึ้น
How : ควรออกกำลังกาย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 20 นาที

Fitness Zone
แม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะวิตกกังวลว่า ในฟิตเนสจะมีแต่เครื่องออกกำลังกายแรงๆ ไม่เหมาะสมกับตนเอง แต่เป็นคำตอบที่ผิดค่ะ เครื่องออกกำลังกายต่างๆ ในฟิตเนสคุณแม่สามารถเลือกและประยุกต์ให้เข้ากับการออกกำลังกายของตนเองได้ ลองทำตามดูสิคะ
• cardio zone
โซนสำหรับการออกกำลังกายเพื่อให้ปอดและหัวใจทำงานดีขึ้น เผาผลาญพลังงานและทำให้ร่างกายช่วงล่างแข็งแรงขึ้น แต่สำหรับแม่ท้องไม่จำเป็นต้องเผาผลาญพลังงานหรอกนะคะ ขอเพียงออกกำลังกายเบาๆ ให้กล้ามเนื้อช่วงล่างทำงานก็เพียงพอ
- เครื่องวิ่ง (treadmill) แม่ท้องสามารถเดินบนลู่วิ่งช้าๆ โดยตั้งค่าระดับความเร็วไว้ที่ 4.0-5.0 ความชัน 2-4 หรือจะเลือกเดินแบบพื้นราบ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
- จักรยาน (bicycle) ขี่จักรยานโดยใช้ความเร็ว level 3-4 ช่วยให้กล้ามเนื้อเชิงกรานทำงานดีมาก
• machine zone
ถ้าอยากให้กล้ามเนื้อกระชับ หรือสร้างความแข็งแรงเฉพาะส่วน ห้ามมองข้ามโซนนี้เด็ดขาดนะคะ
- เครื่องบริหารหน้าอก ช่วยให้หน้าอกกระชับ เป็นร่องสวยงาม เต่งตึง
ครั้งละ 15 ครั้ง/เซต รวม 3 เซต เลือกน้ำหนักให้พอดี
- เครื่องบริหารต้นขาด้านนอก (Abducter) / เครื่องบริหารต้นขาด้านใน (Adducter) ช่วยให้ต้นขาด้านข้าง สะโพก ก้น กระชับ / ต้นขาด้านในกระชับ ข้อดีสำหรับแม่ท้องคือ ขาไม่บวม เชิงกรานแข็งแรง
ครั้งละ 15 ครั้ง/เซต รวม 3 เซต เลือกน้ำหนักให้ตามความแข็งแรง
• body & mine zone
- Low impact aerobic classes เป็นการออกกำลังกายแบบเต้นแอโรบิกที่ใช้แรงและการเคลื่อนไหวน้อย คุณแม่ท้องสามารถร่วมกิจกรรมนี้ได้ ได้ทั้งประโยชน์และความสนุกสนาน
- โยคะ Body balance เป็นกลุ่มการออกกำลังกายที่มีการยืดเหยียด ช่วยให้ต่อมน้ำเหลือง ต่อมไร้ท่อ ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแรงโดยไม่ต้องกระโดดโลดเต้น (มี option สำหรับคนท้อง)
• dumbbell corner
เลือกน้ำหนักได้ประมาณ 3 ปอนด์ ควรออกกำลังกายทั้งต้นแขนด้านห้าและด้านล่าง เพื่อให้ต้นแขนกระชับ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับต้นแขน ครั้งละ 20-30 ครั้ง/เซต
• relax zone
ห้องสตีม/ซาวน่า แม่ท้องสามารถทำได้ค่ะ แต่ควรเข้าครั้งละ 5-10 นาที เพื่อให้ความร้อนชำระรูขุมขน หลังออกกำลังกาย สดชื่นขึ้น ผิวดี แม่ท้องที่ห่วงว่าผิวหน้าท้องจะแตกลาย มีเคล็ดลับว่าควรชโลมน้ำมันที่ท้องก่อนเข้าซาวน่าจะทำให้ผิวซึมซับดีขึ้น ผิวที่บริเวณหน้าท้องจะไม่แตก อีกทั้งในห้องของ fitness บางแห่งยังมีกลิ่นหอมจากการบูร ช่วยให้สดชื่นด้วยค่ะ


should
• แจ้งครูฝึกก่อนออกกำลังกายทุกครั้งว่า กำลังตั้งท้องอยู่
• ถ้าคุณแม่เคยออกกำลังกายมาก่อนตั้งครรภ์ เมื่อตั้งท้องคุณแม่ควรออกกำลังกายประมาณ 60% ของที่เคยออก หัวใจไม่ควรเต้นเกิน 140 ครั้งต่อนาที
• หากเสียเหงื่อมากก็ไม่ควรดื่มเกลือแร่ (เพราะไม่เหมาะสมกับแม่ตั้งครรภ์) แต่ควรดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้จะดีกว่า
• กินอาหารให้เพียงพอ
• สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมขณะออกกำลังกาย เช่น เสื้อผ้าระบายความร้อน ความชื้น

shouldn't
• ยามท้องไม่ใช่เวลาของการยกน้ำหนักหรือการเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างหักโหมนะคะ




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 21:37:50 น.
Counter : 1176 Pageviews.

0 comment
คุณแม่มือใหม่หุ่นเช้งได้ เรื่องใจสำคัญกว่า อด'

บทความจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ

เชื่อว่าบรรดาแม่ลูกอ่อนแทบทุกคน คงกลุ้มอกกลุ้มใจกับการหา สารพัดวิธีทำให้รูปร่างเข้าที่เข้าทาง กลับไปเหมือนเมื่อครั้งก่อนมีเจ้าตัวน้อย ถึงแม้ว่าการมีรูปร่างสะโอดสะองและฟิตอยู่เสมอไม่ใช่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิง แต่ก็เป็นเครื่องสร้างความมั่นใจให้กับสาวทั้งหลาย โดยเฉพาะสาวๆ ผู้รับหน้าที่ทั้งงานนอกบ้านและในบ้านเช่นเดียวกับ ศศิธร วัฒนกุล พิธีกรสาวรายการ "ที่นี่ประเทศไทย" ห่างหายไปจากจอเกือบ 1 ปี เพราะไปปฏิบัติภารกิจคุณแม่เต็มตัว

ล่าสุดกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของฟิลิป เวน กับรูปร่างที่เข้าใกล้คำว่า นางแบบเข้าไปทุกที แม้ว่าจะไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียวแต่เป็นที่น่าพอใจไม่น้อยสำหรับเจ้าของเรือนร่าง ทั้งที่เพิ่งคลอดลูกสาวตัวน้อยวัย 5 เดือน "น้องโมนิก" แถมยังอุ้มมาโชว์ความน่ารักน่าชังอีกต่างหากในงานเปิดตัว Image Woman ณ โรงแรมคอนราด
จากน้ำหนักก่อนคลอดที่พุ่งขึ้นจาก 58 กก.เป็น 88 กก. หากแต่รูปร่างสัดส่วนที่เห็นในงานเป็นน้ำหนักที่แล้วลดถึง 15 กก.ภายในเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น ลอร่าเล่าประสบการณ์ช่วงตั้งครรภ์ว่า เป็นคนแพ้ท้องประเภทอยากกินไปหมด จนน้ำหนักตัวมากกว่าสามีเสียอีก แต่พยายามออกกำลังกายเสมอ ช่วงที่ท้องจะใช้วิธีออกกำลังกายในน้ำเพื่อช่วยผ่อนแรงหลังคลอดถึงจะเจ็บแผล ก็คงยังยึดระเบียบออกกำลังกายอยู่ เพียงเปลี่ยนเป็นกิจกรรมเบาๆ ศึกษาพฤติกรรมการรับประทานของตัวเอง เพื่อช่วยในการจัดตารางการกินและออกกำลังกายให้กับตัวเอง เพราะการพึ่งโปรแกรมลดน้ำหนักต่างๆ เป็นเพียงตัวช่วยกระตุ้นให้เร็วขึ้นเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ มีวินัยต่อตัวเอง

"ทุกวันเราต้องจดว่ากินอะไรเข้าไป จะมีสมุดโน้ตจดไว้ตลอด ตรงนี้ทำให้เราคิดก่อนกิน ทำให้ทราบว่าร่างกายเรารับสารอะไรเข้าไปบ้างเหมือนเป็นการบ้านประจำวัน เลือกกินอาหารที่ให้พลังงานแต่แคลอรีต่ำ เช่น ซีเรียล โยเกิร์ต แต่ก็จะมีบ้างของล่อตาล่อใจ ช็อกโกแลต เค้ก ความจริงทานได้ แต่อย่ากินแบบไม่ยั้ง ให้กินแบบพอหายอยาก" พิธีกรสาวเล่าอย่างเอาจริงเอาจัง

นอกจากนี้เธอพกสูตรเฉพาะตัวที่ใช้มาตลอด คือ เลือกอาหารให้อร่อยมีรสชาติเสมอ เด็ดใบกะเพราเป็นตัวชูรส อาหารจำพวกเส้นให้ใช้เส้นบุกแทนให้หนักท้องเข้าไว้ หาวิธีการลดหรือยับยั้งอารมณ์เครียดอันเกิดจากการลดน้ำหนัก เพื่อช่วยให้ควบคุมน้ำหนักทำได้ง่ายขึ้น หรือซื้อจานชามสวยๆ มาใส่อาหารช่วยสร้างบรรยากาศในการกิน

ถือได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีจิตใจเข้มแข็ง และมีน้ำอดน้ำทนพอสมควรกับสิ่งยั่วยุจากภายนอก ซึ่งน้อยคนนักจะทำได้ เพราะสำหรับผู้หญิงที่ตั้งใจลดน้ำหนักแล้ว ร้อยทั้งร้อยแพ้ใจตัวเอง หักห้ามใจตัวใจไม่ให้เผลอหยิบนั้น หยิบนี่เข้าปากไม่ได้สักที ดังที่ รุ่งเรือง คลองบางลอ นักโภชนากรผู้ให้คำปรึกษาแก่ลอร่าบอกว่า

"ส่วนใหญ่ผู้ที่มาขอคำปรึกษาเรื่องน้ำหนัก มักจะแพ้ใจตัวเองก่อน อ้างว่าไม่มีเวลา จริงๆ แล้วการลดน้ำหนักต้องใช้วิธีการค่อยเป็นค่อยไป รู้จักควบคุมจิตใจตัวเองก่อน จัดตารางการกิน การออกกำลังสม่ำเสมออย่างน้อยเดินขึ้นบันไดก็ยังดี และอย่าอดเด็ดขาดเพราะการอดทำให้กินมากขึ้นในมื้อต่อไป"

นักโภชนากรยกตัวอย่างกรณีของลอร่าว่า ถือเป็นคนมีทัศนคติต่อการรับประทานดีมาก และรู้จักออกกำลังกายควบคู่กันไป แต่เนื่องจากเป็นคุณแม่ที่ต้องการให้น้ำนมลูกไปพร้อมๆ กับการรักษารูปร่าง ซึ่งในช่วงแรกเธอจะทานอาหารชีวจิต แต่ผักไม่สามารถสร้างน้ำนม ให้ทันกับความต้องการของเด็กได้ จึงแนะนำให้ทานเนื้อสัตว์มากๆ โดยเฉพาะเนื้อปลา เพราะแคลอรีต่ำ

ทั้งนี้การจัดตารางให้กับคุณแม่หลังคลอดสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือแบบให้น้ำบุตร และไม่ให้น้ำบุตร โดยช่วง 2-3เดือนแรก หลังคลอดจะลดง่าย แต่พ้น 6 เดือนไปแล้วจะยากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ลดชะล่าใจปล่อยให้น้ำหนักขึ้นมาเสียก่อน

สูตรการควบคุมน้ำหนักสำหรับคุณแม่ทั้งหลายหากกล่าวโดยรวมคือ มื้อเช้าอาจจะเป็นข้าวซ้อมมือ หรืออย่างน้อยเป็นน้ำผลไม้สักแก้ว กล้วย 2 ลูก และไม่ควรงดมื้อเช้าเพราะเป็นมื้อแรกของวันร่างกายจำต้องดึงพลังงานไปใช้ ส่วนมื้อกลางวัน ควรเป็นมื้อที่หนักกว่ามื้ออื่น เนื่องจากเป็นมื้อระหว่าง ควรเป็นอาหารที่ให้คุณค่าครบ 5 หมู่ เน้นเนื้อปลา ผักนานาชนิด และดื่มน้ำเปล่ามากๆ ละเด็ดขาดสำหรับเมนูประเภทของทอด ของผัด อาทิ ข้าวผัด ผัดซีอิ้ว เป็นข้าวราดแกงจะดีกว่า สุดท้ายมื้อเย็นน่าจะเป็นอาหารจำพวกปลา สลัดผัก ซุป ทานได้แต่ต้องก่อน 3 ชั่วโมงก่อนนอน

สูตรง่ายๆ มากองอยู่ตรงหน้าแล้วเหล่าคุณแม่มือใหม่คงใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็มองเห็นลู่ทางกลับไปสวยเด้งเช้งวับได้อย่างเก่าอยู่ไวๆ อาศัยคุณลอร่าเป็นตัวอย่างนำร่องไปแล้ว แต่จะได้ผลแค่ไหนคงต้องเปิดสังเวียนทดสอบใจกับอาหารยั่วกิเลสตัวเองกันดูสักตั้ง




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 21:36:09 น.
Counter : 461 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]