Group Blog
All Blog
### นั่งสมาธิ ###











“นั่งสมาธิ”

เราก็ฟังเทศน์มาเยอะแล้ว ลองนั่งสมาธิกันบ้าง

ลองนั่งหลับตาดูลมหายใจเข้าออกก็ได้

บริกรรมพุทโธๆไปก็ได้ แล้วแต่จะถนัด

ลองนั่งสมาธิกันสักพักหนึ่งทำใจให้สงบ

 ใจสงบแล้วจะมีความสุข

ความสุขความทุกข์นี้ อยู่ที่ใจของเรา

 ถ้าใจเราคิดมากก็ทุกข์มาก คิดน้อยก็ทุกข์น้อย

 ถ้าไม่คิดเลยก็จะไม่ทุกข์เลย

 ตอนนี้ เรามาควบคุมความคิดกัน

หยุดความคิดกันให้ได้

 ถ้าเราหยุดความคิดได้แล้วเราจะมีความสุข

 เราไม่ต้องมีเงินทอง ไม่ต้องมีคนนั้นคนนี้

มีสิ่งนั้นสิ่งนี้มาให้ความสุขกับเรา

 ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความสงบของใจนี่แหละ

เมื่อสงบแล้วก็จะสบาย

ถ้าเรามีความสุขจากสิ่งนั้นสิ่งนี้จากคนนั้นคนนี้

 เวลาคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้จากเราไป เราก็จะเสียใจ

แต่ความสุขที่ได้จากการไม่คิดนี้

มันไม่จากเราไปมันจะอยู่กับเราไปตลอด

ถ้าเราหยุดความคิดได้ ทำใจให้สงบได้

ทำใจให้นิ่งได้ เราก็จะมีความสุขโดยที่ไม่ต้องมีอะไร

 นี่แหละคือความสุขของพระพุทธเจ้า

ความสุขของพระอรหันตสาวกทั้งหลาย

 ท่านไม่มีทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองเหมือนพวกเรา

 ท่านไม่มีลาภยศ สรรเสริญเหมือนพวกเรา

ท่านไม่มีความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย

แต่ท่านกลับมีความสุขมากกว่าพวกเรา

เพราะท่านได้ความสุขแท้ความสุขที่ไม่มีความทุกข์

 เพราะเป็นความสุขที่เที่ยงแท้แน่นอน

ไม่ใช่เป็นความสุขอย่างที่พวกเรามีกัน

ความสุขอย่างที่พวกเรามีกันนี้

เป็นความสุขที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน

 มีเกิดแล้วก็มีดับ มาแล้วก็มีไป เจริญแล้วก็มีเสื่อม

 นี่คือความสุขที่พวกเรามีกันทุกวันนี้

พวกเราจึงต้องร้องห่มร้องไห้กัน

 เศร้าโศกเสียใจกัน เวลาที่ความสุขที่เราได้มา

ที่เรามีนี้มันเสื่อมไปมันหมดไป

เราจึงควรที่จะมาหาความสุขแบบใหม่กัน

มาหาความสุขแบบของพระพุทธเจ้า

แบบของพระอรหันตสาวก มาทำใจให้นิ่งให้สงบ

 อย่าให้คิดอะไร ถ้าจะคิด

ก็ให้คิดแต่พุทโธๆไปเพียงอย่างเดียว

 ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถิดว่า

 วิธีนี้จะเป็นวิธีที่จะนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง

ความสุขที่ถาวร ความสุขที่ไม่มีความทุกข์ตามมา

 พยายามฝึกพุทโธๆไปเรื่อยๆ พยายามอย่าไปคิด

 พยายามอยู่คนเดียว เพราะเวลาที่เราอยู่กันหลายคน

 เราก็เกรงใจกันก็เลยต้องพูดคุยกัน

เพราะถ้าต่างคนต่างเฉยก็ไปคิดว่าไม่พอใจหรืออย่างไร

 ไม่ชอบหรืออย่างไร เลยต้องทักกันคุยกัน

พอคุยกันแล้วก็ฟุ้งเกิดอารมณ์เกิดความอยากต่างๆขึ้นมา

ถ้าอยู่คนเดียวเราก็ไม่ต้องพูดคุย กับใคร

เราก็จะสามารถควขคุมความคิดได้

สามารถพุทโธๆไปได้ ถ้าเราเบื่อพุทโธ

เราสวดมนต์ไปก็ได้ สวดมนต์ไปภายในใจ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา

พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทเมิ

 สวดไป สวดกลับไปกลับมา

สวดเพื่อให้เราไม่ไปคิดถึงเรื่องราวต่างๆ

 สวดไปภายในใจ อยู่ในอิริยาบถไหนก็สวดได้

 พุทโธได้ จะเดินจะยืนจะนั่งจะนอนก็พุทโธได้ สวดได้

 ไม่ถือว่าเป็นการไม่เคารพ ถ้าเราทำอยู่ภายในใจ

เป็นเรื่องของของจิตใจไม่ใช่เป็นเรื่องของร่างกาย

 การสวดมนต์การบริกรรมพุทโธนี้

 เป็นการปฏิบัติทางจิตใจ ไม่ได้ปฏิบัติที่ร่างกาย

ดังนั้นร่างกายจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

 ปัญหาก็คือขอให้เรามีพุทโธๆอยู่ไปเรื่อยๆ

ถ้าเราไม่มีพุทโธหรือถ้าเราไม่ได้สวดมนต์

ก็เหมือนกับเราไม่ได้ปฏิบัติ

เมื่อเราไม่ได้ปฏิบัติใจของเราก็จะไม่สงบ

 เราก็จะไม่มีความสุขกัน

แล้วเราก็จะต้องไปหาความสุข

จากสิ่งที่เป็นความสุขชั่วคราวก็หมดไป

เวลาหมดไปก็เสียใจ แล้วก็ต้องไปหามาใหม่

ถ้าหาไม่ได้ก็เสียใจอีก

 สู้มาหาความสุขที่เราหาได้ตลอดเวลาทุกแห่ง

ทุกหนทุกสถานที่ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร

หรือไม่เป็นอะไรก็ตาม

 ร่างกายจะแก่ไม่แก่ ร่างกายจะเจ็บหรือไม่เจ็บ

 ร่างกายจะตายไปหรือไม่ตายไป

ก็จะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

 ขอให้เรามีพุทโธๆไปภายในใจ

ขอให้เราหยุดความคิดให้ได้

ถ้าเราสามารถหยุดความคิดได้

โดยที่ไม่ต้องใช้พุทโธก็ยิ่งดีใหญ่

เพียงสั่งจิตให้หยุดคิด จิตก็หยุดคิดได้เลย

 ไม่ให้คิดถึงคนนั้นคนนี้ไม่ให้คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้

หรือถ้าจะให้คิดก็ให้คิดไปในทางปัญญา

 คิดไปในทางที่จะทำให้ใจเราสงบ

คิดไปในทางที่จะทำให้เราตัดความอยากต่างๆ

 ที่เป็นต้นเหตุของความไม่สงบ ของใจ

เช่นให้คิดว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างไม่ใช่เป็นของเรา

 สักวันหนึ่งเราจะต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีไป

 ได้อะไรมามากน้อยเพียงไร

 เดี๋ยวถึงเวลาก็ต้องมีการพลัดพรากจากกันไป

ให้คิดอย่างนี้ ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว ใจก็จะสงบได้เหมือนกัน

อย่าไปคิดตามความหลงว่าเราจะอยู่ไปนานๆ

 สิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่นี้จะเป็นของเราไปกับเราตลอดเวลา

 ถ้าจะจากเราก็จากไปพร้อมๆกับเรา

เวลาที่เราตาย มันไม่แน่นอนหรอก

 บางทีของบางอย่างมันจากเราไปก่อน

บางทีแฟนของเราจากเราไปก่อน

บางทีสามีภรรยาของเราจากเราไปก่อน

บางทีลูกของเราจากเราไปก่อน

 ไม่มีใครไปกำหนดได้ว่าจะต้องไปพร้อมๆกัน

 นี่คือสิ่งที่เราควรจะคิดกัน เพื่อที่เราจะได้เห็นโทษ

ของการอาศัยสิ่งต่างๆมาให้ความสุขกับเรา

 เรามาหาความสุขจากการหยุดคิดดีกว่า

 จากการทำใจให้สงบ จากการใช้พุทโธๆ

 จากการใช้การสวดมนต์ พยายามทำไปเถิดอย่าขี้เกียจ

 เหตุที่พวกเราไม่ได้ผลกัน ก็เพราะพวกเราไม่ทำกัน

 วันหนึ่งพุทโธได้สักกี่นาทีกัน

 วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง พุทโธถึงชั่วโมงหนึ่งไหม

 สวดมนต์ถึงชั่วโมงหนึ่งไหม

 เอาไปคิดถึงขนม เอาไปคิดถึงอาหาร

เอาไปถึงเรื่องเครื่องดื่มเสียมากกว่า

ไปคิดถึงทีนั่นที่นี่ สิ่งนั้นสิ่งนี้คิดไปแล้วก็ไม่สงบใจขึ้นมา

 เกิดความอยาก เกิดความวิตกเกิดความห่วงใย

เกิดความกลัวขึ้นมา มันก็เกิดจากความคิดของเราทั้งนั้น

ถ้าใจเราไม่คิดแล้วเราจะไม่มีความกลัว

จะไม่มีความหลง จะไม่มีความรัก จะไม่มีความชัง

ความรัก ชัง กลัว หลงนี้มันเกิดจากการที่เราคิดกัน

พอเราคิดถึงร่างกายเราก็กลัวแล้ว

 กลัวความแก่ กลัวความเจ็บ กลัวความตายแล้ว

พอคิดถึงเงินทองก็เกิดความโลภแล้ว

 อยากได้เงินทอง แล้วก็อยากจะให้เงินทองนี้

ไม่หายไปจากเรา พอเงินทองหายไปจากเรา

เราก็เสียอกเสียใจ งั้นขอให้พวกเรามาหัดนั่งสมาธิกัน

 มาทำใจให้สงบกัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..........................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 08 สิงหาคม 2559
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 9:40:53 น.
Counter : 935 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ