just can't {imagine} our ends
Group Blog
 
All blogs
 
“The Girl who lives in the dark” น้องเหลาหยางผู้เข้มแข็ง

เรารับรองว่าถ้าใครได้มีโอกาสชมสารคดีเรื่องนี้
จะต้องเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิต
หรือแม้อย่างน้อยเค้าก็น่าจะมองโลกในแง่งามมากขึ้น


“The Girl who lives in the dark”
คือชื่อสารคดีเรื่องนี้
จากรายการ”มรดกโลกแดนมังกร”
(world heritage of China)

ออกอากาศเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ทางช่อง true explorer2
(อย่างน้อยก็ขอขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาฉายค่ะ)



เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ชนบทอันห่างไกลในประเทศจีน
กับเด็กหญิงวัย 9 ขวบคนหนึ่งในครอบครัวชาวนา
เรารู้จักเธอในชื่อน้องเหลาหยาง (Wan Lao Yang)

หากใครได้เห็นหน้าของเธอ จะต้องตกใจกับสภาพที่ดูแล้วรับได้ยากเหลือเกิน


คือมีเนื้องอกบนใบหน้าของเธออยู่ตรงบริเวณกลางหน้าแถวๆจมูก และลามไปยังตาซ้ายของเธอด้วย

ซ้ำเนื้อร้ายนั้นก็อักเสบและส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ครอบครัวของเธอพาเธอไปรักษาในแถบใกล้เคียง
ก็ไม่ดีขึ้น

จนสุดท้ายต้องพึ่งสมุนไพร ซึ่งก็ทำได้เพียงชะลออาการไว้ได้บ้างเท่านั้น


โรคที่เธอเป็นนั้น เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม ชื่อว่า Xeroderma pigmentosum หรือ XP
(ในโลกนี้ มีคนมีอาการแบบนี้ประมาณ 1,000 คน)


พูดง่ายๆก็คือเมื่อผิวหนังโดนแสงแดด มันไม่สามารถป้องกันรักษาตัวเองได้
(ประมาณว่าไวกว่าคนทั่วไปเป็นพันๆเท่า)
คือเหมือนมันแย่ไปเลยน่ะ เนื้อตรงนั้นก็จะตายด้วย


คุณหมอใจดีจากประเทศอังกฤษท่านหนึ่ง
เข้ามายื่นมือช่วยเหลือเธอ ด้วยการหาชุดป้องกันรังสี UV ให้(ได้รับอนุเคราะห์จาก NASA)

และหาทางพาเธอไปรักษาต่อที่เซี่ยงไฮ้ ขณะนั้นตาซ้ายของเธอมองไม่เห็นมาสองเดือนเห็นจะได้
คุณหมอดูเป็นห่วงความรู้สึกของเธอมากๆ
เขาพยายามหาสิ่งที่จะอำพรางใบหน้าเธอให้พ้นจากสายตาผู้คน พร้อมทั้งป้องกันแสงแดดให้เธอด้วย


ดูเธอเป็นเด็กร่าเริง และมีใจเข้มแข็งมากๆ เธออยากจะกลับไปเรียนพร้อมกับเพื่อนๆได้อีกครั้งเหลือเกิน
(เราที่ดูอยู่ก็ภาวนาขอให้เธอหายดีไวๆ)

คุณพ่อของเธอเดินทางไปเซี่ยงไฮ้กับเธอด้วย
ส่วนคุณแม่ไปไม่ได้เพราะต้องดูแลบ้านและ
น้องๆอีกสองคน


วันเดินทาง ทุกคนในหมู่บ้านล้วนมาส่งและเป็นกำลังใจให้เธอ



หลังจากการทดสอบชิ้นเนื้อของน้อง ก็พบว่าต้องรีบผ่าตัดโดยเร็ว ซึ่งก็คงทำให้หน้าน้องเสียโฉมไป แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อรักษาชีวิตของน้องเค้าไว้

การผ่าตัดครั้งแรกใช้เวลาทั้งคืน และได้นำเนื้อจากหน้าท้องของน้องมาแปะบนใบหน้าน้อง โชคไม่ดี ที่ไม่กี่วันต่อมา ผิวหนังตรงนั้นค่อยๆกลายเป็นสีน้ำตาล(เลือดไม่ไปเลี้ยง) เลยต้องผ่าตัดเอาเนื้อจากต้นขามาแปะอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้อาการดีขึ้น

เหลาหยางอยู่ที่รพ.ประมาณ 2 เดือน จึงเดินทางกลับบ้านเกิดกับพ่อ สภาพใบหน้าของเธอทำให้ทางครอบครัวปรึกษากันว่าจะให้คนอื่นมาเห็นดีหรือไม่


เนื่องจากตาซ้ายน้องเหลาหยางก็หายไปแล้วพร้อมๆกับส่วนที่เป็นจมูก แต่เรื่องนี้การศัลยกรรมก็จะช่วยน้องเค้าได้


เหลาหยางกลับมาคราวนี้ ก็ได้ไปโรงเรียนสมใจแล้ว โดยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่มาติดแผ่นกันรังสีให้
ภายในห้องเรียน





หลังจากนั้นไม่นาน กลับมีข่าวแจ้งมาว่า จากการตรวจครั้งล่าสุด เธอมีอาการติดเชื้อที่ปอดแล้ว
(คือรักษาช้าไป เชื้อมันลามไปเกินเยียวยาแล้ว)


และในที่สุดน้องเหลาหยางก็เสียชีวิตอย่างสงบท่ามกลางครอบครัวที่เธอรักในบ้านเกิดของเธอ เมื่อ 26 มิ.ย. 2006 (เกือบๆ 1 ปีที่ผ่านมา)


อยากให้ทุกคนได้เห็นภาพ แต่ไม่รู้จะทำยังไง หาข้อมูลทางเนทก็เจอแค่รูปเดียว แต่ก็ไม่อยากเอามาลงไว้
ถ้าใครอยากเห็นก็ลองหาดูนะ


แล้วจะรู้ว่าน้องเค้าสู้ชีวิตและยิ้มกับมันแค่ไหน
เมื่อไหร่ที่สิ้นหวัง ท้อใจ นึกถึงน้องเค้า
เราว่าได้แรงฮึดอีกโขเลยแหละ



ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
//www.wikipedia.org

ดูรูปได้ที่
//www.rdfrights.com/programme.aspx?id=2543


หรือหาคำว่า wan lao yang ค่ะ
(คือภาพน้องเค้าน่าสงสารมากๆ จนอาจรับไม่ได้นะ
แต่มีแค่รูปเดียว คงต้องรอให้เค้ารีรันสารคดีน่ะ ถ้าอยากจะดู แต่รับรองถึงจะง่วง ก็ต้องถ่างตาดูจนจบ)


เราลงน้องเหลาหยางนี้ไว้ตั้งแต่ 9 มี.ค.50 ในmy space น่ะค่ะ เพราะช่วงต้นๆมี.ค.เข้าบล็อคแทบไม่ได้เลยค่ะ

ปล. พี่สาวไกด์ขา ขอโทษพี่ด้วย คือหนูยังไม่ได้จัดส่งหนังสือมาโอคืนพี่เลยค่ะ พักนี้วุ่นกับชีวิตมากๆค่ะ คงเป็นอาทิตย์หน้านะคะ ขอโทษพี่มา ณ ที่นี้ค่ะ


Create Date : 16 มีนาคม 2550
Last Update : 16 มีนาคม 2550 21:26:33 น. 2 comments
Counter : 577 Pageviews.

 
อ่านแล้วก็สุดยอดแห่งชีวิตจริง ๆนะค่ะ ... เหมือนกับเคยอ่านเรื่องของ
ไล่ตงจิ้นเลยอ่ะคะ คนเราอะไรจะมีเรื่องทุกข์ซ้ำกรรมซัดได้มากมายขนาดนี้
ขนาดประมาณเล่นเอาเถิดกันได้ จนเราอ่านเองยังน้ำตาตกเลย แต่ว่าสารคดี
ที่เล่าข้างบนเห็นภาพด้วย คาดว่าความรู้สึกในการดูคงเป็นเรื่องหนักหนาพอควร
เลยค่ะ (แต่ก็คงไม่มากกว่าความเป็นจริงที่เหลายางเจอหรอกค่ะ)


โดย: JewNid วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:0:12:57 น.  

 
RIP ให้น้องเค้า...


โดย: merveillesxx วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:20:52:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

quin toki
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




everything has a begining , has an end.

link to my thought
~~*http://pompom67.bloggang.com*~~




บล็อกน้อยอิเหละเขะขะ
เก็บ+กระจุกของไว้สารพัด
สารบัญก็ไม่มีให้กดง่ายๆ ขออภัยด้วยเน้อ




เคยมีคนบอกกับเราว่า
ถ้าเราไม่ได้ดูหนัง
คงหายใจไม่ออกสินะ

...
ขาดหนัง
ก็ขาดใจ
(ไอ้บ้าเอ๊ย!)

เข้าใจพูดนะเนี่ย
>_<








นิตยสารดีโอ DE.O. Magazine E-Book

issue 6

L.O.V.E.







คุณป้าสุวคนธ์ ไม้แดง

และหมาแมวจรนับร้อย

ที่กำแพงเพชร



เล่นกับแกรี่ได้นะจ๊ะ (แต่แกรี่ตัวนี้ไม่มีเขี้ยวเท่านั้นแหละ)
Friends' blogs
[Add quin toki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.