SON OF GOD Theme
Group Blog
 
All blogs
 
ตรีเอกานุภาพ หรือ ตรีเอกภาพ (ภาษาอังกฤษ: Trinity)

ตรีเอกานุภาพ หรือ ตรีเอกภาพ (ภาษาอังกฤษ: Trinity) เป็นปรัชญาทางคริสต์ศาสนาซึ่งกล่าวว่าพระเจ้าผู้เป็นเอกานุภาพผู้เป็นตัวตนในขณะเดียวกันและตลอดไปภายในรูปของพระภาคสามพระภาค: พระเจ้าผู้เป็นพระบิดา, พระบุตรผู้มาเกิดเป็นพระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Holy Spirit) ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 ปรัชญาทางคริสต์ศาสนาทั้งทางตะวันออกและตะวันตกก็ยอมรับว่า “สามพระภาค[1]ในพระเจ้าองค์เดียว” สามสิ่งนี้แตกต่างกันแต่อยู่ภายใต้ผู้เป็นเทพองค์เดียว และปรัชญายังกล่าวต่อไปว่าพระบุตรหรือพระเยซูเป็นสองภาคในขณะเดียวกันคือเป็นพระเจ้าและขณะเดียวกันก็เป็นมนุษย์ (hypostatic union)

ผู้ที่เชื่อในปรัชญา “ตรีเอกานุภาพ” เรียกกันว่า “Trinitarianism” ลัทธิเกือบทุกลัทธิในคริสต์ศาสนามีความเชื่อในปรัชญา “ตรีเอกานุภาพ” และถือว่าเป็นรากของคำสอนของคริสต์ศาสนา[2][3]

ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ ปรัชญา “ตรีเอกานุภาพ” ก็มีเช่นปรัชญา “ทวิเอกานุภาพ” (Binitarianism) ซิ่งเชื่อในความเป็นสองภาคของพระเจ้า และปรัชญา “เอกานุภาพ” (Unitarianism) ที่เชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว

ปรัชญาตรีเอกานุภาพหลังพันธสัญญาใหม่[2]เป็นปรัชญาที่สำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับปรัชญาเอเรียนนิสม์ (Arianism) ผู้เชื่อว่าพระเยซูเป็นสิ่งที่สร้างโดยพระเจ้า และสิ่งทั้งสามมิได้คงอยู่ร่วมกันตลอดกาลเช่นในความเชื่อของปรัชญาตรีเอกานุภาพ ความขัดแย้งนี้เป็นความขัดแย้งสำคัญครั้งแรกในประวัติคริสต์ศาสนาและมีผลกระทบกระเทือนต่อสถาบันคริสต์ศาสนาของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นผลให้เจอร์มานิคผู้สนับสนุนปรัชญาเอเรียนนิสม์ (Germanic Arians) แยกตัวจากผู้นับถือศาสนาคริสต์ตามปรัชญานิเซียน (Nicene Christians)

“ตรีเอกานุภาพ” เป็นหัวข้อที่มักจะพบในคริสต์ศาสนศิลป์โดยใช้นกพิราบเป็นของพระวิญญานบริสุทธิ์ ตามที่กล่าวในพระวรสารจากเหตุการณ์ “พระเยซูรับศีลจุ่ม” (Baptism of Christ) รูปนกพิลาบส่วนใหญ่จะกางปีก การแสดง “ตรีเอกานุภาพ” เป็นมนุษย์สามคนก็ใช้ในศิลปะทุกสมัย[4]

ภาพพระบิดาและพระบุตรจะเป็นปรากฏเป็นชายที่มีอายุต่างกัน และต่อมาก็จะแตกต่างกันจากการแต่งกายด้วยแต่ก็ไม่เสมอไป โดยทั่วไปพระบิดาจะเป็นชายสูงอายุมีหนวดขาวซึ่งอาจจะนำมาจากตำนานไบเบิล Ancient of Days ซึ่งมักจะใช้อ้างเมื่อมีข้อขัดแย้งในการแสดงภาพเช่นนี้ แต่ในนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ตำนาน Ancient of Days เชื่อว่าชายคนเดียวกันนีคือพระบุตรมิใช่พระเจ้าผู้เป็นพระบิดา บางครั้งเมื่อแสดงภาพของพระบิดาในงานศิลปะศิลปินจะใช้รัศมีเหนือพระเศียรที่เป็นสามเหลื่ยมแทนที่จะกลมเช่นรัศมีทั่วไป พระบุตรมักจะอยู่ทางขวาของพระบิดา (Acts 7:56) บางครั้งก็จะใช้สัญลักษณ์เป็นลูกแกะ หรือ กางเขน แทนพระบุตร หรือพระบุตรบนกางเขน ฉะนั้นพระบิดาจะแสดงเป็นมนุษย์ขนาดเต็มตัว ในสมัยยุคกลางตอนต้นพระเจ้าจะเป็นเพียงมือที่ยื่นออกมาจากก้อนเมฆคล้ายประทานพรเช่นในการให้พรเมื่อ “พระเยซูรับศีลจุ่ม” ต่อมาก็มีการสร้างศิลปะที่เรียกว่า “บัลลังก์แห่งความกรุณา” (Throne of Mercy หรือ Throne of Grace) ซึ่งเป็นที่นิยมกัน ในศิลปะแบบนี้พระบิดาบางครั้งจะนั่งบนบัลลังก์ถือไม่ก็กางเขน[5] ก็ประคองร่างพระบุตร ซึ่งโครงการจัดภาพหรือรูปปั้นจะคล้ายคลึงกับทรงปีเอต้า ซึ่งที่เยอรมนีเรียกว่า “Not Gottes”[6] ในขณะที่นกพิลาบจะกางปีกอยู่เหนือพระเศียรหรืออยู่ระหว่างพระบิดาและพระบุตร ทรงนี้เป็นที่นิยมทำกันจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18

ปลายสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 การแสดง “ตรีเอกภาพ” ก็เริ่มใหญ่ขึ้น และมีโครงลักษณะแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากทรง “บัลลังก์แห่งความกรุณา” การแสดงตรีเอกภาพก็เริ่มใช้กันเป็นมาตรฐานโดยแสดงพระบิดาเป็นชายใส่เสื้อคลุมเรียบๆ ร่างท่อนบนของพระบุตรจะเปลือยแสดงให้เห็นแบบพระสันตะปาปา

การแสดง “ตรีเอกานุภาพ” จะหายากในศิลปะในนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ไม่ว่าจะเป็นสมัยใด การไม่นิยมแสดงรูปสัญลักษณ์ของพระบิดาจนกระทั่งสมัยยุคกลางตอนปลาย หลังจากการประชุมสังคายนาที่นิเซียครั้งที่ 2 (Second Council of Nicea) เมื่อปี ค.ศ. 787 อนุญาตให้มีการแสดงรูปสัญลักษณ์ของพระเยซูได้เพราะพระเยซูเป็นมนุษย์ แต่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงรูปพระเจ้าไม่มีหลักฐานแน่นอน การแสดง “ไอคอนตรีเอกภาพ” จะใช้ “ตรีเอกภาพ” จากพันธสัญญาเดิม ซึ่งเป็นเทวดาสามองค์ที่มาปรากฏตัวต่อเอบราฮัม และกล่าวว่าเป็น “the Lord” (ปฐมกาล:18.1-15) การประชุมสภาสงฆ์ที่มอสโคว์ (Great Synod of Moscow) ในปี ค.ศ. 1667 ประกาศห้ามการแสดงรูปสัญลักษณ์ของพระบิดาในรูปเหมือนมนุษย์

การแสดง “ตรีเอกานุภาพ” ในศิลปะคริสเตียนจะมีไม่กี่ฉากนอกจากภาพพระเยซูรับศีลจุ่มซึ่งจะแสดงทั้งสามองค์ประกอบในบทบาทที่ต่างกัน หรือภาพ “การสมมงกุฏของแมรี” (Coronation of the Virgin) ซึ่งเป็นที่นิยมกันทางตะวันตกก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่มักจะแสดง “ตรีเอกภาพ” แต่ภาพเช่น “พระเยซูผู้ทรงเดชานุภาพ” (Christ in Majesty) หรือ “การตัดสินครั้งสุดท้าย” (Last Judgement) ซึ่งตามเหตุผลน่าจะแสดง “ตรีเอกภาพ” แต่กลับแสดงเพียงพระเยซู[7]

การแสดง “ตรีเอกานุภาพ” ที่เป็นคนสามคนเหมือนกันจะหายากเพราะแต่ละภาคของตรีเอกภาพมีบทบาทต่างกัน แต่ที่หายากกว่าคือการแสดงเหมือนมนุษย์คนเดียวที่มีสามหน้า เพราะคำบรรยายของ “ตรีเอกภาพ” เป็นคนสามคนที่มีหัวพระเจ้าหนึ่งหัวไม่ใช่คนคนเดียวที่มีสามบทบาท ซึ่งกลายเป็นการสนับสนุนปรัชญา Modalism ซึ่งเป็นปรัชญาที่ถูกประนามว่าเป็นปรัชญานอกรีต (heresy) โดยนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ และ นิกายโอเรียนทัลออร์โธด็อกซ์

การแสดง “ตรีเอกานุภาพ” อาจจะเป็นแบบนามธรรมโดยใช้สัญลักษณ์เช่นสามเหลื่ยม หรือสามเหลี่ยมสองอันซ้อนกัน, ดอกจิก, หรือผสมสิ่งที่กล่าวมา บางครั้งก็จะมีรัศมีในรูปด้วย สัญลักษณ์เหล่านี้ไม่แต่จะพบในงานจิตรกรรมหรือประติมากรรมแต่ยังพบในงานปัก, พรมทอแขวนผนัง, เครื่องแต่งตัวของพระ, ผ้าคลุมแท่นบูชา, หรือรายละเอียดในสถาปัตยกรรม











Create Date : 01 มิถุนายน 2553
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 17:31:54 น. 0 comments
Counter : 2477 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

St.Rafael
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยามรุ่งอรุณขอขอบพระคุณพระผู้สร้างสรรค์ ชีวิตของเราผูกพันอยู่ด้วยความหวังและพระเมตตา จะรวยจะจนทุกคนต่างมีคุณค่า ด้วยแรงรักแรงศรัทธา ตัวฉันเกิดมาเพื่อขอบพระคุณ
Friends' blogs
[Add St.Rafael's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.