Group Blog
All Blog
รู้ทันปูม้า ตอนที่ 3 (ต้มปูอย่างไร ไม่ให้ปูสลัดก้าม)
ตอนที่ 3 ต้มปูอย่างไรไม่ให้ปูสลัดก้าม
..........................
สัญชาติญาณของปูน่ะ หากเขาโดนศัตรูไล่ล่านะ
เขาจะชูก้ามขึ้นต่อสู้ (ยกเว้นปูถูกมัดก้าม)
และจะวิ่งหนีได้เร็วมากถ้าเราจะจับปู
ต้องพยายามจับที่กระดองปูให้ได้ หากจับไป
โดนก้ามปู และขาปู ไม่โดนหนีบ ไม่โดนแทง ละก็ถือว่าแปลก
เมื่อโดนหนีบหรือโดนแทงจากปลายแหลมของขาปูแล้ว 
 อย่าฝันนะว่าเราปล่อยให้ปูหนีบแล้วเราก็จับตัวมันได้ ไม่มีทาง
  เพราะปูเมื่อป้องกันตัวแล้วมันจะปล่อยก้ามทิ้งไว้เป็นที่ระลึกทันที
แล้ววิ่งหนีไป เพราะก้ามปูและขาปูนั้นเมื่อสลัดทิ้งแล้ว
ก็งอกออกมาใหม่ได้ ถือเป็นเรื่องของธรรมชาติสร้างสรรอย่างนึง
  น่ามหัสจรรย์จริงๆ  ชาวประมงจะจับปูโดยใช้การจับที่กระดอง
เหมือนการจับพิสูจน์ปูแน่นไม่แน่นน่ะ 
 ลองจับดูจะหงายท้องปูหรือคว่ำปูอย่างเดิม
ปูก็ไม่สามารถโน้มก้ามปูมาหนีบคนจับได้หรอก
   การมัดขาปูเขาต้องระมัดระวังอย่างมาก 
 ต้องทำไม่ให้ปูรู้สึกว่าศัตรูกำลังทำร้าย 
 ไม่เช่นนั้นปูจะปล่อยก้ามและขาทันที
 (เท็คนิคนี้มันเฉพาะตัว คนกินปูไม่จำเป็นต้องรู้ลึกหรอก
   เอาแค่ดูปูสด ปูไข่ เป็นก็ใช้ได้แล้ว 
 นอกนั้นเอาไว้ให้ชาวประมงเขาทำเองก็แล้วกันนะจ๊ะ)

เอาละ มาต้มปูม้ากินกันดีกว่านะ 
 วิธีการต้มปูม้าโดยไม่ให้ปูปล่อยก้าม 
 อ้อ...ลืมบอกไป ปูม้าน่ะจะกินให้เนื้อแน่นและ
หวานน่ะนอกจากเลือกปูตามที่บอกแล้ว
   ต้องต้มปูม้าเป็นๆนะถ้า
ต้มปูตายละก็เนื้อจะโพกและไม่แน่นไม่หวานเท่าปูเป็นหรอกจ้า...
เอาละๆ  มาต้มปูกันซะที ก่อนอื่นต้องนำปูไปล้างน้ำจืด 
 แล้วแช่น้ำจืดไว้สักพัก คนทะเลเขาเรียกว่าพอปูเพลียน่ะ
 ไม่ต้องนาน จากนั้นก็เตรียมน้ำใส่หม้อไม่ต้องมากนะ
 เพราะน้ำปูจะออกมาอีก
(ปัจจุบันเขาใช้ซึ้งนึ่งกันแล้วนะ
เรามันคนโบราณเลยยังว่าแบบเก่าอยู่)
แล้วจากนั้นก็เอาปูเพลียๆนี่แหละใส่หม้อแล้วปิดฝา
 ต้มโดยใช้ไฟปานกลางนะอย่าใช้ไฟแรงจัด
  เพราะน้ำจะต้องค่อยๆร้อน ปูที่ถูกแช่ในน้ำเย็นมาบ้างแล้ว
และยังเพลียอยู่ ไม่มีแรงจะสลัดก้ามหรอกค่ะ
  จากนั้นก็ต้มไปจนกว่าน้ำจะเดือด 
 จะปล่อยน้ำให้เดือดไปสักสิบห้า หรือยี่สิบนาที
ก็แล้วแต่ว่าปูตัวใหญ่ตัวเล็ก ไข่นั้นต้องให้สุกถึงจะอร่อย
ถ้าไข่ยังเป็นยางมะตูมอยู่ไม่อร่อยเท่าที่ควรค่ะ
  สังเกตุจากกระดองปูเมื่อสุกจะเป็นสีแดงสวยเชียวละ 
 เราก็ตักขึ้นใส่ภาชนะพักไว้ แล้วก็นำใส่จานตามแต่จะจัด



ขอแถมนึดเอาเรื่องเก่ามาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะ
เพื่อเรียกน้ำย่อย  ที่บ้านเราตั้งแต่เด็กมาแล้ว
(อ้อ...ลืมบอกไปว่าเราเป็นลูกชาวประมง อยู่ศรีราชาน่ะ)
  เรามักจะต้มปูม้ากันเป็นหม้อใหญ่ๆ
เมื่อสุกเรียกว่าต้องใส่กะละมังนะ
เพราะต้มทีละหลายกิโลถึงจะพอกินกัน ตั้งแต่เด็กมาแล้ว
(แสดงว่าขณะเล่าเรื่องน่ะแก่แล้วนะจ๊ะ) 
 แม่เราจะแกะเนื่้อปูรวมทั้งไข่ปูคลุก
กับข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยหัวน้ำปลากะตักอย่างดี
(ใช้หัวน้ำปลากะตักนะ เพราะเราทำน้ำปลากินกันเอง )
  แค่นี้ก็อร่อยจนลืมอย่างอื่นเชียวละ 
  แต่พวกผู้ใหญ่ที่กินเผ็ดได้ 
 ต้องทำพริกน้ำปลาเพื่อเข้มข้น
 (ปัจจุบันใช้ชื่อซะเก๋เชียว "น้ำจิ้มซีฟู๊ด" ซะด้วย ฮิๆ) 
 วิธีทำก็ง่ายๆตามประสาชาวประมง 
 ใช้พริกขี้หนูสวน กระเทียม เกลื(นิดหน่อย) 
ตำให้เข้ากันพอหยาบแล้วแต่ชอบ 
 จากนั้นก็บีบมะนาวใส่  เติมน้ำตาลทรายสักช้อนชา
   และเพื่อเพิ่มความหอมเราก็จะใส่หัวน้ำปลาเพียงเล็กน้อย
  โอ๊ย...แซบหลาย อย่าบอกใครเชียว อร่อยสุดยอดไปเลยละ
   โอ๊ย....น้ำลายหก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หากชอบ
เข้ามาอ่านบ่อยๆนะ จะเล่าเรื่องคนทะเลให้ฟังอีกมากมาย
  อยากให้รู้ไว้เพราะเราแก่แล้ว 
 ไม่อยากให้ตายตามตัวไปไร้ประโยชน์น่ะ



ขอเล่าเสริมเรื่องการจับปู
ของคนทะเลสักหน่อยนะเป็นความรู้
  เอาแบบพื้นบ้านก่อนแระกันนะ
   สมัยเรายังเด็กบ้านเรามีอาชีพประมง
  โดยการทำโป๊ะ (โป๊ะมีสองชนิด โป๊ะน้ำตื่น กับโป๊ะน้ำลึก
 วันหลังจะเล่ารายละเอียดนะ) 
 เรามีเรือเล็กๆสำหรับวางจั่นตกปู
(จั่น มีลักษณะเป็นไม้ไผ่เหลาเรียวยาวประมาณ
สักแขนสองอัน วางทับกันเป็นรูปกากะบาท
  แล้วเอาลวดมัดไว้ จากปลายไม้ทั้งสี่
เราจะใช้อวนตาไม่ห่างหรือถี่เกินไป
ตัดสี่เหลี่ยมพอให้ท้องอวนหย่อนหน่อย
แล้วมัดปลายอวนทั้งสี่มุมเข้ากับปลายของไม้ไผ่จนแน่น
ปลายไม้ผูกหินก้อนเล็กๆทั้งสี่ด้านเอาไว้ถ่วงไม่ให้จั่นลอย
 แล้าเราก็หาเชือกไนล่อนใหญ่สัก สี่มินก็พอ
มาผูกติดตรงกลางกะให้ยาวพอจั่นวางพื้นได้
ปลายเชือกอีกด้านเราผูกทุ่นติดไว้เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์
เวลาเราวางจั่นทุ่นก็จะลอยอยู่เหนือน้ำ)
ตกปูเราต้องใส่เหยื่อล่อ ซึ่งเขาใช้ปลาเล็กๆเช่นปลากุแร
  หรือหัวปลาที่ไม่ใช้ แต่ต้องเป็นปลาสดนะ ร้อยด้วยลวดเข้าด้วยกัน
สักสี่ห้าตัวแล้วก็มัดติดไว้ตรงกลางจั่น่ที่เรามัดไม้ไผ่ให้ติดกันน่ะ
โดยให้หย่อนอยู่เหนืออวนเล็กน้อย เป็นอันเสร็จ)
เมื่อเราเอาจั่นลงเรือแล้วเราก็แจวเรือออกไปไกลบ้านสักหน่อย
  ถ้าท่านเคยไปเที่ยวเกาะลอยศรีราชา หรือดูในรูปที่เราลงไว้ก็ได้
  เราจะออกเรือไปประมาณก่อนถึงเกาะลอยน่ะ 
 ช่วงนั้นเวลาน้ำลงจะลงไปเกือบถึงเกาะลอยนะ
   เราก็อยู่ชายๆน้ำน่ะ เรามักจะออกไปตกปูตอนน้ำเริ่มขึ้น 
  บ้านเราเรียกหัวน้ำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปู ปลา หรือกุ้ง
  จะมีมากมายตามชายน้ำช่วงนี้ เพราะน้ำมันจะขุ่น
และกำลังขึ้นยังไม่ถึงฝั่งน่ะ เราทิ้งจั่น ไปวางบนดินโดยมี
ทุ่นลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบอกตำแหน่งที่เราวางจั่นไว้
ระวังอย่าให้จั่นคว่ำนะ เราแจวเรือทิ้งจั่นเป็นระยะๆ 
 แถวหน้ากระดาน สักสิบอัน
  เมื่อเสร็จแล้วเราก็แจวเรือมาที่ทุ่นอันแรกที่วาง
  แล้วสาวเชือกเร็วๆ  เมื่อพ้นน้ำเราจะเห็นปูกินเหยือหนีไม่ทัน
บางทีก็ตัวสองตัว เราก็เอาใส่กระชังไว้
กระชังนั้นเราจะผูกไว้ที่ท้ายเรือ
ตัวกระชังให้แช่น้ำไว้ปูจะได้ไม่ตาย
 แล้วก็แจวไปยกจั่นอันอื่นต่อๆไป
ทำอย่างนี้สักสองสามชั่วโมงเราก็ได้ปูมากมายแล้วละ
  ปูตัวเล็กเราจะไม่เอาเราจะจับโยนทิ้งน้ำทะเลไป
ปล่่อยให้มันโตก่อน ปัจจุบันชายฝั่งบ้านเราหาปูไม่ค่อยเจอแล้ว
   เพราะพวกเล่นเอาอวนลากตาถึ่ ลากไม่ยั้ง 
 กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวเล็กตัวน้อยจับหมด แล้วมันจะเหลือ
อะไรให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้บ้างล่ะ เศร้าจริงๆ












Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 21 มีนาคม 2559 12:59:43 น.
Counter : 21853 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ