Group Blog
All Blog
### จริยาของนักปกครอง ###








.เรื่องเล่าวันพระ : จริยาของนักปกครอง
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
 กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล

ในบรรดาสมเด็จพระสังฆราช
สมัยรัตนโกสินทร์ 
มีพระองค์เดียวเท่านั้น
ที่เคยลาสิกขาไปอยู่ในเพศฆราวาส
ทั้ง ๆ ที่เป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่แล้ว
 ได้แก่สมเด็จพระสังฆราช 
(สา ปุสฺสเทว) ผู้แต่งปฐมสมโพธิ
ที่นักเรียนชั้นนักธรรมตรีทั้งหลาย
คุ้นเคยอย่างดี
 แต่ยังมีพระอีกองค์หนึ่งที่เกือบจะลาสิกขา
โดยได้ทูลลาออกจากตำแหน่ง
พระราชาคณะแล้ว
 หากแต่รั้งรออยู่พักใหญ่จนเปลี่ยนพระทัย
ภายหลังจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์
กลับคืนตามเดิมพระองค์นั้นก็คือ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า 
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ 
ซึ่งต่อมาได้ทรงเป็นพระอุปัธยาจารย์
 (อุปัชฌาย์)
 ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า 
ยังเป็นที่สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ 
ทรงเป็นผู้ที่ใส่ใจในการคณะสงฆ์ 
แต่แม้จะทรงสมณศักดิ์ชั้นสูง
ก็ไม่ทรงถือพระองค์



เรื่องหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็น
ถึงพระจริยาดังกล่าวก็คือ
ตอนที่พระองค์ได้รับการทูลฟ้องว่า
มีพระป่านิกายธรรมยุตรูปหนึ่ง
ประพฤติตนไม่ถูกต้องตามพระวินัย
 พระรูปนั้นก็คือพระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ
ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์ ภูริทตฺโต 
และภายหลังเป็นผู้ก่อตั้ง
วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร
ตอนนั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า 
ยังเป็นที่สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์
 และเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
จึงมีหน้าที่รับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง
 แต่แทนที่จะทรงบัญชาการ
ให้พระในตำแหน่งรอง ๆ ลงไป
หรือพระสังฆาธิการในพื้นที่ดูแลเรื่องนี้
 พระองค์กลับเสด็จไปสืบสวน
หาข้อเท็จจริงด้วยพระองค์เอง
โดยทรงไปพำนักอยู่กับพระอาจารย์กงมา
รวม ๒ ครั้ง ๒ ครา ที่วัดทรายงาม จังหวัดจันทบุรี
 ใน พ.ศ.๒๔๘๑ และ พ.ศ. ๒๔๘๒
ทั้งนี้โดยที่พระอาจารย์กงมาไม่ทราบวัตถุประสงค์
การมาเยือนของพระองค์เลย



ในระหว่างที่พระองค์อยู่วัดทรายงามนั้น 
ทรงกระทำวัตรเช่นเดียวกับหมู่คณะ
 เช่น ฉันหนเดียว
แม้พระอาจารย์กงมาจะให้บรรดาญาติโยม
นำภัตตาหารเพลมาถวาย พระองค์ก็ปฏิเสธ ตรัสว่า
“เราอยู่ที่ไหนก็ต้องทำตามระเบียบเขาที่นั่น”



ข้อหาแรกที่พระอาจารย์กงมาถูกร้องเรียนก็คือ
 สะพายบาตรเหมือนพระมหานิกาย
เมื่อพระองค์ได้เห็นการบิณฑบาตของวัดทรายงาม
 ก็ไม่ทรงเห็นเป็นเรื่องเสียหาย 
เพราะเป็นการสะพายบาตรไว้ข้างหน้า
ดูรัดกุม ตรัสว่า
 “สะพายบาตรอย่างนี้มันก็เหมือนกับอุ้มนั่นเอง 
ไม่ผิดหรอก เรียบร้อยดี”



ข้อหาที่ ๒ ก็คือ 
พระอาจารย์กงมาเทศน์ผิดแปลก
จากคำสอนของพระพุทธองค์ 
วิธีการของพระองค์
ในการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
เป็นที่กล่าวขานสืบมาดังนี้ 
วันหนึ่งพระอาจารย์กงมา 
ได้ประกาศให้ญาติโยมมาฟังเทศน์
โดยสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์จะเป็นองค์แสดง
 ประชาชนจึงแห่กันไปฟังกันล้นหลาม 
แต่เมื่อพระอาจารย์กงมาทูลอาราธนาที่กุฏิ
พระองค์ก็ปฏิเสธว่า 
“เราไม่สบาย เธอจงแสดงธรรมแทนเราเถอะ” 
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระอาจารย์กงมา
จึงกลับขึ้นไปศาลาและแสดงธรรมแทนพระองค์
 เมื่อแสดงธรรมไปได้ประมาณ ๑๐ นาที
สามเณรผู้หนึ่งก็ลงมาจากศาลาเพื่อถ่ายปัสสาวะ
 ก็ได้พบพระองค์ทรงนั่งอยู่กับพื้นดิน
ข้างศาลานั่นเอง
สามเณรตกใจรีบกลับขึ้นศาลา 
แต่สุดวิสัยจะบอกพระอาจารย์กงมาได้ 
รุ่งเช้าพระองค์ได้กล่าวชมเชยพระอาจารย์กงมาว่า
“กงมานี่เทศนาเก่งกว่าเปรียญ ๙ ประโยคเสียอีก”



ข้อกล่าวหาที่ ๓ คือ
 พระอาจารย์กงมาเที่ยวตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ
 แจกของขลังให้ประชาชนหลงผิด
วิธีการสอบสวนของพระองค์ก็คือ
ชวนพระอาจารย์กงมา
ไปธุดงค์ด้วยกันแบบ ๒ ต่อ ๒
ในการธุดงค์ครั้งนี้ทรงแบกกลด
สะพายบาตรเอง เพราะไม่มีผู้ติดตาม 
ครั้นพระอาจารย์กงมา
จะขอช่วยสักเท่าไรพระองค์ก็ไม่ยอม
โดยทรงเดินตามหลังพระอาจารย์กงมา 
หลังจากธุดงค์หนึ่งอาทิตย์เศษ 
พระองค์ก็ตรัสว่า
“การธุดงค์ของท่านกงมาและพระปฏิบัติกรรมฐานนี้
ได้ประโยชน์เหลือหลาย อย่างนี้ธุดงค์มาก ๆ 
ก็จะทำให้พระศาสนาเจริญยิ่งขึ้น”
นับแต่นั้นมาพระองค์ทรงให้การสนับสนุน
คุ้มครองและสรรเสริญพระอาจารย์กงมาโดยตลอด








Create Date : 10 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 8:57:54 น.
Counter : 1041 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ