คำปรารภ+เกล็ดกระทู้ เขียนโดย คลายเครียด



ภาพประกอบโดย..ตั่วเฮีย endophine

_______________________________



ความคิด ความเสี่ยง กับการลงทุนในหุ้น

เขียนโดย... คลายเครียด


*** ถือหุ้นตัวเดียว
ก็เหมือนกับ เรากำลังเป็นเจ้าของ
สวนสัตว์เชียงใหม่
ถือหุ้นหลายตัว
ก็เหมือนกับ เรากำลังเป็นเจ้าของ
สวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน)

ใครที่พร้อมจะถือหุ้นเพียงตัวเดียว
จะต้องมีหุ้นแบบหมีแพนด้าเป็นตัวชูพอร์ต
และต้องคอยระวังอย่าให้มันเป็นอะไรเป็นอันขาด

ส่วนถือหุ้นหลายตัว
คุณไม่จำเป็นต้องมีอะไรมีสัตว์อะไรที่เป็นจุดเด่นมากๆ
เอาแค่พอจะมีคนสนใจชมก็พอแล้ว
ยีราฟตาย นกกระจอกเทศตาย
รายได้ก็ไม่ลดฮวบแบบทันตาเห็น
ไม่มียีราฟ ไม่มีนกกระจอกเทศ
ยังไง ก็ยังเหลือฮิบโป เสือ สิงห์ กระทิง แรดให้ดูนี่นา



เนื่องจากผมไม่ค่อยไว้ใจหมีแพนด้า แค่สองตัว
ดังนั้น จึงต้องถือหุ้นแบบเขาดินครับ
เขาดินอยู่มาได้ห้าหกสิบปี


โดยไม่มีสัตว์ชนิดไหนเป็นตัวชูโรงที่โดดเด่น

แต่ถ้าใครมือถึง ตาถึง
สามารถวิเคราะห์เจาะลึกหมีแพนด้าได้ทุกแง่มุม
จับอาการร้ายๆ ที่อาจจะเกิดกับหมีแพนด้าได้
ก็สามารถจะถือหุ้นแค่ตัวเดียวได้ครับ
ได้เป็นกอบเป็นกำ ดีกว่าถือหุ้นแบบเขาดินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ต้องระวัง อย่าให้หมีแพนด้าเป็นอะไรไปเชียว
ยิ่งเป็นหมีแพนด้าที่ไม่มีสภาพคล่องคอ
นึกไม่ออกว่า


คุณจะเลหลังหมีแพนด้าที่ป่วยใกล้ตายได้ยังไง





ภาพประกอบ โดย.. ขอบฟ้า-จันทราดาบ แห่งโต๊ะสินธร

_______________________________







_______________________________________________________________

เขียนโดย ตั่วเฮียคลายเครียด




พอเรามีเครื่องมือใหม่ๆเข้ามาให้มั่ว เอ๊ยเข้ามาให้ใช้
เราก็อาจจะปรับพอร์ต เพื่อลองทดสอบเครื่องมือชิ้นใหม่
ตั้งแต่แยกหุ้นออกเป็นสี่ประเภท
และใช้หลักสมเกินมาจับปรากฏการณ์ของราคาหุ้น

ผมไม่เคยใช้คลายเครียดเรโช
กับหุ้นกลุ่ม ๑ และ ๓ เลย
(แค่ไม่ใช้กับ pb safe ก็ไม่ต้องขาดทุนกำไรเกินห้าล้านแล้ว)

แต่ถ้าเป็นกลุ่ม ๒ กับ ๔
ถ้ามีใครปั่นขึ้นมา จะต้องใช้คลายเครียดเรโชแน่นอน
(จะใช้คลายเครียดเรโชกับทุ่งคา แม้จะเป็นหุ้นกลุ่ม ๓ B)

ตอนนี้คิดไว้ว่า

หุ้นกลุ่ม ๑ และ ๓

จะชอร์ตอะเกนส์พอร์ต หรือไม่ก็ซื้อเพิ่ม
ไม่มีการขายทิ้ง

หุ้นกลุ่ม ๒ และ ๔

ไม่มีการซื้อเพิ่ม เลือกคัทลอสเป็นหลัก
ตามมาด้วยการชอร์ตอะเกนส์พอร์ต
เพื่อหาทางลดต้นทุนลง

______________________________________________________________





ถ้าเราตามดูราคาหุ้นนานๆ
จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า
หุ้นประเภท ๒ B ทำให้คนเจ๊งหุ้นได้แบบเละเทะที่สุด
ลองถอยเวลา จากปัจจุบันลงไปเป็นอดีต
อนาคต ลงมาเป็นปัจจุบัน
แล้วลองนึกถึง
ปิกนิก ซีอีไอ โกลบเบล็กซ์ ฯลฯ ดู

__________________________________________________








______________________________________________________

๙แล้ว๐ ๐แล้ว ๙ บันทึกการสนทนา ณ.ริมฝั่งเจ้าพระยา ของผู้จากริกแสวงเงินในตลาดหุ้นไทย

เมื่อกี้ไปเปิดพจนานุกรมราชบัณฑิต
สงสัยว่าจะใช้คำผิดแถมพิมพ์ผิดอีกด้วย
คือพิมพ์คำว่า จาริก เป็นจากริก


คำว่า "จาริก" พจนานุกรมราชบัณฑิตให้ความหมายไว้ว่า

"ผู้ท่องเที่ยวไปเพื่อสั่งสอนหรือแสวงบุญเป็นต้น"

ดังนั้น หัวข้อกระทู้น่าจะเป็นว่า

" ๙แล้ว๐ ๐แล้ว ๙ บันทึกการสนทนา ณ.ริมฝั่งเจ้าพระยา ของผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นไทย"


ตัวเลข ๙ กับ ๐ ผมต้องการจะสื่อความหมายไปยัง
สูงสุดคืนสู่สามัญ จากสามัญก็กลับไปสูงสุด
วนเวียนเป็นวัฏจักร
ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของหุ้น หรือการขึ้นๆลงๆของราคาหุ้น

เราต่างเป็นผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นไทย
ซึ่งเดินทางผ่านหุ้น ผ่านตัวเลขขึ้นๆลงๆมานับครั้งไมถ้วน
เดินผ่านรอยยิ้มและคราบน้ำตาของตัวเองมาไม่รู้กี่ครั้ง
ร่างกายผ่านการคัดหลั่งอาตรีนาลีน สารก่อมะเร็งมา...ครั้ง
ผ่านการคัดหลังเอนโดรฟีน สารต้านมะเร็งมา ....ครั้ง

ความจริงอย่างหนึ่งที่ผมเชื่อและพยายามปฏิบัติคือ

ถ้าเราตั้งเป้าหมายไว้ต่ำมากเท่าไร
เราก็จะมีพื้นที่ในการบริหารเป้าหมายของเรามากขึ้นเท่านั้น

อย่างเช่นผมตั้งเป้าหมายการนัดพบกับกัลยาณมิตรทางโลกย์
ซึ่งขึ้นมาจากชุมพรทุกตรุษจีนไว้ว่า

จะมีผู้มาร่วมพบปะ พูดคุยด้วยต่ำสุด ๒ คน
มันเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์
เพราะยังไงผมกับคุณธราธิป ก็จะมาเจอกันอย่างแน่นอน

แล้วในที่สุด ก็ได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่่าสุด
ในวันนั้น ที่ร้านเอสแอนด์พี สาขาท่ามหาราช ริมฝั่งเจ้าพระยา
มีผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นไทย
มาร่วมพบปะพูดคุยกันแบบเน้นสาระ ๔ คนคือ

คุณหมู (ธราธิป)
ว่าที่เซียนกราฟ ผู้ผ่านการพูดคุยกับกราฟมานานกว่าสามปี
จนในที่สุด กราฟกลับเป็นฝ่ายพูดคุยกับคุณหมู

ผม (endophine)
มนุษย์หุ้นผู้เดินทางแสวงหาเงิน
จากหุ้นหนึ่งขีดและแสวงหาความรื่นรมย์ของชีวิตจากหนังหนึ่งถึงสามขีด

คุณเอมเปิ้ล (m_ple)
เซียนเศรษฐศาสตร์มหภาค เจ้าของกระทู้ซับไพร์มไตรภาคสุดฮิตของสินธร

//topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2008/10/I7123157/I7123157.html

//topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2008/10/I7157137/I7157137.html

//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7410917/I7410917.html


คุณกีกี้ (g20001)
มนุษย์หุ้นผู้สารภาพว่า อ่อนระโหยโรยแรง
กํบการพยายามแสวงหาเงินจากตลาดหุ้น
สู้แสวงหาความรื่นรมย์ของชีวิต จากหนังสามขีดไม่ได้


ผมลองแยกคร่าวๆ ถึงวิธีการลงทุนของแต่ละคน
ตามความเห็นของผม ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเห็นของเจ้าตัวคือ

๑ คุณหมู

"เลือกหุ้น"ด้วยวิธีการแบบ VI
โดยดูการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ผ่านกระทู้ต่างๆทางเวบทีวีไอ

หลังจากเลือกได้หุ้นแล้ว
จะบริหารจัดการ"ราคาหุ้น"
ด้วยการติดตามดูการกระทำของคนในตลาดหุ้น
ผ่านอำนาจซื้อของเงิน อำนาจขายของหุ้น
ด้วยกราฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่ได้ตามดูผลประกอบ ของหุ้นที่ได้เลือกไว้ลงทุน !!!!!!!!

๒ ตัวผมเอง

เลือกหุ้นโดยดูการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนผ่านข่าวจาก

//www.set.or.th/set/todaynews.do?language=th&country=TH เป็นหลัก

บางครั้งเลือกหุ้นดีๆ จากเวบ
//www.thaivi.com/webboard/viewforum.php?f=1&sid=1465e5c3c12b5eef0ea7d474a6ee6285

หรือเลือกหุ้นที่คิดว่าดี
จากข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ยอมรับว่าผมเลือกหุ้นตามบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์น้อยมาก
หรืออาจจะไม่เคยเลยก็ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้ ???

หลังจากเลือกได้หุ้นที่คิดว่าดีแล้ว
ก็จะพยายามบริหารจัดการ "ราคาหุ้น" ด้วยการ

ถือยาวกินเงินปันผล

ขายทำกำไร เปลี่ยนหุ้นจากยีลด์ต่ำกว่า ไปถือหุ้นที่ยีลด์สูงกว่า

ขายขาดทุนเมื่อปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ

พยายามชอร์ตอะเกนส์พอร์ต หุ้นดีๆ
เพื่อเพิ่มหุ้น โดยไม่ต้องเพิ่มเงิน

การบริหารจัดการราคาหุ้น
ทำไปตามสามัญสำนึก และประสบการณ์ที่ผ่านๆมา
ไม่เคยดูกราฟ เพราะดูไม่เป็น


๓ คุณเอมเปิืล

ค่อนข้างแปลกใจมากๆ เมื่อคุณเอมเปิ้ลบอกว่า
ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค
ไม่สามารถนำมาต่อยอด ใช้บริหารจัดการราคาหุ้นในตลาดได้
เลยเน้นไปที่การดูกราฟ เช่นเดียวกับคุณหมู
ถ้าให้เปรียบเทียบ ผมคิดว่าน่าจะเป็นว่า
ถึงคุณเอมเปิ้ลจะเล่นฟุตบอลเก่ง (เศรษฐศาสตร์มหภาค)
ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเล่นฟุตซอลเก่งไปด้วย (หุ้น)

๔ คุณกีกี้

เข้าใจว่าเลือกหุ้นด้วยการดูผลประกอบการของคนในบริษัทจดทะเบียน
และเลือกบริหารจัดการ ราคาหุ้นด้วย .......??

ข้อมูลที่ได้จากการสนทนา ไม่สามารถระบุได้ว่า
คุณกีกี้บริหารจัดการราคาหุ้น ด้วยวิธีไหน ???

การสนทนาในวันนั้น
ผู้ร่วมเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น
ต่างพุ่งเป้า ไปที่การพยายามจะล้วงตับ วิชากราฟของคุณหมู

ล้วงไปล้วงมาถึงจะล้วงไม่ถึงตับ
ผมก็ได้ฟันธงไว้ในใจตั้งแต่วันนั้นว่า
พอร์ตคุณหมูในอีกสี่ีปีข้างหน้าจะต้องโตมากๆๆ
จะกี่เท่าก็คงตอบไม่ได้

เคยมีคนถามคุณหมูว่า
ตั้งเป้าหมายพอร์ตไว้ที่เท่าไร
คำตอบแบบอิกคิวซัง นิกายเซนของคุณหมูก็คื่อ

"เป้าหมายคือไม่ตั้งเป้าหมาย"

โอ้โฮ ถ้าเป็นแบบนั้น
ก็มีพื้นที่ในการบริหารจัดการกับราคาหุ้น ได้ทุกรูปแบบ

ผมขอสรุปว่า
คุณหมูจะประสพความสำเร็จจากการลงทุน
ด้วยปัจจัย ๓ ประการสำคัญคือ

๑ มีความสามารถในการใช้ความรู้ ที่มีประโยชน์กับพอร์ตหุ้นตัวเอง

๒ มีระเบียบวินัยที่เคร่งครัด
ในการใช้เครื่องมือ ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพกับพอร์ตของตัวเอง

๓ มีปัจจัยพื้นฐานสะสมส่วนตัวที่ดีมาก
ทั้งสถานะทางการเงิน สถานะทางการงานที่มั่นคง
และที่สำคัญมากๆก็คือ มีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย
ขยัน ประหยัด และอดออมสูง

๑ มีความสามารถในการใช้ความรู้ ที่มีประโยชน์กับพอร์ตหุ้นตัวเอง

มีข้อสังเกตว่า นักลงทุนส่วนใหญ่
มักจะได้ความรู้ที่ไม่มีประโยชน์กับพอร์ตหุ้นของตัวเอง
แบบความรู้ ข้อมูลข่าวสารท่วมหัว เอาตัวไม่รอด


เท่าที่ผมจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
คุณหมูเริ่มศึกษากราฟจากหนังสือ "มหัศจรรย์แห่งเท็คนิค"
หลังจากไม่ประสพความสำเร็จ
จากการลงทุนตามแนวทางหนังสือ"ตีแตก"
เรียกว่าความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง
คงไม่คอนเวอร์เจ๊งกับความรู้แนววีไอพันธ์แท้


หลังจากอ่านหนังสือมหัศจรรย์แห่งเท็คนิค
ก็ดูกราฟอีไฟแนนซ์จากจอคอม
และพรินท์กราฟออกมานั่งอ่านนอนอ่าน นับร้อยๆแผ่น
จนก็ได้เครื่องมือกราฟ
"ที่เข้ากับพอร์ตของตัวเอง" ในที่สุด
ประมาณว่า ต้องยอมเหนื่อยนั่งคุย(เพ่งดู)กราฟมาเกือบสามสี่ปี
จนในที่สุด กราฟก็ยอมคุยด้วย

การที่รู้กราฟ โดยไม่เคยไปฝึกเรียนกับสำนักสอนกราฟไหนเลย
อาจจะเป็นเหตุที่
ทำให้ชอบ อาฮุย เพื่อนซี้ของฤทธิ์มีดสั้นลี้คิมฮวง
ผู้ฝึกปรือกระบีจากธรรมชาติรอบตัว

เครื่่องมือการบริหารจัดการ "ราคาหุ้น" ที่ผมจำได้แบบงูๆปลาๆคือ

คุณหมูดู EMA ? จากกราฟที่ให้บริการโดย

//www.efinancethai.com/index.aspx

จากนั้นจะทำการคัดกรองหุ้น
ด้วยการใช้ตัวชี้วัด (indicator) ๔ ตัว
ผมจำได้แค่สองคือ
stocastic และ macd
โดยมี macd เป็นตัวคัดกรองด่านสุดท้าย

ตัวชี้วัดอีกสองตัว
ผมลืมไปแล้ว แต่ไม่ใช่อีเลียทเวฟ ไฟโบแนคชี่และบอลลิงเกอร์แบนด์

จากการทดสอบ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
ทำให้คุณหมูมีความเชื่อมั่นว่า

ถ้าตัวชี้วัด ระยะยาวยังดี ระยะสั้นแย่
ให้ถือต่อ ซื้อเพิ่มหรือชอร์ตอะเกนส์พอร์ต เพิ่มหุ้นไม่เพิ่มเงินได้

ตัวชี้วัด ระยะยาวไม่ดีระยะสั้นดี ต้องเตรียมขาย
เช่นเคยส่งซิกบอกเพื่อนสมาชิกที่คุ้นเคยกันทางหลังไมค์ว่า
ให้ขายปูนใหญ่ที่ ๒๐๔
เพราะดูแล้วตัวชี้วัดระยะยาวไม่ดี ถึงแม้ระยะสั้นจะดี
คือมีการดีดกลับจาก ๒๐๔ ขึ้นไปที่ ๒๐๘ ก็ตาม

ถ้าผมจำคำสนทนาในวันนั้นไม่ผิด

ตัวชี้วัดค่ารายสัปดาห์ดี รายวันไม่ดี
ให้ยึดรายสัปดาห์เป็นหลัก
และถ้าตัวชี้วัดค่ารายเดือนดี รายสัปดาห์ไม่ดี
ให้ยึดรายเดือนเป็นหลัก

ผมสรุปเอาเองตามใจชอบว่า

"ยังไงยาวก็ดีกว่าสั้น"

ในวงสนทนาวันนั้น
คุณหมูยังได้ตอบปริศนาคาใจผมมานานแล้วว่า
ดูกราฟ ทำให้ถือหุ้นได้นานเป็นปีๆเลยหรือ ???
ยอมรับว่า ผมไม่เคยเชื่อมาก่อน
เพราะคิดว่า คนที่ถือหุ้นได้นานเป็นปีๆ น่าจะเป็นวีไอพันธ์แท้


คำตอบที่ได้ในวันนั้นคือ
ค่าชี้วัดสี่สัปดาห์พอรวมเป็นค่าชี้วัดหนึ่งเดือน
ถ้าค่าหนึ่งเดือนยังดี ก็ให้ถือค่าหนึ่งเดือนเป็นหลัก
ค่าสิบสองเดือนรวมเป็นค่าหนึ่งปี
ถ้าค่าหนึ่งปียังดี ก็ให้ถือค่าหนึ่งปีเป็นหลัก

น่าจะเป็นเพราะหลักการนี้
จึงทำให้สามารถเก็บปตท.สผไว้
จนราคามันขึ้นไปสองสามเท่าตัวจากที่ราคาที่ซื้อไว้
โดยมีการชอร์ตขายระหว่างทาง
เพราะดูแล้ว ค่ารายเดือน ค่ารายปีในตอนนั้นยังดีอยู่

ผิดกับเมื่อสี่ห้าเดือนก่อน
ค่าระยะยาวไม่ดี แต่ค่ารายสั้นดี
ต้องเลือกขายทำกำไร

๒ มีระเบียบวินัยที่เคร่งครัด
ในการใช้เครื่องมือ ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพกับพอร์ตของตัวเอง

ข้อนี้ผมคิดว่าสำคัญกว่าข้อแรก
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่จะ "รู้ดีแต่ทำไม่ได้"

คำถามน่าคิดมากๆ
ที่คุณเอมเปิ้ลได้ถามคุณหมูในวันนั้นก็คือ

กราฟที่พี่พูดมา ก็เป็นเครื่องมือทางเท็คนิคที่ทุกคนรู้จักกันดี
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือชนิดไหน


คำตอบของคุณหมู
แสดงให้เห็นว่า
มันขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยอันเคร่งครัดในการใช้เครื่องมือของเราเอง

ลองไล่เป็นข้อๆ
วินัยอันเคร่งครัดในการใช้เครื่องมือการลงทุนของคุณหมูก็คือ

๑ ถ้าตัวชี้วัดไม่ชี้ไปในทางเดียวกันมากถึงสามในสี่ตัว
จะไม่ลงมือซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น

คุณหมูได้ให้ข้อคิดที่นักดูกราฟที่มีวินัย ยึดปฏิบ้ติกันทุกคนคือ

หุ้นราคาถูก จะซื้อไปทำไม
ถ้ายังมีราคาถูกกว่านั้นอีก
และ
หุ้นราคาแพง ทำไมจะไม่ซื้อ
ถ้ามันยังจะมีราคาแพงไปกว่านั้นอีก

ผิดกับผม ที่คิดว่า
หุ้นราคาถูกต้องซื้อ ถ้ายีลด์มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ
ตามราคาหุ้นที่ลดลง

winkwinkwinkwinkwink

๒ ซื้อหุ้นด้วยเงินสดที่ไม่กระเทือนกับชีวิตประจำวัน

๓ ต้องเสมอต้นเสมอปลายกับการใช้เครื่องมือและจะไม่ใช้เครื่องมือกราฟที่ตัวเองถนัด ไปซื้อขายหุ้นสามขีดโดยเด็ดขาด
ส่วนหุ้นสองขีดไม่แน่ใจว่าใช้หรือเปล่า ???

//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7466208/I7466208.html

สำหรับความเสมอต้นเสมอปลายในการใช้เครื่องมือ
ก็คงจะหมายความว่า
เวลาซื้อขายพันหุ้น
ก็ต้องสามารถใช้เครื่องมือได้ดีและนิ่งเท่ากับเวลาซื้อขายล้านหุุ้น

นักลงทุนจำนวนมาก จะไม่รู้สึกกดดันและใช้เครื่องมือได้ดีมากๆ
เมื่อเป็นการซื้อขายหุ้นจำนวนน้อยๆ
แต่จะลังเลและตัดสินใจไม่ค่อยได้ ถ้าเป็นการซื้อขายจำนวนมากๆ

๓ มีปัจจัยพื้นฐานสะสมส่วนตัวที่ดีมาก
ทั้งสถานะทางการเงิน สถานะทางการงานที่มั่นคง
และที่สำคัญคือมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย
ขยัน ประหยัด และอดออมสูง

เวลาไม่มีแรงกดดันจากชีวิตนอกตลาดหุ้น
เรามักจะตัดสินใจได้ง่ายและเด็ดขาดกว่าตอนมีแรงกดดัน
คุณเอมเปิ้ลยอมรับว่า เงินออมทั้งหมด ได้ลงทุนในหุ้น
นั้นก็หมายความว่า ถ้าลงทุนในหุ้นพลาด
มีโอกาสที่เงินออมทั้งหมดจะสูญหายไป
ดังนั้น มันก็อาจจะมีส่วนทำให้การตัดสินใจที่ควรจะเป็น
พลอยผิดพลาดไปด้วย

สมมติเช่น ถ้าเราอยากถือหุ้นต่อ
แต่สถานการณ์ทางการเงินมันบีบ
เราก็อาจจะต้องขายหุ้นทิ้ง ทั้งๆที่ไม่อยากขาย
ในขณะที่อีกคน สถานการณ์ทางการเงินดีมาก
พอร์ตหุ้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเงินลงทุน
ถ้่าเสียหายก็ยังรับได้สบายมาก
เลยสามารถถือยาว จนกำไรได้หลายๆเท่าตัว

ชีวิตของคุณหมู ไม่ได้รับผลกระเทือนจากการขาดทุนของพอร์ต
เรียกว่าเจ๊งจนหมดก็ยังอยู่ได้สบาย
จึงมีส่วนเสริมสร้างให้การใช้เครื่องมือลงทุน
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ลองสำรวจปัจจัยพื้นฐานสะสมของเราเองดู
ว่ามันมีส่วนในการทำให้ตัดสินใจผิดพลาดหรือถูกต้องเพียงใด

ข้อจบด้วยข้อคิดนี้ก็แล้วกัน


"คุณยังเป็นนักลงทุนที่ดีไม่ได้หรอก
ถ้ายังรู้สึกว่าขาดใครไปซักคนแล้ว คุณจะซื้อขายหุ้นไม่ได้"



Create Date : 08 เมษายน 2549
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 12:21:47 น. 4 comments
Counter : 1646 Pageviews.  
 
 
 
 


ratch(1A)

csr (1A)

msc (1Bhaha)

jct (1A)

occ (1A )

btnc (2 A mad)

rojana (1B haha)


ระยะนี้ปิดทองหลังพอร์ตบ่อย
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:05:29 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยมเจ้าค่ะ..
 
 

โดย: ระเบียงไม้ วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:55:05 น.  

 
 
 
เรื่องหุ้น ไอผีโอ เนี่ย ตั่วเฮีย คงรู้ดีกว่าผม
เพราะผมก็ได้ความรู้มาจากท่านเจ้าสำนักเทมเปิลบ๊อก

เท่าที่ผมเคยสรุปไว้กระทู้ (นานมากแล้ว)คือว่า

***มันขายให้เราราคาแพง
เดี๋ยวนี้ มันจะตั้งราคาพาร์ 1 บาท ขาย 3-4-5-8 บาท ดูเหมือนถูก

***มันบอกข้อมูลให้เราไม่หมด
กำไรต่อหุ้น มันไม่เอาหุ้นเพิ่มทุนไปคิด

***มันตกแต่งบัญชีก่อนเข้ามา
ก่อนเข้ามากำไรมักจะดี หลังจากนั้น คงไม่ต้องบอก
ไม่กำไรลด ก็ขาดทุน

***เจ้าของมันขายออกมา
ไอ้ไซล้งไซเร้น พิเหรียด หน่ะ ไม่มีหรอก
ก่อนกระจายหุ้นให้แมงเม่า เอ๊ยรายย่อย มันก็โยกหุ้นเดิมไปให้พวกพ้องก่อน
พวกนี้เวลาขาย ก็ไม่ต้องรายงานตลาดลักทรัพย์ ง่ายนิดเดียว


 
 

โดย: Mr.X-ray (P_ปรัชญา ) วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:00:15 น.  

 
 
 
ตัดมาแป่ะ จากหมอหนองคายครับ ข้อความด้านบน

สวัสดีครับ คุณระเบียงไม้ ยินดีต้อนรับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:01:41 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com