All Blog
--- แอบหลบไปพัก บาวาเรีย-ออสเตรีย กันดีกว่า ตอนสี่ ---
วันนี้ไปเที่ยว ซุกสปิสกันนะคะ
เป็นยอดเขาที่อยู่แถบบาวาเรียนเนี่ยะแหละค่ะ สูงที่สุดในเยอรมันค่ะ 2962 เมตร สามารถขึ้นได้จาก 2 ประเทศ เยอรมันกับออสเตรีย

วันนี้เราไปเช่ารถกันที่ Europe Car ซึ่งสำนักงานเค้าอยู่ใกล้ๆ กับสถานนีรถไฟของเมือง Gamisch นั่่นแหล่ะค่ะ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ ตอนแรกเราจองรถ เบนซ์แบบนั่งได้ 4 คนแต่เค้าไม่มีรถให้เค้าเลย upgrade ให้เป็นเบนซ์ S-Class ที่มี GPS ในรถแต่ขอโทษค่ะ มันเป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งเราทุกคนไม่มีใครกระดิกหูกันเลย เลยพยายามต่อรองขอ GPS ที่เป็นภาษาอังกฤษมา คุณป้ากะคุณน้องที่ยุโรปคาร์ใจดีมากๆ ไปหามาให้และไม่คิดค่าเช่าเลยค่ะ ได้รถมาก็คันใหญ่มาก และนั่งสบาย เสียอย่างเดียว เราว่ากระเป๋าเราใหญ่กันไปหน่อย เลยเก็บกระเป๋ากันด้านหลังไม่พอ แหะๆๆ


ดีใจๆ จะได้ไปเที่ยวกันแล้ว



ออฟฟิศของยุโรปคาร์


หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปขึ้นเขาซุกส์ปิสซี่กัน
//www.zugspitze.de/en/winter/index.htm 

ก็เวลาซื้อตั๋วจะมีให้เลือกว่าจะขึ้นอย่างเดียว หรือขึ้นและลง
เราวางแผนกันว่าจะขึ้นด้วยกระเช้า แล้วลงด้วย รถไฟกัน



อันนี้รอคิวขึ้นกระเช้า

รอคิวกันอากาศดีมากค่ะ ไม่ร้อนและไม่เย็นจนเกินไป เดือนตุลาคมมันดีอย่างนี้นี่เอง



และเราก็ได้เบียดๆ ขึ้นมา เราจ่อตรงประตูทางเข้า(โดยบังเอิญ) แหะๆ กระเช้าขึึ้นไปใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีไม่ขาดไม่เกิน นึกถึงกระเช้าขึ้นดอยสุเทพกันเลยทีเดียว แต่โปรดเถิด วิวทะเลสาบ Eibsee ที่อยู่ด้านล่่างทำเอากะเหรี่ยงน้อยอย่างเรา ฮือฮากันตลอด ข้างประตูนั่นแหละ


กดชัตเตอร์กันไม่ยั้ง เค้าไม่เคยมานี่นา ;P


แหงนหน้ามองไป อืมม มีหิมะนิดๆ เลยนะ ใกล้จะถึงแล้ว จะหนาวแค่ไหนเชียว


ขึ้นมาถึงแล้วเป็นสถานีให้เข้าไปชม และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของเค้าล่ะ นั่งอาบแดด จิบเบียร์ หม่ำไส้กรอก อะไรจะดีไปกว่านี้ ใช่ป่าวค้าา


ยังถ่ายกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเป็นแนวเทือกเขาที่ต่อๆ กันไปถึงแอลป์มั้ยเนี่ย


ชอบท้้องฟ้าบ้านเค้านะคะ อาจจะเป็นเพราะอากาศไม่ได้ร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ท้องฟ้าใส สีฟ้าไม่มีก้อนเมฆเลย เหมือนในนิยายที่เราเคยอ่านอ่ะนะ


เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเหนือเมฆแฮะ อย่างง่ายๆ ด้วย ไม่ต้องปีน 15 นาทีก็มายื่นตรงเนี้ยแล้ว


อั้นแน่ มีกล้องให้ชมวิวด้วย เราก็แอบถ่ายเค้ามาหน่อย ส่วนเราไม่ได้แอ้มหรอก อิอิ



อุ้มลูก จูงหลานกันมา เวลายืนชมวิวยอดเขาสูงๆ เนี่ยมันรู้สึกดีมากจริงๆ นะคะ



มองไปก็เห็น Eibsee  อีก น้ำสีเข้ม ตัดกับ ป่าสีเขียว สีสวยดีนะ

ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนปลายๆ แล้ว แต่ยังมีหิมะเหลือเล็กน้อยมากบนยอดเขาค่ะ





ตรงนี้เป็น จุดมหาชนยอดนิยมของที่นี่เลยค่ะ เป็นไม้กางเขน มีจุดที่สามารถกดถ่ายรูปจากเครื่องได้ด้วยและลงไปจ่ายเงินจากร้านกิฟท์ช็อปข้างล่างได้ น้องในทีมอาสาปีไปฝั่งโน้น ด้วยความกล้าบ้าบิ่น ส่วนเราเป็นพวกกลัวความสูงไม่กล้าเลย พอถามตอนขากลับว่าเป็นไงบ้าง เธอบอก "ขาสั่น" มาก แต่สู้ ค่ะ ไม่กล้ามองลงไปกลัวจะสั่นมากกว่านี้ 


นี่ค่ะ ทางเดินที่จะขึ้นไปจุดนั้น ไม่มีอะไรให้จับนะ เทรกกิ้งกันอย่างเดียว เสียวด้วย ;)





fotopoint สำหรับคนที่ไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมา

หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นกันรอบๆ สถานี อุณหภูมิกำลังดีมากเลยค่ะ 15 องศา ไม่หนาว พลิ้วๆ เพราะอาจจะมีแดดด้วยมั้งเนี่ย


และแวะซื้อไส้กรอกเยอรมันค่ะ   ที่นี่ผู้ใหญ่เค้ากินใส่มัสตาร์ดกัน เราแอบสั่งตามเด็กๆ ที่ต่อคิวก่อนหน้าขอ Katchup แหะๆ อร่อยนะค้าาา ราคาไม่แพงมาก เราว่ามาขายข้างบนนี้ก็น่าจะสนุกดี ดูคุณลุงแกเพลินๆ ทอดไปฮัมเพลงไป ได้เงินด้วย ได้อาบแดดด้วย มีความสุขจนน่าอิจฉากันเลย



อีกภาพที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่สูงเหนือเมฆจริงๆ นะคะ



นอกจากไทยมุงแล้ว ฝรั่งก็ยังมุงได้อีก ;)


อันนี้เป็นเคเบิ้ลคาร์ที่วิ่งมาจากฝั่งออสเตรียค่ะ



ชมวิวรอบๆ สถานี



บางคนก็มานั่งชมวิว ทานอาหารไป



ยังมีหิมะอยู่บ้าง
ยังพอมีหิมะอยู่บ้าง



คุณลุงแกเดินมาจากฝั่งกระโน้น




น้องโกลเด้นนอนอาบแดดอุ่นๆ




ดูหงอยๆ ไปหน่อย คาดว่าอาจจะง่วงนอน


เริ่มรู้ว่าเป็นดาราหน้ากล้อง เริ่มยิ้มแฮะ



รู้สึกว่าเราอยู่เหนือเมฆจริงๆ นะ


มีคนเดินปีนเขามากมาย



สถานีด้านล่างเราต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์ลงไป ซึ่งสถานีนี้เราจะเลือกได้ว่าจะลงต่อด้วยรถไฟ หรือจะนั่งเคเบิลคาร์กลับขึ้นมาแล้วนั่งเคเบิลคาร์กลับไปทางเดิม ทางรถไฟใช้เวลานานค่ะ ประมาณ 30-45 นาทีกว่าจะถึงสถานี




นักปีนเขา เยอะแยะ คาดว่าเป็นกิจกรรมหน้าร้อนสุดฮิตของที่นั่น





กลับมารอกินไส้กรอกอีกรอบของผู้ร่วมทีม น่ากินมากๆๆๆ ใช่มั้ย อิอิ



ของที่ระทึก.. ราคาก็ระทึกเล็กน้อย เลยไม่ได้ซื้อได้แต่เก็บภาพ 
และซื้อแค่โปสการ์ดเก็บไว้




เทือกเขา สลับซับซ้อน สวยงาม



ภาพนี้ทำให้เรารู้สึกว่า มนุษย์เล็กกว่าธรรมชาติมากนัก ธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่กว่าเรานัก แต่ทำไมเราถึงได้ทำลายธรรมชาติกันเก่งนักนะ 





เป็นสถานที่ family outing จริงๆ



กลับมาที่สถานีจะลงไปข้างล่างกันละ






เค้าว่ากันว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในเยอรมัน



มองกลับไปที่สถานีข้างบน เล็กนิดเดียวเมื่่อเทียบกับภูเขาทั้งลูก 



สาวน้อยคนที่เจอข้างบนกับคุณแม่



ยังพอมีหิมะเหลือบ้าง เด็กๆ ก็สไลเดอร์กัน ส่วนเราขอบาย เนื่องจากเห็นว่าลงไปใช้เวลาน้อยมาก แต่ตอนขึ้นกลับมานี่แฮ่กกันหลายแฮกเลยทีเดียว




หมาหิมะ ;)

ท่าทางจะดื้อเอาการ


สาวๆ กลุ่มนี้มาจากเมกา(แอบได้ยิน) เฮฮา ปาหิมะกันมาก ตอนพวกเธอลงไปเล่นสไลเดอร์ ตอนขึ้นมาคนอวบๆ หน่อยบ่นเสียงดัง อุทาน โอ้มายกอดๆ ตลอด คงเหนื่อยอ่ะนะ 




หมาหิมะนายแบบของเรา


เรานั่งรอเพื่อนและน้อง เล่นสไลเดอร์ไป แสนปช็อตคนไป หมาบ้าง ดูรอบๆ ตัว เวลาพวกเค้าอยู่ในช่วงวันหยุดอะไรๆ ก็ดูสนุก และสบายไปซะหมดนะ มีความสุขมากเลยอ่ะ ช่วงนั้น



สถานที่จิบเบียร์ หม่ำไส้กรอกอีกแห่ง คนเต็มตลอด


ขากลับพวกเรากลับมาทางรถไฟ มันขุดลอดอุโมงค์มืดๆ ประมาณ 25 นาที และลงมาผ่านป่าสนและ Eipsee อีกซักพัก ธรรมชาติสวยและงดงามมาก มีความสุขอีกที





นั่งมองดูวิวข้างๆ เพลินๆ จนลืมถ่ายรูป บางคนขอลงตรงป่าสนเพื่่อเดินป่าต่อ ดูๆ แล้วชาวเยอรมันมีกิจกรรมแบบใกล้ชิดธรรมชาิติเยอะดีนะ



และแล้วก็ถึงสถานีปลายทางซักที ถือว่าคุ้มมาก ค่าเคเบิ้ลรวมกะตั๋วรถไฟถ้าจำไม่ผิดประมาณ 2800 บาทไทยนะคะ แต่เราว่าสะดวกมากทุกอย่างที่เค้าบริการให้ 

เป็นภูเขาที่ประทับใจจริงๆ ในที่สุดเราก็มาพิชิตได้แล้ว(แหะๆ) แบบง่ายๆ มากๆ ด้วย ถ้าใครผ่านมาทางนี้ แนะนำให้ขึ้นซุกสพิสซักครั้งเถอะ แล้วจะรู้ว่าอารมณ์เหนือเมฆมันเป็นยังไง

หลังจากนี้เราไป ลินเดอร์โฮฟ กันต่อ  To be continue ค่ะ





Create Date : 30 มีนาคม 2555
Last Update : 1 เมษายน 2555 15:18:35 น.
Counter : 3967 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

m-e-e-n-a
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ชอบกิน
ชอบวิ่ง
ชอบว่ายน้ำ
ชอบทำอะไรก็ได้ให้เอนโดรฟีนหลั่ง
ชอบถ่ายรูป
ชอบออกเดินทาง
ชอบหลายอย่าง บางอย่างทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อยากทำ

อิสระของชีวิต ไม่ใช่เพราะมีเงินเพียงพออย่างเดียว
เราต้องมีเวลาให้กับของกินที่มีประโยชน์ ทำประโยชน์ให้กับสังคม สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนดีๆ ออกเดินทางค้นหาคำตอบของชีวิต ดูหนัง ฟังเพลง เสพงานศิลป์ เพื่อความรื่นรมณ์อีกด้าน และที่สำคัญมีเวลาใส่ใจกับคนในครอบครัวของเราด้วย ทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่.. ชีวิตเราจะสมบูรณ์ที่สุด