All Blog
แม่รักลูกต้องสนับสนุนให้ลูกรักพ่อ

บทความจาก นิตยสารแม่และเด็ก
โดย รศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
แม่ทุกคนที่รักลูก ควรตระหนักถึงอิทธิพลของพ่อที่จะมีผลต่อชีวิตลูกทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะเด็กต้องการพ่อมากพอกับที่พวกเขาต้องการแม่ เขาต้องการพ่อ ผู้เป็นแบบอย่างแห่งความเป็นสุภาพบุรุษ ความกล้าหาญ ความมีเหตุผลและการมีความรับผิดชอบ ลูกที่มีภาพแง่บวกของพ่อประทับอยู่ในใจ และเห็นว่าพ่อเป็นแบบอย่างที่ดีนั้นจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีความเชื่อมั่นในตนเองมีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ มีพัฒนาการที่เหมาะสม แม่ที่รักลูกจึงควรเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ลูกเห็นส่วนที่ดีในตัวพ่อของเขา
การที่ลูกจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับพ่อนั้น ส่วนหนึ่งย่อมเป็นผลจากการแสดงออกของแม่ที่มีต่อพ่อ ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว แม่เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูงมากในการกำหนดว่า ลูกจะรู้สึกอย่างไรกับพ่อ เด็กจะสั่งสมภาพของพ่อของตนไว้ในความคิดว่า พ่อเป็นคนดี พ่อเป็นคนน่านับถือ พ่อเป็นคนกล้าหาญ พ่อเป็นพระเอก พ่อใจดี หรือพ่อโหดร้าย พ่อไม่ดี พ่ออ่อนแอ พ่อน่ารังเกียจ พ่อเป็นตัวตลก พ่อโง่ พ่อขี้ขลาด และพ่อในลักษณะอื่นๆ อีกนับร้อยนับพันแบบในสายตาของลูกตามที่ได้ยินแม่ของเขาสรรค์สร้างคำเหล่านั้นออกมาจากปากตามแต่อารมณ์และความรู้สึกที่แม่มีต่อพ่อ ซึ่งเด็กจะเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจ และความคิดของลูกที่มีต่อพ่อเช่นไร ก็จะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเขาเมื่อเติบโตขึ้น
ทำไมเด็กต้องรักพ่อ
พ่อมีหน้าที่สำคัญในการกำหนดว่า ลูกจะเติบโตขึ้นมาด้วยความรู้สึกอย่างไร พ่อจะเป็นตัวอย่างให้ลูกเลียนแบบ เป็นแม่พิมพ์ให้ลูกได้ถ่ายออกมาเป็นตัวเขา ผลงานวิจัยหลายชิ้น ได้ยืนยันว่า พ่อมีอิทธิพลในการกำหนดลักษณะทางกายภาพ และภาวะอารมณ์ของลูกเมื่อเติบโตขึ้น ดร.อาร์มานด์ นิโคไล ชาวอเมริกันได้ทำการวิจัยไว้เมื่อ ค.ศ.1984 พบว่า เด็กที่ขาดความอบอุ่นจากพ่อทั้งกายและใจ จะขาดแรงจูงใจในการต่อสู้เพื่อความสำเร็จ เด็กจะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ เพื่อผลดีในอนาคต มีแนวโน้มที่จะเห็นตัวเองไม่มีค่า และมักจะเป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวถูกชักจูงได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในวัยรุ่น
เด็กๆ ไม่ได้ต้องการที่จะสนิทสนมกับแม่เพียงคนเดียว แต่เขาต้องการที่จะสนิทสนมกับพ่อด้วย เด็กต้องการความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่จากพ่อ ต้องการให้พ่อเป็นเพื่อนเล่น เป็นที่ปรึกษา เป็นแบบอย่างในเรื่องต่างๆ เด็กจะภูมิใจและคิดว่าพ่อเป็นพระเอกในใจเขาเสมอ เช่น เป็นสุภาพบุรุษ กล้าหาญ มีเหตุมีผล และมีความรับผิดชอบ หากเด็กผิดหวังกับบทบาทความเป็นพ่อ เด็กอาจจะกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาได้
คำพูด น้ำเสียง สีหน้าท่าทาง และการกระทำของแม่ที่มีต่อพ่อจึงเป็นสิ่งสำคัญและมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างภาพพจน์ของพ่อไว้ในใจลูก แม่ที่ทำให้พ่อถอยห่างในความสัมพันธ์กับลูกในขณะที่ลูกต้องการเรียนรู้ เลียนแบบ และชื่นชมในตัวพ่อของเขา ทำให้ลูกไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับพ่อ หรือยกย่องพ่อของเขา ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ในที่สุด เช่น ถ้าแม่เป็นคนก้าวร้าว หรือมักจะวางอำนาจใส่พ่อต่อหน้าลูก ชอบตำหนิพ่อ เหยียดหยาม ทำให้พ่อรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์ ดูถูกความล้มเหลวในชีวิตที่ผ่านมาของพ่อ การแสดงออกเช่นนี้จะเป็นการสร้างบาดแผลในใจของลูกให้เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย จิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมของเขาเมื่อเติบโตขึ้น
ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะนำไปสู่การเกลียดชังและไม่ยอมรับเพศตรงข้าม เพราะคิดว่าผู้ชายทุกคนจะมีความอ่อนแอเหมือนพ่อของตน และอาจะเป็นเหตุนำไปสู่พฤติกรรมเบี่ยงเบนปฏิเสธผู้ชาย ยกย่องในความเป็นเพศแม่ จึงหันไปสนใจในเพศเดียวกัน
ส่วนในเด็กผู้ชายก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่แม่กระทำมีผลให้เขามีทัศนคติกับพ่อในแง่ลบ มีความรู้สึกว่าพ่ออ่อนแอ ชีวิตของเขาจึงเติบโตมาอย่างขาดแบบอย่างของผู้ชายที่เข้มแข็ง เป็นผู้นำ เด็กชายบางคนอาจเลียนแบบพฤติกรรมจากแม่ และเกิดการเบี่ยงเบนทางเพศได้ในที่สุด
ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาครอบครัวคนหนึ่ง ได้ยกกรณีตัวอย่างถึงแม่คนหนึ่งที่พาลูกสาววัยรุ่นมาขอคำปรึกษา เนื่องจากลูกมีความเกลียดชังพ่อของตนเองมาก เมื่อสืบไปสืบมาจึงพบสาเหตุว่า เกิดจากการที่แม่ได้ระบายความโกรธแค้นชิงชังที่มีต่อพ่อให้ลูกสาวฟังอยู่เสมอๆ และมักจะพูดถึงความไม่ดีของพ่อให้ลูกได้ยิน ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจมาโดยตลอด ผลร้ายในที่สุดไม่ได้ตกบนตัวแม่หรือตัวพ่อ แต่ตกอยู่ที่ตัวเด็กเพราะเด็กได้สะสมความขมขื่นที่มีต่อพ่อไว้ในใจ จนกระทั่งมีพฤติกรรมที่แปลกๆ เกิดขึ้น เช่น มีอารมณ์แปรปรวนและเกลียดชังผู้ชาย เป็นต้น เมื่อได้รับคำแนะนำแล้ว แม่จึงได้รู้ตัวและกล่าวว่า
"สิ่งที่ฉันทำลงไปคือ การทำร้ายลูกอย่างไม่รู้ตัว ต่อแต่นี้ไปฉันจะพูดถึงส่วนดีในตัวสามีให้ลูกฟังมากขึ้น"
แม่ควรสนับสนุนให้ลูกรักพ่ออย่างไร
แม่ที่รักลูกย่อมยินดีให้สิ่งที่ดีแก่ลูก และหากการที่ลูกจะมีมุมมองและทัศนคติที่ดีต่อพ่อของเขาก็เป็นสิ่งที่ดี แม่ก็ควรที่จะมีพฤติกรรมที่สนับสนุนให้ลูกมีความรู้สึกรักพ่อของเขา ให้มากเท่าที่จะสามารถทำได้ อาทิ
หมั่น "ชมเชย" พ่อต่อหน้าลูก
แม่ที่รักลูก รักสามี รักครอบครัว ย่อมต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ครอบครัวเสมอ เมื่อรู้สึกว่าสิ่งใดที่ไม่ดีกระทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ ก็ควรที่จะเปลี่ยนแปลง ภรรยาบางคนชอบมองสามีเป็นเหมือนตัวตลก โดยเฉพาะภรรยาที่เก่งกว่าหรือมีความสามารถมากกว่า เมื่อสามีประสบความล้มเหลว หรือทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด หรือกระทำตัวไม่เป็นแบบอย่างในบางเรื่อง ก็มักจะใช้คำพูดเยาะเย้ยถากถาง เสียดสี ให้สามีเป็นคนที่ไร้ค่า เมื่อลูก ๆ เห็นสภาพดังกล่าว ลูกก็จะสูญเสียความเชื่อถือในตัวพ่อลงไปทันที
ในฐานะภรรยาและแม่ที่ดี ควรรู้ว่าการทำเช่นนั้นเป็นอันตรายทั้งต่อจิตใจของลูก จิตใจของสามี และความสัมพันธ์ในครอบครัวก็อาจจะต้องถึงขาดสะบันลงได้ในวันหนึ่งข้างหน้า ดังนั้นในทางกลับกันเพื่อรักษาความสุขในครอบครัว ภรรยาจึงควรที่จะพิจารณาในส่วนดีของสามีให้มากๆ และพยายามชมเชยในส่วนดีนั้นต่อหน้าลูก เช่น เมื่อพ่อมีน้ำใจช่วยทำงานบ้าน แม่ก็ควรที่จะขอบคุณและชมเชยพ่อให้ลูกๆ ฟัง แม่ควรแบ่งปันพูดคุยให้ลูกรับรู้ถึงความดีของพ่อ เช่น ความรับผิดชอบของพ่อต่อค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เห็นว่าลูกมีความมั่นใจและภาคภูมิใจในพ่อ แล้วยังจะช่วยให้พ่อเห็นคุณค่าตนเอง และมีกำลังใจ และปรารถนากระทำในสิ่งที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วย
อย่า "ทะเลาะ" กันต่อหน้าลูก
การทะเลาะกันในบ้านเป็นภาพสะท้อนที่รุนแรง หากจะเปรียบเป็นสงคราม คำพูดรุนแรงแต่ละคำก็เหมือนกับการสาดกระสุนเข้าหากัน กระสุนย่อมทะลุเข้าไปในจิตใจ ทำให้ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บเพราะคำพูดของกันและกัน พร้อมๆ กับอารมณ์ที่รุนแรงที่ปะทุก็ประดุจระเบิดอานุภาพรุนแรงที่มีอิทธิพลทำลายสิ่งที่อยู่รอบๆ ข้าง ซึ่งก็คือ ลูกๆ ที่รับฟังอยู่ในขณะนั้นด้วย
ลูกจะปวดร้าวใจทันที ที่เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน เพราะเด็กจะคาดหวังว่า บ้านจะมีความอบอุ่น มีความรัก เป็นศูนย์กลางการทะเลาะกันของพ่อ-แม่ จึงเท่ากับเป็นการทำลายความหวังของเด็ก ส่งผลให้เด็กรู้สึกอ้างว้างและตระหนกตกใจเกิดความกลัว ลูกๆ ย่อมไม่อยากเห็นคนที่เขารักใช้อารมณ์ ใช้ความรุนแรงเกรี้ยวกราดเข้าหากัน หากพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ลูกอาจมีความรู้สึกว่าบ้านไม่น่าอยู่ไม่มีความสงบสุข ไม่มีความรักให้แก่กันและกัน ส่งผลให้ลูกหันเข้าหาสิ่งที่ผิดแทนได้ เช่น อาจจะติดเพื่อน หันเข้าหายาเสพย์ติด เที่ยวเตร่และไม่ยอมกลับบ้าน เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อเกิดความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกันในบางเรื่องก่อนที่จะตัดสินใจปะทะคารมกันต่อ แม่ควรระงับความไม่เข้าใจกันนั้นไว้เพื่อเห็นแก่ลูก โดยตระหนักเสมอว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นการทำร้ายจิตใจของลูก ต่างฝ่ายต่างก็ควรที่จะยินดีประนีประนอม และปิดห้องคุยปรับความเข้าใจกันอย่างเงียบๆ จะดีกว่า
ขอร้อง "พ่อ" ให้ช่วยเลี้ยงลูก
แม่ต้องเห็นความสำคัญของพ่อในการเลี้ยงลูกและสร้างชีวิตของลูก เพราะการที่ลูกจะเติบโตอย่างมีความมั่นคงทางอารมณ์ และมีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น มีความเชื่อมั่นในตนเอง ได้นั้นต้องมีทั้งพ่อและแม่เป็นแบบอย่างที่สมดุล โดยแม่จะเป็นแบบอย่างในเรื่องของความอ่อนโยนมีเมตตา มีความอ่อนหวาน ส่วนพ่อก็จะเป็นแบบอย่างในเรื่องความกล้าหาญ ความรับผิดชอบ การทำงานหนัก การใช้เหตุผล เป็นต้น ดังนั้นพ่อจึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลากับลูก ต้องมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับลูก เพื่อลูกจะสัมผัสถึงความรักและได้เห็นแบบอย่างที่ดีของพ่อ
แม่ควรเป็นคนที่ส่งเสริมให้พ่อได้มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูก แม่ต้องเป็นผู้ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้ใกล้ชิดพ่อเสมอ เช่น พยายามหาโอกาสให้พ่อกับลูกได้ใช้เวลาด้วยกัน เวลาลูกต้องการคำปรึกษาก็ให้พ่อเป็นคนแนะนำ สนับสนุนให้พ่อเป็นคนสร้างบรรยากาศภายในบ้าน เช่น พ่อเล่นกีฬากับลูก พ่อไปทานข้าวกับลูก พ่อสอนการบ้าน ฯลฯ แม่ต้องตระหนักว่า เวลาที่พ่ออยู่บ้านนั้นมีน้อย จึงจำเป็นต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด พ่อกับแม่ต้องพูดคุยกัน ให้ตระหนักถึงความสำคัของการดูแลลูก เพื่อพ่อจะได้จัดสรรเวลาที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอ
นอกจากนี้แม่ควรเป็นผู้กระตุ้นให้พ่อคิดเสมอว่า การกระทำที่เหมือนกับเพิกเฉยต่อลูกๆ นั้น ลูกๆ จะรู้สึกเสียใจมากเพียงใด และเมื่อพวกเขาผิดหวังจากครอบครัว เขาก็อาจจะถูกค่านิยมสังคมที่เสื่อมทรามลงฉุดเขาไปในทางเสื่อมเสียได้ แม่ไม่ควรเห็นด้วย หรือปล่อยปละละเลย เมื่อพ่อปฏิเสธลูกว่า
"พ่องานยุ่งมากไม่มีเวลา"
แต่ควรพยายามขอร้องไห้พ่อได้ใช้เวลากับลูก โดยตระหนักว่าเด็กๆ ต้องการได้รับการยอมรับ เขาไม่ต้องการการถูกปฏิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เขาคาดหวังว่าจะได้รับความรัก และหากเขาไม่ได้รับการเติมเต็ม ความรักจากทั้งพ่อและแม่อย่างเพียงพอ เขาก็จะมีแนวโน้มวิ่งเข้าหาความรักจากที่อื่นและอาจเลือกดำเนินชีวิตในทางที่ผิดได้
แม้จะมีคำพังเพยที่พูดกันทั่ว ๆ ไปว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" แต่สำหรับความรักที่แม่มีต่อลูกน่าจะเรียกได้ว่าเป็น
"ความรักทำให้ตาสว่าง" คือ ตาสว่างที่จะเห็นสิ่งที่ผิด สิ่งที่ถูก สิ่งที่ควรเลือกและไม่ควรเลือกที่จะกระทำ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ "ลูก" ซึ่งเป็นบุคคลที่รักแม่ยิ่งมากเท่าชีวิตนั่นเอง




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 21:52:35 น.
Counter : 683 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]