เลือกโรงเรียนให้ลูกแบบมืออาชีพ

บทความจากโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ


มีคุณพ่อคุณแม่ จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกกังวลใจย่างยิ่งกับการตัดสินใจเลือกโรงเรียนอนุบาลให้กับลูกน้อย เพราะโรงเรียนอนุบาลนี้นับเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่ลูกรักของเราจะได้เข้าไปเรียน ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นการปูพื้นฐานทางด้านการศึกษาให้กับลูกตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นโรงเรียนอนุบาลจึงเป็นแหล่งบ่มเพาะชีวิตน้อย ๆ ของเด็กที่มีความสำคัญมาก มีโรงเรียนอนุบาลหลายต่อหลายแห่งที่เปิดรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบครึ่งเป็นต้นไป แต่คุณพ่อคุณแม่จะทราบได้อย่างไรว่าโรงเรียนไหนถึงจะเหมาะสมกับลูกของเรามากที่สุด
รวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด
ก่อนอื่นให้คุณพ่อคุณแม่รวบรวมรายชื่อโรงเรียนทั้งหมดที่มีอยู่จากนั้นก็คัดเลือกให้เหลือเฉพาะโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่สนใจจริง ๆ ทั้งนี้อาจจะต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ มาเป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจ อาทิ สถานภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียน เป้าหมายทางการศึกษาของลูกที่คุณพ่อคุณแม่วางแผนไว้ แนวทางการเรียนการสอนของโรงเรียน จากนั้นก็ให้คุณพ่อคุณแม่โทรศัพท์เข้าไปสอบถามรายละเอียดจากโรงเรียนที่เราหมายตาไว้ ซึ่งอาจจะโทรนัดกับคุณครูใหญ่ขออนุญาตเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนด้วยเลยก็ได้ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมชมโรงเรียนดังกล่าวแล้ว ส่วนใหญ่แล้วคุณครูที่โรงเรียนจะให้ความร่วมมือในการตอบคำถามของคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างดี รวมทั้งคุณครูก็จะพาคุณพ่อคุณแม่เยี่ยมชมห้องเรียนและสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียนอีกด้วย ในช่วงท้ายคุณครูก็จะให้ระเบียบการและเอกสารของโรงเรียนเพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้ไว้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใน
พาเจ้าตัวน้อยไปกับคุณด้วย
ในการไปเยี่ยมชมโรงเรียนนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องพาลูกน้อยไปดูโรงเรียนด้วยเพราะในที่สุดแล้วคนที่จะต้องไปเรียนที่โรงเรียนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากลูกรักของเราเอง ดังนั้น ถ้าคุณให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอนาคตขั้นปฐมวัยของเขาตั้งแต่แรกเริ่มก็จะช่วยทำให้คุณมั่นใจในข้อมูลที่กำลังจะตัดสินใจมากขึ้นด้วย เมื่อลูกได้ไปที่โรงเรียนแล้วคุณพ่อคุณแม่ลองปล่อยให้ลูกได้เข้าไปเป็นหนึ่งในนักเรียนที่กำลังทำกิจกรรมของโรงเรียนอยู่แล้วสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ว่า ลูกมีความสุขหรือไม่? เขาสามารถเข้ากับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกันได้หรือเปล่า? ลูกมีท่าทีว่าจะชอบเรียนวิชาต่าง ๆ หรือทำกิจการรมร่วมกับคุณครูและเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ไหม? ในระหว่างนั้น คุณอาจจะคุยกับคุณครูอยู่ห่าง ๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกว่า คุณยังอยู่กับเขา แล้วก็ลองประเมินพฤติกรรมของลูกเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว
ต้องดูอะไร? เมื่อไปเยี่ยมชมโรงเรียน
1. บรรยากาศในชั้นเรียนเป็นอย่างไร
ขณะที่เด็กนักเรียนกำลังเรียนอยู่ เขาดูสดชื่นแจ่มใสมีความกระตือรือร้นที่จะทำกิจกรรมหรือว่าตรงกัน ข้าม บรรยากาศในชั้นเรียบเงียบกริบ ไร้เสียงพูดคุยของเด็ก ๆ เพราะความหวาดกลัวคุณครู
2. ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครูที่นั่นเป็นอย่างไร
ดูราบรื่น มีเสียงหัวเราะระหว่างคุณครูและนักเรียนอยู่ตลอดเวลาที่พบเห็น หรือเด็ก ๆ จะคอยหลบหลีก ไม่อยากเจอหน้าคุณครู
3. อุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนครบถ้วนไหม
เช่น หนังสือ คอมพิวเตอร์ ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ห้องสมุด สื่อการเรียนการสอน
4. งานแสดงบนบอร์ด
บอร์ดระหว่างทางเดินของโรงเรียนจะเป็นเหมือนเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็ได้แสดงออกถึงผลงานต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตดูว่า บอร์ดเหล่านั้นมีผลงานของเด็กบ้างหรือไม่ และถ้ามีคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กที่แสดงผลงานอยู่บนบอร์ดเป็นอย่างไร
5. สนามเด็กเล่นก็สำคัญ
สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง จะเป็นสถานที่ที่เด็กจะได้ออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดความแข็งแรงคุณพ่อคุณแม่อาจจะลองสำรวจดูว่า เครื่องเล่นที่สนามเด็กเล่นนั้นมีความแข็งแรงและปลอดภัยมาน้อยแค่ไหน ความสะอาดของเครื่องเล่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะละเลยไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้สนามเด็กเล่นนั้นอยู่ในที่ลับหรือที่แจ้ง มีคุณครูคอยดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิดหรือไม่ และมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์รักษาพยาบาลอยู่ในบริเวณใกล้เคียงไหม เพราะเด็ก ๆ อาจประสบอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ขณะที่เล่นได้
6. คุณประทับใจคุณครูใหญ่ที่นั่นหรือเปล่า
เพราะคุณครูใหญ่คือคนที่กุมนโยบายของโรงเรียน นั่นหมายความว่า นโยบายต่าง ๆ ของโรงเรียนที่จะ พัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพหรือไม่นั้น คุณครูใหญ่มีส่วนถึง 80% ของปัจจัยทั้งหมดเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตจากพฤติกรรมที่คุณครูใหญ่แสดงออกมาระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมชมโรงเรียนว่า คุณครูใหญ่มีความกระตือรือร้นกับคุณมากน้อยแค่ไหน และสนใจรับฟังคำถามในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลในเรื่องราวต่าง ๆ ของโรงเรียนกับคุณไหม นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะลอดสอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครองคนอื่น ๆ อีกสัก 5-6 คน คุณก็พอจะมองเห็นทิศทางการบริหารงานของคุณครูใหญ่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณพ่อคุณแม่ผ่านกระบวนการตั้งสมมติฐาน สังเกต ทดลอง ติดตามผล และประเมินผลก็มาถึงขั้นตอนของการตัดสินใจเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกรักแล้ว แต่ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจสิ่งใดลงไปควรคำนึงถึงความสุขของลูกเป็นที่ตั้ง รวมทั้งความเหมาะสมของเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ของครอบครัวด้วย เพราะไม่มีความจำเป็นเลยที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่น เพื่อมาจ่ายค่าเทอมให้กับลูกเทอมละหลายหมื่นบาทไม่ว่าโรงเรียนนั้นจะสอนเด็กในแนวทฤษฎีการเรียนรู้ของต่างประเทศแบบใดก็ตาม เพราะลูกน้อยของเราคงไม่มีความสุขแน่ ถ้าเขารู้ว่าการเข้าเรียนโรงเรียนเช่นนั้นของเขาจะต้องทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเขาเครียดมากขึ้น และเป็นทุกข์กับเรื่องการทำงานหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนของเขามากขึ้น จริง ๆ แล้วถ้าลูกเลือกได้ เขาคงจะต้องการเพียงความรัก ความอบอุ่น และเวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะมีไว้พูดคุยกับเขาตามประสาครอบครัวสุขสันต์มากกว่า
คำถามน่ารู้
1. ห้องเรียนหนึ่งมีนักเรียนกี่คน?
2. ชั้นเรียนของเด็กแบ่งตามอะไร ตามวัยหรือตามชั้นปกติ?
3. มีเด็กพิเศษประเภทที่เรียนรู้ช้าหรือเร็วเกินไปเรียนร่วมอยู่ในชั้นเรียนของเด็กปกติหรือไม่?
4. คุณครูจะสอนเด็กให้เรียนเขียนอ่านด้วยวิธีไหน?
5. วิธีประเมินผลและวัดความก้าวหน้าของเด็กใช้วิธีใด?
6. มีกิจกรรมหรือชมรมอะไรที่เด็กสามารถเข้าร่วมได้บ้าง?
7. นโยบายและกฎเกณฑ์ของโรงเรียนเป็นอย่างไร? มีกิจกรรมไหนบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ของแต่ละครอบครัวสามารถเข้าร่วมได้




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 13:19:20 น.
Counter : 561 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]