Group Blog
All Blog
--- แ จ่ ว ฮ้ อน ข อ ง คุ ณ ลุ ง ---













กลับบ้านคราวนี้ นอกจากแม่หากับข้าวที่ชอบกินมาให้กินแล้ว แม่ยังอยากพาเราไปกินอาหารร้านอร่อย ๆ เหมือนทุกครั้ง เราก็อยากพาแม่กินนอกบ้านบ้าง ไม่ต้องทำกับข้าวให้เหนื่อย

มีร้านอาหารร้านหนึ่งที่แม่พูดถึงบ่อยครั้ง พูดทุกครั้งที่เรากลับบ้านว่าอยากพามากินนั่นคือร้านแจ่วฮ้อน ฉันบ่ายเบี่ยงมาตลอดเพราะช่วงหลังกินอาหารรสจัดไม่ได้เลย แจ่วฮ้อนก็รู้ ๆ อยู่ ไหนจะน้ำแจ่วฮ้อนรสแซ่บ ไหนจะน้ำจิ้มรสจัดอีก ถามแม่จริงจังว่าแม่อยากกินหรือเปล่า แม่ก็ว่า ไม่อยากกินหรอกแต่อยากให้เรากิน อร่อยลืมโลกเลย เราก็เลยไป

ร้านนี้เป็นเพิงเล็ก ๆ ข้างทาง อยู่ติดกับศาลเจ้าพ่อตาลคู่ซึ่งมีตำนานเล่าขานถึงตาลคู่บนถนนสายมิตรภาพมายาวนาน สมัยเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้วนั้น ถนนสายนี้เป็นเส้นหลักของเมืองโคราชแต่อยู่นอกเมือง ไม่มีสิ่งปลูกสร้างสองข้างทางมากนัก ใครใช้เส้นทางสายนี้จะเห็นต้นตาลสองต้นแต่ไกลและเป็นเรื่องแปลกที่คนใช้รถใช้ถนนจะเจอเหตุการณ์แปลก ๆ ทุกครั้งที่ผ่านเส้นนี้ แต่อะไรไม่เท่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่เป็นถนนตัดตรง
บ้างก็เจอผีแถวตาลคู่ บางคนก็ว่า ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ สมมุติว่าเราไม่เชื่อแต่มันจำเป็นหรือเปล่าที่จะต้องไปลบหลู่หรือว่ากล่าวด่าทอสิ่งศักดิ์ถึงแม้เราจะอยู่รอดปลอดภัยโดยไม่พึ่งสิ่งศักดิ์ในสากลโลกก็ตาม เพียงแต่เมื่อผ่านทางนี้ ก็ให้นึกถึงคำพระไว้บ้างก็ดี ทุกการเดินทางของชีวิต ไม่ว่าทำอะไรที่ไหนก็อย่าประมาท นอกจากนี้เราควบคุมอะไรไม่ได้ แล้วแต่ชะตากรรมของแต่ละคน

ปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อตาลคู่มีคนมากราบไหว้และบูชาพวงมาลัยกันอยู่ เราผ่านก็แสดงความเคารพในใจ

ร้านแจ่วฮ้อนที่ว่านี้อยู่ใกล้ ๆ ศาลเจ้าพ่อตาลคู่ แต่เราไม่รู้สึกวังเวงหรือกลัวอะไรเพราะการจราจรพลุกพล่านผ่านไปมา อุบัติเหตุจากนักเหยียบตีนผีดูน่ากลัวกว่าอะไรอื่นเสียอีก
เรามาถึงร้าน ดูเงียบ ๆ เหมือนไม่ขาย เพราะมองไม่เห็นคนขายในร้าน เลี้ยวรถเข้ามาจอด เห็นลุงคนหนึ่งนั่งอยู่ในศาลาที่ทำกับข้าวนั่น มองรวม ๆ พอเห็นจานชามและเครื่องครัวบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีลูกค้าคนอื่น ๆ มาเลย โต๊ะว่างให้เลือกทุกโต๊ะ นี่ก็หกโมงเย็นแล้วล่ะ

แม่ลงจากรถไปถามเขาว่า ร้านเปิดหรือเปล่า รู้จากแม่อีกที เราก็ไปถึงโต๊ะเตรียมสั่งกับข้าวแล้ว

ลุงเอาเมนูมาให้ดู พร้อมกับสมุดจดรายการอาหารซึ่งเป็นสมุดตีเส้นบรรทัดสำหรับนักเรียนเขียนหนังสือ เราเขียนรายการเดียวก็เสียดายกระดาษ ก็เลยสั่งปากเปล่าแทนเพราะร้านยังไม่มีลูกค้าคนอื่น ลุงน่าจะจำได้ เราเห็นแจ่วฮ้อนชุดละ 130 และ 150 บาท เราสั่งชุด 150 เลย ลุงก็ย้ำว่า ช่วยจดรายการอาหารให้หน่อย เราก็เลยจด

สักพัก ลุงเอาหม้อไฟฟ้าพร้อมน้ำแจ่วฮ้อนมาตั้งไฟให้เรา เปิดฝาดู ทำไมมีแต่พริกแห้งโรยอยู่บนน้ำ สงสัยจะเผ็ดน่าดู งานนี้ไม่ได้กินแจ่วฮ้อนในหม้อดินเผาอย่างที่เคยกินมานานแล้ว

ขณะรอไฟเดือด ลุงก็ยกผักรวม ๆ มาให้เรา น้ำจิ้มแจ่วฮ้อนเหมือนน้ำมะขามเปียก มีเนื้อหมูกับเนื้อวัวจานเล็ก ๆ มาสองจานแต่ไม่เป็นชิ้นเนื้อ แม่ก็รีบบอกฉันว่า ทำไมเขาเอาเนื้อสับหมูสับมาให้เรา ฉันเลยว่า ไม่รู้หรอกแม่ น้ำซุปอาจจะอร่อยก็ได้ เดี๋ยวรอน้ำเดือดก็รู้แล้วล่ะ

อากาศยามเย็นค่อนข้างอบอ้าวแถมยุงเยอะ ข้างร้านของลุงมีน้ำขัง อยากจะขอยากันยุงสักขดเพราะยุงเยอะมาก

น้ำยังไม่เดือด เห็นรถซีวิคสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอด เราก็เลยว่า มีคนแวะมากินบ้างแล้ว
เจ้าของรถเป็นลุงแก่ ๆ อายุราว ๆ 70 น่าจะอายุพอ ๆ กับลุงเจ้าของร้าน แกเข้ามาทักทายเราตอนเราจะสั่งข้าวผัดเพิ่ม แกบอกว่า จดในสมุดเลยครับ เจ้าของร้านหูตึง ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง ต้องจดให้แกอย่างเดียว

เราเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงต้องจดรายการอาหารทุกอย่าง

น้ำเดือดแล้วล่ะ เราเทเนื้อหมูและเนื้อวัวสับลงหม้อ เทผักลงหม้อทั้งหมด กินแบบสุกี้เลย กินยังไงก็ยังไม่ได้กลิ่นรสชาติแจ่วฮ้อนที่ฉันเคยกิน ไม่มีกลิ่นโหระพาจากซุป และรสชาติไม่จัดจ้านแบบที่คิดไว้ เนื้อหมูก็ไม่ค่อยสด ต้มสุกแล้วยังมีกลิ่นอยู่ ฉันแค่คิดในใจ ไม่พูดอะไรออกไป สามีฉันกับแม่ก็กินกันเงียบ ๆ สักพักก็มีข้าวผัดจานใหญ่มาอีกจาน เราก็กินกันไป แต่ก็วางช้อนในเวลาใกล้ ๆ กัน จะอิ่มกันพอท้องหรือยุงกัดด้วยก็ได้

เราเรียกลุงมาเก็บเงิน แต่แกไม่ได้ยิน ตอนที่รอ เราก็มองป้ายข้างร้านเขียนว่า ขายสูตรแจ่วฮ้อนราคา 15,000 บาท คิดในใจว่า น่าเอ็นดูลุงจริง ๆ เพราะดูแล้วมันไม่มีสูตรพิเศษอะไร รสชาติยังไม่ใช่ แต่แกก็ขายของแกไป

ลุงมาคิดเงิน ข้าวกับแจ่วฮ้อนก็ 185 บาทแล้ว ลุงคิดแค่นั้น แต่เราว่า น้ำเปล่าหนึ่งขวด แกก็ว่า เพิ่มอีก 10 บาท รวมเป็น 195 เราบอกอีกว่า ลุงลืมคิดค่าน้ำแข็งถังใหญ่นะ แกมองแล้วก็บอกว่า 200 พอดีครับ ลุงคิดอีก 5 บาทเอง คงไม่กล้าคิดเต็มราคาจริง เราเลยจ่ายไป 220 บอกลุงว่า ไม่ต้องทอนนะคะ แกมองอาหารที่เรากินไม่หมดด้วยสายตาบอกไม่ถูก

ฉันถามเพื่อนลุงเจ้าของรถซีวิคว่า ที่ตรงนี้ของใคร เป็นของลุงเจ้าของร้านหรือเปล่า แกว่าไม่ใช่ เจ้าของเขาปิดกิจการไปสมัยที่เมียลุงเจ้าของร้านเป็นแม่บ้านทำอาหารให้พนักงานกินที่นี่ เมียลุงตาย กิจการก็ปิดพอดี ที่ตรงนี้เขาก็ให้ลุงอยู่ขายกับข้าวไป ไม่คิดค่าเช่า ฉันไม่ได้ถามต่อว่า ขายพอได้หรือเปล่า มีลูกค้ามากินบ้างหรือเปล่า เป็นทางผ่านแบบนี้ ไม่รู้ใครจะแวะ อาหารมีไม่มากมายพอจะแนะนำใคร และที่สำคัญรสชาติก็ไม่พอจะแนะนำได้

ก่อนออกร้าน ฉันได้แต่บอกลุงว่า ขอให้ลุงสุขภาพดีและขายดี ๆ นะคะ ฉันอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะดูแล้ว แกทำแค่พอได้กินได้อยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น

แม่คงรู้สึกผิดที่พาฉันมาร้านที่แม่คิดว่าอาหารเด็ดสุด อร่อยสุด แต่มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉันเลยบอกแม่ว่า ไม่เป็นไรหรอกแม่ ไม่ได้เสียดายเงินเลยนะ แค่นี้เอง เพียงแต่สงสารลุงน่ะแม่ จะแนะนำใครก็เกรงใจคนมากิน จะบอกคนอื่นว่าอย่าแวะเลยนะ ก็สงสารลุงอีก เขาจะขายใคร เขาจะอยู่ยังไง

เป็นครั้งแรกที่เดินออกจากร้านอาหารแบบไม่ค่อยสบายใจ ไม่อยากให้ใครลืมโลกใบเล็กของลุง ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้าพ่อตาลคู่จะมีจริงหรือไม่ แต่ก็ภาวนาให้ท่านคุ้มครองลุงด้วยค่ะ สาธุ...




ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย















Create Date : 10 ตุลาคม 2559
Last Update : 10 ตุลาคม 2559 10:44:20 น.
Counter : 712 Pageviews.

1 comment
--- แ ม่ ---














ก่อนหน้านี้ แม่เลี้ยงแมวจรถึง 19 ตัว วัน ๆ แม่ยุ่งอยู่แต่กับแมวจนไม่มีวันหยุดหรือวันพักร้อน ไม่เคยไปไหนไกล ไปไม่ได้เพราะห่วงแต่แมว ฉันเคยบอกแม่ว่า จับไปทำหมันได้แล้ว เลี้ยงแมวเยอะเกินไปมันเป็นภาระมากกว่าความสุข แม่ก็ขานรับ จ้า จ้า แต่ก็ไม่ได้พาไปสักที อาจจะเพราะไม่สะดวกด้วยก็เป็นได้ เราอยู่ไกล ไปหาแม่ทีจะช่วยจับแมวไปทำหมันมันก็แห่หนีกันหมดราวกับรู้ล่วงหน้าเพราะเขาไม่คุ้นคนแปลกหน้าอย่างพวกเราที่นานทีปีหนจะกลับบ้าน แต่ระยะหลัง แม่เริ่มว่างเพราะแมวของแม่เป็นหนุ่มเป็นสาวและก็พากันหายไปจากบ้านราวกับนัดกัน โชคดีที่แม่ไม่ตรอมใจไปกับการที่แมวหนี เราอาจจะเฉาไปแบบไม่รู้ตัวเพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยได้อ่านไลน์หรือเห็นแมวแม่บนไลน์ทั้งวันเหมือนเดิมเท่านั้นเอง แต่แม่ก็มีกิจกรรมอื่นทำอยู่เรื่อย เราก็ต้องคอยถามแม่อยู่เรื่อย ๆ เช่นกันถ้าเขาเงียบไปหรือไม่ส่งอะไรมาให้ดู กลัวแม่ป่วยไข้หรือเป็นอะไรไปแล้วเราไม่รู้

นอกจากต้องทักถามและโทรฯหาพ่อ รอไลน์จากแม่แล้ว เราเป็นห่วงแม่มากเพราะช่วงนี้โรคไข้เลือดออกกำลังระบาด และบ้านเล็กของแม่มีต้นไม้เยอะเสียด้วย จะรู้จักคว่ำน้ำขังหรือเปล่านะ น้องสาวฉันกระหน่ำถามแม่ว่า รู้ข่าวเรื่องนี้หรือเปล่า แม่ตอบว่า “หนูรู้ดี หนูนอนกางมุ้ง กันยุงร้ายเชื้อสายเดงกี” อืม..ใช้ได้ แสดงว่าแม่รู้เรื่อง ครั้นพอหลาน ๆ เตือนยายในไลน์อีกรอบ ยายก็รีบตอบหลานเลยว่า “ยุงร้ายเห็นยายมันก็กลัวเพราะยายร้ายกว่ายุงจ้า” -- โอเค หมดห่วง เพราะตั้งแต่พ่อไม่สบายหวิดเป็นอัมพาต เราก็ห่วงแม่ที่อยู่คนเดียวนี่แหละ ไกลก็ไกล เป็นอะไรไปอีกคนนี่ไม่มีใครรู้เลยนะ ชวนมาอยู่ด้วยกันก็ชวนจนเหนื่อยแล้ว เรื่องแบบนี้บังคับไม่ได้ จนลูกสาวถามว่า ทำไมยายถึงไม่มาอยู่กับแม่สักที ฉันได้แต่บอกลูก ๆ ว่า สมมุติว่าลูกแต่งงาน มีครอบครัว อยู่ดีมีสุขและอยากให้พ่อแม่ไปอยู่ด้วยเพราะเป็นห่วง ลูกคิดว่า แม่อยากไปอยู่กับลูกหรือเปล่า (ลูกสาวพยักหน้า คิดว่าเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังบอก) ยายก็คงเป็นแบบแม่นี่แหละนะ อยู่ไหนไม่สุขเท่าอยู่บ้านตัวเอง แม่ก็รอจนกว่ายายจะเดินไม่ไหวและอยากมานั่นแหละ แต่ก็ชวนกันอยู่เรื่อย ๆ

แล้วช่วงนี้ แม่เล่าเรื่องการกำจัดยุงที่บ้านต้นไม้ล้อมของแม่ว่า “แม่ใช้ปี๊บขนมปังใบเล็ก ๆ แล้วเอาเสื้อที่ยังไม่ได้ซัก ถุงเท้าที่ใส่แล้วลงในกล่องหรือใส่ปี๊บ เปิดฝาแง้มไว้ วางในที่มืด ๆ ยุงเยอะ เอาวางไว้ตามมุมห้องหลาย ๆ ที่ เช้ามาเอาฝาปิดกระป๋อง ตากแดด ตายแบบไม่ต้องปั๊มหัวใจ” โอ...แม่ฉัน อะเมซซิ่งจริง ๆ แม่ยังบอกอีกว่า แต่ก่อน ชาวบ้านเอากาละมังสองใบคว่ำใส่กัน แต่ต้องเจาะทางให้ยุงเข้า ต้องมัดกาละมังให้ติดกันแน่น ๆ ดูยุ่งยากสำหรับแม่ แม่ใช้ปี๊บเล็ก ๆ สะดวกกว่า ทำแบบนี้ดี ไม่ต้องหายามาไล่ยุงด้วย ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง

แต่บางเรื่องแม่ก็ไม่รู้จริง ๆ เช่น แม่เคยเอาที่ปิ้งขนมปังไปร้านเพื่อจะบอกคนขายว่า ป้าใส่ขนมปังแล้วกดยังไงก็ไม่ลง กดแล้วมันก็เด้งขึ้นเหมือนเดิม สงสัยสปริงมันเสีย ป้ามาขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ คนขายก็ลองดู ไม่เห็นเป็นแบบที่แม่ว่า ไม่เสียหรอกครับแต่ป้าไม่ได้เสียบปลั๊กไฟ ที่ปิ้งมันเลยกดไม่ลง แม่เล่าให้ฟังครั้งนั้นอย่างนึกขำตัวเองไม่หาย
เมื่อวานนี้ แม่นั่งรถสองแถวแทนการขี่รถซีตรองสีบลูรุ่นโบ(ราณ)แสนรักของแม่ ( ที่แม่กำชับนักกำชับหนาว่า แม่ตายก็ห้ามขาย เป็นของรักเก็บไว้ดูเวลาคิดถึงแม่ )ไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์เพื่อซื้อขนมปังปี๊บเล็ก ๆ โดยบอกว่าตั้งใจจะเอาปี๊บมาดักยุงเพิ่มซึ่งฉันก็หวังว่าแม่คงไม่ทิ้งขนมปังในปี๊บเพื่อเอาปี๊บเปล่าดักยุงอย่างเดียวหรอกนะ ช่างเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นความสุขของแม่เสียจริง จากนั้นแม่ก็ถามมาในไลน์ว่า มือถือไอโฟน 5's ดีมั้ย แม่อยากได้มือถือใหม่ ไม่อยากพกไอแพดไปไหนมาไหน อยากใช้มือถือถ่ายรูปบ้าง ฉันเห็นในไลน์ก่อนใครก็บอกแม่ไปว่า มันเล็ก แม่จะมองเห็นเหรอ ลองหามือถือใหญ่กว่าอันนี้ดีมั้ย เดี๋ยวปีใหม่จะไปช่วยเลือกให้

แม่เงียบไป แต่ตอนเย็นถ่ายรูปโชว์มือถือใหม่ ซัมซุง เจเจ็ด แม่บอกว่าแม่ชอบมาก เหมาะมือ เด็กที่ขายปรับจอให้ตัวหนังสือใหญ่ ตอนนี้จะพกอันนี้ไปไหนต่อไหน ส่วนไอแพดไว้เล่นบ้าน

น้องชายฉันเห็นมือถือใหม่แม่ ก็บอกว่า ผมช่วยสามพันนะแม่ เดี๋ยวใส่บัญชีให้ เจ้าน้องสาวก็ว่า ที่เหลือเดี๋ยวจะจ่ายให้ ไม่ยักรู้ว่าแม่ชอบซัมซุง ลูกหลานใช้ไอโฟนหมด มันเป็นแอนดรอยด์ แม่จะรู้เรื่องเหรอนั่น ใช้ยากจะตาย ฉันผู้ไม่มีเอี่ยวก็เลยบอกว่า ชอบก็ดีแล้วแม่ หัดเล่นไปเถอะ ไม่พังง่าย ๆ หรอก จากนั้นแม่ก็ถ่ายรูปและรวมภาพในโปรแกรม grid ส่งมาในไลน์ ดูเขามีความสุขกับของเล่นใหม่

เจ้าน้องสาวก็ถามแม่ว่า แม่ปล่อยไวไฟจากไอแพดเป็นด้วยเหรอ แม่ก็ว่า ไม่เป็น ไวไฟของใครของมัน แม่ทำไม่เป็นหรอก อ้าว..ยังงี้แม่ก็เสียค่าไวไฟสองเครื่องสิ ไหนแม่บอกมาหน่อยว่า เขาขายแพ็คเกจโปรโมชั่นให้แม่กี่เดือนกี่ปี ทำไมแม่ไม่ปรึกษาหนูก่อนเพราะมือถือแม่แต่ละอันสามารถใช้ไวไฟได้เลย แม่ต้องซื้อแค่เครื่องเปล่า อย่างนี้เสียเงินซ้ำซ้อน ฉันเห็นท่าไม่ดี ก็เลยรีบห้ามทัพ เข้าใจว่าน้องสาวเป็นห่วงแม่ว่าแม่คงโดนคนขายหรอกขายมือถือพร้อมแพ็คเกจ

ช่างเถอะ ซื้อมาแล้ว อย่างดีก็ปีนึง ฉันว่า

แม่ก็สำทับต่อ ไม่เป็นไรหรอก แม่ไปถามที่ศูนย์ดีแทคแล้ว แพ็คเกจนี้ใช้ครบ 6 เดือนเปลี่ยนได้ จะเติมเงินหรือเปลี่ยนแพ็คเกจใหม่ เขาก็โอเค

แม่ยังบอกอีกว่า แม่มีเงินเดือน ทุกวันนี้ใช้เงินที่หลวงตอบแทนในวัยชราภาพ กินไม่หมดเพราะกินน้อยลง ซื้ออาหารแจกแมวกิน แมวไหนก็มากินได้ไม่หวง วันไหนที่แม่ตาย วันนั้นหลวงก็เลิกจ่ายทันที ลูก ๆ ไม่จำเป็นต้องมาหวงเงินเดือนแทนแม่ หลวงเขาให้แม่ใช้ ทุกอย่างที่แม่มี เงินหลวงทั้งนั้น ลูก ๆ ได้เรียนก็เงินหลวง ทั้งชีวิตตอนแม่รับราชการ แม่รับใช้หลวง ทำงานให้หลวงอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตตอบแทนที่หลวงเลี้ยงแม่ในบั้นปลาย แม่ภูมิใจที่แม่เป็นคนของหลวง เราเกิดมามีบุญกันนะเพราะหลวงเลี้ยง (แต่แม่มักพูดผิดบ่อย ๆ ว่าเหลียงล้วง)

เจ้าน้องสาวก็เสียงอ่อย ๆ และตอบแม่ไปว่า แต่แม่ก็ไม่ควรเสียเงินโดยใช่เหตุ ทำไมเด็กพวกนั้นถึงไม่แนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้แม่นะ

ฉันเห็นท่าไม่ดี เลยต้องบอกน้องสาวว่า มันผ่านไปแล้ว แม่ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ซื้อแล้วก็แล้ว เดี๋ยวกลับบ้านปีใหม่ ชั้นจะไปดูให้เค้า แม่ไม่รู้เรื่อง ก็ให้เขาลองผิดลองถูกบ้าง

แต่ก็นั่นแหละ น้องสาวฉันรู้สึกหงุดหงิด และแอบมาบอกข้างหลังกับฉันว่า แม่น่ะ โดนหลอกอยู่เรื่อย เดี๋ยวก็ค้ำประกันคนนั้นคนนี้ สงสารคนนั้นคนนี้
เรื่องค้ำประกันอะไรให้ใครนั้น สามีฉันก็เป็น บางครั้งก็ต้องค้ำให้ใครเพราะมันเหมือนการพึ่งพากัน ช่วยเหลือกัน แต่ก็ต้องดูอีกทีว่า มันหนักหนาเกินไปหรือเปล่าและคนที่เราช่วยเขานั้นดูแล้วน่าเชื่อถือพอจะให้โอกาสเขามีอะไรได้บ้างมั้ย เราเองก็เคยขอให้อาจารย์ที่เป็นโค้ชทีมชาติซอฟท์บอลของฉันช่วยค้ำประกันตอนซื้อรถกระบะสีขาวคันแรกหลังจากเรียนจบใหม่ ๆ เพิ่งมีเงินเดือนและมีงานทำ ต้องใช้รถแต่ไม่มีกำลังซื้อด้วยเงินสด เราไปขออาจารย์ช่วยค้ำประกันให้ ท่านไม่ถามสักคำ เต็มใจช่วยเหลือลูกศิษย์ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดเผื่อด้วยว่า เราจะมีปัญญาหรือไม่ ไม่ถามสักคำว่าไหวมั้ย บอกเราสั้น ๆ ว่า ผมต้องเซ็นตรงไหน อะไรบ้าง เอามาเลยนะ เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงประทับใจเรามาจนวันนี้ เราได้รับความเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลจากผู้ใหญ่และอาจารย์ที่เรานับถือมาโดยตลอด เรื่องของแม่นั้นฉันจึงดูไม่แปลกใจมากนักที่แม่จะช่วยเหลือใครบ้าง ที่แม่ไม่ปฏิเสธใครเพราะนึกถึงใจเขาใจเรา เห็นใจและเป็นคนขี้สงสาร มีใจเอื้อเฟื้อ ใครขอให้ช่วยอะไรก็ไม่เคยปฏิเสธแถมช่วยอย่างเต็มใจอีกต่างหาก กลัวเขาเสียน้ำใจ ฉันคิดว่าฉันรู้จักแม่ฉันดีในข้อนี้ ใจดีจนดูเหมือนไม่ฉลาด แม่น่ะเหรอ อ่านใจคนเก่งตาย บางทีก็แกล้งไม่รู้ด้วยซ้ำก็เพื่อเขาจะได้ไม่เสียหน้าหรืออับอาย

น้องสาวฉันยังไม่ลดละ เธอบอกฉันอีกว่า แกเคยเห็นถาดทองเหลืองแม่หรือเปล่าที่ใส่แมวเปเปอร์มาเช่ในบ้านน่ะ นั่นก็โดนคนจนด้วยกันหลอกขาย แม่ดูไม่ออกเหรอว่านั่นมันถาดชุบทอง

เรื่องถาดทองคำ(ทองเหลือง)ของแม่นี้ เป็นเรื่องเล่าในตำนานของแม่มานานแล้ว ครั้งหนึ่งมีคนเอาถาดทองเหลืองซึ่งมองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าของปลอม มีแต่แม่เท่านั้นที่มองผ่านถาดทองคำนี้ไปถึงหัวใจคนขายว่า คงจะลำบากน่าดู (แต่ในใจแม่ก็คิดว่าเป็นถาดทองคำด้วยหรือเปล่านะ ) เขาบอกขายเงินสด 900 บาท แต่ถ้าแม่ผ่อนจะตกอยู่ 1,200 บาท ผ่อนจ่ายเดือนละร้อย ต้องคิดย้อนไปว่า ตอนนั้นบ้านเราลำบาก เงิน 900 เหมือน 9 พันซึ่งเราไม่เคยมีติดบ้าน แต่แม่ก็เลือกผ่อนชำระและเก็บถาดทองคำนี้ไว้ดูเป็นที่ระลึกว่าเคยเจอคนที่จนกว่าตัวเองด้วย

แต่เรื่องซื้อมือถือใหม่นี้น้องสาวไม่ค่อยยอมเพราะเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีตอนอยู่กับแม่ เคยเจอเหตุการณ์ที่ทนายพาตำรวจมางัดเอาฝาประตูบ้าน เอาของไปหมดบ้าน เครื่องพิมพ์ดีดที่แม่ใช้สมัยเป็นครู ทีวีเก่า ๆ ตู้เย็นที่มันเย็นรอบตู้ แม้แต่หม้อข้าวก็ไม่เหลือไว้ให้ แม่กลับมาบ้านก็ตะลึงแต่ก็ไม่บอกลูก ๆ ซึ่งตอนนั้นฉันเรียนอยู่ปีสี่ แม่ก็ไปจัดการหาเงินไปจ่ายค่ารถที่เป็นคนค้ำประกันเขา ความแค้นนี้ทำความเจ็บช้ำน้ำใจให้น้องสาวฉัน ฉันเข้าใจดี และเรื่องมือถือนี้ก็เหมือนแม่โดนหลอกอีกหน เธอเลยปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ

ฉันก็ต้องปลอบใจทั้งสองฝ่าย บอกน้องว่า ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าตีโพยตีพายมาก แม่จะใช้มือถือไม่มีความสุข และบอกแม่ว่า เล่นให้สนุกเลยแม่ น้องมันห่วงแม่เพราะกลัวแม่โดนคนขายหลอก

แม่เลยบอกกับพวกเราว่า เรื่องค้ำประกันใครนั่น ลืมไปเสียเถอะ อยากให้คิดเสียว่าที่แม่ไม่เคยปฏิเสธใครนั้นเพราะนึกถึงใจเขาใจเรา เขาเห็นเราพอจะพึ่งได้ แม่ก็ยินดี ส่วนที่แม่ซื้อมือถือพร้อมแพ็กเกจน่ะ ก็เหมือนช่วยคนขาย มันก็เหมือนลูกหลานเรา มันจะได้คอมมิสชั่นจากการขายสักเท่าไหร่เชียว ให้เด็กมันมีความสุขที่ขายได้บ้างเถอะ จะกลัวเสียเปรียบอะไรกันนักหนา

แต่ก่อน ใคร ๆ มักชมแม่ให้ฉันฟังว่า แม่เป็นคนใจดี ฉันไม่ค่อยรู้สึกอะไร คิดว่าการเป็นคนใจดีนั้น ใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวนี้ ฉันเหมือนได้รู้จักแม่มากขึ้น แม่ไม่ค่อยจะโกรธใคร แม่บอกเราเสมอว่า ไม่รู้จะไปโกรธหรือโมโหใครไปทำไม มันเหนื่อยและไม่ได้อะไร ทุกครั้งที่เรากลับไปเยี่ยมแม่ แม่จะตื่นเช้ามากมาทำกับข้าวที่เราชอบ ฉันนอนดูแม่เงียบ ๆ ดูกิจวัตรประจำวันของแม่แบบไม่ผ่านไลน์ แม่จะเปิดประตูบ้านออกไป รอบบ้านเลอะเทอะด้วยอึและฉี่ของแมวที่มันเข้ามาทะเลาะกัน อาหารที่ใส่จานไว้เกลื่อนบ้าน แม่ก็ไม่บ่น ไล่เก็บกวาด ชำระล้าง ด้วยเข้าใจเหมือนกับฉันว่ามันเป็นแมวจะไปรู้เรื่องอะไร แม่ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า อายุมากขึ้นตามเวลาผ่านไป ใจยิ่งสงบ เราควรมีความสุขกับสิ่งรอบข้าง มองเห็นทุกอย่างเป็นธรรมดาโลกและการเป็นคนใจดีมันมีความสุขจริง ๆ นะ



ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย











Create Date : 06 ตุลาคม 2559
Last Update : 17 มกราคม 2562 12:49:15 น.
Counter : 640 Pageviews.

2 comment
--- ว า ด น ก ว า ด ใ จ ( ต่ อ ) ---










เช้าวันอาทิตย์ เราออกจากบ้านตอนตีสี่ ถึงห้วยตึงเฒ่าหกโมงเช้า ใช่แล้ว...เราอยากตื่นมาวิ่งสนามสวย ๆ ในห้วยตึงเฒ่า

ระหว่างที่หาที่จอดรถ สวนทางกับกลุ่มนักวิ่งหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มละสามสี่คน ที่กำลังวิ่งกันอยู่ก็อีกหลายคน และมีนักปั่นอีกด้วย รถหลายคันเริ่มทยอยมาจอดข้างรถเรา มีจักรยานบนหลังรถกระบะ ผู้คนในรถเป็นคนสูงวัยมากันเป็นครอบครัว ยิ่งกว่านั้นมีเด็กเล็ก ๆ สักสองขวบหน้าตาน่ารักแต่งชุดกีฬา สวมรองเท้าผ้าใบจิ๋ว ๆ คุณแม่ของเธอพาเธอเดินเล่น ขณะเราจ๊อกกิ้งรอบบึงน้ำใหญ่ที่ห้วยตึงเฒ่า สวนทางกับนักวิ่งหลายคน เขายกมือไหว้และสวัสดี มีคู่สามีฝรั่งเดินออกกำลังกาย สองพ่อลูกที่ขี่จักรยานคนละคัน พ่อน่ะขี่แต่ลูกนะนั่งคร่อมและขายันให้รถไปข้างหน้า พ่อกำลังสอนลูกขี่จักรยาน คิดว่าน่าจะเคยลองมาจากบ้านบ้างแล้วเพราะพ่อไม่มาจับอานเหมือนหัดใหม่ที่คอยประคองอยู่ข้าง ๆ ฉันวิ่งผ่านมารอบที่สองถึงได้ยินเสียงลูกสาวอายุสักสิบขวบของคุณพ่อคนนี้กรี๊ดขณะที่รถจักรยานของเธอลงริมหญ้าข้างทาง พ่อเธอหมุนจักรยานตามไปดู เราไม่ได้หยุดดูแต่วิ่งไปเรื่อย ๆ

นี่เป็นวันแรกที่ออกมาจ๊อกกิ้งหลังจากไปวิ่งสิงห์เทรลมาเกือบอาทิตย์ เราวิ่งแค่สองรอบ ใจอยากวิ่งมากกว่านี้ อยากวิ่งยาว ๆ แต่จำเป็นต้องพอเพราะมีธุระอื่นต้องทำ มีเหงื่อซึมออกมานิดหน่อยนั่นเพราะอากาศยามเช้าสดชื่นมีลมพัดมาเบาเบา แต่พอหยุดวิ่ง เหงื่อจะซึมและหยดเข้าตา ตอนนี้แหละที่รู้สึกแสบตามาก น้ำสะอาดทำหน้าที่มากกว่าจิบชุ่มคอ
ฉันมีเรียนระบายสีน้ำตอนเก้าโมง จึงอยากอาบน้ำอาบท่า กินข้าว เตรียมตัวไปเรียนให้พร้อมมากกว่ากระหืดหระหอบแม้ว่าอยากจะวิ่งต่ออีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็เถอะ
วันนี้เพื่อนร่วมชั้นระบายสีน้ำ มีน้องมาวินมาเรียนด้วย เด็กชายมาวินเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่ชอบดูนก เขาสามารถเล่าเรื่องราวของนกต่าง ๆ ได้น่าฟังมาก ฉันเพิ่งเจอตัวจริงของน้องเป็นครั้งแรก ดูเป็นเด็กอ่อนโยน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส วันนี้เขาเตรียมสมุดวาดภาพและสีน้ำมาพร้อม พี่ ๆ ป้า ๆ แบ่งกระดาษ 300 แกรมให้ อยากให้มาวินได้ลองระบายบนกระดาษหนากว่ากระดาษบาง ๆ เพราะมันอาจเปื่อยได้ แต่เขาไม่รับและขอบคุณ เขาบอกอย่างสุภาพว่า ผมมีแล้วครับ

ครูให้ลองวาดวงกลม นางแบบเป็นลูกบอลสีน้ำเงิน และลองลงสีซึ่งระบายไปตามโค้งของวัตถุ เส้นสีจะสวยกว่าระบายให้เต็มวงกลมอย่างเดียว และสีที่จำเป็นในการระบายเงาคือสีเทา (ฉันเพิ่งรู้) เขาว่าใช้ในงานวาดค่อนข้างเยอะ เขาสอนการเกลี่ยสีน้ำเมื่อระบายแล้วเห็นขอบ (ฉันก็เพิ่งรู้) และการใช้สีชมพูในเรื่องของสีน้ำ ทุกอย่างในวันนี้ฉันเพิ่งรู้ทั้งนั้นทั้งที่ละเลงสีน้ำมาแบบไม่กลัวเละมาไม่น้อย

ว่าไปแล้ว สีน้ำระบายยาก ที่ว่ายากคือระบายให้สวยและดูโปร่งเบายากมาก ทำยังไงไม่ให้เน่า ทุกอย่างต้องวางแผนก่อน จะลงสีไหนก่อนหลัง ระบายอะไรก่อนหลัง

มันดูเป็นระบบพอควรสำหรับคนเริ่มใหม่ แต่น้องที่เป็นนักดูนกกระซิบกับฉันว่า มีแต่เซียน ๆ ทั้งนั้นที่มาเรียน ฉันไม่รู้หรอกว่าใครเซียน รู้แต่ว่าตัวเองอยากเรียน คนอื่นก็อาจจะอยากรู้เทคนิคเพิ่มเติมเหมือนฉันนี่แหละ ฉันเลิกกดดันตัวเองมานานแล้ว ไม่คิดเปรียบเทียบตัวเองกับใครให้เหนื่อย มันเหนื่อยและสร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใครเลยสักนิด ทำให้นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อชา สุภทฺโท ที่ว่า การพิจารณาตัดสินผู้อื่น จะเพิ่มความหยิ่งทะนงตน จงเฝ้าดูตน...

เวลาผ่านไปสองชั่วโมงอย่างรวดเร็ว ข้าวเหนียวกับหมูปิ้งอาหารเช้าของฉันยังไม่ย่อยเลย ต้องพักหนึ่งชั่วโมงไปเติมพลังเพื่อมาเรียนวาดนกต่อ

ภาคบ่ายวันนี้เราเรียนเรื่องการวาดปีกนก มันยากมากเพราะนอกจากจะกะปีกสองข้างให้เท่ากันแล้ว ยังต้องดูองศาของการกางปีกให้ดี จากนั้น ครูก็บอกว่า มันจำเป็นต้องเรียนพื้นฐานให้รู้เพราะจะทำให้เข้าใจและวาดได้ง่ายขึ้น เรามักจะงงว่า จะวาดปีกอย่างไร ยิ่งเห็นตอนปีกซ้อนกันมาก ๆ ไม่รู้จะวาดตรงไหนก่อน ลงสีก็ยากไปตามลำดับ
เราเรียนตั้งแต่เรื่องขนนกอ่อน ๆ ที่เรียกว่าขนอุย เป็นขนฟูที่อยู่ระหว่างผิวหนังด้านนอกให้ความอบอุ่นหรือเรียกว่าขน down จะเห็นในลูกนกเพราะขนจะอ่อน นอกจากนี้ก็จะเป็นขนสั้น ๆ เป็นขนตามลำตัว และขนปีกและขนหาง ก้านขนจะยาวและมีสีสันต่างกัน
จากนั้นก็จำลองการวาดปีกให้รู้ว่าแต่ละส่วนของปีกนกด้านนอกนั้นมีอะไรบ้าง เรียนศัพท์เทคนิค เรียกเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่ยากมากเพราะเราวาดภาพตามและรู้ว่าปีกนกมีขนซับซ้อนมากพอควร มีหลายส่วนที่ซ่อนใต้ขนคลุมปีกและเรามองไม่เห็น อย่างน้อยตอนนี้ก็เห็นชั้นขนของนกขึ้นมาแล้ว รู้แล้วว่านกมีขนปลายปีกประมาณกี่เส้น ทำให้ย้อนกลับมาดูนกของตัวเองที่เคยวาด ฉันไม่รู้เลยว่านกมีขนปลายปีกกี่เส้น ปลายขนเป็นอย่างไร ทำไมปลายปีกนกบางชนิดจึงมีสีดำ บางชนิดไม่มี รู้แต่นกมีปีกและบินได้ วาดปีกไปตามใจชอบ ยิ่งกว่านั้น ความรู้เรื่องขนปีกนั้นทำให้จำแนกนกบางชนิดได้เพราะนกปราบเซียนแบบนกกระจ้อย บางทีต้องจับนกมานับขนปีกกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังเรียนรู้เรื่องนกที่มีหน้ากากดำกับที่ไม่มีหน้ากากดำ มีประโยชน์ต่างกันอย่างไร ปากนกแต่ละชนิด ธรรมชาติได้วิวัฒนาการให้นกแต่ละชนิดมีรูปแบบปากที่แตกต่างกัน โดยรูปแบบปากของนกแต่ละเเบบจะเป็นตัวกำหนดแบบแผนการกินและชนิดของอาหาร ยกตัวอย่าง ปากของนกกินปลีที่มีลักษณะยาวโค้งงอเหมาะสำหรับการสอดเข้าไปกินน้ำหวานดอกไม้ที่มีลักษณะเป็นหลอดได้ดี หรือนกล่าเหยื่อจะมีจะงอยปากงุ้มและแหลมคมเพื่อฉีกเนื้อสัตว์ได้ เป็นต้น

เอาล่ะ..การเรียนมีคุณค่าตรงนี้เพราะมันคือพื้นฐานที่ทำให้เรารู้จักการวาดที่ให้รายละเอียดได้มากขึ้น เหมือนเรียนรู้เรื่องฉันทลักษณ์ในการเขียนกลอน รู้แล้วก็ลองเขียน เหมือนอ่านหนังสือออกกำลังกายแต่ที่ยังอ้วนอยู่เพราะไม่ลงมือทำสักที เชื่อว่าทฤษฎีกับปฏิบัติควรจะทำไปพร้อม ๆ กัน ลงมือทำจึงจะเห็นผล มันใช้ได้กับทุกเรื่อง ดีไม่ดีอันนี้เป็นคนละเรื่อง

วันนี้เราวาดนกสองตัวกางปีก แน่นอนที่ต้องวาดนกที่เห็นปีกบนและใต้ปีก
ตัวแรกที่วาดคือนก European Bee-eater ฟังชื่อก็รู้ว่านกกินผึ้ง นกชนิดนี้คือนกจาบคา เป็นนกนักบินโฉบที่ขยันบินกินแมลงจริง ๆ สวมหน้ากาก ปากเชิด กางปีกสวย และเหมือนมีเข็มสองเล่มที่ปลายปีกอีกด้วย

ตัวที่สองวาดเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ ที่เราแหงนขึ้นไปเห็นแต่ท้องและใต้ปีกนก ให้วาดก็วาดได้แม้ไม่เคยวาดมาก่อน วาดบ่อย ๆ อาจจะสวยขึ้น อันนี้ต้องไปฝึกต่อกันเอง และแล้วครูก็เอาหนังสือมาให้เลือกวาดนกที่อยากวาด ฉันเลือกวาดนกที่ไม่เคยเห็นตัวจริงและไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขามาก่อน นั่นคือนกทะเลขาเขียวลายจุด เป็นนกตัวแรกที่ฉันวาดและลงสีหลังจากเรียนวาดนกให้เป็นนกครั้งนี้

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย



Create Date : 29 กันยายน 2559
Last Update : 29 กันยายน 2559 7:54:43 น.
Counter : 681 Pageviews.

3 comment
--- ค น ไ ล่ วั ว : บุหลัน รันตี ---














อ่าน คนไล่วัว ของคุณบุหลัน รันตี จบมาสองสามวันแล้ว อ่านสนุกมาก อยากให้เพื่อน ๆ อ่านด้วยกันค่ะ

นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของอาชีพหนึ่งคือพ่อค้าวัวชาวไทย ซื้อขายวัวในดินแดนปกครองกะเหรี่ยงอิสระเคเอ็นยู การค้าขายที่ชายแดนคึกคักมาก มีการค้าขายหลายอย่าง ค่าตอบแทนดีแต่ก็ต้องเสี่ยง

สำหรับการค้าวัว พอซื้อวัวแล้วก็ต้องต้อนฝูงวัวทั้งหมดผ่านดินแดนที่มีทหารพม่าคอยไล่ล่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยอย่างโหดเหี้ยมทารุณตลอดเส้นทาง

เชน พ่อค้าวัวชาวไทยรัก เดญา สาวกะเหรี่ยง ได้แต่หวังว่าจะได้กลับมาเจอเธออีกครั้งหลังจากต้อนวัวถึงเมืองไทยแล้ว แม้เธอมีใจด้วยแต่ทุกอย่างก็แล้วแต่โชคชะตา

เรื่องราวสนุกสนานมาก มีการปล้นวัว เส้นทางการต้อนวัวไม่ราบรื่น ลุ้นระทึกว่าเชนจะพาฝูงวัวผ่านเส้นทางการสู้รบของกองทัพรัฐบาลพม่ากลางป่านี้ได้หรือไม่ เปลี่ยนเส้นทางต้อนวัวผ่านดงเสือ ไหนจะเส้นทางกันดาร ต้องหาแหล่งน้ำแหล่งหญ้าเลี้ยงวัวขณะเดินทางไกล เสี่ยงกับการถูกเสือโจมตีจนฝูงวัวแตกกระเจิง นั่นหมายถึงการลงทุนต้อนวัวครั้งนี้อาจขาดทุนหรือถึงขั้นหมดตัวกันเลยทีเดียว และยังแอบลุ้นเด็กชายกะเหรี่ยงหัวแดงที่ขอตามเชนเพื่อมาตามหาพ่อที่เมืองไทย เขาพลัดหายระหว่างทาง ทำให้เรากังวลไปด้วยว่า เจ้าเด็กนี่เป็นไส้ศึกหรือเปล่าซึ่งไม่น่าจะเป็นแงซายที่ปลอมตัวเพื่อกลับไปกู้บัลลังก์ที่เมืองมรกตหรอก แต่เด็กน้อยก็มากับข่าวคราวไม่สู้ดีเพราะมีกองกำลังพม่ากำลังจะบุกหมู่บ้านคนรักของเขา

ที่ว่าอ่านสนุกนั้นคือการเรียบเรียงเนื้อหาให้ลุ้นระทึกน่าติดตามตลอดเรื่อง มีรายละเอียดของคนทำอาชีพพ่อค้าวัวนี้ได้น่าสนใจ ทั้งที่ฉากในเรื่องคือความเป็นไปของชนกลุ่มน้อยในดินแดนเพื่อนบ้านเรายังเศร้าสลดหดหู่และสะเทือนใจที่สุด ปล้น ฆ่า ข่มขืน เศร้าจนไม่รู้จะเขียนเล่าออกมาอย่างไร

เรื่องราวของความรักระหว่างหนุ่มไทยกับสาวปกาเกอญอก็หวานซึ้ง ประทับใจ เป็นความรักที่สวยงาม บริสุทธิ์ แม้อ่านจดหมายของเดญาถึงชายคนรักแล้วเศร๊า เศร้า(อินมากไปหน่อย) ได้แต่ภาวนาให้พวกเขาอยู่เย็นเป็นสุขกันเสียที ขอให้โลกนี้มีไม่มีสงคราม ไม่มีการสู้รบอย่างรุนแรง มีพื้นที่เล็ก ๆ ให้คนตัวเล็ก ๆ ได้หายใจ ไม่ต้องเร่ร่อนย้ายถิ่นฐานหนีการไล่ล่าและมีความรักในบ้านของตัวเองและทุก ๆ แห่งในโลก


ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
28 กันยายน 2559













Create Date : 28 กันยายน 2559
Last Update : 28 กันยายน 2559 14:15:20 น.
Counter : 706 Pageviews.

2 comment
--- ว า ด น ก ว า ด ใ จ ---













ปีที่แล้ว นอกจากสนุกกับการดูนกนอกสถานที่แล้ว ฉันมีใจอยากวาดนกบ้าง พยายามหัดวาดทุกวัน วาดเพราะอยากวาด วาดครั้งแรกเพราะน้องคนหนึ่งเรียนหนังสืออยู่ที่เยอรมันส่งหนังสือการวาดนกมาให้ รู้สึกมีแรงใจและเป็นแรงผลักดันให้อยากลองวาดดู

พอได้เริ่มต้นก็รู้สึกเหมือนจะติดพัน ว่างเมื่อไหร่ก็วาด เริ่มจากวาดด้วยดินสอ เปลี่ยนมาเป็นสีไม้และลงสีไม้ มีน้องนักวาดระบายสีน้ำคอยให้คำแนะนำมาตลอดเรื่องการวาด ดินสอสีต้องแหลมเสมอเพราะเราจะได้เส้นขนที่สวยงาม เธอแนะนำรายละเอียดทุกอย่าง เรื่องสำคัญเกี่ยวกับดวงตานกที่ต้องมีแววตาเหมือนคน การแรเงาให้ดูมีน้ำหนักหนักเบาหรือสว่างขึ้น และคอยให้กำลังใจในการวาดทุกครั้ง จากนั้นฉันก็วาดมาอวดเพื่อน ๆ โดยข้ามเรื่องความอายไปทั้งสิ้น

จากนั้นลองหัดวาดบนไอแพ็ด เส้นสีจะไม่เหมือนกัน บ่อยครั้งที่ตื่นลืมตามาก็คว้าไอแพ็ดมาและลงมือวาด วาดตั้งแต่ไม่ได้เรื่องจนได้เรื่อง มีคนชอบสิ่งที่ฉันชอบด้วย นกน้อยของฉันจึงมีลมหายใจในหนังสือเล่มหนึ่ง แม้มันยังไม่ใช่นกที่สมบูรณ์แบบและสวยงามแต่มันได้รับโอกาสที่ดี มีลมหายใจบนหนังสือและเนื้อหาที่เรียบง่าย งดงาม หลังจากนั้น ฉันยังคงหัดวาดอย่างสม่ำเสมอ วาดแบบไม่รู้กฎของการวาดแต่อย่างใด ลงสีไม่ให้เพี้ยนมากนักแต่ก็ยังเพี้ยนอยู่ วันไหนที่เบื่อการวาดก็ทำอย่างอื่น กิจกรรมที่ชอบหลายอย่างก็วนไปเวียนสลับกันไปมาอยู่เรื่อย ๆ

จนวันหนึ่ง น้องต้นหรือครูผู้สอนในวันนี้ เขาเป็นโปรฯดูนกและเป็นศิลปินวาดภาพนก เปิดคอร์สสอนการ ' ว า ด น ก ใ ห้ เ ป็ น น ก ' ฉันรอดูว่าเมื่อไรเขาจะมาสอนเชียงใหม่บ้าง พอเปิดสอนจริง ฉันต้องถามคนที่บ้านว่า ว่างช่วงไหนบ้าง จะได้สมัครเรียนและต้องเป็นธุระไปส่งฉันเรียนด้วย เขาจัดการเรื่องเรียนให้จนเรียบร้อยเพราะรู้ว่าฉันอยากเรียนวาดภาพมาก มีปัญหาเดียวที่จะไม่ได้เรียนคือเขาติดประชุมเดือนนั้น ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีอย่างยิ่ง

เราเริ่มเรียนตั้งแต่เที่ยงไปจนถึงสี่โมงเย็น คอร์สนี้มีสิบคน มีหมอสองคน เภสัชกรสองคน เด็กชายมาโยนักเรียนชั้นป.4 น้องชาน (คนนี้เซียนดูนกกลางคืน งู สัตว์เลื้อยคลาน เหยี่ยว) คุณตุ่น เพื่อนที่มาทีหลังเธอแนะนำแต่ฉันลืมชื่อเธอ ขออภัยด้วย และแม่บ้านบ้านนอกที่อายุมากที่สุดในชั้น

ทุกคนแนะนำตัวให้เพื่อนในชั้นทราบว่าทำไมถึงมาเรียน ส่วนใหญ่ตอบคล้าย ๆ กันคืออยากเรียนการวาดให้ถูกต้อง(นั่นเพราะทุกคนชอบการวาดและวาดอย่างอื่นมาแล้วบ้าง) อยากระบายสีน้ำเป็น(ส่วนใหญ่ลงสีน้ำได้แต่ไม่รู้หลักการลงสีน้ำจริง ๆ ) น้องที่เป็นหมอคนหนึ่งบอกว่า เธอชอบภาพสีน้ำมากเพราะภาพสีน้ำให้ความรู้สึกไม่ซับซ้อน สบาย ๆ จิตใจเบิกบานและมีความสุขเมื่อเห็น อยากระบายสีเป็นบ้าง


น้องต้นยิ้มขอบคุณทุกคน ท่าทางเขาเป็นมิตร เป็นคนหนุ่มที่ดูสบาย ๆ นิ่งฟังเด็กชายมาโยเล่าเรื่อง ผิวปากเป็นเสียงนก ตอบต่อข้อซักถามให้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง ฉันชอบคนเก่งที่มีลักษณะน้อมถ่อม กล้าในเวลาที่ควรกล้า พูดในจังหวะที่ควรพูดและฟังเป็น การสอนใกล้ชิดและเป็นกันเองจึงไม่อึดอัด จุดประสงค์หลักคือเรามาพักผ่อนหาความสุขในวันหยุดกันมากกว่า

น้องต้นเปิดสมุดบันทึกตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบให้ดู เขาเริ่มสนใจดูนกก่อนหน้านั้นเล็กน้อย คุณพ่อขับรถพาไปดูนกตามสถานที่ต่าง ๆ จนคุณพ่อคุณแม่ดูนกตามไปด้วย

ภาพบันทึกการดูนกในวัยนั้นไม่มีรายละเอียดสัดส่วนที่ถูกต้องมากนัก แต่นกดูมีชีวิตชีวา ลายเส้นมั่นใจแบบเด็กผู้ชายทั่วไปที่ฉันเคยเห็น ไม่มีร่างเบา แต่เป็นเส้นหนัก ๆ ได้โครงร่างและรายละเอียดครบ พร้อมลงสีไม้ จากนั้นเป็นสีน้ำ มีเขียนบันทึกรายละเอียดพฤติกรรมต่าง ๆ ของนก อากาศ สถานที่และความรู้สึกขณะเฝ้าดูนกตัวนั้นในแต่ละครั้ง

ระยะหลังจนถึงปัจจุบัน ภาพของเขาเริ่มมีองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเข้ามานั่นคือถิ่นที่อยู่อาศัยของนกที่เจอมา เขาบอกว่าวาดภาพนกไม่ยากนัก แต่ฉากจะยากมากกว่า ใช้เวลามากกว่าปกติ บางภาพสามวันจึงจะเสร็จ

น้องกระเป๋าถามว่า แล้วเบื่อวาดบ้างมั้ย

ธรรมดาครับ บางวันอยากวาดมาก บางวันไม่อยากวาดก็ต้องวาดเพราะเป็นงาน เหมือนเราทำงาน แต่งานละเอียดและนำไปใช้งานรวมเล่มเป็นหนังสือคู่มือดูนกก็ต้องวาดให้ดีที่สุด ตอนนี้กำลังวาดเหยี่ยวเพื่อทำเป็นหนังสือ อีก 10 ปีก็เสร็จ

ฉันคิดในใจ กว่าจะเป็นหนังสือนกสักเล่ม ใช้เวลานานมาก เตรียมงานเตรียมการวาดนานมากขนาดว่าวาดทุกวัน ยิ่งวาดให้ถูกต้องทุกสัดส่วนและสีที่ถูกต้องในแต่ละช่วงวัยของนกนั้น ไม่ง่ายเลย แต่ผลงานที่ดีจะอยู่กับคนรุ่นหลังได้ศึกษาอีกนาน

ในชั้นเรียนนี้ ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการดูนกมาบ้างแต่ไม่มากนัก ฉันเพิ่งเริ่มดูนกแต่ก็เหมือนจะมากกว่าใครในชั้นเรียน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ๋งกว่าใคร เรามาเริ่มต้นใหม่กันทุกคน

ต่างคนต่างมีนกตัวโปรดอยู่ในใจแล้วบ้าง ฉันก็มี สามีฉันยังเดาถูกเลยว่าฉันชอบนกตัวไหนและอยากวาดนกตัวนั้นมากที่สุด แต่ครูผู้สอนไม่ถาม ฉันก็ยังไม่บอก

ภาพแรกที่เขาให้ลองวาดคือภาพนกกระจอก นกที่ใกล้ชิดเรามากที่สุด แต่พอวาดแล้วเหมือนเราเพิ่งทำความรู้จักกันใหม่

คงเป็นพื้นฐานการวาดทั่ว ๆ ไปที่ต้องลากเส้นแนวของลำตัว จากนั้นก็วาดวงรีที่ลำตัว วงกลมที่หัว ก่อนลากเส้นหัวและลำตัวมาต่อกันนั้น ต้องดูสรีระของขาที่อยู่กึ่งกลางลำตัวแต่ค่อนมาทางข้างหลัง หัวกลมแต่ต้องวาดเล็กกว่าลำตัว ปากนกกระจอกจะเป็นกรวยสามเหลี่ยมใหญ่ หน้าผากไม่สูง กระหม่อมค่อนข้างแบน คอป่อง หลังแบน ลากมาตรง ๆ เราวาดโครงปากสามเหลี่ยมก่อนค่อยมาวาดแยกปากบนปากล่างด้วยการลากเส้นตรงกลาง ท้ายทอยหยักเป็นมุมบนแผ่นหลัง ขนคลุมปีกนกก็จะแยกกันคนละส่วน หางนกที่ลากลงมานั้นก็ไม่เหมือนกัน นกกระจอกนั้นมีหางปลายแหลมลงมาด้านล่างคล้ายหางแฉกปลา เท้าสี่นิ้ว มีนิ้วที่ยาวกว่านิ้วอื่นหนึ่งนิ้วและยื่นไปด้านหลังหนึ่งนิ้ว ตำแหน่งตาต้องอยู่เหนือปากบน นี่คือร่างคร่าว ๆ ของนกกระจอกที่ใช้ชื่อว่า Eurasian tree sparrow ซึ่งแปลว่านกกระจอกบ้าน แต่ก็ยังสงสัยว่า ทำไมชื่อข้างหน้าภาษาอังกฤษนั้นดูหรูหรา ทำให้นกกระจอกนั้นไม่กระจอกอย่างชื่อของเขา นั่นเพราะว่า ที่เมืองนอก นกกระจอกจะเจอนอกเมืองมากกว่าเจอในเมือง แต่นกกระจอกใหญ่นั้นเจอง่ายกว่า และเจอในบ้าน แต่ของเรานั้นกลับกัน ชื่อนกนั้นมาจากต่างประเทศก่อน เรานั้นตั้งชื่อตามสภาพที่เขาอยู่จริงในบ้านเรา

ฉันแอบสงสัยนิดนึงว่า นกกระจอกกับความหมายของคำว่ากระจอกนั้น อะไรมาก่อน

จากนั้นเราก็วาดเป็ดหัวเขียว คนที่วาดเร็วที่สุด สรีระถูกต้องมากที่สุดคือเด็กชายมาโย วาดล่วงหน้าไปก่อนครู เราวาดแค่เป็ดลอยบนน้ำ แต่น้องวาดตีนเป็ดที่อยู่ใต้น้ำด้วย ทำเอาพี่ ๆ ฮือฮามาก ยกให้เป็นหัวหน้าห้องเพราะเขาสนุกกับการอธิบายเรื่องนกแต่ละชนิดระหว่างที่รอพี่ ๆ วาดกันอยู่ พวกเรายังวาดไม่ค่อยได้สรีระที่ถูกต้อง ดูเหมือนไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายโดยเฉพาะนกแต่ละตัว มันไม่สามเหลี่ยมรูปทรงเรขาคณิต เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิต มีบุคลิกลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน และลักษณะของปากนกแต่ละชนิดนั้นเพื่อหาอาหารในถิ่นที่อยู่ต่างกัน

เราวาดนกแสกกัน ซึ่งเราก็พอทราบกันมาบ้างแล้วว่า นกแสกหน้าตาเหมือนคนเพราะตาสองข้างอยู่ข้างหน้า ต้องสมมาตรแม้ไม่เคยวาดภาพคนมาก่อน เขาหาเหยื่อด้วยการฟังเสียง มีหูเล็ก ๆ ที่ขนปกคลุมเอาไว้ หมุนคอได้ 180 องศาเพราะกลอกตาไปมาไม่ได้ ขนคอมาคลุมที่หัวไหล่ ปลายปีกของนกแสกจะมน

มีเพื่อนในห้องพูดขึ้นเรื่องความเชื่อของคนโบราณเรื่องบ้านไหนได้ยินนกแสก แสดงว่าบ้านนั้นจะมีโชคร้ายหรือมีคนตาย

น้องชานผู้เชี่ยวชาญบอกว่า นกพวกนี้อยู่ตามบ้านอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ดูนกกลางคืน เขามากินหนู อาหารหลักที่เขาชอบก็หนูนา ที่เขาชอบอยู่ตามวัดเพราะมันเงียบสงบ และวัดจะมีจั่วให้นกอาศัยอยู่ได้ เป็นนกที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกรตัวหนึ่ง

จากนั้นเราก็วาดนกกะเต็นอกขาว เพราะเป็นนกที่เจอบ่อย เป็นนกประจำถิ่น พบง่าย แต่ความอัศจรรย์ของเขาอยู่ที่ปาก ปากใหญ่ยาวกว่าหัว มุมปากจะลึกมาก นึกถึงตอนฉันวาด รู้แต่ว่าปากใหญ่แต่บอกสัดส่วนของนกไม่ได้

นกเงือกหัวแรดอีกตัวที่ปากใหญ่กว่าหัวและมีนอเหมือนแรด จึงได้ชื่อว่านกแรด กว่าจะปิดท้ายด้วยนกปิ๊ดจะลิวที่สังเกตเรื่องแก้มนก และก้นนกในวัยเด็กจะมีสีเหลือง ยังไม่เป็นสีแดง หลัง อก ปีกและตีนนก ยังเป็นเรื่องยากเพราะเรากำลังเรียนเรื่องสัดส่วนและสรีระของนก

น้องที่เป็นหมอสองคนนั้น เก่งมาก นอกจากสวยแล้วยังวาดภาพเก่งมาก เรียนรู้เร็ว โครงสร้างถูกต้อง เส้นสายสวยงาม

นกตัวเดียวกันแต่ลายเส้นไม่เหมือนกัน ของฉันนั้นเหมือนลายเส้นนกการ์ตูนมากกว่า แต่สรีระเริ่มถูกต้องขึ้น แต่ผลงานการวาดของน้อง ๆ โดยเฉพาะของหมอสองคนนั้นสวยงามมาก วาดเต็มสมุดและเส้นคมมาก ฉันขออนุญาตเธอถ่ายภาพผลงานด้วย เธอขอบคุณและยินดีให้ฉันถ่ายภาพ ฉันชอบเด็กที่มีกิริยามารยาทดี ไม่อวดตัว ถ่อมตน สดใส ภาพที่สวยงามอยู่แล้วดูสวยงามยิ่งขึ้น

ฉันทบทวนตัวเองและงงมากว่า ฉันวาดนกได้อย่างไร หรือเป็นเพราะไม่กลัวว่ามันจะผิดหรือถูก กล้าที่จะวาดและวาดทุกวัน วาดเรื่อย ๆ สังเกตให้มากขึ้นทุกครั้ง จนกระทั่งรู้ตัวเองว่า เราสังเกตไม่มากพอ แต่การวาดบ่อย ๆ ทำให้เราจำได้เนื่องจากการสังเกตนั่นเอง

หัวใจสำคัญของการวาดในวันนี้ที่น้องต้นบอกคือ ลงมือวาดและวาดบ่อย ๆ ฝึกมือบ่อย ๆ แล้วจะดีขึ้นเอง



ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
20 กันยายน 2558











Create Date : 22 กันยายน 2559
Last Update : 22 กันยายน 2559 8:03:46 น.
Counter : 604 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com