Group Blog
♣♣♣ บุเรงนองพิโรธ ♣♣♣




บุเรงนองพิโรธ

เมื่อครั้งฉันได้ติดตามนายไปตรวจราชการ
 ที่อำเภอท่าสองยางจังหวัดตาก 
 ในขณะนั้นประมาณปี 2515 
 ท่าสองยางยังอยู่ในดินแดนที่อันตราย
จากภัยผู้ก่อการร้าย 
  เรียกได้ว่าถนนสายแม่สอด - ตากน่ะ
 รถที่วิ่งจะต้องวิ่งเข้าวันออกวัน 
  ไม่มีสิทธิ์ที่จะวิ่งสวนทางกันได้หรอก
  และระหว่างทางนั้น อันตรายมากๆ 
  โดยเฉพาะช่วงดอยต่างๆที่รถต้องวิ่งผ่าน
  เรียกได้ว่าต้องมีคนโดนเด็ดทิ้งทุกวัน
เหมือนเด็ดดอกไม้เชียวละ
  รถราชการน่ะคุณจะต้องเอาตราราชการออกให้หมด
   ไม่งั้นคุณก็ต้องไปรับราชการกับยมพบาลแน่นอน
    นายถามฉันว่ากล้าไปไหม ถ้าไม่กลัวตาย
ก็ไปตรวจราชการที่อำเภอท่าสองยางกัน
    ฉันยิ้มและบอกนายไปว่า
คนอย่างฉันน่ะไม่กลัวตายหรอก
   เพราะถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
นายยิ้มและพูดว่า เออเอ็งแน่ ไปก็ไป 
 ฉันมองหน้านายแล้วก็คิดอยู่ในใจว่า
นายคงไม่รู้หรอกว่าฉันน่ะไปแม่สอดทุกอาทิตย์
ช่วงวันหยุดน่ะฉันก็อยู่ในแม่สอดนั่นแหละ
   ชีวิตช่วงนั้นบอกตรงๆว่า สนุกสุดๆ  หาไม่ได้อีกแล้ว 
  ฉันไปอยู่บ้านของทหารคนหนึ่ง
ซึ่ง ผ.ก.ค. เคารพนับถือมาก
เรียกว่า เขาเรียกพ่อกันละ 
 ท่านเป็นพ่อของพี่ชายที่ฉันเคารพนับถือมาก
ท่านไม่มีลูกสาว จึงรักฉันเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง


สมัยนั้นไม่ว่าจะเป็นใครปลอมตัวกันเข้ามาในแม่สอด
จะต้องแจ้งให้พ่อทราบทั้งนั้นแหละ 
   ไม่งั้นไม่มีโอกาสกลับออกไปหรอกนะ
ที่บ้านพ่อ แม่จะทำเป็นโรงทาน
   ทุกวันจะหุงหาอาหารหม้อโตๆๆ
วางเรียงรายไว้ที่ซุ้มในบ้าน
   จะมีคนเข้ามากินกันทั้งวันนั่นแหละ
  ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทั้งชาวเขา ท้้งขอทาน
   ทั้งต.ช.ด ทั้งทหาร โอ๊ะ...เยอะแยะไปหมด
  ไม่รู้ว่าใครเป็นใครกันหรอก พ่อฉันพูดภาษาพม่า
และภาษากะเหรี่ยง ภาษาม้ง แม้ว
  เรียกได้ว่าภาษาชาวเขาน่ะพ่อพูดได้หมดแหละ
   ตัวพ่อเองพูดภาษากลางบางครั้งตัวเองยังฟังไม่รู้เรื่องเลย
ฮ่าๆ นี่แหละพ่อละ เรามีแซวกันโดยตลอด
    ฉันมักเรียกพ่อว่าหน่วยเคลียพื้นที่ 
  หรือหน่วยกวาดบ้านนั่นแหละ 
  เพราะไม่ว่าใครจะไปใครจะมาพ่อต้องเคลียพื้นที่ให้
โดยตลอดนั่นแหละ ไม่ว่าคุณจะใหญ่โตมาจากไหน
   ถ้าพ่อไม่เคลียละก็ รับรองได้เลี้ยงข้าวต้มกุ้งแน่นอน ฮ่าๆ


เอาละๆเดี๋ยวยาว ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟังว่า
มันสนุกสุดเหวี่ยงอย่างไร 
  เอาเป็นว่าฉันได้ไปตรวจราชการ
ที่อำเภอท่าสองยางกับนายก็แล้วกัน
    เมื่อไปถึงที่ว่าการอำเภอท่าสองยาง 
  หัวหน้าส่วนราชการที่นายจะไปตรวจได้ออกมาต้อนรับ
   และพูดคุยกันสักพัก ก็เริ่มตรวจงานกัน 
  ระหว่างตรวจงานนั้น เจ้าหน้าที่ก็ตรวจกันไป
  สำหรับนายนั้น ได้นั่งคุยกับพี่คนที่เป็นหัวหน้าส่วนอำเภอ
   ฉันไม่รู้ว่าท่านพูดคุยอะไรกัน
เมื่อตรวจงานเสร็จ ประมาณ 5 โมงเย็น
  เราก็ได้ไปนั่งกินข้าวที่ซุ้มซึ่งอำเภอสร้างไว้
เพื่อเป็นที่พักของชาวบ้านเวลามาติดต่องานราชการ
เขาต้อนรับเราด้วยอาหารท้องถิ่นหลายอย่าง
  เช่นลาบ ลู่(เนื้อหมูปนเลือดสดๆ ทำคล้ายลาบ
แต่ไม่ทำให้สุก กินกันดิบๆนั่นแหละ)
กินกันจนปากแดงเหมือนกินเลือดสดๆยังไงยังงั้นเชียว
  อ้อ...ลืมบอกไปว่าที่นี่ เขาทำกับข้าวกันเองนะ
ไม่มีร้านอาหารหรูๆ  เลี้ยงหรอก
เพราะสมัยนั้น มันยังไม่เจริญ
และไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวเหมือนสมัยนี้ 
 ชีวิตคนที่นี่จึงเป็นชีวิตคนชนบท อยู่กันอย่างสงบสุข
 ปลุกด้วยเสียงปืนกันโดยตลอดนั่นแหละ


งานเลี้ยงน่าประทับใจมาก เหล้าเถื่อน กระแช่ มีพร้อม
ส่วนเหล้าดีๆมียี่ห้อ   ไม่มีหรอก
เพราะเขาทำเหล้ากันเอง ใสเป็นตาตั๊กแตนเชียว
  หวานซ๊ะ  ฮ่าๆ   กินกันได้สักครึ่งชัวโมง
นายก็ขอตัวไปพักผ่อนก่อน บอกว่าเหนื่อย
  แต่ก็อนุญาตให้พวกเรากินกันเต็มที่ต่อไป
พี่หัวหน้าส่วนได้ไปส่งนายกลับที่พัก
   ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอก บ้านพักของหัวหน้าส่วนนั่นเอง
   พี่เขาอยู่คนเดียวไม่ได้เอาครอบครัวมาเสี่ยงด้วยหรอก
บ้านจึงไม่มีใคร สักพักพี่ก็กลับมาร่วมวงกับเราต่อ
  เรากินเหล้าเคล้ากับแกล้มกัน เสียงคุยโขมงโฉงเฉง
  ไม่ต้องกลัวรบกวนใคร 
 เพราะไม่มีใครเขาอยู่ที่อำเภอกันหรอก 
  เขาเข้าไปนอนในตัวอำเภอแม่สอดกันหมด
ไม่ใช่กลัวตายนะ แต่ก็ไม่อยากตายกันน่ะ
   เวลาผ่านไปจนค่อนรุ่ง
  พวกเราบางคนก็เมากลิ้งหลับไป 
  บางคนก็อืออาๆ   ไปตามประสาคนเมาแต่ก็ยังไม่หลับ 
   ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งมองความเป็นไปของมนุษย์เหล่านี้ 
 และเริ่มจะง่วง จึงได้บอกกับพี่หัวหน้าว่า
  ง่วงแระจะไปนอนนะ พี่ช่วยนำทางไปหน่อย
    พี่หัวหน้าผงกหัวขึ้นมา นี่ก็คงเมาเหมือนกันแหละ
  พอสบตาฉันเท่านั้น พี่หัวหน้าก็สดุ้งสุดตัว
    ร้องเสียงดังว่า ตายละ....ท่านของเราไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง


จากนั้นพี่เขาก็รีบวิ่งออกไป ฉันจึงวิ่งตามไป 
 แต่แล้วฉันก็ต้องสดุดหยุดทันที
  แล้วรีบหลบหลังกอไผ่หน้าบ้านพัก
   ฉันเห็นหัวหน้ายืนตาเขียวปัด หน้าแดงก่ำ
เดินไปเดินมาอยู่ลานหน้าบ้านพัก เมื่อพี่เขาวิ่งไปถึง 
 ก็ได้แต่ยกมือไหว้ แล้วขอโทษหัวหน้าเสียงสั่น
  ผมลืมไปครับท่าน ผมลืมไปจริงๆ   มันคุยกันติดลมน่ะ
  เลยลืมภารกิจที่ให้หัวหน้ารอคอยไป 
  ฉันเห็นหัวหน้าพูดด้วยความโมโหว่า 
  ถ้ารู้ว่าจะลืมแล้วเอ็งทำไมแนะนำให้ข้าฯทายารอวะ
   รู้ไม๊ว่ามันท้้งร้อน มันทั้งบวม 
 จะเก็บก็ไม่ได้จะออกไปไหนก็ไม่ได้
    กว่ามันจะหมดฤทธิ์
พระอาทิตย์ก็เกือบมาเยือนแล้วโว้ย......
โธ่...บุเรงนองของข้า....
ว่าแล้วหัวหน้าก็เดินกลับเข้าห้องปิดประตูเสียงดังโครม....
  บุเรงนองพิโรธ ซะแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ
ฮ่าๆ  จบดีกว่าจินตนาการไปเองก็แล้วกันนะ

...........................









Create Date : 30 พฤษภาคม 2554
Last Update : 3 กรกฎาคม 2559 14:27:05 น.
Counter : 705 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ