เมื่อใครต่อใครคิดว่าเราเป็นแฟนกัน
และแล้วก็เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่มีคนมาถามฉันว่าเขาเป็นแฟนฉันรึเปล่า เป็นคำถามรอบที่เท่าไหร่แล้วนะนับตั้งแต่วันที่ฉันรู้จักเขามาร่วมๆ 3 ปี

ฉันได้ยินคำถามนี้จากเพื่อนคนไทย เพื่อนเอเชีย เพื่อนฝรั่งชาวอเมริกัน เพื่อนของเพื่อน แล้วนี่วันนี้ ก็จากญาติของฉันเอง ที่มันอลเวงไปกว่านั้น คือ ใครต่อใครมักมองว่าแฟนเขาคือเพื่อนสนิทของเขา แต่ฉันที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาคือแฟนของเขา...

ฉันก็เริ่มสงสัยเหมือนกัน ว่าอะไรที่ทำให้ผู้คนมากมายพากันเข้าใจผิดไปได้ขนาดนี้ ฉันยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติคนอื่นมาก ฉันก็เลยพูดจาและแสดงออกกับเขาให้ดีและเหมาะสมกับที่เขาทำให้กับฉัน เรียกว่าใครดีมายังไง ฉันก็ดีตอบแทนเข้าไปร้อยเท่าพันทวีตามสไตล์ของฉัน

เราสองคนมีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง คือสนใจเรื่องราวรอบตัวด้วยมุมมองคล้ายๆกัน เรียนอะไรมาเหมือนๆกัน มีพื้นฐานทางความคิดและจิตใจที่ไปกันได้ พูดกันรู้เรื่องทุกอย่าง ยิ่งเราสองคนจริงใจต่อกันเสมอมา มีอะไรที่ช่วยกันได้ก็จะทำเต็มที่ ก็เลยเรียกได้ว่าเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกันมากๆๆคู่นึง

ฉันก็ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินเลย คือเวลาไปไหนมาไหนที่มีเขาไปด้วย ก็มีเพื่อนคนอื่นไปกันเป็นกลุ่ม เรื่องที่ฉันคุยกับเขาทุกเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่เปิดเผยได้ คำพูดทุกอย่างปกติทั้งหมด หนำซ้ำฉันก็ยังรู้จักมักจี่กับแฟนเขา และคอยช่วยเปิดโอกาสให้สองคนนั้นได้ใกล้ชิดกันเรื่อยมา

ก็เลยไม่เข้าใจว่า ฉันทำอะไรผิดไปหรือไม่เหมาะสมตรงไหนหรือเปล่า เรื่องของเรื่องคือ ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาผิดใจกันเพราะฉัน อีกอย่าง ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่า เวลาที่คนเราเห็นผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง เขาดูจากอะไรนะ ที่เป็นสัญญาณว่าคนคู่นี้เป็นมากกว่าเพื่อน ฉันจะได้พยายามไปลบล้างสัญญาณพวกนี้ก่อนที่จะซวยโดนข้อหาว่าไปเป็นแฟนกับคนที่มีเจ้าของแล้ว



Create Date : 08 กันยายน 2551
Last Update : 8 กันยายน 2551 9:00:44 น.
Counter : 296 Pageviews.

0 comment
เสร็จไปอีกเรื่อง
เราจำความรู้สึกวันที่เรานั่งสวดมนต์ในโบสถ์เมื่อสามปีก่อนได้เหมือนกับมันเพิ่งผ่านมาได้สามนาที ตอนนั้นเราเครียดมากที่รู้ว่าเราต้องออกหางานทำเพื่อเอาเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายของพ่อกับแม่ แต่ก่อนเราเหมือนเป็นคุณหนู วันๆก็ไม่ต้องคิดอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆเพราะว่าพ่อแม่เราสามารถหามาให้เราใช้จ่ายได้อย่างสบาย แต่เราก็ไม่ได้ถูกตามใจมากมายอะไร เพราะว่าที่บ้านเราให้ความสำคัญกับการที่ลูกหลานจะต้องลุกมาหยิบจับงานของครอบครัว อันนี้ก็ทำให้เราเป็นคนที่ทำงานเป็น คือรู้ทันคนแล้วก็ไม่เกี่ยงงาน

แต่ถึงแม้เราจะช่วยงานที่บ้านมาห้าหกปี แต่นั่นมันก็งานที่บ้านคือเราจะทำหย่อนบ้างหนักบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไร ที่สำคัญเราทำที่เมืองไทย แต่ตอนนั้นเรากำลังจะต้องหางานทำในอเมริกา เราพูด ฟัง อ่าน เขียนได้ แต่เราก็ไม่ได้คล่องร้อยเปอร์เซนต์

เราไปโบสถ์ถี่มาก เรียกว่าทุกวันก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ไป เราก็สวดขอให้เราได้งานดีๆทำ ให้เราได้เจ้านายและเพื่อนร่วมงานดีๆ เพื่อที่เราจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระการเงินของแม่เราที่จู่ก็เกิดติดขัดขึ้นมาอย่างที่เราไม่เคยฝัน

วันนึงออฟฟิศนึงได้เรียกเราไปสัมภาษณ์งาน แวปแรกที่เราเห็นคนสัมภาษณ์ เราก็บอกตัวเองว่า นี่ไง คนที่พระส่งมาให้เป็นเจ้านายเรา ตอนอยู่เมืองไทย เราไม่ได้ต้องทำงานให้ใคร เราเป็นนายเราเองตลอด แต่ตอนนี้เราต้องทำงานให้คนอื่น เราสวดของานจากพระ วันนี้พระก็ให้งานเรามาแล้ว มันต้องเป็นงานที่พระเห็นสมควรแล้วที่ให้เรามาทำ และคนที่เราให้ที่นั่นทุกคนคือคนที่พระส่งมาให้เรารับใช้

หนึ่งในทีมสัมภาษณ์คือบอสของเรามาจนถึงวันนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ เราไม่คิดเลยว่าคนเหล่านั้นจะเปลี่ยนชีวิตเราได้มากขนาดนี้ คนกลุ่มนั้นที่เราเรียกเขาว่าบอส สอนเราทุกอย่าง ให้เราทุกอย่าง แล้วพวกเขาก็ดีกับเรามากๆ มากจนเราแปลกใจว่าเขาคือเทวดาที่พระส่งมาช่วยเราตามที่เราขอรึเปล่า

แต่ตลอดเวลาที่เราทำงานให้บอส เราก็ทำอย่างเต็มกำลังและความสามารถ เราทำเพราะเรารู้ว่างานทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาเป็นความประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เราทำ เรารักบอสทุกคนมากๆ รักเหมือนกับเขาเป็นญาติสนิทของเราเลย

วันนี้หนึ่งในบอสที่สัมภาษณ์เรามาทำงานเป็นวันสุดท้าย บอสแต่งงานเมื่อปลายเดือนที่แล้วและตอนนี้ก็กำลังย้ายไปอีกรัฐหนึ่ง เราใจหายที่เราจะไม่ได้ทำงานให้บอสอีก แต่เราก็รู้ว่าทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้บอสไปที่อื่นเพราะบอสคงสามารถไปเปลี่ยนชีวิตคนอื่นๆอีกหลายคนในบริเวณนั้น พระเจ้าให้งานเราทำที่นี่ตั้งแต่สามปีที่แล้วเพื่อให้เราได้เข้ามารับใช้บอส เพื่อมารู้ มาเห็น อะไรต่างๆมากมาย วันนี้พระเจ้ากำลังต้องการให้เรารับใช้บอสคนใหม่ เราเชื่อว่ามันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราต้องได้เจอบอสที่จะเข้ามาใหม่นี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาคือคนที่พระเจ้าส่งมาเพื่อให้มาสร้างมุมมองและความแตกต่างในชีวิตเรา

วันนี้เรากำลังสวดขอพรจากพระเจ้าเพื่อว่าเราจะได้มีโอกาสทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง



Create Date : 08 กรกฎาคม 2549
Last Update : 8 กรกฎาคม 2549 13:03:59 น.
Counter : 173 Pageviews.

1 comment
ต้องล้าง Blog ก่อนความลับจะรั่วไหล....
ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอะไรที่เรามาเขียนที่นี่ เป็นเรื่องที่เรามาระบายออกไปเพราะหลายครั้งเราก็เขินบ้าง รู้สึกผิดบ้าง หรือว่าอยากจะคิดทบทวนตามที่ใจของเราอยากจะคิด โดยที่เราไม่กล้าเอ่ยปากบอกใครว่าเราคิดอะไรอยู่ เรื่องของเรื่องก็คือ อะไรๆที่เรามาเขียนทิ้งไว้ที่นี่เนี่ย มันออกจะเป็นเรื่องหวานๆประมาณว่าเราไปแอบชื่นชมใครอยู่โดยที่เขาไม่รู้ตัวกัน (รึเปล่า)

ปัญหาก็คือ เมื่อวานนี้ไปรู้มาว่าคนใกล้ตัวในโลกของความเป็นจริงของเราคนหนึ่งชอบมาป้วนเปี้ยนที่พันธ์ทิพย์ แล้วไงหล่ะ เราก็ต้องรีบทำลายหลักฐานซิ ก็เราแอบเขียนอะไรๆถึงเขาและคนที่เขารู้จักเต็มไปหมด ถ้าเขาได้อ่าน blog เราแค่นิดเดียว เขารู้แน่ว่าเป็นเราและใครต่อใครที่เราเขียนถึงนี้จริงๆแล้วเป็นใครบ้าง

บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้ต้องเร่งเปลี่ยน theme ของ blog นี้เป็นการด่วน ก่อนที่เรื่องบางเรื่องมันจะรั่วไหลไป



Create Date : 06 เมษายน 2549
Last Update : 6 เมษายน 2549 9:00:23 น.
Counter : 208 Pageviews.

3 comment

bloom
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เราก็เป็นผู้หญิงคนนึง ที่หลายครั้งยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก เหมือนเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต แต่อย่างน้อย เราก็เป็นคนที่รู้จักกาละเทศะดีพอสมควรนะ....