มิน พีชญา วัฒนามนตรี ดาวรุ่งเสน่ห์แรงหัวใจยังว่าง หอบความสำเร็จกลับขอนแก่น

    นานทีปีหนได้กลับบ้านไปเยี่ยม ขอนแก่น แดนอีสาน บ้านเกิด มิน พีชญา
วัฒนามนตรี ซึ่งตอนนี้ต้องเรียกว่า เธอกลายเป็นนางเอกดาวรุ่งมาแรง ของช่อง
7 ที่หลายสำนักต่างยกให้เธอเป็นดาวรุ่งฝ่ายหญิงมาแรงในพ.ศ.นี้เลยก็ว่าได้
สยามดารามีโอกาส สัมภาษณ์เปิดอก มิน ในช่วงหลังปีใหม่ไม่กี่วัน
ซึ่งเธอบอกว่า เพิ่งกลับไปยามบ้านที่ อ.น้ำพองจังหวัดขอนแก่งมาหยกๆ
ซึ่งที่เห็นและเปลี่ยนไปหลังจากที่เธอกลับไปเยี่ยมบ้าน
คือร้านขายวัสดุภัณฑ์ หรือโฮมมาร์ต ของครอบครัว
ตอนนี้ภายในร้านกลายเป็นแกลเลอรี ย่อมๆ ของมินไป แล้ว

สรุปที่บ้านของมินตอนนี้ทั้งร้านมีแต่รูปมิน พีชญา ไปแล้ว
   
''ใช่ค่ะ คือมินไม่ค่อยได้กลับบ้านที่ขอนแก่น เพราะถ่ายละครและเรียน
พ่อแม่จะมาเยี่ยมมินก็จะต้องนั่งเครื่อง หรือเดินทางมาหามินแทน 
ลูกรู้สึกผิดอยู่ เป็นลูกแต่ไม่ค่อยได้กลับไปหาพ่อแม่ มีแต่ท่านขึ้นมาหา
ช่วงปีใหม่ก็เลยกลับบ้าน ไปเยี่ยมเพื่อนเก่า
ที่โรงเรียนนัดเจอกันแล้วก็ไปเยี่ยมญาติๆ ด้วย แล้วก็ไปทำบุญ ไหว้พระ
ที่พระธาตุขามแก่น และก็ไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดหนองแวง
กับครอบครัวมาด้วยค่ะ''

ทุกคนที่บ้านรวมทั้งญาติเขาเห็นมินเปลี่ยนแปลงไปเป็นนางเอกดังเขาว่าอย่างไรบ้าง
   
''ก็เข้ามาขอถ่ายรูป มินก็ขำๆ นะบางคนเห็นมินมาแต่อ้อนแต่ออก
เห็นเป็นเด็กซกมกกะโหลกกะลาคนหนึ่ง มินก็รู้สึกเราก็เหมือนเดิม
เป็นลูกหลานของทุกคน แต่ทุกคนมาถ่ายรูปกับเรา
มันก็เลยทำให้รู้สึกว่ามันเหินห่างจัง''

คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจในความสำเร็จของมินมากน้อยแค่ไหน
   
''อย่างที่เคยบอกไว้ ตอนแรกท่านเป็นห่วงไม่อยากให้เข้า
เพราะรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย ไหนเรื่องขับรถ ไหนจะเรื่องเรียน
เขาเป็นห่วงสารพัด แต่ตอนนี้ เขาเห็นมินปรับตัวได้แล้ว
ก็เริ่มเข้าใจแล้วค่ะ แต่ยังเป็นห่วงอยู่ดี''

ปีที่ผ่านมา มินถือว่ามีงานเข้ามาเยอะทั้งละคร,โฆษณาและงานโชว์ตัวแน่นจนได้ตำแหน่งดาวรุ่งมาแรงของแต่ละสำนักรู้สึกอย่างไรบ้าง
   
''ก็รู้สึกดีนะคะ แค่มินยังไม่รู้สึกว่า เราเด่นดังอะไร คือรู้แค่ว่า
เราเพิ่งเข้าวงการเอง เพิ่งจะเริ่มต้นออกสตาร์ตนะ คือเวลาทำอะไรไป
ก็ไม่ได้คิดว่ามันต้องดัง คือพยายามทำให้มันดีที่สุด
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ดีอยู่อย่างที่ 1 ปีที่ผ่านมานั้น
มีงานหลายอย่างให้มินได้ลองทำเยอะมาก ในสิ่งที่อยากจะทำ
ก็ได้ทำเกือบหมดแล้ว ไม่ว่า ร้องเพลง,เล่นละคร, เล่นหนัง, โฆษณา,
ถ่ายแฟชั่น, เดินแบบ ซึ่งบางงานไม่คิดว่าเราจะทำได้
อย่างเดินแบบเราก็ได้ทำครบทุกอย่างแล้ว เหลืออยู่อย่างงานพิธีกร
ที่อยากจะลองทำดู''

    ได้ให้อะไรเป็นของขวัญสำหรับตัวเองที่ทำงานมา
   
''เป็นชิ้นเป็นอันก็คงเป็นรถมั้งค่ะ รถตู้ เวอร์ไพว์
แต่กว่าจะซื้อก็คิดอยู่นาน เพราะมินเป็นคนเสียดายตังค์
ได้เงินมาก็จะเก็บไว้ แต่คุณพ่อบอกให้ซื้อเถอะ  เวลาเดินทางไปถ่ายละครไกลๆ
จะได้นั่งรถสบาย ปลอดภัย มินก็ไม่ยอมซื้อ จนพ่อบอก เอ้า พ่อช่วยออก 1
ล้านดาวน์ก็ได้ แต่เหลืออีกสองล้านกว่าๆ มินจัดการเองนะ ก็เลยได้ซื้อมาใช้
มันเหมือนการลงทุนค่ะ เหมือนเราทำงานมาเหนื่อยมาก
ก็ซื้อความสะดวกสบายให้ตัวเองด้วย กว่าจะได้มาก็เหนื่อย
สาหัสถึงตอนแรกก็เสียดายตังค์ไม่อยากซื้อง่ายๆ
แต่พ่อสนับสนุนให้ซื้อก็เลยได้มาค่ะ''

ตอนนี้มีงานละครเรื่องอะไรอยู่
   
''มีบันไดดอกรักที่กำลังถ่ายทำอยู่ เป็นละครแนว คอมเมดี้ สนุกสนาน ก็ดีค่ะ
เล่นแล้วไม่เครียด แต่มินเป็นคนที่เล่นดรามามาตลอด
ทั้งปลาบู่ทองและรักในม่านเมฆแล้ว ก็จะติดแนวดรามา พอมาเล่น
แนวคอมเมดี้แล้ว รู้สึกว่าเรายังทำได้ไม่ดีพอ
ถึงแม้เขาให้เราเล่นแล้วมันผ่าน แต่มันรู้สึกว่าเราต้องทำได้ดีกว่านี้สิ
มินรู้สึกจังหวะของการแสดงสไตล์คอมเมดี้ยังไม่ลงตัว
ยังต้องฝึกฝนและปรับพัฒนาอีกเยอะ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง โบ๊เบ๊
มินเล่นรับเชิญค่ะ ตอนนี้ก็มีเวลาแบ่งจัดสรรให้กับการเรียนมากขึ้นแล้วค่ะ
ที่ผ่านมาได้เรียนน้อยมากเลยต้องมาตามเก็บ''

กับพี่อ๋อม เล่นแล้วสนิทกันมากขึ้นไหม เพราะเห็นเขาบอกเคยปลื้มมินมาก่อน
   
''กับพี่อ๋อม ก็สนิทร่วมงานกันปกติค่ะ แรกๆ ก็มีแซวแต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไร
ร่วมงานกันปกติ พี่อ๋อมเขาจะนิ่งๆขยันท่องบทมาก เพราะเขาเล่นเป็นฝาแฝด 2
คนไงค่ะจะหนักหน่อย แต่เรื่องนี้มันออกแนวคอมเมดี้
เลยไม่ซีเรียสกันเท่าไหร่ ในกองก็จะเฮฮาครื้นเครงกันมากกว่า''

แล้วเรื่องสภาพหัวใจ ความรักของมินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
   
''ก็เรื่อยๆ ค่ะ ไม่มีอะไรหวือหวา คือมัวทำแต่งาน
เวลาจะเรียนกับให้ครอบครัวยังไม่มีเลย มีคนเข้ามาบ้าง แต่ก็แค่หยอดๆ
ไม่ได้เชิงจีบจริงจังหรอกค่ะ เลยไม่มีใครพิเศษในตอนนี้
บางทีเห็นเขาควงกันไปดูหนังเป็นคู่ๆ ก็อยากมีนะแต่ คิดไปถ้าเรามีแล้ว
เราไม่มีเวลาดูแลเทกแคร์ความรู้สึกอีกฝ่าย ก็จะทะเลาะมีปัญหากันเปล่าๆ
ก็อย่าเพิ่งเลยดีกว่า มินยังต้องทำงาน ก้าวเดินไปข้างหน้า
ทำให้ชีวิตเราจัดสรรให้ดีเสียก่อนค่อยมีก็ได้''

เรื่องที่ดีใจที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาสำหรับมิน
   
''คงเป็นเรื่องที่เราได้รับโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตเรา
ทำให้มินได้เรียนรู้ทำงานประสบการณ์ที่แปลกใหม่ บางทีมันเหนื่อยมันท้อ
งานหนักดึกๆ ดื่นๆ แต่พอเราผ่านตรงนั้นมาแล้ว มองย้อนกลับไป
เราผ่านมาได้ก็รู้สึกเราแกร่งเหมือนกันนะ และมีกำลังใจจากทั้งคุณพ่อคุณแม่
มีแฟนคลับที่คอยติดตามมิน
ก็อย่างน้อยก็อยากขอบคุณที่ทำให้มินมาถึงวันนี้ได้''

   
เป็นเรื่องราวของสาวดาวรุ่งมาแรงคนหนึ่ง ใน พ.ศ.นี้ ''มิน'' พีชญา 
วัฒนามนตรี ที่เชื่อว่า ความเด่นดังของเธอจะยังไม่หยุดอยู่ที่แค่นี้แน่นอน