Group Blog
All Blog
### สันติสุขเป็นความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม ###










“สันติสุข เป็นความสุข

ที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม ”

พระพุทธศาสนา

เป็นคำสอนของผู้รู้จริงเห็นจริง

 คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

 ธรรมที่พระพุทธองค์

ทรงนำมาสั่งสอนเป็นของจริง

ไม่ขึ้นกับกาลกับเวลา

 ผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ได้

 เป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติ

ไปสู่ความสุขความเจริญที่แท้จริง

 พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ พุทธะแปลว่าผู้รู้

 เป็นพระอรหันต์ คือเป็นผู้สิ้นกิเลส

ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง

 การประกาศพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 จึงประกาศออกมาจากพระทัยที่บริสุทธิ์

ไม่มีความปรารถนา

ความต้องการอามิสสินจ้างแต่อย่างใด

 ไม่หวังผลจากการประกาศพระธรรม

คำสอนจากผู้ใดเลย

 เพราะในพระทัยเต็มเปี่ยมด้วยบรมสุขแล้ว

 การสั่งสอนจึงออกมาจากความกรุณา

ทรงเห็นสัตว์โลกยังเป็นผู้มืดบอดอยู่

ถูกอำนาจของโมหะความหลง

อวิชชาความไม่รู้จริง ครอบงำจิตใจ

หลอกลวงให้สัตว์โลกต้องเวียนว่ายตายเกิด

ในกองทุกข์แห่งการเกิดแก่เจ็บตาย

อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

ถ้าไม่ได้รับพระธรรมคำสอนไปแล้ว

 จะไม่มีโอกาสที่จะหลุดพ้น

จากการเวียนว่ายตายเกิดได้เลย

พระพุทธองค์เอง

ก็ทรงเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้ว

 ในแต่ละภพแต่ละชาติ

ก็ต้องประสบกับความทุกข์

 เพราะคำว่าภพชาติก็คือทุกข์นั่นเอง

 มีการเกิดขึ้น มีการเจริญ

 มีการตั้งอยู่ แล้วก็ต้องมีการดับไป

 เวลาที่ต้องดับไปย่อมนำมาซึ่งความทุกข์

ความเศร้าโศกเสียใจ

ให้กับสัตว์โลกอย่างแน่นอน

 พระพุทธเจ้าทรงเห็นทุกข์นี้แล้ว

 หลังจากที่ได้ทรงปฏิบัติ

จนได้บรรลุธรรมอันประเสริฐ

ได้หลุดพ้นจากกองทุกข์

 แห่งการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว

ก็ทรงมีพระกรุณา มีความสงสาร

ที่อยากจะช่วยเหลือให้สัตว์โลก

 ผู้ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด

 ได้มีโอกาสนำตนให้พ้นจากกองทุกข์

จึงทรงประกาศพระธรรมคำสอน

 ให้กับผู้ที่มีความสนใจ

ผู้ที่ได้ยินได้ฟังแล้วก็เกิดศรัทธา

นำไปประพฤติปฏิบัติ ก็สามารถยกตน

ให้พ้น จากกองทุกข์ได้

พระพุทธเจ้าจึงเป็นพระศาสดา

คือเป็นครู เป็นอาจารย์ ไม่ได้เป็นพระเจ้า

ผู้ที่จะเสกจะเป่า จะบันดาล

ให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์

ให้สมความปรารถนาในสิ่งต่างๆที่เราต้องการ

การกราบไหว้พระพุทธเจ้า

 จึงไม่ได้กราบไหว้ เพื่อบนบาน

ขอสิ่งนั้นสิ่งนี้จากพระพุทธเจ้า

 แต่กราบพระพุทธเจ้าเนื่องจากความสำนึก

ในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง

 ที่ทรงมีต่อสัตว์โลกทั้งหลาย

และน้อมรำลึกถึงวิถีทาง

อันดีงามที่ได้ทรงปฏิบัติ

 แล้วนำมาเผยแผ่ให้กับพวกเรา

 พวกเราจึงเปรียบเหมือน กับนักศึกษานักเรียน

 ผู้มีความเชื่อในคำสอนของพระบรมศาสดา

 แล้วพยายามปฏิบัติตามด้วยความเชื่อมั่น

 ด้วยความอุตสาหะวิริยะ

ด้วยสติ ด้วยปัญญา

เราเชื่อว่าธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

แม้จะได้ประกาศมา

 เป็นเวลา ๒๕๐๐ กว่าปีแล้ว

 ก็ยังมีความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ

สามารถยังผลให้กับผู้ปฏิบัติได้

 คือพระธรรมไม่ได้เสื่อมไปตามเวลา

เหมือนกับสิ่งต่างๆในโลกนี้

 ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือบุคคล

ย่อมต้องเสื่อมไปตามกาลตามเวลา

วัตถุต่างๆ เมื่อผลิตขึ้นมา สร้างขึ้นมา

 หลังจากทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง

ก็ต้องชำรุดทรุดโทรมเสื่อมสลายหมดไป

 ร่างกายของคนเรา

 ของสัตว์ทั้งหลาย ก็เป็นเช่นนั้น

 เมื่อเกิดมาแล้วก็มีการเจริญเติบโต

ตามมาด้วยความแก่ ความเจ็บไข้ได้ป่วย

 แล้วก็ความตาย

นี่คือลักษณะของสิ่งต่างๆในโลกนี้

แต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 ไม่ได้เป็นเหมือนกับสิ่งเหล่านี้

พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 เคยเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่

คงเส้นคงวา ทั้งเหตุและผล

 ผู้ใดปฏิบัติตามเหตุ

ย่อมได้รับผลอย่างแน่นอน

 ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้

และประกาศพระธรรมคำสอนนี้หรือไม่ก็ตาม

 พระธรรมก็ยังเป็นพระธรรมอยู่

พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้ที่ได้มาค้นคว้าศึกษา

 จนได้พบพระธรรมอันประเสริฐนี้

แล้วก็นำมาถ่ายทอดให้กับผู้อื่น

 ผู้ที่มีความศรัทธาแล้วนำไปปฏิบัติ

 ย่อมได้รับผลดังที่พระพุทธเจ้า

และพระอรหันตสาวกทั้งหลายในอดีตได้รับมา

 ไม่ได้ขึ้นกับกาลกับเวลา

ในสมัยพุทธกาลมีผู้บรรลุธรรม

มีผู้พ้นทุกข์ได้ฉันใด

ในสมัยปัจจุบันนี้ ผู้ปฏิบัติตาม

คำสอนของพระพุทธเจ้า

ก็จะสามารถยกตน

ให้พ้นจากกองทุกข์ได้เหมือนกัน

 ไม่ใช่ว่าหลังจากที่

พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว

 จะทรงนำเอาพระธรรมติดตัวไปด้วย

พระธรรมเป็นสมบัติคู่กับพระศาสนา

 เป็นสมบัติคู่กับโลกนี้

ขึ้นอยู่กับผู้ฟังว่าจะมีความศรัทธา

มีความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงไร

 จะมีความอุตสาหะวิริยะ มีขันติ

ความอดทนที่จะปฏิบัติตาม

 คำสอนของพระพุทธเจ้า

ได้มากน้อยเพียงไรเท่านั้นเอง

ถ้าปฏิบัติได้และปฏิบัติถูกต้อง

ผลย่อมปรากฏขึ้นมา

คือความทุกข์ย่อมลดน้อยลงไป

ตามลำดับแห่งการปฏิบัติ

ความสุขที่จะได้รับก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

จนในที่สุดจะมีแต่ความสุขล้วนๆอยู่ภายในใจ

 ความทุกข์จะไม่มีหลงเหลืออยู่เลย

ผู้ที่ได้ยินได้ฟังพระธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

 จึงควรนำไปปฏิบัติ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง

 บางท่านฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

ที่สอนให้กระทำความดี ละความชั่ว

ชำระจิตใจให้สะอาดปราศจากความโลภ

 ความโกรธ ความหลงแล้ว

ก็มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่ง

ขอรอให้พระพุทธเจ้าองค์ใหม่

มาตรัสรู้ธรรมเสียก่อน

 ตอนนี้ขอเพียงแต่สะสมบารมีไปพรางๆก่อน

 เช่นทำบุญให้ทานไปพรางๆก่อน

ยังไม่อยากจะรักษาศีล

ยังไม่อยากจะปฏิบัติธรรม

 นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา เพราะไม่คิดว่า

จะสามารถบรรลุธรรมได้ในภพนี้ชาตินี้

 แต่จะบรรลุธรรมได้ก็ต่อเมื่อ

มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ คือพระศรีอารย์

มาตรัสรู้ธรรมก่อน

แล้วได้ยินได้ฟังธรรมจากท่านโดยตรง

 จึงจะสามารถบรรลุธรรมได้

ความคิดอย่างนี้เป็นความคิดที่ผิด

เป็นความคิดที่เกิดจากโมหะความหลง

 เป็นความคิดที่เกิดจากความอ่อนแอ

เกิดจากความยึดติด

อยู่ในเรื่องของความสุขทางโลก คือกามสุข

 โดยคิดว่ากามสุขเป็นความสุขที่ประเสริฐ

แต่ความจริงแล้วในสายตาของผู้รู้

 คือพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย

 จะรู้ว่าความสุขที่แท้จริง

ความสุขที่ประเสริฐนั้น ไม่ใช่กามสุข

 แต่เป็นความสุขที่เกิดจากความสงบ

 เรียกว่าสันติสุข

 เป็นความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม

 นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา

เพื่อลดละ เพื่อตัดกิเลสตัณหา

ความโลภ ความโกรธ ความหลง

ให้หมดออกไปจากใจต่างหาก

ตราบใดถ้าใจยังไม่ได้ตัดกิเลสตัณหา

ให้หมดไปจากใจ ต่อให้มีความสุขจากรูป

 เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

 มากน้อยเพียงไรก็ตาม ความสุขเหล่านั้น

 ก็จะเป็นความสุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

 ชั่วระยะหนึ่ง ชั่วในขณะที่ได้เสพเท่านั้นเอง

 หลังจากนั้นแล้ว ก็จะมีความอยาก

ที่จะต้องไปสัมผัสไปเสพเพิ่มขึ้นอีก

 อย่างที่เราได้เสพได้สัมผัสกันมา

 ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้

ก็ยังไม่เคยถึงเมืองอิ่มเมืองพอ

ยังอยากดูรูป ยังอยากฟังเสียง

 ยังอยากลิ้มรส ยังอยากดมกลิ่น

 ยังอยากสัมผัสโผฏฐัพพะชนิดต่างๆอยู่เสมอๆ

นี่แหละเป็นความหลง

 ทำให้คิดว่าการได้เสพกามจะมีความสุข

แต่หารู้ไม่ว่าตนเองได้กลายเป็นทาส

 ของกามกิเลสไปเสียแล้ว

คือถ้าวันใดไม่ได้เสพ ไม่ได้สัมผัสกามรส

 ในขณะที่เกิดตัณหา คือราคะตัณหา

 หรือกามราคะแล้ว ในวันนั้นก็จะมีความทุกข์

 มีความไม่สบายใจ ต้องดิ้นรนออกไปหา

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

 ที่ถูกอกถูกใจมาเสพ เมื่อได้เสพแล้ว

ก็จะมีความสุขอยู่ระยะหนึ่ง

หลังจากนั้นก็จะเกิดความอยาก

ที่จะเสพขึ้นมาอีก

 ก็เลยกลายเป็นวงจรอย่างนี้

ไปเรื่อยๆ ไม่มีจบสิ้น

แม้ชีวิตนี้จะหาไม่แล้วก็ตาม

 ดวงจิตที่ยังสะสมความอยากในกามอยู่

 ก็จะไปแสวงหากามรสในภพหน้า

ชาติหน้าต่อไป ก็ต้องไปเกิดในกามภูมิ

คือที่อยู่ของสัตว์โลกที่ยังเสพกามอยู่

ตั้งแต่ชั้นเทพลงมาสู่ชั้นมนุษย์

สู่ชั้นเดรัจฉาน ชั้นเปรต

ชั้นอสุรกาย ชั้นสัตว์นรก

 นี่คือที่อยู่ของสัตว์โลกที่ยังมีความผูกพัน

 มีความต้องการในกามรสอยู่

ถ้าตราบใดยังไม่ได้ลดละ

ไม่ได้ตัดความอยากในกามรสนี้แล้ว

 ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพเหล่านี้

จะไปภพใดก็ขึ้นอยู่กับ

วิธีการแสวงหากามสุข

 ถ้าแสวงหาด้วยความถูกต้อง

 คือด้วยความสุจริต

 เช่นไม่ได้แสวงหามา

ด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

ด้วยการลักทรัพย์

 ด้วยการประพฤติผิดประเวณี

 ด้วยการโกหกหลอกลวง

ด้วยการเสพสุรายาเมา

 ถ้าหาด้วยความสุจริตแล้ว

หลังจากที่ตายไปก็จะไปเกิดในสุคติ

 คือไปเกิดบนสวรรค์ชั้นเทพ

 หรือกลับมาเกิดเป็นมนุษย์

แต่ถ้าแสวงหากามสุขด้วยวิธีที่ไม่ชอบ

คือด้วยทุจริตวิธี ด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

ด้วยการลักทรัพย์

ด้วยการประพฤติผิดประเวณี

 ด้วยการโกหกหลอกลวง

ด้วยการเสพสุรายาเมา

 ถ้าประพฤติดังนี้แล้ว

 เมื่อตายไปก็จะต้องไปเกิดในอบายทั้ง ๔

 คือภพของเดรัจฉาน ของเปรต

 ของอสุรกาย และสัตว์นรก

เพราะความหลงผิดนั่นเอง

 เห็นว่าความสุขอยู่ที่การได้เสพสัมผัสรูป

 เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่ถูกอกถูกใจ

จึงต้องเวียนว่ายตายเกิด

อยู่ในกามภพไม่รู้จักจบจักสิ้น

แต่ถ้าได้มาเจอพระพุทธศาสนา

 ได้ยินได้ฟังเรื่องของความสุขที่แท้จริง

 ความสุขที่สะอาดบริสุทธิ์

 ความสุขที่ไม่ต้องมีอะไร

มาเป็นเครื่องให้ความสุข

 เป็นความสุขที่มีอยู่ในใจของตนเอง

แล้วนำไปปฏิบัติ ก็จะค่อยๆ ห่างเหิน

จากความอยากในกามสุข

เพราะความสุขที่เกิดจากความสงบของจิตใจ

 เป็นความสุขที่เลิศกว่า ดีกว่า

เป็นความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพา

อาศัยสิ่งภายนอก

ไม่ต้องอาศัยบุคคลนั้นบุคคลนี้

มาให้ความสุข

 ไม่ต้องอาศัยสิ่งนั้นสิ่งนี้มาให้ความสุข

เพียงแต่หาที่สงบ มุมสงบที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

 แล้วกำหนดจิตไม่ให้ไปคิดเรื่องราวต่างๆ

 ให้จิตอยู่กับธรรมะบทใดบทหนึ่ง

 เช่นคำว่า พุทโธๆๆ

 หรือบทสวดมนต์บทใดบทหนึ่ง

 หรือกำหนดดูลมหายใจเข้าออก

 เวลาหายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า

เวลาหายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก

ควบคุมจิตด้วยสติ ไม่ให้จิตแวบออกไป

คิดถึงเรื่องราวต่างๆ เรื่องราว

ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตก็ดี

 เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตก็ดี

เรื่องเขาเรื่องเรา เรื่องดีเรื่องชั่วทั้งหลาย

 ในขณะนั้นไม่ให้ไปคิดเลย

ให้อยู่กับธรรมที่ได้กำหนดไว้ ให้จิตมีสติรู้อยู่

เช่นถ้าจะบริกรรมคำว่าพุทโธๆๆ

ก็ให้มีคำว่าพุทโธๆๆเพียงอย่างเดียวอยู่ในใจ

 บริกรรมไปโดยไม่ต้องออกเสียง

พุทโธๆๆไปเรื่อยๆ ถ้าสามารถควบคุมจิต

ให้อยู่กับพุทโธๆๆได้แล้ว

 ไม่ช้าก็เร็วจิตก็จะค่อยๆสงบตัวลง

 แล้วรวมลงเป็นสมาธิ

เป็นเอกัคตารมณ์ เป็นหนึ่ง

เหลือแต่สักแต่ว่ารู้เท่านั้น

ในขณะนั้นจิตจะไม่รับรู้เรื่องราวต่างๆ

ที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กายเลย

จิตจะไม่สนใจ

 ถึงแม้จะไม่ขาดจากอารมณ์เหล่านี้

แต่ในขณะนั้นจิตจะไม่สนใจ

 จิตจะมีความนิ่ง มีความสุขอยู่กับความสงบ

นี่แหละคือความสุขที่พระพุทธเจ้า

และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย

ทรงสอนให้พวกเราได้ไปถึงกัน

 เพราะเป็นความสุข

ที่มีอยู่กับตัวเราอยู่ตลอดเวลา

เป็นความสุขที่เราสามารถรักษาไว้ได้

 ให้อยู่กับเราไปตลอดอนันตกาลเลยทีเดียว

ถ้าเรามีความขยันที่จะปฏิบัติ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

กัณฑ์ที่ ๑๖๒ วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๖

 (กำลังใจ ๑๑)

“ฟังด้วยสติ”







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 11 ตุลาคม 2559
Last Update : 11 ตุลาคม 2559 10:32:44 น.
Counter : 730 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ