Never Ending Journey ....
Group Blog
 
All blogs
 
จาก West สู่ East (ตอนที่ 1)

       

       ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยว และเมื่อโอกาสมาถึงจึงรีบคว้าไว้ รวบรวมคนคอเดียวกันได้ 6 คน วางแผนการเดินทางจากตะวันตกสู่ตะวันออกในระยะเวลา 1 เดือน เลือกสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ได้เท่าไรเอาเท่านั้นเพราะว่าเวลาจำกัด เริ่มด้วยฝั่งตะวันตก ออกเดินทางจาก Los Angeles ขึ้นเหนือทาง Highway 1 เลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคไปยัง San Francisco แวะริมทางไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ Big Sur ดูแมวน้ำที่ขึ้นมาอาบแดดบนหาด



Birby Creek Bridge สะพานเชื่อมภูเขาเคยเห็นในหนัง Hollywood หลายเรื่องไปจนถึงเมืองที่ใครๆหลายคนต้องทิ้งหัวใจไว้ที่นั่นคือ San Francisco สะพานGolden Gate Bridge เป็นสัญญลักษณ์ของซานฟราน พลาดไม่ได้อยู่แล้ว



แต่ละครั้งบรรยากาศก็ต่างกัน บางทีไปช่วงเช้าพระอาทิตย์ขึ้น บางครั้งไปช่วงเย็นพระอาทิตย์ตก บ้างก็ไปช่วงหนาว เจอหมอกบางๆ สวยอย่าบอกใคร ถ้าไปช่วงหน้าร้อน แดดเปรี้ยงเวลาแดดส่องสะพานสีแดงสดใสดูเด่น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 9/11 ยังไม่มีโครงเหล็กมากั้นไว้แบบนี้





ซานฟรานมีที่เที่ยวเยอะ สำหรับคราวนี้มีเวลาไม่มากก็ต้องเลือกเอา เพราะบางคนในทริปเคยไปแล้ว แต่บางคนยังไม่เคยไปก็ต้องจัดลงไปด้วย ที่เด่นๆก็มี Palace of Fine Art, Lombard Street, Pier 39 ขาออกขับผ่านสะพาน Richmond Bridge เพื่อจะไปยัง Reno : Nevada เป็นสะพานเหล็กสองชั้น ชั้นบนขาเข้าจะเสียตังค์ ส่วนชั้นล่างขาออกจะฟรี



Reno เมืองหลวงของรัฐ Nevada จะมีชายแดนติดกับ California เป็นเมืองคาสิโนอีกแห่ง แต่จะเล็กและไม่ hit เท่ากับ Las Vegas พวกเราแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มยังโดนสลอตแมชชีนกินไปหลายเหรียญ น้ำมันเลยแพงกว่าปกติครับ วันนี้ขับยาวหน่อย โดยใช้เส้นทาง I-80 ข้ามเนวาดาทางเทือกเขา Rocky ด้านบนนี่ไม่มีอะไรเที่ยวเลย ทะเลทรายล้วนๆ น้ำมันต้องกะให้ดี แต่ละเมืองห่างกันมาก ไม่งั้นต้องนอนหนาวโดยมีงูหางกระดิ่งเป็นเพื่อนแน่ ข้ามไป Utah ถึง Salt Lake City เมืองหลวง ที่จะขาดไม่ได้เมื่อไปถึง Salt Lake ก็คือ Temple Square



ถ้าไปช่วง Spring ก็จะมีดอกไม้ประดับประดาดูสดใส แต่ถ้าไปช่วงหนาวละก้อ ใบไม้ร่วงโกร๋น กลายเป็นพญาไร้ใบไปหมด แต่วิวจะสวยเพราะว่าเขาสูงๆมีหิมะขาวคลุม เป็นแบคกราวน์ที่สุดยอด ทริปนี้ได้แค่แวะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เพราะว่าถ้าจะต้องไปเที่ยวที่อื่นนี่สงสัยจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน (รอทริป Utah ล้วนๆดีว่านะครับ –โปรดติดตามตอนต่อไป) ต่อไปยัง Wyoming ยังคงใช้เส้น I-80 อยู่ ฝนตกตลอดทาง แต่ก็ดีว่าไม่มีที่เที่ยวน่าสนใจ



ได้เจอ Bison ฝูงใหญ่ที่ Wild Cave National Park เยอะมากคาดด้วยสายตาประมาณ 100 ตัวขึ้นไป มีป้ายบอกเตือนว่าห้ามเข้าใกล้ ก็เลยแอบไปยืนถ่ายรูปกันแบบกล้าๆกลัวๆ พร้อม เตรียมวิ่งขึ้นรถทันที เที่ยวหน้าหนาวจะมืดเร็วมาก 5 โมงเย็นนี่ก็มืดแล้ว แต่ถ้าเที่ยวหน้าร้อนนี่ได้กำไร 2 ทุ่มยังพึ่งจะเริ่มมืด อ้อ... ลืมเล่าไปครับว่าต้องลดเวลาไปอีก 1 ชั่วโมง เพราะว่าที่อเมริกาจะแบ่งเวลาเป็น 4 โซน มี Pacific Time Mountain Time, Central Time, Eastern Time พวกเราก็งงๆกับเวลาต้องคอยหมุนนาฬิกาบ่อยๆ จากฝั่งตะวันตกมาตะวันออกออกจะขาดทุน เวลาจะเร็วกว่า เลยได้เที่ยวน้อยลงเพราะว่ามืดเร็วขึ้น บางวันข้ามโซนมา ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตื่นมามืดตี๋อเพราะว่าหมุนเร็วไป 1 ชั่วโมง มันส์ดีครับ ถ้าเราอยู่ฝั่งwest จะโทรไปทางฝั่ง east ต้องเชคเวลาดีๆ โทรหาเพื่อนอาจจะโดนด่าเอาได้ ฝั่งเราเที่ยงคืนของเค้าตี 3



ถึงแล้ว Mt. Rushmore : South Dakota อยากจะมาเห็นกับตาจริงๆ คิดว่าน่าจะไม่ค่อยมีทัวร์จัดมาเพราะว่ามันไกลมาก เลยต้องขับรถมากันเอง เมื่อมาถึงไม่ผิดหวัง น่าทึ่งมากๆ แกะรูปหน้า 4 ประธานาธิบดีจากหินภูเขา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นผลงานของฝีมือมนุษย์อากาศหนาวมาก ลมแรงทั้งๆที่แดดเปรี้ยง พูดมีควันออกจากปากเลย คาดว่าไม่น่าจะถึง 5 องศา จากนั้นก็ออกมาโดยเปลี่ยนมาใช้เส้น I-90 ผ่าน Crazy Horse เป็นอีกที่นึงที่แกะสลักรูปบนหน้าผา



แต่เป็นรูปม้า ทำคล้ายๆ Mt.Rushmore ตอนที่ผมไปนั้น แกะได้แค่หน้าม้า คาดว่าตอนนี้น่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แวะ Badlands National Monument มีลักษณะเป็นภูเขาชั้นๆสีแดงอมส้ม เกิดจากการะเบิดของภูเขาไฟ ส่วนใหญ่ค่าเข้า National Park แต่ละแห่งจะเสียค่าเข้าเริ่มตั้งแต่ 10 เหรียญต่อรถ 1 คัน ไปจนถึง 25 เหรียญถ้าเราซื้อเหมารวม จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไรครับ จะเป็นคล้ายๆ passport เข้าที่นึงก็ปั๊ม ใช้ได้หลายครั้ง จะคุ้มกว่าถ้าเที่ยวหลายที่ แต่ถ้าเป็นพวกคนสูงอายุ หรือคนพิการ ก็ฟรีครับเปลี่ยนเวลา อีก 1 ชั่วโมง แวะค้างคืนที่ Sioux Falls โรงแรมดูคึกคักเต็มไปด้วยนักล่านก และหมา ซึ่งเค้าจะใช้หมาไปคาบนกเมื่อยิงได้แล้ว สอบถามได้ความว่าทุกปีช่วงนี้จะเป็นฤดูล่านกเป็ดน้ำ คนที่จะมาล่านกนั้น ต้องมีใบอนุญาติด้วยไม่ใช่ใครจะไปยิงก็ได้ Corn Palace เป็นเมืองที่ปลูกข้าวโพดกันมาก มีสิ่งแปลกอยู่อย่างนึงคือ Corn Palace อาคารทั้งหลังจะตกแต่งด้วยข้าวโพดทั้งหมด



จะเปลี่ยนรูปแบบไปทุกปีไม่มีซ้ำ ทำติดต่อกันมาหลายปีจนเป็นประเพณีแล้ว เข้าไปข้างในตัวอาคาร ซึ่งเป็นสนามบาสเกตบอลของเมือง ตกแต่งผนังเป็นรูปต่างๆด้วยข้าวโพด มาถึง St.Paul เมืองหลวงของMinnesota ช่วงบ่ายแก่ๆ แดดเปรี้ยงแต่ว่าอากาศยังคงหนาวมาก แวะโบสถ์ St.Paul และก็ State Capital ใบไม้เปลี่ยนสีมีอีกเพียบ เหลือง ส้ม รัฐนี้ไม่มี Tax กระเป๋าตังค์ของเพื่อนร่วมทางเริ่มจะดิ้นกันใหญ่ เลยหา outlet แวะชอปปิ้งให้หายอาการซ่าส์ซะหน่อย ยังคงใช้ I-90 เข้า Wisconsin



ทางฝั่ง east นี้ใบไม้เปลี่ยนสีจะมีให้เห็นตลอดทาง เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่คนทางฝั่ง west อย่างเราๆ ไม่ค่อยเห็น จึงตื่นตาตื่นใจ ถึงจะเหนื่อยกับการเดินทางอย่างไรก็ไม่มีหลับ แวะถ่ายรูปกันตลอดทาง เข้าสู่ Illinois เริ่มจะต้องเสียค่าทางด่วนแล้ว ออกจะดูแปลกๆกับด่านเก็บตังค์ คือจะมีสองแบบ อันแรกก็มีคนเก็บเหมือนปกติ แต่ที่แปลกจากที่เคยเห็นคือจะมีถุงห้อยอยู่ข้างตู้เก็บเงิน ให้เราโยนเหรียญค่าผ่านทางลงไป จำนวนเงินต้องเตรียมให้พอดีด้วย เราถึงจะผ่านไปได้ เสียค่าผ่านทางมาเป็นระยะๆ กว่าจะถึง Chicago โดนไป 5 ด่านแล้วเนี่ย เข้าเมืองทีแรกก็กลัวๆเพราะว่าคนดำเต็มไปหมด ก็แค่พยายามอย่าหลงไปในที่เปลี่ยวๆ



ถึงนี่แล้วพลาดไม่ได้ต้องไป United Center ก็ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Chicago Bulls และไมเคิล จอร์แดน ต้องไปชักภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อย ต่อไปยัง Buckingham Fountain ลานน้ำพุใจกลางเมือง Chicago ด้านหลังมองเห็นตึกสูงย่านธุรกิจของเมือง อากาศยังหนาวมาก หาที่จอดรถไม่ยากนัก อีกด้านหนึ่งจะเป็นทะเลสาบสุพีเรีย



ทะเลสาบที่ใหญ่สุดของ The Great Lakes พอดีเป็นวัน Holloween จึงได้ไปที่ Navy Pier มีการจัดงานฮัลโลวีน ผีเดินกันเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเด็กๆ นอกจากนั้นยังมีการตกแต่งร้านต่างๆด้วยฟักทอง คล้ายๆกับงานวัดบ้านเรา

(โปรดติดตามตอนที่ 2)






Create Date : 21 กันยายน 2548
Last Update : 24 ตุลาคม 2549 8:58:14 น. 2 comments
Counter : 873 Pageviews.

 
ทริปนี้โจ๋จริงๆ ดูแต่ละคนโพสท่าสิ ท่าทางสนุกมากเลยนะนี่


โดย: oat-cnx (SF-The KOP ) วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:17:32:54 น.  

 
You got the best picture of Golden Gate
I love San Fran


โดย: Aiko IP: 150.101.178.156 วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:23:38:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

calpoppy
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเชียงใหม่ แต่มาอยู่แล้ว รักเชียงใหม่จนไม่อยากย้ายไปไหนอีก ...

I LOVE CHIANGMAI ....
Friends' blogs
[Add calpoppy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.