Group Blog
All Blog
### วันปิยะมหาราช ###









“วันพระปิยมหาราช”

วันพระปิยมหาราช เป็นวันที่เรามารำลึกถึง

พระคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

พระปิยมหาราช

ผู้มีพระคุณแก่ปวงชนชาวไทย

ในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า

ตามความเจริญของโลก

สิ่งต่างๆที่พวกเรามีกันอยู่ มีใช้มีกินมีอะไรกันอยู่

 ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการกระทำของพระปิยมหาราช

 ท่านจึงเป็นผู้ที่มีประชาชนเคารพนับถือ

ทั้งรักและเคารพ จนได้ตั้งชื่อพระฉายาว่า

พระปิยมหาราช ปิยะ แปลว่า ผู้น่ารัก

 พระมหาราชาที่น่ารักของปวงชนชาวไทย

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

ความน่ารักของคนไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตา

แต่อยู่ที่คุณธรรมของจิตใจ ผู้ใดมีคุณธรรม

 ที่ทำให้เกิดความรักจากผู้อื่น

ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ที่น่ารัก ไม่จำเป็นต้องเสริมความงาม

ทางร่างกายแต่อย่างใด

ไม่ต้องไปแต่งหน้าทาปากใช้เครื่องสำอาง

ทำผมทำเผ้าทำอะไรต่างๆ เกี่ยวกับร่างกาย

ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ วิจิตรพิสดารสวยงาม

 ถ้าไม่มีคุณธรรมความดีงาม ความน่ารักอยู่ในใจ

 ต่อให้แต่งให้ดีขนาดไหน

 ก็เหมือนกับจับลิงมาแต่งตัวนั่นเอง

ลิงมันมีคุณธรรมอะไรบ้าง

จับมันแต่งตัวเดี๋ยวมันก็เต้นแร้งเต้นกา

ไปตามธรรมชาติของมัน คนเราก็เหมือนกัน

คนเราจะน่ารักน่าเคารพไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตา

 ไม่ได้อยู่ที่เสื้ออาภรณ์ที่สวมใส่

แต่อยู่ที่คุณธรรม ๔ ประการด้วยกัน

ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้

ห้ผู้ที่อยากจะให้คนรักตนมากๆ

 ให้พยายามสร้างคุณธรรม ๔ ประการนี้ขึ้นมา

 แล้วรับรองได้ว่าอยู่กับใครที่ไหน

จะมีแต่คนรักมีแต่คนชอบ

คุณธรรม ๔ ประการก็คือ

 ๑.จาคะ แปลว่า เสียสละ

 ๒.สัจจะ คือความซื่อสัตย์

๓. ขันติ ความอดทน

และ ๔ ทมะ แปลว่าการอดกลั้น

นี่คือคุณธรรมสำคัญ ๔ ประการ

ที่จะทำให้เป็นที่น่ารักน่าชื่นชมยินดีแก่ผู้อื่น

ถ้าใครมีจาคะมีการเสียสละ มีสัจจะมีความซื่อตรง

มีขันติมีความอดทน มีทมะมีความอดกลั้น

 รับรองได้ว่า อยู่กับใครจะไม่มีใครรังเกียจ

จะมีแต่คนรักคนชอบเสมอ

 แต่บุคคลใดที่ไม่มีจาคะ การเสียสละ

 ไม่มีสัจจะ ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่มีขันติ ความอดทน

ไม่มีทมะ ความอดกลั้น

 จะอยู่กับใครจะไม่มีใครรักไม่มีใครชอบ

มีแต่คนสาปคนแช่งอยากจะให้ตายไปเร็วๆ

หายไปเร็วๆ เพราะอยู่แล้วสร้างความวุ่นวาย

 สร้างความเดือดร้อน ให้แก่ผู้อื่นนั่นเอง

ดังนั้นถ้าเราอยากจะเป็นคนที่น่ารัก

คนที่ผู้อื่นยินดีต้อนรับ ยินดีเชื้อเชิญให้อยู่ร่วมด้วย

ขอให้เรา มาสร้างคุณธรรม ๔ ประการนี้กันเถิด

 จาคะ แปลว่า การเสียสละ เสียสละ

ประโยชน์สุขของเราให้แก่ผู้อื่นบ้าง

 อย่าเอาแต่ประโยชน์สุขใส่ตัว

เพราะจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว

แล้วจะไม่เป็นคนที่มีใครชื่นชมยินดี

 คนเห็นแก่ตัวกับคนที่ไม่เห็นแก่ตัว

เราชอบแบบไหน เราอยู่ร่วมกับใคร

เราก็อยากจะอยู่กับคนที่ไม่เห็นแก่ตัว

คนที่ไม่เห็นแก่ตัวก็ต้องรู้จักการเสียสละ

ไม่ใช่เอาแต่ประโยชน์สุขใส่ตัวเพียงถ่ายเดียว

 เอาใส่ได้บ้างเท่าที่จำเป็น

คนเราทุกคนก็ต้องมีความสุขมีประโยชน์ก่อน

แล้วถ้ามีมากเกินความจำเป็น

เกินความต้องการก็ควร ที่จะแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น

อย่างญาติโยมวันนี้ญาติโยมก็มาทำการเสียสละ

ด้วยการนำเอาข้าวของเงินทอง

ที่มีมากเกินที่ต้องการที่จะต้องใช้ก็เอามาแบ่งปัน

ให้กับพระภิกษุสามเณร

 สละประโยชน์สุขแทนที่จะเก็บเอาไว้

หวงเอาไว้ก็นำเอามาแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น

 เพื่อให้ผู้อื่นได้มีความสุขได้มีความสบาย

โดยความคิดที่ว่าทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองต่างๆ

 ที่มีมากเกินความต้องการ เกินความจำเป็น

 เก็บไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ตายไปก็เอาไปไม่ได้

 สู้เอามาแบ่งปันเอามาทำบุญทำทาน

จะได้มีมิตรมีผู้ที่รัก ผู้ที่ชอบเรา

 เพราะมิตรนี่แหละจะเป็นผู้ที่ปกป้องคุ้มครองเรา

 ถ้าเรามีมิตรแล้วอยู่ที่ไหนจะปลอดภัย

จะไม่มีใครคิดทำร้ายเรา

 แต่ถ้าเราไม่มีมิตร มีศัตรู

เพราะเรามีความเห็นแก่ตัว

ไม่ยอมเสีบสละเอาแต่ได้

อยู่กับใครก็จะไม่เป็นมิตรมีแต่ศัตรู

 ถึงแม้ว่าจะมีทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองมากมาย

 แต่จะไม่มีความสุข จากทรัพย์สมบัติเหล่านั้น

 เพราะจะต้องมาคอยวิตกกังวล

กับการปกป้องรักษาทรัพย์สมบัติแล้วชีวิตของตน

 เพราะไปสร้างศัตรูไว้

เวลาที่เราอยากจะได้อะไรมากๆ

เรามักจะไปทำให้ผู้อื่นเขาเดือดร้อน

โดยที่เราไม่รู้สึกตัว ไม่คิดว่าผู้อื่นเขาจะเดือดร้อน

 ผู้อื่นเขาจะเจ็บช้ำน้ำใจจากการกระทำของเรา

แต่ถ้าเรารู้จักแบ่งปันสิ่งของที่เรามีมากเกินไป

 ที่เราไม่ได้ใช้และตายไปก็เอาไปไม่ได้นี้

 เอาไปแบ่งปันเอามาสร้างจาคะ

 สร้างคุณธรรมที่จะทำให้เป็นที่รักที่ชอบของผู้อื่น

นี่คือข้อที่ ๑ คนที่มีการเสียสละ นี้ไปอยู่ที่ไหน

จะไม่มีใครรังเกียจ เช่นไปอยู่กับใคร

เห็นเขาทำอะไรก็ไปช่วยเหลือเขา ไม่ใช่อยู่เฉยๆ

 จะเอาแต่กินแต่นอนอย่างเดียว

แต่งานการไม่ยอมทำ

อย่างนี้เรียกว่าเป็นการเห็นแก่ตัว

เอาประโยชน์ใส่ตัว แต่ไม่ยอมเสียสละเวลาของตน

เพื่อที่มาทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น

ช่วยกันทำงานทำการที่จำเป็น

เช่นการดูแลรักษาความสะอาดต่างๆ

 หรืองานการอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ที่มีความจำเป็นจะต้องทำ

 อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการเสียสละเหมือนกัน

ถ้าอยู่แบบมีการเสียสละจะทำให้ผู้อื่นเขาไม่รังเกียจ

 จะทำให้ผู้อื่นเขา ยินดีชอบรักเรา

นี่คือข้อที่ ๑ อย่าเอาแต่ความสุขใส่ตัวมากจนเกินไป

 เอาพออยู่ได้ก็พอแล้วเอามาทำประโยชน์

ให้แก่ผู้อื่นบ้างจะได้มีมิตรจะมีความสุข

ข้อที่ ๒ คือ สัจจะ ความซื่อสัตย์ ซื่อตรง

ไม่คดไม่เคี้ยวไม่เบี้ยวไม่ขี้โกง

ตรงไปตรงมาใจกับปากตรงกัน

ใจคิดอะไรก็พูดไปแล้วก็ทำตามที่คิด

 สัญญากับใครว่าจะทำอะไรก็ทำตามสัญญา

 ไม่ผิดสัญญาไม่โกหก ไม่พูดปดไม่หลอกลวง

พูดตามความเป็นจริง คนที่มีสัจจะนี้

อยู่กับใครก็จะให้ความสบายใจแก่คนที่อยู่ด้วย

 เพราะเขาไม่ต้องมาวิตกกังวลว่า

กำลังถูกหลอกหรือเปล่า

กำลังถูกลอกคาบหรือเปล่า

ด้วยวาจาอันเเสนหวาน

 ด้วยเจตนที่โหดร้ายทารุณ

มุ่งเพื่อที่จะเอาทรัพย์เอาสมบัติของผู้อื่น

โดยไม่ได้ทำอะไรให้กับผู้อื่นเป็นสิ่งตอบแทน

นี่คือลักษณะของคนไม่มีสัจจะ

ไม่มีความซื่อสัตย์

เป็นคนปลิ้นปล้อนโกหกหลอกลวง

พูดเพื่อที่จะหลอกให้ผู้อื่น ตายใจ

แล้วจะได้เอาประโยชน์จากเขาไปนั่นเอง

ฉะนั้นผู้ใดไม่มีสัจจะ ไม่มีความซื่อสัตย์

จะไม่เป็นที่นับหน้าถือตา

 จะไม่เป็นที่น่ารักน่าชอบของผู้อื่น

แต่ผู้ที่มีสัจจะนี้จะเป็นผู้ที่มีคนรักมีคนชอบ

เพราะอยู่ร่วมกันแล้ว มีความรู้สบายใจปลอดภัย

 ไม่ต้องมาหวาดระแวง

ว่าเขาจะมาทำร้ายเราหรือเปล่า

นี่คือข้อที่ ๒ สัจจะ ขอให้เรามีความซื่อสัตย์

เสียชีพอย่าเสียสัตย์

เป็นลูกเสือเขาสอนไว้ตั้งแต่เด็กๆว่า

ให้เสียชีพดีกว่าเสียสัตย์

ชีพนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเสีย

ชีวิตของคนเราทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตายไป

แต่การเสียชีวิตไปโดยที่ไม่ได้เสียสัตย์นี้

จะทำให้เราไม่ได้เสียคุณงามความดี

ที่เป็นสิ่งที่จะเสริมสร้างชีวิตจิตใจของเรา

ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข

แต่ถ้าเราเสียสัตย์เพื่อรักษาชีวิต

เราจะเสียสิ่งที่มีคุณค่าในตัวของเรา

จะทำให้เราเป็นคนที่ไม่มีใครเคารพนับถือ

 ไม่มีใครเขาเชื่อถือจะอยู่กับใคร

จะทำอะไรกับใครนี้จะยาก

เพราะจะไม่มีใครอยากจะให้อยู่ด้วย

ไม่อยากจะให้ทำอะไรด้วย

ดังนั้นอย่าไปเสียดายชีวิต

 เพราะชีวิตนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเสียอยู่ดี

ให้เสียดายสัจจะ ความซื่อสัตย์ดีกว่า

 เพราะถ้ามีสัจจะแล้วจะมีความสุขตามมา

ข้อที่ ๓ ให้มีขันติความอดทน

 ชีวิตของเรา มันก็ต้องมีทั้งสุขมีทั้งทุกข์

เวลามีความสุขนั้นไม่มีปัญหา

แต่เวลามีความทุกข์นี้ ถ้าเราไม่มีขันตินี้

เราจะไม่สามารถรักษาสัจจะ

 เราจะไม่สามารถเสียสละได้

ความเห็นแก่ตัวจะเข้ามาทันที

 ความคดโกงอะไรต่างๆ จะเข้ามาทันที

เพื่อที่จะทำให้ความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ผ่านไป

 แต่ถ้ามีขันติจะไม่ยอมเสียสัจจะ

 จะไม่ยอมเสียจาคะจะยอมอดทน

อยู่กับความทุกข์ยากลำบากไป

 ไม่ช้าก็เร็วมันก็ผ่านไป

เพราะไม่มีอะไรที่มันจะเที่ยงแท้ถาวร

ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม

 แต่สิ่งที่เที่ยงแท้ถาวรก็คือ

คุณธรรมที่อยู่กับใจของเรานี่แหละ

ถ้าเรารักษามันไว้มันก็จะอยู่กับเราไปตลอด

ถ้าเราสามารถรกัษาสัจจะ รักษาจาคะได้

สัจจะกับจาคะนี้ก็จะอยู่คู่กับเราไป

ไม่ว่าเราจะเป็นเป็นตาย ไม่ว่าเราจะสุขเราจะทุกข์

แล้วเมื่อเรามีคุณธรรมที่ดีงามนี้

เราจะอยู่อย่างมีความสุข

เราจะอยู่ท่ามกลางมิตรทั้งหลาย

เราจะไม่มีศัตรูไม่มีใครที่จะมาคิดทำร้ายเรา

 นี่คือขันติต้องพยายามสร้างขึ้นมาให้ได้

 เพราะขันตินี้จะทำให้เรา

สามารถรักษาคุณธรรมความดีงามต่างๆ ไว้ได้

และข้อที่ ๔ ทมะ แปลว่าความอดกลั้น

อันนี้ก็คือความอดกลั้นอารมณ์ต่างๆ

ที่มีอยู่ภายในใจของเรา

เวลาที่เราเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา

ถ้าเราไม่มีความอดกลั้น

มันก็จะระบายออกมาทางวาจา ทางกาย

 จะพูดเสียหายจะทำอะไรเสียหาย

แล้วก็จะสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น

ทำให้เรากลายเป็นคนน่าเกียจน่าชังไป

แทนที่จะเป็นคนน่ารัก

ถ้าเราเป็นคนมีความอดกลั้น

 เราไม่ระบายความโลภ ความโกรธ ความหลง

 ไม่ระบายความเกลียดความชัง

ความอาฆาตพยาบาทออกมา

 เราก็จะรักษาความสวยงามของจิตใจของเราได้

นี่แหละคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

ให้พวกเรามาเสริมความงามกัน

 มาเสริมความงามด้วยคุณธรรมทั้ง ๔ ประการนี้

อย่าเสริมความงามที่ร่างกาย

 ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยสดงดงามวิจิตรพิสดาร

ด้วยการทำเผ้าทำผมด้วยการแต่งหน้าทาปาก

 อันนี้เวลาเจอกันก็จะเห็นว่าสวย

 แต่พอเวลาเห็นพฤติกรรมแล้ว

 ก็จะไม่ใครชื่นชมยินดี

ถ้าไม่มีจาคะ มีแต่ความเห็นแก่ตัว

 ถ้าไม่มีสัจจะ ไม่มีความซื่อสัตย์

 มีแต่ความโกหกหลอกลวง

ไม่มีขันติควมอดทน ไม่มีทมะความอดกลั้น

ถึงแม้ว่าจะรูปร่างหน้าตาสวยงาม

 หรือมีเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามไว้สวมใส่

จะไม่เป็นที่น่าชื่นชมยินดีของผู้ที่ได้รู้จักมักคุ้นเลย

นี่แหละคือความสวยงาม

มีความสวยงามที่แท้จริง

และความสวยงามที่ไม่แท้จริง

 ความสวยงามไม่แท้จริง

ก็คือการเสริมสวยทางร่างกาย

สวยยังไงต่อไปร่างกายมันก็ต้องแก่

มันก็ต้องเจ็บ มันก็ตายไป หนังก็ต้องเหี่ยว

ผมก็ต้องหงอก ผมก็ต้องร่วงไป

เสริมยังไงก็เสริมไม่ได้

 แต่ความงามทางจิตใจนี้ไม่เสื่อมไปกับความแก่

 ความเจ็บ ความตาย ยังอยู่กับใจเหมือนเดิม

จะแก่ขนาดไหนจะรูปร่างหน้าตาไม่น่าดู

ไม่น่าชมขนาดไหน ก็ยังสวยงาม

เพราะมีจาคะความเสียสละ

 มีสัจจะความซื่อสัตย์ มีขันติ ความอดทน

และมีทมะความอดกลั้น

คุณธรรมเหล่านี้ไม่เสื่อมไปจากชีวิตจิตใจของเรา

 ถ้าเรารักษาได้แล้วมันอยู่กับเราไปตลอด

 เหมือนพระพุทธเจ้าที่เป็นที่รักที่เคารพของพวกเรา

 เพราะท่านมีจาคะ ท่านมีสัจจะ ท่านมีขันติ ท่านมีทมะ

 พวกเราจึงกราบไหว้พระพุทธเจ้าได้อย่างสนิทใจ

ดังนั้นถ้าเราอยากจะเป็นคนที่น่ารักที่มีคนชอบ

 คนนิยมดีพบปะคบค้าสมาคม

ขอให้เรามาเสริมความงามของเรา

ด้วยการสร้างคุณธรรมทั้ง ๔ ประการนี้

 คือจาคะ ความเสียสละ สัจจะ ความซื่อสัตย์

 ขันติ ความอดทน ทมะ ความอดกลั้นนี้เถิด

แล้วเราจะมีแต่คนรักคนชอบ

จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขไปตลอด

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

....................

ธรรมะในศาลา วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘

“ฆราวาสธรรม ๔”






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 23 ตุลาคม 2559
Last Update : 23 ตุลาคม 2559 11:17:06 น.
Counter : 782 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ