Group Blog
 
All blogs
 

ผัดมักกะโรนีไก่ทอดซอสน้ำแดง (Red Sauce Chicken Wings Macaroni)




สวัสดีค๊าเพื่อนชาว Bloggang ทุกคน หลังจากที่ห่างหายไปเพราะมั่วแต่ยุ่งกับหลายๆเรื่อง ตอนนี้พิ้งค์ก็พอมีเวลาว่างบ้างเล็กน้อยค่ะ เลยหาเมนูอะไรที่ทำง่ายๆ กินได้ทุกเพศทุกวัย และที่สำคัญต้องอร่อยด้วยค่ะ เมนูนี้มีความพิเศษอย่างนึงค่ะ คือทำ 1 แต่ได้ถึง 2 เลยน๊า แล้วแถมเป็นเมนู East meets West อีกด้วยค่ะ แหม Fusion มากมายเลยนะคะเนี่ย พูดแบบนี้อาจจะงงกันใช่ม๊า มะเป็นไรจ้าทำไปเด๋วก็รู้เองว่าพิ้งค์หมายความว่าไงค่ะ มาเริ่มกันเลยนะคะ...




ส่วนประกอบ

- มักกะโนี 70 g. (จะใช้เป็นแบบไหนก็ได้ตามสะดวกหรือถ้าไม่มีจะใช้เป็นเส้นพาสต้าแบบไหนก็ได้นะคะ)
- ปีกไก่กลาง 5 อัน
- หอมหัวใหญ่ 1/2 ลูก
- มะเขือเทศ 1 ลูก
- แครอท 1/2 หัว
- ซอสมะเขือเทศ 5 ชต
- ซอสพริก 2 ชต
- น้ำมันหอย 2 ชต (ยี่ห้อใหม่ มีคนแนะนำว่าอร่อยเลยลองดูค่ะ)
- ซอสถั่วเหลือง/ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ชช
- เหล้าจีน 1 ชต
- น้ำตาล 3/4 ชต
- กระเทียมสับ 1 ชต
- เนย 1 ชต (ใช้เนยเค็มในการทำอาหารและขนมจะทำให้มีรสชาดที่กลมกล่อมยิ่งขึ้นค่ะ)
- น้ำ 1/2 ถ้วย
- น้ำมัน 1 ชช (ใส่ตอนต้มมักกะโรนี)
- เกลือ 1/4 ชช (ใส่ตอนต้มมักกะโรนี)
- พาสลี่ย์ (วันนี้ไม่มีเลยดัดแปลงเอาใบโหระพามาใช้แทนค่ะ ก็สวยไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ)
- ผักกาดหอมแต่งจาน (วันนี้ไม่มีเลยไม่ได้รองจัดจานค่ะ)




มาดูใกล้ๆอีกทีนะคะว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ มีปีกไก่, แครอท, หอมใหญ่, มะเขือเทศ, กระเทียม, และเนยค่ะ





วิธีทำ

ใส่เนยลงในกระทะพอเริ่มละลายก็ให้ใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม แล้วก็ใส่ปีกไก่ลงไปผัด พลิกกลับไปมาให้ข้างนอกพอสุกเหลืองๆนิดๆเพื่อความหอมของปีกไก่ค่ะ สำหรับปีกไก่ใครจะบั้งๆซักหน่อยก็ได้นะคะ ซอสน้ำแดงจะได้เข้าเนื้อค่ะ




หลังจากนั้นก็ใส่ซอสพริก ตามด้วยซอสมะเขือเทศ น้ำมันหอย




ตามด้วยซอสถั่วเหลืองและน้ำตาลแล้วผัดให้เข้ากัน ชิมรสดูเอาตามชอบแต่ว่าต้องจัดๆหน่อยนะคะเพราะเด๋วต้องเติมน้ำเยอะ ตอนนี้ระวังนิดนึงนะคะ มันจะกระเด็นค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ระหว่างผัดซอสในกระทะก็จะงวดลงไปเรื่อยๆนะคะ เราก็ค่อยๆเติมน้ำลงไปทีละนิดเพื่อไม่ให้มันไหม้ค่ะ ผัดไปซัก 10 นาที




คราวนี้เราเติมน้ำลงไปเลยค่ะแล้วคนให้เข้ากัน เพื่อตุ๋นไก่ในน้ำซอสซักพักให้มันเข้าเนื้อแล้วไก่ก็จะนิ่มๆด้วย แล้วปิดฝาทิ้งไว้เลยค่ะ แต่คอยเปิดดูระดับน้ำซอสและพลิกกลับไก่ด้วยนะคะ ตุ๋นไว้ซัก 10-15 นาทีก็ใช้ได้ค่ะ หรือถ้าใครชอบให้นุ่มนิ่มแบบกระดูกเกือบๆร่อนก็ตุ๋นต่อไปอีก 10-15 นาทีนะคะ ชิมรสอีกครั้ง ควรมีรสเผ็ดนิดๆ เปรี้ยวนิดๆจากซอสพริกและมะเขือเทศ หวานและเค็มค่ะ สุดท้ายก็เทเหล้าจีนลงไปผัดๆอีกนิดนุงค่ะ สำหรับเมนู "ไก่ทอสซอสน้ำแดง" ก็เป็นอันเสร็จค่ะ ถ้าใครจะทำถึงแค่เมนูนี้แนะนำว่าให้เหลือน้ำซอสไว้เยอะหน่อย เพราะเอามาราดข้าวกินกับปีกไก่ โอ้ย อร่อยที่ซู้ดดด

แต่ถ้ากินกับมักกะโรนีไม่ต้องเหลือน้ำเยอะเกินไปนะคะ เอาแค่พอประมาณที่ว่าพอเอามักกะโรนีใส่ลงไปผัดต่อแล้วน้ำซอสไม่เจิ่งนองอะ ค่ะ แต่ถ้าน้อยไปก็จืดไม่อร่อยนะคะ อันนี้พิ้งค์ก็กะๆเอาเองอะค่ะไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ง่ะ คิคิ

สำหรับใครที่จะกินกับมักกะโรนีเรามาต่อกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัดให้เข้ากับน้ำซอสแล้วปิดฝาต่อ ใครชอบหอมนิ่มก็ปิดไว้นานหน่อยก็ได้ค่ะ แต่อย่านานมากเพราะเด๋วเราต้องเอาแครอทใส่ตุ๋นอีก




ต่อมาใส่แครอทแล้วผัดให้เข้ากันแล้วปิดฝาต่อค่ะ ใครชอบนิ่มๆก็ปิดไว้นานหน่อยก็ได้ค่ะ พอเห็นว่าหอมใหญ่กับแครอทสุกเกือบเท่าที่ต้องการก็ใส่มะเขือเทศลงไปเลยค่ะ ผัดๆให้มะเขือเทศเกือบสุกนะคะ




คราวนี้เราก็เอามักกะโรนีใส่ลงไปเลยค่ะ ผัดๆให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้ง ขาดอะไรก็เติมลงไปตอนนี้เลยค่ะ ถ้าชอบแล้วก็ปิดไฟได้เลย




ตักใส่มักกะโรนีใส่จานแล้ววางปีกไก่ไว้ข้างๆหรือข้างบนได้เลยค่ะ เป็นอันเสร็จไปอีกหนึงเมนูค๊า ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมนะคะ






ปล. เมนู "ไก่ทอสซอสน้ำแดง" เป็นเมนูที่ทำให้เรากะดาร์ลิ่งของเราปิ๊งๆๆกันด้วยนะคะ แบบว่าตอนเราทำครั้งแรกให้เค้ากะเพื่อนๆกินสมัยตอนเป็นเพื่อนกัน เราดันปิดฝานานไปหน่อยเปิดขึ้นมาอีกทีไหม้เกรียมดำปี้เลยค่ะ เค้าก็เป็นพระเอกขี้หมา เฮ้ย ขี่ม้าขาวมาช่วยเราตัดเอาตรงที่ไหม้ออกไปค่ะ เลยยังพอให้เราเหลือปีกไก่บางส่วนเสริฟเพื่อนๆได้จ้า อิอิ...








 

Create Date : 29 สิงหาคม 2552    
Last Update : 29 สิงหาคม 2552 23:53:45 น.
Counter : 1243 Pageviews.  

...กระเพาะปลาน้ำแดงร้อนๆมาแล้วจ้าาาาา... (Fish Maw Soup)







เนื่องมาจากความอยากอีกแล้วค่ะคราวนี้ ความอยากนี่มันไม่ปราณีใครเลยจริงๆนะคะ จึงได้เกิด How to Fish Maw Soup ครั้งนี้ขึ้นมาค่ะ หลังจากที่ใช้เวลาหาข้อมูลในการทำจากเน็ทเสร็จแล้ว ก็รีบแจ้นออกจากบ้านไปหาซื้อวัตถุดิบกันเลยที่เดียว และแน่นอนหาไม่ยากค่ะที่ตลาดสดหรือ Supermarket ทุกแห่งบนเกาะแห่งนี้ต้องมีทุกอย่างครบแน่ๆเพราะว่าอาหารจานนี้เป็นอาหารจีนนี่ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วทั้งตัวและหัวใจก็ตามมาดูวิธีทำกันเลยดีกว่าค๊า...



ส่วนประกอบ
- กระเพาะปลาแห้ง 30 กรัม
- เห็ดหอม 10 ดอก (แช่น้ำจนนิ่มแล้วผ่าครึ่งหรือสี่ส่วนหรือเป็นเส้น)
- หน่อไม้ 1 กระป๋อง (หั่นเป็นเส้นยาวๆหรือเป็นชิ้น)
- ไข่นกกระทา 10 ใบ
- น่องไก่ติดสะโพก 2 ชิ้น
- ซี่โครงไก่ 1 โครง (ไว้ต้มน้ำซุป)
- ซีอิ๊วดำ 3/4 ทัพพี (ให้สีน้ำซุปออกเข้มหน่อยแต่ก็อย่ามากไป)
- ซีอิ๊วขาว 2-3 ทัพพี (ชิมรสเอาแต่อย่าเค็มมากเผื่อไว้ปรุงด้วย)
- น้ำมันหอย 2-3 ทัพพี
- เหล้าจีน 1-2 ทัพพี
- ซอสมะเขือเทศ 1 ทัพพี
- แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา (ใส่ในน้ำแป้งข้าวโพดจะทำให้ความข้นของน้ำกระเพาะปลาไม่คืนตัวง่าย)
- น้ำตาลทรายเล็กน้อย
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- รากผักชี 8 ราก (ใส่น้ำซุป 4 และไว้ตำเพื่อผัด 4)
- กระเทียม 2 กลีบใหญ่
- พริกไทยเม็ดขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ขิงหั่นแฉลบนิดหน่อย (เอาไว้ต้มกับกระเพาะปลา)
- ผักชีและต้นหอมซอย










วิธีทำ


- ต้มน้ำซุปไก่ก่อน เอาซี่โครงไก่ น่องไก่ พริกไทยเม็ดขาว 1 ช้อนโต๊ะ รากผักชีใส่หม้อต้มไฟอ่อนประมาณ 1 ชม.





- ล้างเห็ดหอมแห้งให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 30 นาที เอามาหั่นเป็นเส้น เก็บน้ำที่แช่เห็ดไว้ก่อนไว้ใส่รวมกับน้ำซุปทีหลัง





- ระหว่างนั้นก็ล้างกระเพาะปลาแล้วแช่ในน้ำส้มสายชูผสมน้ำ สัดส่วน 1/4 : 2 ถ้วย แช่ไว้ประมาณ 5 นาที แล้วบีบน้ำออก ต้มอีกทีในน้ำเดือดใส่ขิงที่เตรียมไว้ลงไปต้มกับกระเพาะปลาด้วยอีก 10 นาที พอเสร็จก็ล้างน้ำเย็นแล้วบีบน้ำออกทำแบบนี้อีก 2-3 ครั้ง แต่ตอนบีบต้องเบาๆมือเพราะเดี๋ยวกระเพาะปลาเละ หลังจากนั้นเอามาหั่นเป็นชิ้นพอคำ พักไว้ก่อน (ทำแบบนี้เพื่อลดกลิ่นคาวและความหืน ความมันของกระเพาะปลาแห้งที่เราซื้อมาค่ะ)





- ต้มไข่นกกระทา 10 นาที ใส่เกลือลงไปในน้ำด้วยจะช่วยให้ปอกเปลือกไข่ง่าย ปอกเปลือกแล้วพักไว้ก่อน





- หน่อไม้กระป๋องล้างด้วยน้ำอุ่นประมาณ 5 นาที แล้วหั่นทิ้งไว้





- ถึงขั้นตอนนี้น้ำซุปที่ต้มไว้น่าจะใช้ได้แล้ว (น้ำซุปไก่แอบขุ่นมั่กๆๆอายจริงๆเลย หุหุ) เอาไก่ทั้งหมดขึ้น กรองน้ำซุปลงในหม้อที่เราจะทำกระเพาะปลา เทน้ำที่แช่เห็ดลงไปรวมกัน ต้มอีกครั้งให้เดือด





- ระหว่างนั้นก็เอาไก่มาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วพักไว้ (ที่เห็นในรูปเอาเนื้อตรงซี่โครงไก่มาใช้ด้วยเพราะงกค่ะ หุหุ)





- โขลกรากผักชีที่เหลือ กระเทียม และพริกไทยเม็ดที่เหลือเข้าด้วยกัน เอามาผัดกับกระเพาะปลาและเห็ดหอมที่หั่นเอาไว้แล้ว ผัดให้มีกลิ่นหอม





- พอน้ำซุปเดือดแล้วเอาที่ผัดเทลงในหม้อน้ำซุปได้เลย แล้วตามด้วยหน่อไม้ ไข่นกกระทาและไก่ ต้มจนกว่าจะเดือดอีกครั้งประมาณ 10-15 นาที





- แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย ซีอิ๊วดำ เกลือ และพริกไทยป่น แล้วชิมรสชาติตามที่ชอบ เคล็ดลับคือการแอบใส่ซอสมะเขือเทศเพื่อความเป็นน้ำแดงและออกรสเปรี้ยวนิดๆๆ





- ค่อยๆเทแป้งข้าวโพดที่ผสมน้ำตาลปี๊บลงไป ระหว่างเทก็คนให้เข้ากันไปด้วย น้ำจะข้นขึ้นแล้วแต่อย่าให้ข้นมากเกินไป เติมเหล้าจีนแล้วคนซักรอบสองรอบให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้งแล้วปิดไฟ





- ตักใส่ถ้วยโรยพริกไทย ผักชีและต้นหอมซอย ถ้าอยากไฮโซก็ใส่เนื้อปูด้วยก็ได้ค่ะ แต่ของพิ้งค์วันนี้งบหมด อิอิ เสริฟร้อนๆพร้อมกับน้ำส้มพริกดองและจิ๊กโฉ่ว







เอาวิธีทำน้ำส้มพริกดองมาฝากด้วยค๊าเผื่อใครที่ยังไม่ทราบวิธีทำ เพราะก่อนหน้านี้เราเองก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน นึกว่าเค้าเอาพริกป่นมาใส่กับน้ำส้มสายชูซะอีก พอถึงคราวที่จะต้องใช้ร่วมกับอาหารเพื่อบำบัดความอยากจึงจำเป็นต้องหาวิธีทำนั้นเอง หุหุ

ส่วนประกอบมีแค่ 3 อย่างเองค่ะคือ พริกสด 10 เม็ด กระเทียม 5 กลีบใหญ่ น้ำส้มสายชู

วิธีทำก็ง่ายมั่กๆๆเลย เริ่มจากเอาพริกกับกระเทียมใส่ลงใน food processor แล้วปั่น ปื้ดปื้ด หรือใครจะโขลกในครกก็ได้ค่ะแต่เรากลัวกระเด็นเข้าหน้าเข้าตา เสร็จแล้วก็เอาใส่ถ้วยเล็กๆแล้วเทน้ำส้มสายชูลงไปเท่านั้นเอง ก็เป็นอันเรียบร้อยจ้า อ๋อ!! แล้วก็ควรจะดองซักอย่างน้อย 1 คืนจะยิ่งอร่อยจ้า...









 

Create Date : 02 สิงหาคม 2552    
Last Update : 2 สิงหาคม 2552 23:01:40 น.
Counter : 1683 Pageviews.  

แกงหมูเทโพ - Red Curry with Pork Belly and Water Spinach



พอดีว่ามีเพื่อนทำแกงเทโพแล้วถ่ายรูปมาโชว์ให้ดูและความอยากก็ไม่เคยปราณี ใครเลยจริงๆนะคะ แถมไม่ได้กินมานานแล้วด้วย จึงรีบไปตลาดซื้อของโดยทันควัน วันนี้ซื้อมะกรูดมาลูกละ $1 ดอลล่าร์สิงคโปร์ (ประมาณ 25 บาท)แหนะ แพงสุดๆแต่อยากได้ครบเครื่ิองเลยจำใจจ้า และรีบกลับบ้า่นเข้าเน็ตเพื่อหาข้อมูลในการทำจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองทำดูรสชาติอร่อยเลยที่เดียวค่ะ อิอิ แอบชมตัวเองซะด้วย หุหุ

ปล. ต้องขอขอบคุณสูตรดีๆจากแม่ครัวทุกท่านด้วยนะคะ...

//www.singtip.com/group/cooking/forum/topics/2017991:Topic:344071
//www.kruaklaibaan.com/forum/index.php?showtopic=679
//www.pantown.com/board.php?id=13034&name=board1&topic=186&action=view
//www.pantown.com/board.php?id=16717&area=3&name=board5&topic=5&action=view




ส่วนประกอบก็มี...

- หมูสามชั้น 200 g. (ถ้าใครกลัวมันก้อใช้เนื้อส่วนหัวไหล่ได้ค่ะ ไม่มันมากแต่ควรมีติดมันเล็กน้อย ไม่งั้นไม่อร่อยยยนะคะ อิอิ)
- ผักบุ้ง 1 กำค่ะ (ถ้าชอบกินผักใส่เยอะๆเลยก็ได้จ้า)
- น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ห่อ (50 g.)
- กะทิ 250 ml.
- ใบมะกรูด 5-7 ใบฉีกๆๆ
- มะกรูด 1 ลูก (ถ้าหาได้นะคะ)
- น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่ทีละครึ่ง ถ้ากลัวจะหวานไปค่ะ)
- น้ำมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ (ลองใส่ที่ละครึ่งเหมือนกันค่ะ)
- น้ำมะกรูด 3/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลานิดหน่อย







วิธีทำจ้า...

เอากะทิตั้งไฟให้เดือดก่อน ไฟไม่ต้องแรงมากนะคะเดี๋ยวไหม้ค่ะ




แล้วจึงใส่น้ำพริกแกงลงไปผัดจนหอมและแตกมันนะคะ







เน้นว่าต้องผัดจนหอมและแตกมันนะคะ แต่สำหรับแกงเทโพไม่ต้องแตกมันเยอะมากค่ะ




หลังจากนั้นก็ใส่หมูลงไปผัดให้เกือบๆสุก







ถ้ารู้สึกว่าแห้งไปก็ตักหัวกะทิใส่ลงไปเพิ่มได้ค่ะ ให้น้ำพอท่วมๆหมูหน่อย




คราวนี้ก็มาปรุงรสชาติกันนะคะ ใส่น้ำตาลปีบค่ะ ลองใส่ดูซักครึ่งช้อนก่อนนะคะ




ตามมาด้วยน้ำมะขามค่ะ ของเราใช้แบบสำเร็จรูปนะคะ ขี้เกียจคั้นเองง่ะ หุหุ




เสร็จแล้วก็ใส่น้ำมะกรูดลงไปหน่อย บีบเอาจากลูกเลยค่ะ เราใส่ไปประมาณ 1 ช้อนค่ะ แล้วก็เอาลงมะกรูดใส่ลงไปในแกงเลยค่ะ คนไปคนมานิดหน่อย ชิมรสชาติดูหวานนำ เปรี้ยวตาม เค็มนิดๆๆ เอารสจัดหน่อยเพราะเดี๋ยวต้องเอาผักบุ้งใส่รสชาติมันจะอ่อนลงไปอีกค่ะ




ถ้าได้รสชาติตามที่ต้องการแล้วก็เร่งไฟให้น้ำแกงเดือดๆหน่อย แล้วใส่ผักบุ้งลงไปเลย กดเบาๆให้ยุบลงไปในน้ำแกง เติมกะทิที่เหลือลงไปให้หมด คนนิดนุงแล้วก็ปิดไฟได้เลยค๊า






เสร็จเรีบร้อยแล้วค๊า คราวนี้ก็ตั้งใส่ชามเสริฟได้เลยพร้อมข้าวสวยร้อนๆหนึงที่ด้วยนะคะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมค๊า...










 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 13:32:07 น.
Counter : 774 Pageviews.  

แกงมัสมั่นไก่ - Chicken Massamun Curry




มันเกิดจากความอยากอีกแล้วฮับพี่น้อง หุหุ ก็ไม่ได้กินเมนูนี้มานานแล้วเหมือนกันนะ จริงๆถ้าทำใส่เนื้อได้ก็จะทำเนื้ออยู่หรอกค่ะ แต่เผอิญว่าบ้านคุณพ่อซะมีไม่ให้เอาเนื้อเข้าบ้านค่ะ อดเลยงานนี้ แต่ด้วยแรงแห่งความอยากก็เลยต้องเปลี่ยนมาใส่ไก่แทนค่ะ ดีกว่าไม่ได้กิน แหะ แหะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองทำแกงมัสมั่นกินค่ะ ปกติถ้าอยู่กรุงเทพฯก็ซื้อเค้ากินตลอดอะค่ะ มันสะดวกเน้อ แต่ที่นี่ไม่มี มีแต่น้ำพริกแกงที่ม่ามี๊เอามาฝากค๊า มะเปงราย ลองทำดูเองก็ได้ค่ะ งั้นเพื่อนๆตามมาดูให้กำลังใจพิ้งค์กันด้วยนะจ๊ะ...



แกงมัสมั่นไก่ (Chicken Massamun Curry)

น่องไก่ติดสะโพก 800 g.

Chicken thighs or breasts, skin left on

น้ำพริกแกงมัสมั่น 150-200 g.
Mussamun curry paste, store-bought or homemade

กะทิ 500 ml. (2 cup)
2 portions of 250 ml. (1 cup x 2) unsweetened coconut milk

มันฝรั่งขนาดใหญ่ 2 หัว
2 large potatos, peeled and cut into bite-size chunks

หอมหัวใหญ่ 1 หัว
1 medium onion, halved lengthwise and sliced lengthwise into thick wedges

ถั่วลิสงคั่ว 1/3 ถ้วย
Dry-roasted peanuts

น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, และน้ำมะขามเปียก
Fish sauce, Palm sugar, and Tamarind paste



วิธีทำ

นำน้ำกะทิที่แบ่งไว้ 1 ถ้วยเทลงในหม้อต้มให้เดือดแล้วใส่ไก่ลงไป ดูให้น้ำกะทิพอท่วม ถ้าน้ำกะทิน้อยไปให้นำน้ำเปล่ามาเติมลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง

Pour 1 cup of coconut milk into the pot bring to boil with medium heat then add chicken. Coconut milk should almost cover the chicken. If not, add some water till it covered. With low heat, leave the chicken for about half an hour.




ระหว่างรอเราก็มาคั่วถั่วกันดีกว่าค่ะ ไฟค่อนข้างอ่อนนะคะ ไม่งั้นไหม้แน่ๆค๊า
While waiting, bring peanuts to roast in the pan with low heat or else it will overcook easily.




นำกะทิส่วนที่เหลือมาตั้งไฟให้เดือดแล้วใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอมและแตกมัน ระวังอย่ามองข้ามความปลอดภัย อิอิ มะช่ายๆๆ ระวังอย่าผัดไฟแรงมากเดี๋ยวน้ำพริกจะไหม้ได้จ้า
In other pot with low heat bring the rest of coconut milk to boil then add Mussamun curry paste, and stir until the red oil bubbles and fragrant (about 5-10 mins). Be careful not to overcook the paste.




เทพริกแกงที่ผัดกับกะทิเมื่อกี้นี้ลงในหม้อที่เคี่ยวไก่อยู่ คนให้เข้ากัน หากใครชอบกินถั่วนิ่มๆก็ให้ใส่ถั่วตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยค่ะ
Pour the paste that we just cooked into the pot of chicken and stir well. If you like to eat soft peanuts can add in now.




พอเดือดก็ใส่มันฝรั่งคนให้เข้ากัน รอสักพัก พอเดือดอีกครั้งก็ใส่หอมใหญ่ลงไปคนให้เข้ากัน แต่ในรูปที่เห็นใส่พร้อมกันเลยเพราะชอบกินหอมใหญ่แบบนิ่มมั่กๆค่ะ กิกิ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำมะขาม, และน้ำปลา รสชาดจะออกหวานนำ เปรี้ยวตาม เค็มน้อยสุดค่ะ ชิมรสที่ชอบ เคี่ยวต่อจนไก่นิ่มๆๆหน่อยก็พอค่ะ พร้อมเสริฟจ้า
Bring to boil then add potatoes and stir well. When it boils add onion and stir well. From my photo, I put potatoes and onion together b/c I like to eat very soft onion...hehe. Add palm sugar 2 tablespoons, tamarind paste 2 tablespoons, and fish sauce 1 tablespoon to taste. The taste of Massamun curry should be sweet and a little bit sour and salty. Reduce the heat and simmer until the chicken thighs and pototoes are tender. Ready to serve...










 

Create Date : 28 มิถุนายน 2552    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 19:46:45 น.
Counter : 1217 Pageviews.  

ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง



เมื่อวันก่อนไปเดินตลาดมาก็เลยนึกอยากลองทำเมนูอะไรใหม่ๆที่ยังไม่เคยทำเลยซักครั้ง แล้วก็เดินผ่านร้านขายหมูแวะซื้อหมูสับและแล้วไอเดียก็บรรเจิดว่าอยากลองทำซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งดู เลยบอกพ่อค้าว่าขอซื้อซักหน่อยซิค่ะ พอกลับถึงบ้านก็เริ่มทำ research หุหุ ฟังดูเป็นการเป็นงานอะไรขนาดน้าน ได้ข้อมูลและสูตรมาเยอะแยะมากมายที่เดียวเชียวค่ะ งั้นเรามาทำไปพร้อมๆกันเลยนะคะ



ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง (Broiled Pork Ribs with Honey)

ซี่โครงหมู (Pork Ribs) 300 g.
น้ำมันงา (Sesame oil) 1 TSP
น้ำผึ้ง (Honey) 3 TBSP
ซีอิ๊วดำ (Dark soy sauce) 1 TSP
ซีอิ๊วขาว (Soy sauce) 2 TBSP
น้ำส้มสายชู (Vinegar) 1 TSP
เกลือ (Salt) 1 TSP
รากผักชี (Coriander roots) 5
กระเทียม (Garlic) 2 กลีบใหญ่
พริกไทยป่น (Ground Pepper) 1/2 TSP



วิธีทำ

1. นำรากผักชี, กระเทียมและพริกไทยมาโขลกในครกรวมกัน พักไว้





2. เอาน้ำผึ้ง, ซีอิ๊วดำ, ซีอิ๊วขาว,น้ำส้มสายชู มารวมใส่ถ้วยไว้ก่อน พักไว้





3. ใส่น้ำท่วมกระดูกไม่ต้องเยอะมาก ต้มไปจนเดือดแล้วจึงเอาที่โขลกจากข้อ 1 มาใส่ลงไปและตามด้วยข้อ 2 ลองชิมดูว่าเค็มรึยัง แล้วจึงใส่เกลือถ้าเค็มแล้วไม่ต้องใส่หมดก็ได้ ต้องระวังอย่าให้รสชาดเข้มข้นมากเกินไปเพราะเดี่ยวต้องเคี่ยวต่ออีก







4. เคี่ยวไปเรื่อยๆจนระดับน้ำงวดลงตามที่ต้องการ อาจจะนานหน่อยนะคะซักครึ่งชั่วโมงขึ้นไปค่ะ ลองชิมดูแล้วจึงใส่น้ำผึ้งลงไป ถ้าชอบหวานมากก็ใส่หมดเลย ถ้าชอบหวานน้อยก็ไม่ต้องใส่หมด เคี่ยวต่อไปอีกซักพัก





5. ถ้าน้ำลดในระดับที่ต้องการแล้ว คือประมาณขลุกขลิกก็ใส่น้ำมันงาลงไปคลุกเคล้า ถ้าใครชอบกินน้ำมันงาจะใส่เยอะกว่าที่กำหนดไว้นิดหน่อยก็ได้นะคะ ของเราไม่ได้ใส่เยอะมากนะคะ





6. ตักใส่จานโรยหน้าด้วยผักชีแล้วเสริฟร้อนๆได้เลยจ้า เสร็จแล้วก็หม่ำๆๆๆกันได้เลยนะคะ Enjoy Eating ด้วยกันนะคะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมค๊า...













 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 0:35:47 น.
Counter : 1336 Pageviews.  

1  2  

PrettyPinky
Location :

Thailand

Singapore

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket
   
Friends' blogs
[Add PrettyPinky's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.