All Blog
--- แอบหลบไปพัก บาวาเรีย-ออสเตรีย กันดีกว่า ตอนห้า ---
ถัดจากนั้นเราเดินทางไป ลินเดอร์โฮฟ ปราสาทของ  King Ludwig II มาจากซุกสปิทส์ช้ามากเกือบๆ  จะ 4 โมงเย็นแล้ว โอกาสเข้าไปดูในวังก็หมด แหะๆ ได้แต่เดินถ่ายรูปข้างนอก ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสีแล้ว สวยงามดีค่ะ

และน่าดีใจยิ่งนัก เราถ่ายรูปครบ 10,000 รูปที่่่ปราสาทแห่งนี้นี่เอง ..เย้













อากาศกำลังดี น่านั่งเล่นนอนเล่นและ ถ่ายรูปมากมาย






น้ำพุคาดว่าจะเปิดเป็นเวลาประมาณ 20 นาทีเปิดทีนึง แต่ขอบอกว่า มีกลิ่นมากๆ ไ่ม่เปิดก็ดีนะ (ฮา)






ถึงไม่ได้เข้าก็ขอถ่ายเครื่องดูดตั๋วเก็บเอาไว้ก่อนละกัน







สวนรอบวัง แสดงถึงความงามและสมมาตร และความเก่งของช่างและสถาปนิกสมัยโน้น คลาสสิคมาก สวยงามมาจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ








ชอบจริงจังกับรูปปั้น ;)





















ดอกไม้(ค่อนข้างจะเหี่ยว)









สวยงาม ;)






































 ข้างนอกยังสวยขนาดนี้ ข้างในจะสวยขนาดไหนกันหนอ ปราสาทของพระราชาตั้ไม่ได้แค่มีในนิทานจริงๆ สวยงามมากขนาดนี้  ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ ที่นั่งอ่านหนังสือพวกนิทานกริมม์ หรือไม่ก็พวกเทพนิยายกรีกนะ มาเจอของจริงก็สวยไม่ผิดที่เค้าจินตนาการเลย 



ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายกันอุดตลุด 

ต้นไม้ต้นใหญ่เริ่มจะผลัดใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อีกไม่นานฤดูหนาวคงจะมาเยือ







เส้นทางชมสวนออกแบบมาได้สวยงามมากค่ะ









และยังเป็นสถานที่สำหรับ family outing 




























หลังจากเก็บภาพจนหนำใจ แดดเริ่มคล้อยหันกลับมาถ่ายปราสาทอีกครั้ง
ก็สวยไปอีกแบบ












คนและหมา..มาคู่กันตลอด แต่หมาที่นี่น่ารักมาก ได้ขึ้นรถไฟไปเที่ยวไหนต่อไหนไ้ด้ตลอดเลย อยากให้เมืองไทยพาหมาเดินเข้าห้างได้บ้างนะ










หลังจากออกมาจากวัง ซึ่งการไปชมด้านนอกก็ไม่เสียเงินอะไรนะคะ มีร้านขายของโชว์ห่วย อิอิ ม่ายชา่ย ขายของที่ระลึกบ้างหลายร้านด้านนอก ที่สำคัญมีร้านขายไอติม MovenPick  สกูปละ 1 ยูโรเท่านั้น บ้านเราเอ่อ.. อย่างต่ำ 110 บาท เราก็จัดการหม่ำซะ อร่อยดี แต่เราว่าไอติมโฮมเมดที่ขายตามร้านธรรมดาๆ อร่อยกว่า จริงๆ นะ มันเข้มข้นหวานมันดี และที่สำคัญ โฮมเมดก็คือการทำตามสูตรของแต่ละคนก็จะได้อะไรที่แตกต่างกัน เราไม่ได้ชอบกินไอติมที่มีรสชาติมารฐานตลอดเวลานี่นา บางครั้งก็เหมือนชีวิตที่ต้องหาอะไรแตกต่างให้กับตัวเองบ้าง ลองทำอะไรนอกกรอบ หรือออกเดินทางนอกเส้นทางบ้างก็น่าจะสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้กับตัวเองบ้างนะ  อ่า..คมอีกแล้ว แต่หลังจากเขียนข้อความนี้ไป เราสัญญากับตัวเองว่าเราจะ..กินไอติมโฮมเมด เอ้ยย ไม่ใช่ เราจะลองแหกคอกดูบ้างอะไรบ้าง และสิ่งที่เริ่มได้ตอนแรกคือ ความคิดเลย.. คิดให้นอกกรอบ ลองดูสิว่าชีวิตจะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำได้บ้างอีก


หลังจากออกจากลินเดอร์โฮฟ เราก็จะต้องตรงไปออสเตรีย ที่หมู่บ้าน Mittalwald แต่ขอแวะ สำนักสงฆ์ ettal ที่เค้าว่ากันว่าสวยงามมากกกกกก ด้วยแสงที่มีจำกัดและเวลาอันน้อยนิด เราก็ได้แวะประมาณ 30 นาที เก็บภาพมาเล็กน้อย แต่สวยมากจริงๆ ค่ะ
























































จบไปแค่ 2 วันแต่เที่ยวเก็บสถานที่แบบพยายามจะไม่ชะโงกทัวร์แล้วนะ แต่ก็ยังเหมือนชะโงกยังไงไม่รู้ 

To be continue kha..



Create Date : 01 เมษายน 2555
Last Update : 1 เมษายน 2555 15:10:40 น.
Counter : 3715 Pageviews.

0 comment
--- แอบหลบไปพัก บาวาเรีย-ออสเตรีย กันดีกว่า ตอนสี่ ---
วันนี้ไปเที่ยว ซุกสปิสกันนะคะ
เป็นยอดเขาที่อยู่แถบบาวาเรียนเนี่ยะแหละค่ะ สูงที่สุดในเยอรมันค่ะ 2962 เมตร สามารถขึ้นได้จาก 2 ประเทศ เยอรมันกับออสเตรีย

วันนี้เราไปเช่ารถกันที่ Europe Car ซึ่งสำนักงานเค้าอยู่ใกล้ๆ กับสถานนีรถไฟของเมือง Gamisch นั่่นแหล่ะค่ะ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ ตอนแรกเราจองรถ เบนซ์แบบนั่งได้ 4 คนแต่เค้าไม่มีรถให้เค้าเลย upgrade ให้เป็นเบนซ์ S-Class ที่มี GPS ในรถแต่ขอโทษค่ะ มันเป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งเราทุกคนไม่มีใครกระดิกหูกันเลย เลยพยายามต่อรองขอ GPS ที่เป็นภาษาอังกฤษมา คุณป้ากะคุณน้องที่ยุโรปคาร์ใจดีมากๆ ไปหามาให้และไม่คิดค่าเช่าเลยค่ะ ได้รถมาก็คันใหญ่มาก และนั่งสบาย เสียอย่างเดียว เราว่ากระเป๋าเราใหญ่กันไปหน่อย เลยเก็บกระเป๋ากันด้านหลังไม่พอ แหะๆๆ


ดีใจๆ จะได้ไปเที่ยวกันแล้ว



ออฟฟิศของยุโรปคาร์


หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปขึ้นเขาซุกส์ปิสซี่กัน
//www.zugspitze.de/en/winter/index.htm 

ก็เวลาซื้อตั๋วจะมีให้เลือกว่าจะขึ้นอย่างเดียว หรือขึ้นและลง
เราวางแผนกันว่าจะขึ้นด้วยกระเช้า แล้วลงด้วย รถไฟกัน



อันนี้รอคิวขึ้นกระเช้า

รอคิวกันอากาศดีมากค่ะ ไม่ร้อนและไม่เย็นจนเกินไป เดือนตุลาคมมันดีอย่างนี้นี่เอง



และเราก็ได้เบียดๆ ขึ้นมา เราจ่อตรงประตูทางเข้า(โดยบังเอิญ) แหะๆ กระเช้าขึึ้นไปใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีไม่ขาดไม่เกิน นึกถึงกระเช้าขึ้นดอยสุเทพกันเลยทีเดียว แต่โปรดเถิด วิวทะเลสาบ Eibsee ที่อยู่ด้านล่่างทำเอากะเหรี่ยงน้อยอย่างเรา ฮือฮากันตลอด ข้างประตูนั่นแหละ


กดชัตเตอร์กันไม่ยั้ง เค้าไม่เคยมานี่นา ;P


แหงนหน้ามองไป อืมม มีหิมะนิดๆ เลยนะ ใกล้จะถึงแล้ว จะหนาวแค่ไหนเชียว


ขึ้นมาถึงแล้วเป็นสถานีให้เข้าไปชม และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของเค้าล่ะ นั่งอาบแดด จิบเบียร์ หม่ำไส้กรอก อะไรจะดีไปกว่านี้ ใช่ป่าวค้าา


ยังถ่ายกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเป็นแนวเทือกเขาที่ต่อๆ กันไปถึงแอลป์มั้ยเนี่ย


ชอบท้้องฟ้าบ้านเค้านะคะ อาจจะเป็นเพราะอากาศไม่ได้ร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ท้องฟ้าใส สีฟ้าไม่มีก้อนเมฆเลย เหมือนในนิยายที่เราเคยอ่านอ่ะนะ


เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเหนือเมฆแฮะ อย่างง่ายๆ ด้วย ไม่ต้องปีน 15 นาทีก็มายื่นตรงเนี้ยแล้ว


อั้นแน่ มีกล้องให้ชมวิวด้วย เราก็แอบถ่ายเค้ามาหน่อย ส่วนเราไม่ได้แอ้มหรอก อิอิ



อุ้มลูก จูงหลานกันมา เวลายืนชมวิวยอดเขาสูงๆ เนี่ยมันรู้สึกดีมากจริงๆ นะคะ



มองไปก็เห็น Eibsee  อีก น้ำสีเข้ม ตัดกับ ป่าสีเขียว สีสวยดีนะ

ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนปลายๆ แล้ว แต่ยังมีหิมะเหลือเล็กน้อยมากบนยอดเขาค่ะ





ตรงนี้เป็น จุดมหาชนยอดนิยมของที่นี่เลยค่ะ เป็นไม้กางเขน มีจุดที่สามารถกดถ่ายรูปจากเครื่องได้ด้วยและลงไปจ่ายเงินจากร้านกิฟท์ช็อปข้างล่างได้ น้องในทีมอาสาปีไปฝั่งโน้น ด้วยความกล้าบ้าบิ่น ส่วนเราเป็นพวกกลัวความสูงไม่กล้าเลย พอถามตอนขากลับว่าเป็นไงบ้าง เธอบอก "ขาสั่น" มาก แต่สู้ ค่ะ ไม่กล้ามองลงไปกลัวจะสั่นมากกว่านี้ 


นี่ค่ะ ทางเดินที่จะขึ้นไปจุดนั้น ไม่มีอะไรให้จับนะ เทรกกิ้งกันอย่างเดียว เสียวด้วย ;)





fotopoint สำหรับคนที่ไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมา

หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นกันรอบๆ สถานี อุณหภูมิกำลังดีมากเลยค่ะ 15 องศา ไม่หนาว พลิ้วๆ เพราะอาจจะมีแดดด้วยมั้งเนี่ย


และแวะซื้อไส้กรอกเยอรมันค่ะ   ที่นี่ผู้ใหญ่เค้ากินใส่มัสตาร์ดกัน เราแอบสั่งตามเด็กๆ ที่ต่อคิวก่อนหน้าขอ Katchup แหะๆ อร่อยนะค้าาา ราคาไม่แพงมาก เราว่ามาขายข้างบนนี้ก็น่าจะสนุกดี ดูคุณลุงแกเพลินๆ ทอดไปฮัมเพลงไป ได้เงินด้วย ได้อาบแดดด้วย มีความสุขจนน่าอิจฉากันเลย



อีกภาพที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่สูงเหนือเมฆจริงๆ นะคะ



นอกจากไทยมุงแล้ว ฝรั่งก็ยังมุงได้อีก ;)


อันนี้เป็นเคเบิ้ลคาร์ที่วิ่งมาจากฝั่งออสเตรียค่ะ



ชมวิวรอบๆ สถานี



บางคนก็มานั่งชมวิว ทานอาหารไป



ยังมีหิมะอยู่บ้าง
ยังพอมีหิมะอยู่บ้าง



คุณลุงแกเดินมาจากฝั่งกระโน้น




น้องโกลเด้นนอนอาบแดดอุ่นๆ




ดูหงอยๆ ไปหน่อย คาดว่าอาจจะง่วงนอน


เริ่มรู้ว่าเป็นดาราหน้ากล้อง เริ่มยิ้มแฮะ



รู้สึกว่าเราอยู่เหนือเมฆจริงๆ นะ


มีคนเดินปีนเขามากมาย



สถานีด้านล่างเราต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์ลงไป ซึ่งสถานีนี้เราจะเลือกได้ว่าจะลงต่อด้วยรถไฟ หรือจะนั่งเคเบิลคาร์กลับขึ้นมาแล้วนั่งเคเบิลคาร์กลับไปทางเดิม ทางรถไฟใช้เวลานานค่ะ ประมาณ 30-45 นาทีกว่าจะถึงสถานี




นักปีนเขา เยอะแยะ คาดว่าเป็นกิจกรรมหน้าร้อนสุดฮิตของที่นั่น





กลับมารอกินไส้กรอกอีกรอบของผู้ร่วมทีม น่ากินมากๆๆๆ ใช่มั้ย อิอิ



ของที่ระทึก.. ราคาก็ระทึกเล็กน้อย เลยไม่ได้ซื้อได้แต่เก็บภาพ 
และซื้อแค่โปสการ์ดเก็บไว้




เทือกเขา สลับซับซ้อน สวยงาม



ภาพนี้ทำให้เรารู้สึกว่า มนุษย์เล็กกว่าธรรมชาติมากนัก ธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่กว่าเรานัก แต่ทำไมเราถึงได้ทำลายธรรมชาติกันเก่งนักนะ 





เป็นสถานที่ family outing จริงๆ



กลับมาที่สถานีจะลงไปข้างล่างกันละ






เค้าว่ากันว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในเยอรมัน



มองกลับไปที่สถานีข้างบน เล็กนิดเดียวเมื่่อเทียบกับภูเขาทั้งลูก 



สาวน้อยคนที่เจอข้างบนกับคุณแม่



ยังพอมีหิมะเหลือบ้าง เด็กๆ ก็สไลเดอร์กัน ส่วนเราขอบาย เนื่องจากเห็นว่าลงไปใช้เวลาน้อยมาก แต่ตอนขึ้นกลับมานี่แฮ่กกันหลายแฮกเลยทีเดียว




หมาหิมะ ;)

ท่าทางจะดื้อเอาการ


สาวๆ กลุ่มนี้มาจากเมกา(แอบได้ยิน) เฮฮา ปาหิมะกันมาก ตอนพวกเธอลงไปเล่นสไลเดอร์ ตอนขึ้นมาคนอวบๆ หน่อยบ่นเสียงดัง อุทาน โอ้มายกอดๆ ตลอด คงเหนื่อยอ่ะนะ 




หมาหิมะนายแบบของเรา


เรานั่งรอเพื่อนและน้อง เล่นสไลเดอร์ไป แสนปช็อตคนไป หมาบ้าง ดูรอบๆ ตัว เวลาพวกเค้าอยู่ในช่วงวันหยุดอะไรๆ ก็ดูสนุก และสบายไปซะหมดนะ มีความสุขมากเลยอ่ะ ช่วงนั้น



สถานที่จิบเบียร์ หม่ำไส้กรอกอีกแห่ง คนเต็มตลอด


ขากลับพวกเรากลับมาทางรถไฟ มันขุดลอดอุโมงค์มืดๆ ประมาณ 25 นาที และลงมาผ่านป่าสนและ Eipsee อีกซักพัก ธรรมชาติสวยและงดงามมาก มีความสุขอีกที





นั่งมองดูวิวข้างๆ เพลินๆ จนลืมถ่ายรูป บางคนขอลงตรงป่าสนเพื่่อเดินป่าต่อ ดูๆ แล้วชาวเยอรมันมีกิจกรรมแบบใกล้ชิดธรรมชาิติเยอะดีนะ



และแล้วก็ถึงสถานีปลายทางซักที ถือว่าคุ้มมาก ค่าเคเบิ้ลรวมกะตั๋วรถไฟถ้าจำไม่ผิดประมาณ 2800 บาทไทยนะคะ แต่เราว่าสะดวกมากทุกอย่างที่เค้าบริการให้ 

เป็นภูเขาที่ประทับใจจริงๆ ในที่สุดเราก็มาพิชิตได้แล้ว(แหะๆ) แบบง่ายๆ มากๆ ด้วย ถ้าใครผ่านมาทางนี้ แนะนำให้ขึ้นซุกสพิสซักครั้งเถอะ แล้วจะรู้ว่าอารมณ์เหนือเมฆมันเป็นยังไง

หลังจากนี้เราไป ลินเดอร์โฮฟ กันต่อ  To be continue ค่ะ





Create Date : 30 มีนาคม 2555
Last Update : 1 เมษายน 2555 15:18:35 น.
Counter : 3968 Pageviews.

0 comment
--- แอบหลบไปพัก บาวาเรีย-ออสเตรีย กันดีกว่า ตอนสาม ---
เนื่องจากทริปนี้ อิฉันไม่ได้เป็นคนจัดการด้วยตัวเองซักเท่าไหร่
เอาแต่พึ่งพา พี่ๆ น้องๆ ที่ไปด้วย รายละเอียดคงไม่มากนัก แต่พยายามจะเขียนไว้
เผื่อใครสนใจจะไปนะคะ ยังไงสวยจริง อะไรจริงมากๆ ค่ะ


30-09-2011

ขาไป เราไปด้วย TG บินตรงจากสุวรรณภูมิ
แวะเก็บรูปที่สุวรรณภูมิก่อนไป















ถึงแฟรงก์เฟิร์ตถึงประมาณ 7 โมง เช้า แวะเอากระเป๋าและไปต่อรถไฟ ICE เพื่อที่จะไปลงที่เมือง Gamisch แต่ให้ระวังเรื่องสถานีรถไฟดีๆ เพราะเราจองผิดไป Frankfert Airport กับ Frankfert Main station อยู่กันคนละที่ด้วย ตั๋วราคาพิเศษที่จองผ่านอินเตอร์เน็ต ก็แค่พรินท์ออกมาแล้วเอาใบที่พรินท์ไปเดินเข้าไปขึ้นรถไฟไ้ด้เลย ไม่ต้องขึ้นตั๋วอีกแต่อย่างใด


เราต้องไปเปลี่ยนตั๋วและจ่ายเงินเพิ่มคนละ 100 กว่ายูโร และขึ้นรถไฟเที่ยวใหม่โดยไปต่อที่มิวนิค เพื่อต่อ local train อีกทีนึงจ้า ตอนขึ้นรถ ต้องยืนด้วย เพราะไปช่วง Octoberfest พอดี บ่นงำงัมกันว่าชั้นจ่ายไปตั้งเกือบ 6000 ยังต้องยืนอีกเหรอ ฮ่าๆๆ แต่ต้องยืนจริงๆ มีคนยืนเยอะแยะเลยที่ระหว่างโบกี้น่ะ เรายืนๆ นั่งๆ อยู่เกือบ ชม. ถึงจะมีคนลงและมีที่ว่าง ก็ได้ไปนั่งบ้าง แต่ไม่ถึง ชม. ก็ถึงมิวนิคแล้ว

มีรูปปลากรอบนิโหน่ย ตอนนั้นทั้งเหนื่อยทั้งง่วง แถมได้ตั๋วยืน ก็ไม่ค่อยมีรมณ์ถ่ายภาพเท่าไหร่













หลังจากต่อรถไปถึงเมือง Garmisch Partenkirchen เราก็เดินลากกระเป๋าไปอีก 1.6 โล เพื่อไปถึงโรงแรมที่พัก Hotel Atlast หน้าตาโรงแรมก็ประมาณนี้นะ โอเคมากๆ แต่ไกลหน่อย ตอนแรกเรากะว่าจะเช่ารถตั้งแต่มิวนิค แต่พอเปลี่ยนแพลนไปลงแฟรงก์เฟิร์ตก็เลยต้องเปลี่ยนแผนแต่ไม่ได้เปลี่ยนที่พัก อากาศก็กำลังดี ไม่ร้อนมาก ไม่เย็นมาก เดินลากกระเป๋ากันไปชิลล์ๆ



หลังจากนั้นเราก็ออกมาเดินเล่น ต่อรถเมล์ซึ่งที่โรงแรมจะมีบัตรให้โชว์เพื่อขึ้นรถเมล์ฟรี เพราะเราได้จ่าย city tax ไปแล้ว 2 ยูโรต่อคน ก็ให้ขึ้นฟรี 2 วัน แต่ขอบอกว่า.. 30 นาทีมาคันนึงนะ ต้องทำใจเย็นๆ หรือไม่ก็เดินเอา แต่จากที่พักไปตรงจตุรัสกลางเมืองก็ไกลอยู่ เราก็ไปรอนั่นแหละ คนแน่นด้วยไรด้วย ใครจะไปถ้าถึงสถานีรถไฟแล้ว ข้ามถนนมา รอที่ป้ายแรกเลยตรงข้ามสถานีรถไฟนะ





















หลังจากต่อรถเมล์เราก็ลงตรงจตุรัส มาเรียนพลาซ เช่นกัน

เป็นแหล่งกินๆ ช็อป ๆ ของคนที่นี่แหละเนาะ ก็เก็บภาพกันไป ชิลล์ๆ สวยงามดี

อากาศเริ่มเย็นตอนพระอาทิตย์ตก คนขี้หนาวอย่างเราก็ต้องใส่แขนยาวอ่ะ ไม่งั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน
































































สุดท้ายเราก็ไปนั่งชิมเบียร์กะขาหมูกันแถวๆ นั้น เดินกลับมารอรถเมล์ 45 นาที หนาวอ่ะ เหงาโด้ยย ถ้ามาคนเดียวเนี่ย.. ยุโรปทำให้ชีวิตชั้น ช้าลง 2 step เลยนะ ก็ดีนะ นั่งเม้าท์ไป ชิลล์ไป วันพรุ่งนี้จะไปขึ้นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมันล่ะ




Create Date : 03 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 1 เมษายน 2555 15:25:36 น.
Counter : 3067 Pageviews.

3 comment
--- แอบหลบไปพัก บาวาเรีย-ออสเตรีย กันดีกว่า ตอนสอง ---
ตอนที่สอง

ใครไม่รู้จักกงศุลเยอรมันที่ภูเก็ตบ้าง

เค้าจะบอกให้้นะ ฮาๆๆ

จะอยู่ตรงถนนบายพาส มาจากในเมืองให้ U-turn ตรงกี่หิ้นได้เลย เลี้ยวเข้าไปแถวๆ ตึก ธนาคารกรุงศรีสาขาบายพาส จะเป็นอาคารพาณิชย์ห้องเดียว อยู่ติดกับเซ้เว่นเลย เข้าไปป๊ะเจ้าหน้าที่ได้เลย ชิลล์มากก

อ้อ หลักฐาน ก็ตามที่สถานฑูตเค้าร้องขอนั่นแหละ
แต่หลักฐานทางการเงิน เราขอหนังสือรับรองสถานะทางการเงินจากธนาคารไปด้วย 2 บัญชี บัญชีแรกคือบัญชีเงินเดือน อันที่สองคือ บัญชีเงินเก็บ คือให้พอ cover ค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการเดินทางน่ะ แล้วขอ statement ไปด้วยทั้งสองบัญชี และเพื่อให้ดีเอาสมุดบัญชีตัวจริงไปจะดีมาก หลักฐานพวกบ้านและที่ดินก็ได้ สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานประจำอย่างเรา เจ้าหน้าที่บอกจะได้เป็นหลักฐานว่าฉันจะกลับมาแน่นอน เพราะคนหนีวีซ่าเยอะมากที่โน่น

มีพวกใบจองตั๋ว จองที่พัก แผนการท่องเที่ยว อ้อ ที่สำคัญประกันการเดินทาง เราทำของ BUPA ไป ประมาณ 1200 ทำผ่านทาง net ได้เลยนะ ปริ๊นท์ออกมาได้แนบไปได้เลย

ไปถึงก็กรอกใบคำขอ เค้าจะมีคำแปลให้ทุกหน้าแหละ และแยกสัมภาษณ์ทีละคน ส่วนใหญ่ก็จะดูว่ามีวีซ่าประเทศไรบ้าง เคยไปประเทศไหนบ้าง คำถามสำคัญคือ รู้จักใครที่โน่นป่ะ มีคนส่งเงินมาให้จากเยอรมันมั้ย มีบ้านที่นี่มั้ย เอาหลักฐานมามั้ย (คือจะบอกว่ามันเป็นคำถามเดียวกับสถานฑูตเมกาเลยอ่ะ) เราต้อ
หนักแน่นเว่ย ว่ามี..แต่ไม่ได้เอามา เรามีถามกลับด้วยนะ เดี๋ยวกลับไปเอาให้เอาป่าว ครือ กรวนตรีนเค้าอีก สัมภาษณ์นิดหน่อยๆ รวบรวมหลักฐานเสร็จ เค้าก็เก็บตังค์ 4910 รู้สึกว่า ค่าดำเนินการ 2000 นี่แหละ แล้วก็บอกว่า 8-10 วันจะได้วีซ่า เราก็โอเค นึกว่า 8-10 วันทำการ เอาเข้าจริง 10 วันคือ นับทุกวัน เราทำวันที่ 19/08 ได้วีซ่ามา 29/08 ตรงเวลาเป๊ะมากก ดีใจๆ ผ่านแล้ว เค้าออกมาให้เป๊ะมากๆ ตามตารางที่เราเขียนไปกันเลย ได้ Multiple เพราะเราเข้าออกเยอรมัน 2 ครั้งน่ะ แต่เข้าใจเค้านะ เพราะมันเป็นเชงเก้นอ่ะ เพื่อความปลอดภัยก็ต้องออกให้มัน safe สำหรับทุกประเทศเค้าล่ะนะ

ตอนนี้ก็เหลือวางแผนอีกหน่อย พอดีเวลาที่ไปลงมิวนิคมันกลางคืน เพื่อนๆ เลยเปลี่ยนไฟลท์ไปลง แฟรงก์เฟิร์ตตอนเช้า แล้วจะนั่งรถไฟมาน่ะ เราก็ตามใจเค้าละกัน อยากเที่ยวแล้วอ่าาา







Create Date : 01 กันยายน 2554
Last Update : 1 กันยายน 2554 11:14:21 น.
Counter : 2725 Pageviews.

0 comment
--- แอบหลบไปพัก บาวาเรีย-ออสเตรีย กันดีกว่า ตอนแรก ---
หลังจากได้ผจญภัยวันแผ่นดินไหว และสึนามิ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมาแล้ว
หายใจหายคอกันไม่ทัน จัดทริป 9 วัน 10 คืน อิฉัน ไปได้ 3 วัน 2 คืน แค่นั้นเอง

กลับมาบ้านก็หงอยเหงากันไป ตอนแรกว่าจะตามไปเยี่ยามน้องสาวที่กว่างโจว แต่ว่าไป ก็เคยไปฮ่องกงมาแล้ว เธอก็จะไปดิสนีย์แลนด์ เราก็ไปมาแล้วเลยพักโครงการไปก่อน

บังเอิญเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพื่อนสส (สาวโสด) ผู้น่ารักได้ WA (What's app) มาถาม เออแกจะไปเที่ยวยุโรปป่าวว เออ.. เคยคิดจะไปนะ ไปเยอรมัน ออสเตรีย เช็คไง แต่เพื่อนร่วมทางไม่พร้อมซักคน ยกเลิกไปแล้ว อยู่ๆ มันก็บอก เอ้ยย.. ไปกันป่ะ มีสมาชิก 3 คนแล้ว เอาแกอีกคนก็พอ เพราะจะขับรถเที่ยวกัน เหอๆๆๆ มันบอกเดี๋ยวส่งตารางให้ เราก็เปิดอ่าน และแบบว่า เอ้ยย มันเป็นที่ๆ เราอยากไปนะเนี่ย ทำไงๆๆ ก็เช็ควันลา เหลือแค่ 8 วันเองปีนี้ แต่มันให้ลา 5 วัน เราก็เออ โอเค ใช้วันลาเปลืองมากจริงๆ ปีนี้ มันบอกเช้า เราใช้เวลา 30 นาที ตัดสินใจไปน่ะแหละ ว่าไปตอนแรกก็กลัวๆ เรื่องงบ แต่ว่า ไม่รู้สิ โอกาสแบบนี้ก็หายากนะ เหมือนเป็นที่ๆ สงวนไว้สำหรับเราเลยทริปนี้ ไม่อยากปฏิเสธกันเลยทีเดียว


หลังจากนั้นว่าจะไปขอวีซ่าที่ กรุงเทพฯ กัน แต่เพื่อนไหวตัวทัน ว่ามันน่าจะมีสถานกงศุลที่ภูเก็ตมั้ย เราก็หาเบอร์ให้ ก็โทรไปถาม ข่าวดีก็คือ ที่นี่เค้าก็รับทำวีซ่าเหมือนกัน แต่ค่าทำ 4960 บาท รอพาสสปอร์ต 2 อาทิตย์ ถ้าทำที่กทม. 2660 รอ 3 วันได้ เราก็ตัดสินใจทำที่นี่ดีกว่าเยอะ ไม่เสียเวลา และค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก แพงกว่า 2500 แต่ค่าตั๋วเครื่องโลว์คอส ก็ปาไป 3500 แน่ๆ ก็สบายไป ดีใจเป็นอย่างแรก อยู่ภูเก็ตก็ดีอย่างนี้เอง


ตอนนี้ก็เตรียมหาข้อมูล เส้นทางที่ไป
คงเป็นปลายๆ เส้นสายโรแมนติก ที่มิวนิกแต่จะแยกไป ลินเดอรฺ์โฮฟ -->ซุกพิส เข้าออสเตรีย ไป innsbrook --> hohe ที่ออสเตรีย --> Hallstatt -->Salzburg

แค่นี้ก็โอเคแล้วไปแค่ 8 วันเอง ช่วงใบไม้แดง ไปเห็นใบไม้แดงแถบนั้นคงสวยน่าดู ได้อารมณ์ดี ไปเที่ยวธรรมชาติอ่ะ ช๊อบ ชอบ

ขอบคุณคุณหมอนะที่ชวน เราไม่รู้จะว่าไงดี แต่ดีใจมากจริงๆ ที่ได้ไปเที่ยวทริปนี้

ข้อมูลอื่นเดี๋ยวมา Update อีกที เผื่อๆ ใครอยากไป

เมกาได้วีซ่ามา 10 ปี ค่อยไปละกัน ยังนึกไม่ออกว่าจะไปลงที่ไหนดีอ้ะ




Create Date : 09 สิงหาคม 2554
Last Update : 9 สิงหาคม 2554 14:51:46 น.
Counter : 2762 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  

m-e-e-n-a
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ชอบกิน
ชอบวิ่ง
ชอบว่ายน้ำ
ชอบทำอะไรก็ได้ให้เอนโดรฟีนหลั่ง
ชอบถ่ายรูป
ชอบออกเดินทาง
ชอบหลายอย่าง บางอย่างทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อยากทำ

อิสระของชีวิต ไม่ใช่เพราะมีเงินเพียงพออย่างเดียว
เราต้องมีเวลาให้กับของกินที่มีประโยชน์ ทำประโยชน์ให้กับสังคม สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนดีๆ ออกเดินทางค้นหาคำตอบของชีวิต ดูหนัง ฟังเพลง เสพงานศิลป์ เพื่อความรื่นรมณ์อีกด้าน และที่สำคัญมีเวลาใส่ใจกับคนในครอบครัวของเราด้วย ทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่.. ชีวิตเราจะสมบูรณ์ที่สุด