Group Blog
All Blog
--- ต า ม ล่ า ห า S c a r l e t F i n c h ---














เพื่อนนักดูนกมาพักที่บ้านและชวนขึ้นดอยเพื่อตามล่านกฮอตสุดของฤดูร้อนนี้ เขาคือ นกจาบปีกอ่อนสีแดง (Scarlet Finch) สีแดงเพลิงสดใสและร้อนแรงเหลือเกิน เป้าหมายเราคือตัวนี้ตัวเดียว ถามกันว่าจะนั่งเฝ้าไก่แต่เช้ามืดหรือเปล่า ทุกคนว่าไม่ แต่เราต้องตื่นเช้าอยู่ดี ออกจากบ้านตี 5 ครึ่งฟ้ามืดมาก ขึ้นถึงดอยหกโมงกว่าก็ยังไม่ทันนักดูนกกลุ่มใหญ่ที่มาเฝ้าไก่ฟ้ากัน เช้านี้รถเยอะกว่าคราวที่แล้วที่พาเพื่อนมา แต่เราข้ามไปยังด่านทหารเพราะที่หมายวันนี้เราอยู่ที่นั่น

ถึงแม้ว่า ทางข้ามด่านจะเป็นแค่ไม้กั้นห้ามเตี้ย ๆ มีรั้วรวดหนาม แต่ไม่มีทหารตรงด่านตรวจ เราไม่กล้าเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นที่หมายรำไรข้างหน้าก็ยังต้องรอ นกส่วนใหญ่ก็มาแต่เช้า แต่เวลาราชการเริ่มทำงานก็แปดโมงตรง เราต้องรอจนกว่าทหารมาประจำการจึงจะขอผ่านไปได้

ระหว่างที่รอ เราก็วนหานกปากกบลายดำที่พลาดเมื่อคราวที่แล้ว (คิดถึงเพื่อนจากร้อยเอ็ดที่มาไกล เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ พาหาที่เดิมที่เราเจอเขาทุกปี) เขาอยู่อีกต้นหนึ่งที่ไม่ใช่ต้นเดิมที่เราเคยเจอเมื่อสองปีติดต่อกัน ต้นไม้ยังต่ำเตี้ยและเขาพรางตัวอยู่นิ่งกลืนไปกับกิ่งไม้จนแทบจะแยกแยะไม่ได้ แต่เราก็ส่องจนเจอ (เราเก็บภาพตอนข้ามด่านไปแล้ว)

จากนั้นเห็นนก จอกจ๊าง หรือนกกระติ๊ดใหญ่ปีกลาย ปากใหญ่หนา เจอทั้งตัวผู้และตัวเมียมากกว่าสองคู่ ฉันเจอพวกเขาโดยบังเอิญเมื่อปีที่แล้วโดยไม่ทราบว่า นกชนิดนี้เป็นนกหายากที่นักดูนกรอคอยมากว่าห้าปีแล้ว

พวกเขาเกาะกิ่งสูงมาก ต้นไม้ที่นี่จะสูงมากกว่านางพญาเสือโคร่งที่เราพบพวกเขาครั้งแรกซึ่งกำลังใช้ปากหนาใหญ่งับดอกทีละดอกดูดน้ำหวาน ดูดและคาย ดอกไม้ร่วงสู่พื้นล้วนแล้วแต่จางหวานทั้งนั้น แต่วันนี้ พวกเขาวนมารับอากาศเช้ากันหรือไร ไล่วนกันไปมา ขณะเก็บภาพก็ส่องกล้องหาเสียงนกหัวขวานที่กำลังเจาะไม้ ไล่เก็บภาพกันสนุกสนานฆ่าเวลารอไปดูนกเป้าหมายของเรา รอจนแปดโมงกว่าจึงจะได้ข้ามด่านได้

เราเบรคมื้อเช้าด้วยกาแฟและมาม่าไปหนึ่งยก รอจนเกือบเที่ยงจึงยอมยกธงขาว เอาไว้มารอเจ้าสกาเล็ต ฟินช์วันอื่น ซึ่งไม่ทราบว่าจะได้เจอหรือเปล่า คาดหวังอะไรไม่ได้อีกนั่นแหละ

ออกมาเจอกับนักดูนกกลุุ่มที่รอไก่เมื่อเช้า ถามเขาว่าเจอไก่ฟ้าหรือเปล่า ปรากฎว่า เช้านี้ไก่ฟ้าไม่ออก ทั้งที่จันทร์ถึงเสาร์ ใครมาเฝ้าแทบไม่เคยกลับบ้านมือเปล่า ไก่ฟ้าหยุดรับแขก พักผ่อนวันอาทิตย์หรือไร น่าเห็นใจที่เขามากันไกล ไม่ได้ไก่ติดไม้ติดมือ แต่เชื่อว่า เขารับได้อยู่แล้วเรื่องพวกนี้ เหมือนที่เราไปชวดกับการนั่งรอกะเต็นใหญ่ที่แม่วงก์นั่นแหละ แต่คนที่เฝ้ากะเต็นหลังเราอาทิตย์เดียวกลับได้มาทั้งสองตัวบนหินศักดิ์สิทธิ์นั่นเลย ไม่รู้ว่าเราจะกลับไปแก้มือกันอีกเมื่อไหร่

เรามาจอดรถกินกาแฟและอาหารที่เตรียมมา แต่ยังไม่ทันต้มน้ำชงกาแฟเสร็จ คนที่บ้านยิงนกไปโดยไม่แน่ใจว่านกอะไร ฉันเห็นถึงกับกรี๊ด นึกไม่ถึงว่าจะเจอนกขัติยาในวันนี้ นกเทพของดอยสันจุ๊ตัวหนึ่งล่ะ เราไม่ได้เตรียมใจมาเลยว่าจะเจอ ไล่ดูผ่านกล้องและเก็บภาพกันสนุกสนาน เขามากันสี่ตัว ภาพไม่ค่อยดีแต่ตื่นเต้นและยกกล้องตามกันไป ต้นซ้ายต้นขวา เขาจะมุดหาอาหารในกล้วยไม้ที่ขึ้นตามกิ่งไม้ใหญ่ และไต่วนรอบต้นเหมือนนกไต่ไม้ ต้นไม้ห่างจากถนนไกลมาก ขนาดของนกก็ไม่ใหญ่ แต่สีสันบาดใจและมีขีดเป็นบั้ง ๆ ที่ลายท้อง จากนกก็เห็นเหยี่ยวบินต่ำ วนไปวนมาก่อนมาเกาะกิ่งแต่เขาเห็นเราก่อน เกาะไม่ทันหายใจเข้าออกครบยกก็ทะยานขึ้นฟ้า ฉันกดไปสี่ภาพแต่ไม่ชัดเพราะไม่มีมุม และมาไล่ตามนกขัติยาต่อ ถ่ายขนาดนี้เชื่อว่ามันต้องมีดีสักภาพสองภาพ มองหน้ากันหัวเราะกันไป ส่วนเพื่อนใช้สโคปจนลืมใช้กล้องถ่ายภาพ คิดว่าเธอน่าจะมีภาพดีอยู่นะ

มานั่งจิบกาแฟกันต่อ ไม่ได้นกเป้าหมายแต่มาได้นกสูงศักดิ์แทนก็ไม่เลวนัก เมื่อเช้าก็ได้อะไรไปหลายอย่างแล้ว คิดว่าพอใจมาก จะลงไปทำอะไรกินกันที่บ้านกับลูกดีกว่า ให้เวลาดูนกกันต่ออีกสองชั่วโมง

เราไม่เข้าไปดูนกตามโรงละครนกหรอก ถ่ายกันจนพรุนแล้ว ให้นักดูนกจากที่อื่นเขานั่งรอกันเถอะ วันนี้ได้นกใหม่บนดอยเพิ่มมาอีกตัวคือนกจับแมลงหัวสีฟ้า

สรุปนกบนดอยสันจุ๊วันนี้

1. นกปากกบลายดำ Hodgson’s Frogmouth
2. นกจอกจ๊าง หรือนกกระติ๊ดใหญ่ปีกลาย Spot-winged Grosbeak เป็นฝูง
3. นกหัวขวานด่างอกลายจุด Freckle-breasted Woodpecker
4. นกปรอดหัวตาขาว Flavescent Bulbul ไม่ได้นับเพราะเต็มดอย
5. Little Pied Flycatcher นกจับแมลงเล็กขาวดำ
6. นกจับแมลงหัวสีฟ้า Sapphire Flycatcher นกใหม่ของฉัน ตัวกระจิ๊ดเดียว ปีกสีน้ำเงินไพลินสวยมาก
7. นกเหยี่ยวรุ้งหรือเหยี่ยวผึ้ง ไม่แน่ใจ
8. นกหางรำดำ -- นกโหลประจำดอย
9. นกหางรำดำหางแดง -- เห็นไม่บ่อยนัก ปีกลายสวย
10. นกเฉี่ยวบุ้งใหญ่ -- Black-winged Cuckooshrike
11. บั้งรอก -- นกธรรมดา เห็นได้ทั่วไป ที่บ้านก็มีตัวหนึ่ง ถ่ายได้หัวก็ขาดหาง ไม่ค่อยจะเก็บภาพได้ทั้งตัว
12. นกกระจิ๊ด ไม่รู้ไอดีเพราะเป็นนกเล็กและแยกยากมากที่สุดชนิดหนึ่ง
13. นกอพยพขาใหญ่ประจำดอย อย่างอัลตร้ามารีน /นกยอดหญ้าหัวเทา /นกไต่ไม้โคนหางสีน้ำตาล/ นกจับแมลงสร้อยคอขาว / สเลตี้บลู /นกกะราง /นกจับแมลงแถบคอสีส้ม Rufous-gorgeted Flycatcher ฯลฯ ที่เห็นแล้วก็ยังถ่ายซ้ำได้อยู่
14. นกภูหงอนวงตาขาว Whiskered Yuhina
15. นกไต่ไม้โคนหางสีน้ำตาล Chestnut-vented Nuthatch
16. นกขัติยา Himalayan Cutia อย่างน้อยสี่ตัว

แม้ไม่ได้นกตามเป้าหมาย แต่นกที่ได้มาไม่ธรรมดาเลย ยังสนุกกับบรรยากาศที่เพิ่งผ่านไปในวันนี้ ช่างโชคดีและมีความสุขจริง ๆ
ขอบคุณเพื่อนที่พาเราดูนกและพบนกใหม่ในวันนี้

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
6 มีนาคม 2559



Create Date : 07 มีนาคม 2559
Last Update : 7 มีนาคม 2559 15:25:32 น.
Counter : 731 Pageviews.

1 comment
--- วั น ที่ พ่ อ ม า เ ที่ ย ว บ้ า น ---














1

พ่อกับแม่ของฉันแยกทางกันตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบ ฉันจึงเติบโตมาใต้ปีกอันอบอุ่นของแม่มาโดยตลอด มีเพียงจดหมายจากพ่อที่เขียนมาหาอย่างสม่ำเสมอจนเรียนจบมหาวิทยาลัย

นี่อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันชอบการเขียนจดหมาย เพราะเมื่อฉันเขียนหนังสือได้ สะกดอะไรเป็นคำได้ ฉันก็เขียนจดหมายหาพ่อ เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้พ่อฟัง แม้จะลงท้ายจดหมายเหมือนพ่อว่า

“รักและคิดถึงลูกเสมอ”
พ่อ



เมื่อวานนี้ พ่อเดินทางออกจากสุพรรณราว ๆ บ่ายสามโมงโดยนั่งรถประจำทางอีกประมาณสองชั่วโมงเพื่อไปต่อรถไฟที่อยุธยา รอรถไฟเทียบชานชาลาสถานีอยุธยาอีกสองชั่วโมง แต่เพราะเป็นรถไฟสายประเทศไทย สำหรับเรื่องการล่าช้าจึงค่อนข้างเป็นเรื่องปกติเพราะพ่อบอกว่า รถไฟเลทไปอีกชั่วโมง

การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางตามลำพังครั้งแรกหลังจากที่พ่อมีชีวิตอยู่กับโรคมะเร็งมากว่าสิบปี ปีนี้พ่ออายุ 75 แล้ว ตั้งแต่พ่อป่วย พ่อไม่เคยไปไหนไกล ๆ อย่างนี้ตามลำพังมาก่อน ฉันชวนพ่อมาเที่ยวบ้านหลายครั้งหลังจากที่เราพาหลาน ๆ ไปเยี่ยมพ่อที่บ้าน เคยถามหลายครั้งแล้วว่าจะให้เรามารับหรือยังไงก็ให้ตัดสินใจ จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ถึงว่าพ่อตัดสินใจจะมาหาเราจริง ๆ และแจ้งเจตจำนงว่าจะนั่งรถไฟมาหาที่เชียงใหม่และให้เราไปรับ

ฉันรู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับไม่แน่ใจว่าพ่อจะมาหาจริง ๆ เพราะเมื่อนึกถึงการเดินทางอันแสนไกล พ่ออาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ สุขภาพพ่อก็ไม่เต็มร้อย อาจจะมีความไม่พร้อมในเรื่องอื่น ๆ อีกก็ได้ ต่อให้ซื้อตั๋วรถนอนแล้วก็ตาม พ่อส่งเสื้อผ้าของพ่อล่วงหน้ามาทางพัสดุไปรษณีย์ เขาอยากเดินทางแบบตัวเบาที่สุด เตรียมถุงปะหน้าท้องเพื่อเปลี่ยนของเสียระหว่างทาง เตรียมยาพ่นหอบหืดและเตรียมร่างกายและใจให้พร้อมเพื่อการเดินทางไกล

ก่อนหน้านี้พ่อไปเดินออกกำลังกายทุกวัน ๆ ละครึ่งชั่วโมง กลัวเส้นยึด เขาบอกว่า เดี๋ยวก้าวขึ้นรถไฟไม่ได้ กลัวกำมือกับราวรถไฟแล้วดึงตัวขึ้นไม่ได้ ไม่อยากประมาท ฉันรับฟังเรื่องราวเหล่านี้ผ่านเสียงทางโทรศัพท์ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าพ่อจะมาได้ ขอไปรับ พ่อก็บอกว่า ถ้าไปเองไม่ได้ก็ไม่อยากไป ก็เลยรอคำตอบและการมาของพ่ออย่างเงียบ ๆ

เด็ก ๆ ปิดเทอมกันแล้วและรอรับคุณตาที่สถานีรถไฟหลังจากที่ตาโทรฯมาหาตอน 9 โมงเช้าว่าถึงลำปางแล้ว สุขภาพดี ไม่ต้องห่วง

พ่อมาถึงบ้านดอยราว ๆ 4 โมงเย็น จากนั้น ฉันก็เข้าบ้านไปดูความเรียบร้อยในบ้านเพราะมีทั้งลูกสาวและพ่อซึ่งมาบ้านเราเป็นครั้งที่สองหลังจากที่บ้านสร้างเสร็จใหม่ ๆ เมื่อปี 44 ตอนนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์ในบ้านสักชิ้น ไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว ดินสีแดงทีเพิ่งมาลงและยังไม่ได้เกลี่ยให้เรียบร้อย ช่วงนั้นหาดินดำไม่ได้แม้ว่าตั้งใจจะปลูกต้นไม้ในบริเวณที่เหลือของบ้านทั้งหมด

อากาศช่วงนี้เหมือนดีขึ้น ปลอดโปร่งพอสมควร ฟ้าไม่เป็นสีขาวมากเหมือนวันก่อน เห็นฟ้าสีฟ้าบ้างแล้ว สงสัยเป็นเพราะ บ้ า น ด อ ย ยิ น ดี ต้ อ น รั บ ก า ร ม า ข อ ง พ่ อ






2

ฉันผลัดเวรกับโตเพื่อเข้าบ้านไปต้อนรับพ่อ รอเขาอาบน้ำอาบท่าอยู่นานพอควร จนต้องถามว่า โอเคหรือเปล่า กลัวเขาล้มหรือหน้ามืดในห้องน้ำ นี่คือสิ่งที่ฉันไม่คุ้นเคย เราไม่เคยอยู่ด้วยกันและพ่อก็อายุมากแล้ว ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าจะดูแลพ่อได้มากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกเป็นห่วงว่า ฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
รอพ่ออยู่นาน เห็นหน้าตาสดชื่นหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ฉันสงสัยว่า ทำไมอาบน้ำนานจังเลย กลัวเป็นลมในห้องน้ำ พ่อบอกว่าก็เกือบเป็นลมเหมือนกันมัวแต่ซักเสื้อผ้าที่เลอะของเสียจากการเดินทาง ฉันยิ้ม ๆ รู้แล้วล่ะว่า พ่อไม่กล้าให้ฉันทำอะไรให้หรอก เขากลัวฉันรังเกียจ ฉันรู้แล้วล่ะว่า นี่อาจเป็นเวลาที่ดีที่ฉันมีโอกาสได้ทำอะไรให้พ่อบ้าง เลยบอกว่า ทีหลังไม่ต้องแล้ว เรื่องแค่นี้พอทำให้ได้ ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย

พ่อและหลาน ๆ กินข้าวขาหมูมาจากเชียงดาวบ้างแล้ว และทั้งอาหารและผลไม้เต็มบ้าน สามีฉันช่างซื้อของอยู่เป็นทุนและก็เพิ่งหอบข้าวของมาจากบ้านพ่อแม่เขาด้วย ไม่ได้มีแต่ข้าวสารเหมือนทุกคราวแต่ยังมีฟักทองซึ่งตาของเขาเป็นคนปลูก ตาของสามีอายุ 95 แล้วเช่นกัน แต่ยังเดินเหินได้ ปลูกผักปลูกพริกเต็มสวน ปลูกไว้กิน ไว้แจก ไม่ใช่ไว้ขาย

พ่ออยากกินกาแฟ เขาบอกว่าเขากินกาแฟวันละสี่แก้ว เลยถามว่า พ่อกินกาแฟยังไงจะได้ชงให้ กาแฟของพ่อก็คือ กาแฟหนึ่งช้อนครึ่ง คอฟฟี่เมทหน่อย ใส่นมข้น ชงไม่ต้องเยอะมาก อยากจิบกาแฟสบาย ๆ ตอนนี้ เพราะอยู่บ้านกินแต่กาแฟ 3 in 1 รู้ว่าหวานแต่ก็ใส่น้ำเยอะ ๆ เอา

ระหว่างนี้ พ่อโทรฯบอกที่บ้านว่ามาถึงแล้ว และโทรฯหาน้องสาวคนเดียวของพ่อคืออาสาลี่ซึ่งเป็นญาติคนเดียวของฉันที่ฉันรู้สึกรักและสนิทใจมากที่สุดในโลก อารักและเป็นห่วงเราสามคนตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว ความรู้สึกนี้ไม่เคยหายไปจากใจฉันแม้วันเวลาจะผ่านไป

ได้ยินพ่อคุยกับอา และชวนอามาเที่ยวด้วย พ่อเล่าให้อาฟังว่า พ่อบอกพนักงานรถไฟประจำตู้รถไฟแต่ละตู้ตอนรอให้คนขึ้นนั้นว่า “ถ้าเห็นผมค้างอยู่ตรงบันไดและไม่ยอมก้าว ช่วยดันตูดผมให้ด้วย” ฉันยิ้ม ๆ เพราะพ่อบอกว่า ใครไม่แก่ขนาดพ่อไม่รู้หรอกว่า อาการก้าวแล้วก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้น่ะเป็นยังไง จะเอาใจว่าอย่างเดียวไม่ได้ เพราะร่างกายมันไม่เอาด้วย

ระหว่างการเดินทางบนรถไฟ พ่อเจอชาวฝรั่งเศสทั้งสามเตียง พ่อจองเตียงล่างไว้ ครั้นพอพ่อขึ้นมา เขานั่งเล่นไพ่กันอยู่ก่อนหน้าแล้ว เห็นคนหนึ่งขอเปลี่ยนที่นอนของพ่อ จะให้พ่อไปนอนข้างบน พ่อเลยถามการ์ดรถไฟว่า มีปัญหาอะไรหรือเปล่า การ์ดบอกว่าไม่มีครับลุง ลุงมีสิทธิ์ที่จะนอนในที่ที่ลุงจองครับ พ่อก็คุยต่อว่า สามคนนั้นก็ไม่ว่าอะไรต่อ เล่นไพ่กันต่อ เสียดายที่ฟังเขาไม่รู้เรื่องหรือเล่นไพ่ไม่เป็น ไม่งั้นพ่อจะขอเขาเล่นด้วย เขาเล่นจนดึกและก็เล่นกันเบา ๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนพ่อ แต่พ่อสิ รบกวนเขาแน่เพราะโทรศัพท์ของพ่อดังทั้งคืน ทั้งลูกสาว ลูกชายและเพื่อน ๆ ของพ่อเป็นห่วงพ่อที่รู้ว่าพ่อเดินทางมาเชียงใหม่คนเดียว

พ่อยังเล่าอีกว่าพ่อไปออกกำลังกายโดยการเดินเล่นที่สวนสาธารณะทุกวัน ๆ ละครึ่งชั่วโมง ที่นั่นก็มีคนแก่ ๆ มาเดินเล่นเยอะ มีครูสอนพละคนหนึ่งชอบมาวิ่งที่นี่ วิ่งเร็ว ๆ วิ่งไปวิ่งมาและก็เป่าปาก ฮุ้ว ฮุ้ว แล้วก็กระแทกก้นลงนั่ง ครั้นนั่งพักหายเหนื่อย ก็วิ่งกลับไปกลับมาแบบนี้อยู่หลายรอบ มีอยู่วัน เขาเข้ามาทักพ่อและแนะนำตัวเองว่า เขาอายุ 57 แล้ว ยังแข็งแรงอยู่เลยและขอแนะนำพ่อว่า การเดินที่ได้ประโยชน์น่ะเดินยังไง ต้องเดินท่าไหน ไม่ใช่เดินไปให้หมดเวลาไปอย่างนั้น

พ่อบอกครูพละคนนั้นว่า “ขอบใจนะ ตอนนี้ผมอายุ 75 แล้วและเป็นมะเร็ง มีโรคหอบหืดด้วย ปอดเหลืออยู่แค่ 40 % และคงเดินหักโหมไม่ได้ ” ครูพละก็เงียบ ไม่พูดอะไรอีก แต่พ่อก็พูดกับครูพละต่ออีกนิดว่า “ผมว่า คุณวิ่งเร็ว ๆ แบบนี้ ก็ไม่ค่อยดีนะครับ อายุ 57 แล้ว ร่างกายเราไม่ได้สมบูรณ์เหมือนตอนหนุ่ม ๆ หรอก วิ่งเกินกำลังแล้วหอบมาก ๆ แบบนี้ก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์เหมือนกัน”

ก็..นะ ไม่รู้ว่าครูพละเขาจะโกรธพ่อมั้ยเนี่ย

พ่อดูหลาน ๆ เล่นคอม เขาก็เป็นห่วง กลัวติดคอมมากเกินไป ฉันก็บอกแต่ว่า นี่มันยุคสมัยของเขา ในเวลาเรียนคงจะไม่ได้เล่นอย่างนี้เพราะไม่เห็นออนไลน์เหมือนกัน การบ้านเขาเยอะ ถ้าสอบตกสักทีก็คงจะรู้เอง บางอย่างสอนไปแล้ว แต่ก็ต้องรอเวลาให้เขารู้เองด้วย เขาไม่อยากสอบตกหรอก ไหน ๆ พ่อก็มาช่วงนี้แล้ว ให้เจ้าพวกนี้สอนเล่นเน็ตเลย อยากให้พ่อใช้คอมมากกว่าเล่นเน็ตบนมือถือ พิมพ์ง่ายกว่า และจะได้หัดหาเพลงฟัง ดูหนังฟังเพลงในยูทูปได้ง่ายกว่า พ่ออยู่บ้านทั้งวัน เล่นคอมสลับกับดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็ได้

เขาก็เห็นด้วย เจ้าสองคนก็ยินดีสอนอยู่แล้ว

เราคุยเรื่องเก่า ๆ กันสักพัก พ่อเล่าถึงญาติคนนั้นคนนี้ ลูก หลาน คนนั้นคนนี้ที่ฉันเคยเจอะเจอเมื่อเป็นเด็ก พ่อดูเจริญอาหาร กินข้าวเสร็จก็เริ่มมหกรรมการกินยา แค่เห็นยาที่พ่อต้องกินก็เหนื่อยเลย วันนี้ดี ไม่ค่อยหอบ สงสัยอากาศที่นี่ดี รู้สึกจะเย็น ๆ ด้วยซ้ำ

กินยาสักพัก ฉันก็พาพ่อไปนอน พ่อสมควรจะพักได้แล้ว ยังอยู่อีกหลายวัน พรุ่งนี้หากพ่อพอตื่นเช้าได้ จะพาไปเดินเล่นที่ตลาดยามเช้า

ฉันก็อยากจะพักด้วยเหมือนกัน รู้สึกว่าวันนี้อากาศในบ้านจะดีเป็นพิเศษ






ภูเพยีย
๕ มีนาคม ๒๕๕๕



Create Date : 06 มีนาคม 2559
Last Update : 6 มีนาคม 2559 18:41:55 น.
Counter : 607 Pageviews.

4 comment
--- บั น ทึ ก วั น พ ร ะ กั บ ค ว า ม ฝั น อั น ชั ด เ จ น ---










1.
ในความฝัน ฉันเห็นพ่อนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดท่าน้ำบ้านปู่ด้วยหน้าตาร่างกายประมาณตอนอายุ 60 กว่า สดใสไม่แก่มาก แต่ในสำนึกของเราจริง ๆ คือพ่อป่วยตามปัจจุบันที่เป็นอยู่นี่แหละ

ในฝันฉันบอกพ่อว่า พ่อเดินมานั่งตรงนี้สิ หมายถึงตรงแผ่นกระดาน ตรงโน้นมีพระพุทธรูปตั้งหลายองค์สวยมาก องค์ใหญ่มาก ประมาณ 5 องค์เรียงรายตามริมตลิ่งเลย ไม่รู้ใครเอามาตั้ง ถ้าพ่อนั่งตรงนั้นจะไม่เห็น เพราะตลิ่งท่าน้ำอาสาลี่ด้านขวามือของพ่อจะมีผืนดินยื่นออกมาประมาณนึง ค่อนข้างบังตา

บอกพ่อปุ๊บ พ่อลุกขึ้นเดินมาจุดที่เป็นแผ่นไม้กระดานเลย แต่ช่วงที่เริ่มก้าวมาจุดที่เป็นส่วนกระดานน่ะ มันก็เหมือนมีน้ำเสมออกแล้วและตอนที่พ่อก้าวมาลงน้ำเนี่ย ในฝันพ่อใส่จีวรไม่ใช่ชุดตอนแรกที่ใส่อยู่ แล้วพ่อก็ออกว่ายอย่างมีความสุข ขึ้นไปทางบ้านเหนือน้ำเพื่อจะไปดูพระที่ฉันบอก ฉันว่ายนำหน้า พ่อว่ายตามหลัง น้องสาวว่ายอยู่ข้าง ๆ ถามพ่อว่า พ่อไหวเปล่า เดี๋ยวหนาวนะ เวลาขึ้นจากน้ำ

พ่อว่ายไปยิ้มไป จนไปขึ้นที่ท่าน้ำบริเวณที่พระห้าองค์ริมตลิ่ง
พวกเราช่วยกันเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดพ่อ

แล้วฉันบอกกน้องสาวว่า แกพาพ่อเดินลัดหลังบ้านกลับไปบ้านอาสาลี่เถอะ ไม่ต้องให้พ่อว่ายย้อนกลับอีก เดี๋ยวตามไป จะเอาดรายเป่าผมไปช่วยเป่าให้พ่อตัวแห้ง
ตรงนี้มีคนว่ายเล่นกันอยู่หลายคน มีเกี่ยวข้องกับน้องชายอยู่นิดนึงคือบ้านที่พ่อว่ายไปแล้วขึ้นไปน่ะ เหมือนเขาให้กุญแจบ้านมา เราจึงไขบ้านเอาผ้ามาเช็ดตัวพ่อได้ เอามาห่ม
ตัวแม่กุญแจ ตัวใหญ่มากสีดำ ๆ สลักชื่อพ.ต.ท.กฤชไพสิฐ พร้อมนามสกุล
ภาพจำในใจคือพ่อว่ายแบบร่าเริงแข็งแรง ไม่มีช่วงดราม่าในฝัน...



2.

ตื่นแล้ว รีบลุกมานั่งวาดภาพบ้านริมน้ำเจ้าพระยาของปู่ที่มีบันไดเกือบห้าสิบขั้นลงไปยังท่าน้ำ มีแพพักและแพลูกบวบอีกชั้นหนึ่ง วาดพ่อนั่งตรงบันได ริมฝั่งด้านขวามือพ่อเป็นผืนดินยื่นไปยังแม่น้ำ บังพระพุทธรูปห้าองค์ริมตลิ่ง วาดและเขียนเล่าให้น้องสองคนฟังในไลน์ ฉันไม่รู้ว่านี่คือฝันดีหรือเปล่า แต่น้องสาวกำลังจะไปวัด ช่วงหลัง ๆ คิดแต่เรื่องพ่อกัน ความฝันมีเชื้อของความจริง ชีวิตนี้แทบจะไม่เคยขออะไร นอกจากความเพ้อฝันเก่า ๆ สมัยเด็กที่อยากให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน นอกนั้นไม่เคยขออะไรเลยไม่ว่าจะสอบเอนทรานซ์หรือได้งานในฝันหรืออะไรต่อมิอะไร ไม่กล้าขอเพราะเชื่อว่าอยากได้อะไรก็ต้องลงแรงสุดตัวแม้จะไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จกับอะไรแต่ก็ภูมิใจแบบนั้น แต่เดี๋ยวนี้กลับขอพรให้พ่อกับแม่ทุกวัน อยากให้พ่อแม่มีความสุขทุกวัน

ทุกวันพระ เคยได้รับพรจากพ่อทุกครั้งไม่ทางโทรศัพท์ก็ทางไลน์ แต่วันนี้ได้แต่อวยพรให้พ่อแข็งแรง เราจะได้ไปไหว้พระด้วยกันที่วัด(อีก)


บันทึกวันพระกับความฝันอันชัดเจน
สุขสันต์วันมาฆบูชา
ภูพเยีย
22 กุมภาพันธ์ 2559















Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 9 มีนาคม 2559 9:35:30 น.
Counter : 1456 Pageviews.

1 comment
--- พ า เ พื่ อ น ดู น ก ที่ ด อ ย สั น จุ๊ ---

ตรุษจีนปีนี้ เราชิงตัวปิ่นตั้งแต่ลงเครื่องกันเลยทีเดียว ขออนุญาตแม่ปิ่นแล้วว่าจะรับปิ่นมาบ้าน เธออยากดูนกกับเรา

เราทำสุกี้กินกันที่บ้าน รู้สึกสะดวกดีเหมาะกับฤดูหนาว ใครมาบ้านคงไม่พลาดเมนูนี้
เรื่องที่เราคุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องแก่แล้วจะเป็นอย่างไร โครงการที่ตกลงกันมั่นเหมาะมานมนานนั่นคือ บ้านฉันจะเป็นบ้านพักคนชรา คาดว่าจะไม่มีลูกคนไหนมาอยู่กับเราแน่ บ้านฉันก็มีกันสองคน มีห้องว่างสำหรับปิ่นและอ๊อด พ่อครัวคือโต ทำกับข้าวและคอยมาเขี่ย แซะพวกเราออกจากเตียงมากินข้าว โดยให้โตเซ็นสัญญาไว้ก่อนว่าห้ามตายก่อนพวกเรา แต่ถึงโตจะขอตายก่อน เราก็เหลือป่าน น้องชายของปิ่นที่เปลี่ยนจากดูแลแม่มาเป็นดูแลพวกเราแทน เราจะจ่ายเงินเดือน และมีโครงการไกลกว่านั้นว่าจะมีบ้านรถ ขับกันไป ค่ำไหนนอนนั่น ความคิดตอนแข็งแรงอยู่ก็บรรเจิดแบบนี้แหละ แต่ความเป็นจริงเราไม่รู้ ไม่รู้ใครจะเดี้ยงก่อนใคร แต่มันก็เป็นการพูดคุยที่ดูจริงจังมาก

ใครจะรู้ล่ะว่า ตรุษจีนปีที่แล้วกับปีนี้ มีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป เรื่องแรกคือ ฉันกับโตเริ่มซ้อมวิ่งกันเป็นเรื่องเป็นราว มีความสุขไปแต่ละวันโดยไม่รู้หรอกว่าสุขภาพจะอยู่กับเราอย่างนี้ไปถึงวันไหน เรื่องที่สองคือพ่อของฉัน ท่านก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว จากที่เคยส่งลิ้งค์ยูทูปกันทุกวัน คุยกันผ่านไลน์และโทรศัพท์ ท่านก็จำฉันได้เป็นบางครั้ง บางวัน และกำลังฟื้นฟูสุขภาพกายและฝึกพูดกันใหม่ สมองด้านการสื่อสารเสียไปทำให้พูดบางอย่างออกมาไม่ได้ ยังไม่เป็นคำ โชคดีที่มีคนดูแลดี อาการของพ่อทำให้เราตระหนักโดยพลันว่า เราควรทำแต่ละวันให้ดีจนสุดกำลังของเรา เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง

เสาร์อาทิตย์แรกที่ปิ่นมาถึง เราพาปิ่นกับป่านขึ้นดอยสันจุ๊ ออกกันแต่เช้า วนไปวนมาหาไก่ฟ้า นกอื่น ๆ เอาไว้ก่อน แต่ไม่ว่าอะไรก็ต้องแล้วแต่ดวง

วันนี้ นักดูนกเต็มดอยเลย เห็นรถผ่านไปมาหลายคันนี่ อาจเห็นไก่ฟ้ายากสักนิด แต่เราก็ได้ทักทายอัลตร้ามารีนกันจนเต็มอิ่ม เต็มตา จากนกที่เห็นยากกลายเป็นนกเชื่อง ๆ ที่คุ้นเคยกับคน หลายคนก็บอกว่าเป็นนกเสียของไปแล้ว เราไม่รู้หรอกว่ามันเรื่อมจากอะไร นกติดหนอนหรือเปล่าเราก็บอกไม่ได้ แต่เราเห็นเขาทุกปีในฤดูนกอพยพ แม้จะเห็นกันทุกปี เราก็เก็บภาพแบบเมามันทุกปี ทั้งที่ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคือนกตัวเดิมเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีกสีน้ำเงินครามปีนี้ดูสดใหม่ไม่ปีกโทรมเหมือนครั้งที่แล้ว

พาปิ่นดูนกรับแขกของดอยสันจุ๊ตามสตูดิโอต่าง ๆ ทำเอาปิ่นงงและถามเราว่า นักดูนกอื่นจะรู้มั้ยว่าแต่ละที่เป็นแบบนี้ ฉันคิดว่าเขาไม่รู้หรอก นักดูนกต่างชาติเดินถือกล้องส่องนกและสโคปมากกว่ากล้องถ่ายนก เราอยู่ตรงไหน เขาก็ถามว่าเราดูนกอะไร ที่นี่เหมือนสวนสัตว์เปิด บอกไม่ได้หรอกว่าจะเจออะไร ตรงไหน ถ้าเซ้นส์ไวในเรื่องการฟังเสียง ก็จะเห็นนกได้เร็วขึ้น มากับเซียนนกเราจะเห็นนกเยอะ แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น เคยพูดกับอารากันเมื่อครั้งไปมาเลย์ว่า เรายังเป็นมือใหม่มากสำหรับการดูนก แต่เขาบอกเราว่า เขาก็เป็นมือใหม่ในทุกวันเหมือนกัน

ก็..นะ .. เราควรจะมีหัวใจใหม่สดในทุกวัน ความสดใหม่นี่แหละที่เราควรจดจำ มันเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น อยากรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพียงแต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เรานิ่งขึ้น ไม่บุ่มบ่ามใจร้อนและรู้จักรอ อดทนและนิ่งมากขึ้น


ปิ่นสนุกมาก ได้ดูนกมากพอควร นกแต่ละตัวก็ออกมารับแขกจริง ๆ ปิ่นบอกเราว่า ไม่เห็นนกแต่ได้มาเดินเล่นอากาศบนดอยแบบนี้ก็มีความสุขแล้ว เรากินข้าวกลางวันรองท้อง กินมาม่าและกาแฟ บ่าย ๆ ก็ลงมากินข้าว เรามีโปรเจ็คเรื่องเที่ยวเมืองจีนอีกในปีหน้า ปิ่นอยากพาเรานั่งเรือ 7 วัน 7 คืน ฉันคิดหนัก ฉันไม่ชอบอยู่บนเรือหลาวัน ขอแค่สามวันน่าจะพอ สถานที่ที่ปิ่นจะพาเราไป ฉันจำชื่อเมืองไม่ได้ แต่ทะเลสวยมาก เมืองจีนกว้างใหญ่ มีอันซีนอีกมากมายที่ไปทั้งชีวิตก็เห็นไม่หมดแม้จะดูผ่านภาพสวย ๆ ก็ตาม แต่เราก็ยังคิดว่าสถานที่เป็นส่วนประกอบในการเดินทาง สำคัญที่สุดคือเพื่อนร่วมทาง

เราขอเวลาเก็บเงินสักปี แล้วค่อยว่ากัน

ปิ่นกลับเมืองจีนวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาที่เพิ่งผ่านมา เป็นเช้าวันที่ฉันลงวิ่งมาราธอนครั้งแรกเช่นกัน แต่วันเสาร์เช้า เราไปรับปิ่น อยากพาไปกินกาแฟที่ร้านไจแอนต์ ต้นไม้ใหญ่ที่แม่กำปอง ไปจับจังหวะเขากำลังปิดปรับปรุงพอดี ถึงกระนั้น เราก็ขับรถตระเวนบนแม่กำปองไปเรื่อย ๆ ชอบถนนสายเงียบสงบแห่งนี้ สงบแต่ไม่วังเวง รื่นรมย์และมีชีวิตชีวา เส้นทางแคบแต่ร่มรื่น มีโฮมสเตย์ น่ามานอนเล่นมาก เราวนอยู่บนนั้นก่อนมานั่งกินกาแฟและอาหารเที่ยงที่โครงการหลวงตีนตก เรามีแต่เรื่องคุยกันสารพัด ก่อนกลับยังไปเฝ้านกเขนน้ำเล่นน้ำ กล้องก็ไม่ได้ติดมา แต่เขาไม่สนใจผู้คน เริงร่าอยู่ตรงโขดหิน กินแมลงแถวนั้น ไม่ไปไหน เรารอว่าแฟนเธอจะโผล่มาบ้างหรือเปล่าแต่ก็แห้ว รอจนบ่ายและลงจากแม่กำปองไปรับ BIB เพื่อจะลงวิ่งเช้าวันอาทิตย์

ปิ่นกลับสองทุ่มคืนวันอาทิตย์ สั่งกันไว้ว่า ก่อนออกวิ่งตี 3 น่ะ มิสคอลล์ไว้ ถึงไหน แค่ไหนให้โทรบอกจะไปตามเก็บ ฉันได้แต่บอกว่า หลังกิโลที่ 35 หมู่หรือจ่าเดี๋ยวก็รู้ ซ้อมมาแค่นั้น ไม่คาดหวังสูง แต่จะพยายามให้ถึงที่สุด(ตามนิสัย)

สาย ๆ วันอาทิตย์ ฉันโทรหาปิ่น บอกข่าวการวิ่งมาราธอน นี่ถ้าอายุ 70 กันละก็ คงหัวเราะกันจนฟันปลอมร่วงจากปากแน่ ๆ คุยเฮฮากันพอหอมปากหอมคอก่อนเข้าไปหาปิ่นที่บ้าน มีของฝากให้กันก่อนเจอกันครั้งหน้า

เราเป็นเพื่อนรักกันที่ไม่เขียนเมลคุยกัน ไม่เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก และรู้ ๆ อยู่เมืองจีนไม่มีเฟซบุ๊ก ก็ห่างกันไป ต่างคนต่างทำงาน มาเมืองไทยเมื่อไหร่ก็นัดกันแบบนี้ เราเป็นแบบนี้มานานจนไม่ได้นับปีแม้จะเจอกันปีละครั้งหรือสองครั้ง

อวยพรให้เพื่อนมีสุขภาพดี แล้วเจอกันใหม่ เธอบอกฉันว่า คราวหน้าเธอจะซื้อกล้องดูนกมาด้วย แล้วช่วยพาไปดูนกอีกนะ :)


บันทึกวันเพื่อน
ภูพเยีย
14 กุมภาพันธ์ 2559








Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 9 มีนาคม 2559 9:37:09 น.
Counter : 451 Pageviews.

1 comment
--- พ ว ง ค ร า ม ย า ม เ ช้ า ---

















กับความเรียบง่ายคล้ายหลับฝัน
ล่วงผ่านวันเวลาพาใหลหลง
จนทุกกลีบดอกไม้ได้ปลดปลง
หากยังคงรูปรอยอันเรืองไร





















รู้ไหม
ห้วงใจในห้วงฝัน
หากเรามีกันและกัน
ไกลกันไม่ไกลเกิน











ได้ยินฉันหรือเปล่า
เห็นดอกดวงดาวกระพริบไหม
สัมผัสลึกถึงลมหายใจ
ฉันอยู่ใกล้ใกล้เหมือนถ้อยคำ

เงียบกริบ
เธอเคยหยิบมาหวนมาทวนย้ำ
ความคิดถึง-เป็นลำนำ
คำซ้ำซ้ำ คำคุ้นคุ้นแต่อุ่นใจ















สีสุข
สีสัน
สีวันเสาร์











เก็บความฝันไว้ในจินตนาการ
เป็นความหวานยามหลับตาก็สดใหม่
เป็นความรู้สึกลึกลึกอยู่ข้างใน
ยังผูกพันด้วยเยื่อใยและไยดี














คุ้นเคยแต่มิเคยได้ชิดใกล้
ห่างไกลแต่ใจเธอใกล้ฉัน
ในความเงียบใช่เงียบงัน
ใจยังส่งถึงกันเสมอมา













ร่วงหายในสายลมเช้า
หมอกหนา หมอกหนาว ยังหนาวจัด
ในเลือนรางยังกระจ่างชัด
ดวงใจระบายระบัดด้วยดอกรัก


















เคียงคู่อยู่ข้างยามราโรย
มีความหวานคอยมาโปรยหว่านความหวัง
แม้นรูปรอยผ่านปีไม่จีรัง
แต่ความรักเรายังคงยั่งยืน

'รักจีรัง'





ภูพเยีย
21 มกราคม 2559

















Create Date : 21 มกราคม 2559
Last Update : 21 มกราคม 2559 6:38:59 น.
Counter : 1332 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com