All Blog
เฮียภูกับตั่วกิ๋มกลับมาเที่ยวเมืองไทย และน้องคิดป่วย แง ๆ (7 - 9 กรกฏาคม 2552
ตอนเฮียภูกลับมาเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เริ่มแพร่เข้ามาในเมืองไทย ตอนนั้นยังเรียก "ไข้หวัดหมู" กันอยู่เลย

อาทิตย์แรกอั่วม่าไม่ให้น้องคิดไปเจอเฮียภูครับ เพราะต้องเฝ้าระวังกันหนึ่งอาทิตย์

พออาทิตย์ถัดมา น้องคิดดันป่วยเป็นหวัดอีกรอบนึง ก็เลยยังไม่ได้เจอกัน กลายเป็นว่าต้องระวังไม่ให้หวัดจากน้องคิดไปติดเฮียภู ...

ในที่สุดก็ได้เจอกัน (ทั้ง ๆ ที่น้องคิดยังไม่หายหวัดดี แต่พอดีอาม่าติดหวัดน้องคิดและทำท่าว่าจะเป็นยาว น้องคิดเลยจรลีไปอยู่ตรอกจันทร์ดีกว่า)

จนอาทิตย์สุดท้ายที่เฮียภูจะกลับ "อันเดวิด" น้องคิดก็ป่วยอีกครั้ง เฮ้อ ... ผลัดกันป่วยจนอั่วม่าเหนื่อยเลยครับ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่น้องคิดป่วยหนักที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา ทั้งอ้วกและท้องเสีย

ตอนแรกท้องเสียก่อนหนึ่งวันแล้วก็หยุดไป แถมยังเล่นกับเฮียเซียนซันได้อีกนะครับ พอวันรุ่งขึ้นเท่านั้นแหละ ก็อ้วกตั้งแต่เช้าเลย ไปหาหมอมารอบนึงก็เหมือนจะหาย เพราะหมอให้ยาฆ่าเชื้อมากินกันไว้ก่อน ทีนี้ก็ไม่ถ่ายสิครับ

7-9 กรกฎาคม 2552

หลังสุดคือเป็นไข้ด้วยแล้วก็ไม่มีแรง เป็นวันแรกที่น้องคิดตื่นมาแล้วไม่ยิ้มเลย เพราะหมดแรงจากพิษไข้ ทั้ง ๆ ที่ถ่ายแค่สองครั้งก่อนนอน พอไปหาหมอที่ รพ. หมอเลยให้แอดมิทรอดูอาการดีกว่า

เป็นครั้งแรกที่เห็นน้องคิดร้องไห้ดังขนาดนี้ น้ำตาไหลพราก คงจะเจ็บมากตอนโดนแทงเข็ม แถมครั้งแรกแทงไม่เข้าเพราะขาดน้ำมาก เลยต้องแทงใหม่อีกข้างนึง เข้าใจคำว่า "หัวใจแม่จะสลาย" ก็วันนี้เองค่ะ ได้ยินเสียงลูกร้องแล้วอยากจะเจ็บแทน

รูปตอนนอนรอห้องค่ะ ไม่น่าเชื่อ ห้องไม่พอค่ะ ต้องรอเคลียร์จนบ่ายสามแน่ะ น้องคิดสลบไปเลยค่ะ





เพิ่งได้เข้าห้องพักและกินนม น่าสงสารมากเลยค่ะ เป็นเพราะงดนมมาหนึ่งวัน (โดยคำแนะนำของอั่วม่า เพราะกลัวน้องคิดจะอ้วกและท้องเสียมากขึ้น) อั่วม่าแนะนำให้กินน้ำข้าวแทน แต่น้องคิดยังไม่ค่อยชอบกินข้าวค่ะ ก็เลยลำบาก อะไรก็กินไม่ได้



นอนไปสองคืน คืนแรกน้องคิดก็ยังซึม ๆ แต่พอได้น้ำเกลือไปก็เริ่มดีขึ้น หมอก็ยังไม่ได้ให้ยาฆ่าเชื้ออะไร เพราะเก็บอึไปตรวจแล้วไม่มีเชื้อโรค (อาจเป็นเพราะยาฆ่าเชื้อที่หมอคนแรกให้ไว้ก่อนหน้านี้)

วันที่สองค่ะ อาการเริ่มดีขึ้น กลายเป็นไม่อึไปเลยค่ะ รออยู่นานกว่าจะอึออกมา แล้วเอาไปตรวจ ก็ไม่มีเชื้อนะคะ วันนี้เริ่มซ่าค่ะ เหวี่ยงแขนไปมาจนสายน้ำเกลือพันกันเลย สังเกตว่าเบาะอยู่กับพื้นค่ะเพราะกลัวเด็กตกจากเตียง



สงสารน้องคิดตอนป่วยมากเลยค่ะ แต่คิดว่าเด็กคงมีภูมิต้านทานมากขึ้นแล้ว

งานนี้ต้องขอบคุณมาม๊าของออยอีกนั่นหละค่ะ มาช่วยนอนเป็นเพื่อนทั้งสองคืนเลย รักแม่ที่ซู้ดดดดดด

กลับบ้านแล้วค่ะ เฮฮาอารมณ์ดี



พอกลับบ้าน น้องคิดก็เริ่มกินทุกอย่างที่ขวางหน้าค่ะ โดยเฉพาะนมและอาหาร เพราะได้รู้รสของความหิวสุด ๆ ว่าเป็นอย่างไร ระหว่างอยู่ รพ. หมอสั่งนมสำหรับเด็กที่แพ้นมวัวให้ทาน เพราะว่าย่อยง่ายกว่า แต่ให้ชงทีละน้อย คุณชายยอมที่ไหนหละคะ ปกติกิน 6-8 ออนซ์ ทีนี้หมอให้กินครั้งละไม่เกิน 2 ออนซ์ บ่อน้ำตาก็แตกกระจายสิคะ

ได้อย่างก็เสียอย่าง ข้อดีคือยอมกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ข้อเสียคือน้องคิดเรียนรู้ว่าการร้องไห้บีบน้ำตา ทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ !!! เด็กฉลาดกว่าที่เราคิดค่ะ

เพิ่งคิดได้อีกอย่างค่ะ จากที่น้องคิดเลิกนมมื้อดึกสำเร็จแล้ว ก็เลยต้องกลับมากินมื้อดึกใหม่ แถมหนักกว่าเดิม กว่าจะเลิกได้อีกทีก็ครบขวบพอดีค่ะ (พร้อมกับเลิกขวดนมไปเลย โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ)



Create Date : 17 กันยายน 2552
Last Update : 17 กันยายน 2552 1:01:49 น.
Counter : 813 Pageviews.

1 comments
  
หน้าตาตอนป่วยนี่ดูออกเลยนะคะ น่าสงสารจริงๆ ด้วย

จิ๊ดอาจจะคอมเม้นต์เยอะไปนิด แหะๆๆ แต่อยากคอมเม้นต์จริงๆ นะ
โดย: สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:12:31:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณรักผมและผมรักคุณ
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]