Group Blog
All Blog
ไวรัสตับอักเสบบี ภัยเงียบที่ป้องกันและรักษาได้





ก่อนอื่นต้องขออนุญาต อาจารย์ นพ. ดร.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์
อาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญโรคไวรัสตับอักเสบ
แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไว้ ณ. ที่นี้ก่อน
เพราะเราจะต้องเอ่ยถึงท่านในการเขียนเรื่องนี้บ่อยๆ
ก็ไม่มีอะไรหรอก ที่นำมาเล่าสู่กันฟังก็มาจากท่านล้วนๆ
 ตัวเราน่ะไม่มีความรู้ด้านนี้เลยเพียงแต่จับพลัดจับพลู
ได้ไปเป็นคนไข้ของท่านมาหลายปี
และได้เห็นความมีจิตตั้่งมั่นของท่านที่จะพยายาม
ให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบ
แก่ประชาชนคนกินข้าวแกงอย่างเรา
โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย   เราจึงคิดว่า
เราน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการได้ช่วยเจตนารมย์ท่านบ้าง
 ก็ไม่ยากเย็นอะไรเพียงแต่นำความรู้ที่ได้จากท่าน  
 จากหนังสือที่ท่านเขียน จากการได้ไปเข้าร่วมฟังบรรยาย
เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบที่ท่านและคณะได้จัดทำขึ้น
ที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์มาเผยแพร่บอกต่อแก่ผู้ที่สนใจให้ได้รู้ไว้ก็เท่านั้น
  แต่ขอบอกว่าทุกท่านที่เข้ามาอ่านแล้วโปรดอ่านต่อไปเรื่อยๆ
 เพราะเป็นประโยชน์แก่ตัวท่านและพรรคพวกรอบตัวของท่านยิ่งนัก
เราน่ะอยากมีชีวิตยืนยาวและยุ่งเหยิงในโลกศิวิไลนี้อีกสักหน่อย
 และก็อยากให้ท่านได้มีชีวิตยืนยาวไปพร้อมกันด้วย
จึงขอช่วยเผยแพร่ความรู้นี้ด้วยความเต็มใจจริงๆๆ
 แม้แต่การเขียนหัวข้อนี้ก็คัดลอกของท่านมาล้วนๆ ฮิๆๆๆ

จากหนังสือจับเข่าคุยกันเรื่องไวรัสตับอักเสบบี
ภัยเงียบที่ป้องกันและรักษาได้
 ของ นพ.ดร ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์
ซึ่งเราได้ซื้อมาอ่าน เมื่อเปิดเข้าไปดูก็จะพบหัวข้อ 
 จับเข่าคุยกันก่อน
 ด้วยความอยากรู้เหตุใดคุณหมอจึงชวนจับเข่าคุยกัน
 เราจึงได้เริ่มต้นอ่านและเห็นว่าแค่หัวข้อเริ่มต้นก็ชวนติดตามซะแล้ว
เราจึงขอคัดลอกงานเขียนของท่านมาเผยแพร่
ให้ชาวโลกได้อ่านและรับรู้ไปพร้อมๆกับเราด้วย









จับเข่าคุยกันก่อน

คุณสมชายกำลังนั่งบ่นกับตัวเอง
  " เป็นไปได้อย่างไร ผมทั้งแข็งแรง ไม่เคยป่วยเคยเจ็บ
มาตรวจร่างกายประจำปี หมอบอกว่าเป็นโรคตับแข็ง" 
  แถมหมอบอกต่อว่า เกิดจากเชื้อไวรัสบี
"ไวรัสบี! อ้าว! ก็เคยมีหมอบอกผมเมื่อสิบปีก่อนว่า 
 ผมเป็นแค่พาหะไวรัสบี ไม่เป็นอะไร"
ผ่านไปไม่กี่วัน คุณสมชายยิ่งเกิดอาการทานไม่ได้
  นอนไม่หลับ น้ำหนักลด เพราะได้ยินข่าวสาร
ทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
  โหมประโคมข่าวเกี่ยวกับผู้มีชื่อเสียงในวงการแสดง
เป็นมะเร็งตับจากไวรัสบี แล้วก็จากไปคนแล้วคนเล่า

หลายท่านได้ไปตรวจร่างกายประจำปี 
  แล้วพบว่ามีค่าการทำงานของตับผิดปกติ
ตรวจไปตรวจมาก็พบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี
   เรามักจะคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า
 "เป็นพาหะไวรัสบีเฉยๆไม่เป็นอะไร"
" ตับอักเสบนิดหน่อย ตามดูไปก่อนก็แล้วกัน" 
 นานๆไปก็รู้สึกว่า  การไปหาหมอก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลง
   ให้ทานยาบำรุงตับไปเรื่อยๆ นานเข้าก็ไม่สนใจ
กับเจ้าสิ่งแปลกปลอมตัวนี้ แถมเห็นคนเป็นกันเยอะแยะ
ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร จึงหายหน้าหายตาไปจากหมอ 
 วันดีคืนดีก็กลับมาหาแพทย์ด้วยอาการขาบวม 
 ท้องบวม เพราะเป็นโรคตับแข็งบ้าง มะเร็งตับบ้าง

หลายท่านจะรู้จักมักคุ้นกับคำว่า 
 พาหะไวรัสบี ตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสบี
 ตับแข็ง หรือมะเร็งตับแต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร 
 คำว่าพาหะที่แพทย์ใช้ ฟังดูเฉยๆไม่น่ากลัว  ตับอักเสบ
ถ้าได้ยินคำว่า "อักเสบนิดหน่อย"ก็เฉยๆ 
 ถามไปลึกๆก็ไม่เข้าใจที่หมอพูดว่าอักเสบเล็กน้อยนั้นเป็นอย่างไร
(ต้องขออภัย บางครั้งทั้งหมอและคนไข้ต่างก็ไม่เข้าใจกันทั้งคู่) 
 พอได้ยินคำว่าตับแข็งเข้าก็แตกตื่น
แข็งแล้วหรือหมอ แข็งกี่เปอร์เซ็นต์ครับ 
 แล้วผมเป็นมะเร็งหรือเปล่า
 ระยะหลังดีขึ้นหน่อยเริ่มมีคนถามกันมากว่า
"ได้ข่าวว่ามียารักษาไวรัสบีแล้ว มีเพื่อนทานยากันหลายคน
  วันนี้เลยจะมารักษา" บ้างก็ได้ยากลับไป 
บ้างหมอก็บอกว่ายังไม่ต้องรักษา ทั้งๆที่มีไวรัสเป็นล้านๆตัวในเลือด
 แต่หมอไม่มีเวลาอธิบายว่าทำไมถึงยังไม่ให้ยา
ด้วยความกังวลก็เลยเปลี่ยนหมอไปเรื่อยๆ 
 จนในที่สุดก็ได้ยาไปทานตามที่อยาก
 แล้วไม่นานก็เกิดเชื้อดื้อยา


คำถาม คำตอบ เหล่านี้วนเวียนอยู่ในวงสนทนา ในครอบครัว
ในทุกที่ และที่เห็นได้ชัดที่ใกล้ตัวผู้เขียนคือ
กับผู้ป่วยเป็นร้อยๆพันๆที่วนเวียนอยู่ในคลีนิคโรคตับ
ของโรงพยาบาลจุฬาฯ
 พอมองให้กว้างออกไปจะทราบว่า
มีผู้ป่วยกระจายอยู่ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย
 จะหนาแน่นตามคลีนิคโรคทางเดินอาหารของโรงพยาบาล
โรงเรียนแพทย์ ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้ 
 คนที่มาหาแพทย์นั้นเป็นส่วนน้อยเหลือเกิน
 ยังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่มีไวรัสบีแอบซ่อนอยู่ 
 ไม่ขึ้นกับฐานะยากดีมีจน ระดับการศึกษา 
 ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือสาขาอาชีพอื่นๆ
ทราบหรือไม่ว่า ถ้าท่านเดินผ่านผู้คนตามท้องถนนหรือในที่ทำงาน
 ในทุกๆสิบสองคน จะมีหนึ่งคนที่มีไวรัสตับอักเสบบีหรือซีซ่อนอยู่
ถ้าเอาแค่ไวรัสบีตัวเดียว ในทุกๆยี่สิบคน
จะมีหนึ่งคนเป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง
ในคนไทยที่มีไวรัสบีร้อยคนน่าสงสัยเหลือเกินว่า
จะมีถึงหนึ่งคนหรือไม่ที่มีเวลาทำความรู้จักกับเจ้าเพื่อนตายตัวนี้
ทั้งๆที่แอบซ่อนอาศัยอยู่กับเขาเหล่านั้นมาแต่เด็กแต่เล็ก
   เมื่อหนึ่งในยี่สิบคนมีไวรัสบี
และหนึ่งนั้นยังไม่ทราบเลยว่าจะทำอะไรกับชีวิต 
 แล้วอีกสิบเก้าคนในยี่สิบคนที่ไม่มีไวรัสบีเล่า
รู้หรือไม่ว่าตัวเองอาจจะเคยติดเชื้อไวรัสบีมาแล้ว แต่หายไปแล้ว
 แล้วรู้หรือไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่กับคนรอบข้างที่มีไวรัสบีอย่างไร


ผ่านมาหลายปีที่ผู้เขียนมีโอกาสได้สอนได้บรรยาย
เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ   และโรคตับชนิดต่างๆแก่แพทย์ 
 บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน
ในปีหนึ่งๆประเทศไทยมีการจัดบรรยายเรื่องไวรัสตับอักเสบบี
แก่แพทย์ผู้สนใจ โดยแพทย์ผู้ชำนาญมากกว่ายี่สิบครั้ง
เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ
ทั้งเรื่องการวินิจงฉัยและการรักษาแทบจะทุกๆครึ่งปี
บ่อยครั้งแพทย์ผู้รับฟังได้เห็นและตื่นเต้นกับการพัฒนาเหล่านั้น
  จนกระทั่งจับต้นชนปลายไม่ถูก
สิ่งนี้เกิดขึ้นแม้กระทั่งในกลุ่มแพทย์เฉพาะทาง
ด้านโรคระบบทางเดินอาหารเอง
  คงไม่ต้องไปคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแก่แพทย์ทั่วไป 
  และที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือประชาชนเราๆ ท่านๆ 
 ที่มีไวรัสบีซ่อนอยู่  หรือต้องอยู่ร่วมกับผู้มีไวรัสบี 
 ทำอย่างไรที่ประชาชนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
 หรือมีแหล่งข้อมูลพื้นฐานที่สามารถค้นคว้า 
 ทำความเข้าใจแบบง่ายๆและทันสมัย
โดยไม่ต้องไปเรียนจบวิทยาศาสตร์การแพทย์มาก่อน


โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคที่ดูโดยผิวเผินนั้นค่อนข้างง่าย 
 แต่ความจริงแล้วค่อนข้างสลับซับซ้อน
แค่การเกิดการอักเสบของตับขึ้น ก็ยากแล้ว
ที่จะอธิบายให้ผู้คนเข้าใจถึงความซับซ้อนของร่างกาย
กับไวรัสแบบง่ายๆ แพทย์หลายท่านพยายามตอบเหตุผลแรก
  ก็จะต้องตอบข้อ สอง สาม สี่
 แล้วลงเอยด้วยความสับสนของผู้ให้และผู้รับ
ในที่สุดแพทย์หลายท่านจึงพยายามพูดน้อย 
 ขมวดคำตอบให้สั้น หรือไม่ก็ ไม่พูดอะไรเลย 
 ได้แต่บอกว่าสบายดี ผู้ป่วยก็กลัวไม่กล้าถามมากความ 
 ใจคงจะคิดว่า "คุณหมอให้ดิฉันมาตรวจทำไม
ทุกๆสามถึงหกเดือนไม่เห็นหายเสียที"


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เราได้คัดลอกมาจากหนังสือ
"จับเข่าคุยกันเรื่องไวรัสตับอักเสบบี ภัยเงียบที่ป้องกันและรักษาได้"
 ของท่านอาจารย์ นพ.ดร.ปิยวัฒน์ โกมลมิศร์ เท่านั้น
เราขอแนะนำท่านไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้
ตามร้านหนังสือทั่วไป
 ท่านจะได้ทั้งความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับตับของเราเอง
ซึ่งมันมากมายซ่อนเร้นอยู่จนไม่อาจจะบรรยายได้
 แต่ต่อไปเราจะพยายามหยิบยกเรื่องที่ท่านเขียนนี้มาบอกต่ออีก
เฉพาะที่ประชาชนคนกินข้าวแกงอย่างเราควรจะรู้
และระวังไว้เท่านั้น ในส่วนวิชาการของแพทย์
หรือสิ่งที่เราเข้าใจยากน้้นคงปล่อยให้แพทย์ท่านได้ศึกษา
นำมาช่วยชีวิตพวกเราดีกว่า
  และขอแนะนำท่านให้สนใจในตับของเราด้วย
อย่าทอดทิ้งเขาให้โดดเดี่ยวเกินไป ไม่งั้นเขาจะน้อยใจ
และนำพาไวรัสต่างๆมาอาศัยอยู่ร่วมชายคากับเขาด้วย
โปรดนำเขาไปให้แพทย์ได้ตรวจดูอาการของเขาด้วย
 หากได้ไปพบหมอรูปหล่อ แถมใจดีเข้า ก็ไม่แน่นะ
เขาอาจจะไม่สนไวรัสตัวใดๆก็ได้ เพราะเขาจะรอคอยพบกับหมอ
ในวันที่หมอได้นัดพบไว้เท่านั้นก็ได้ ใครจะรู้ ฮิๆๆๆๆ


แค่ได้อ่านนิดหน่อยก็ชักขยาดไวรัสซะแล้ว
  อย่าบอกนะว่าไวรัสในคอมนั้นร้ายกาจนัก
แต่เธอจะร้ายเท่าไวรัสที่แอบซ่อนเข้ามาอยู่ในตับเราไม่ได้หรอกนะ
 เพราะไวรัส ที่พบในร่างกายมนุษย์นั้น
ร้ายกาจกว่าหลายเท่านัก เพราะเธอสามารถทำลายชีวิตเราได้
 หากเราไม่เอาใจใส่ดูและรักษาตับเราให้ดี








Create Date : 26 เมษายน 2555
Last Update : 9 สิงหาคม 2557 13:48:44 น.
Counter : 6834 Pageviews.

3 comments
  
สวดยอดข้อมูล
โดย: แหม่ม IP: 124.120.55.43 วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:14:41:35 น.
  
จริงสุดๆไแเลย
โดย: จรณ์ IP: 115.67.69.205 วันที่: 20 มิถุนายน 2556 เวลา:20:37:03 น.
  
ผมก็เป็นโรคนี้ ทำจำไม่ได้เลยตอนนี้
โดย: หล้า IP: 110.164.237.13 วันที่: 23 สิงหาคม 2559 เวลา:23:36:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ